ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 382 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7621 - 7640 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7621 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลีเป็นการชั่วคราว (นายอาคิเล เบนาซโซ) | กต. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี ของ นายอาคิเล เบนาซโซ (Mr. Achille Benazzo)
ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7622 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ขอถอนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) ได้แก่
โครงการทางรถไฟเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องทางจราจร
(ระยะที่ ) ๒ ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. ร่างรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๓ ๓. โครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(Floating Storage and
Regasification Unit : FSRU) พื้นที่อ่าวไทยตอนบนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๕. โครงการท่าเทียบเรือ FSRU ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๖. โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่สายทางเลี่ยงเมืองพนัสนิคม
ของกรมทางหลวง ๗. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกที่
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ของกรมทางหลวง ๘. โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย ของกองบัญชาการกองทัพไทย ๙. โครงการจัดตั้งวัดบ้านห้วยน้ำผัก
(ที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร) ของที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร ๑๐.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง
โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ของกรมชลประทาน ๑๑.
การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล ๑๒.
การปรับปรุงมาตรฐานการระบายค่าควันดำจากรถยนต์ใช้งานที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7623 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 36/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๖/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน
(One Stop Service) โดยเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นภายในสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
และเห็นชอบให้จังหวัดนครพนม จังหวัดตรัง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอุบลราชธานี
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๖๕๓
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7624 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 10/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณายุติการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7625 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 6) | สธ. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๖) เพื่อเป็นการเพิ่มรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลและช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ได้อย่างทันท่วงที ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนพร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7626 | ขอความเห็นชอบต่อการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อขยายระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | กต. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อขยายระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Memorandum
of Understanding on the Project on the Development of Shrimp
Culture in Rakhine State between the Government of the Kingdom of Thailand and
the Government of the Republic of the Union of Myanmar) โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
โดยการจัดทำร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
ตามกรอบของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่
ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมาฉบับเดิมที่สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
โดยขยายระยะเวลาออกไปอีก ๓ ปี (๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓-๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๖)
และรับรองการมีผลย้อนหลังของการขยายระยะเวลาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณากำหนดแนวทางหรือกลไกในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับและติดตามการดำเนินการตามกรอบความร่วมมือต่าง
ๆ ที่ราชอาณาจักรไทยได้จัดทำไว้กับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศให้ชัดเจน
เป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือนั้น ๆ บรรลุผลและเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
รวมทั้งควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7627 | ขออนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง | คค. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง จากเดิม
๕๕,๙๒๗
ล้านบาท เป็น ๕๖,๐๔๗.๓๗ ล้านบาท (เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๒๐.๓๗
ล้านบาท)
โดยปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณภายใต้แผนงานบูรณาการการพัฒนาการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รายการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ช่วงกิโลเมตร ๓๘+๕๐๐.๐๐๐-กิโลเมตร ๔๔+๒๖๖.๘๓๓ ตอน ๑๒
จากเดิม จำนวน ๑,๙๑๑.๑๑ ล้านบาท เป็น จำนวน ๒,๐๓๑.๔๘ ล้านบาท (เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๒๐.๓๗ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง ครบถ้วน
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินการก่อสร้างงานโยธา
รวมถึงงานติดตั้งระบบต่าง ๆ อาทิ ระบบเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมการจราจร
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่โครงการฯ
ให้ภาคเอกชนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ตามกำหนดสัญญาการร่วมลงทุนภายในเดือนตุลาคม
๒๕๖๖
เพื่อให้โครงการสามารถเปิดให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนได้ทันตามแผนการดำเนินงานภายในปี
๒๕๖๗ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7628 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร.05 | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองสำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7629 | โครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan | กค. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7630 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๙๗๙ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น
๑๐๑,๑๗๕.๖ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๙
รายการ วงเงิน ๑๙,๙๙๙.๑ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๔.
เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่เป็นรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง
ราคากลาง
และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างงแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้
รวมทั้งจัดทำรายงานสถานการณ์ดำเนินงานรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันใหม่เมื่อสิ้นไตรมาสที่
๑ ต่อสำนักงบประมาณด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7631 | ร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๙-๒๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ (Endorsement) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะ Ad-referendum หรือในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๖
ตามความเหมาะสม และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง
(Adoption) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ ตามลำดับ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น แสดงความมุ่งมั่นของอาเซียนตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส
แสดงความห่วงกังวลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และผลกระทบทางลบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เน้นย้ำความสำคัญของการประเมินและทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานในระยะก่อนปี ค.ศ.
๒๐๒๐ และเน้นย้ำบทบาทนำของประเทศพัฒนาแล้วในการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก
เร่งรัดกลไกทางการเงินภายใต้กรอบอนุสัญญา
ให้ความสำคัญกับประเด็นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7632 | ขอความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน พ.ศ. 2564–2568 (ASEAN Gender Mainstreaming Strategic Framework 2021-2025) | พม. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรีของประเทศไทยมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025)
ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียนพ.ศ.
๒๕๖๔–๒๕๖๘
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7633 | การร่วมรับรองเอกสารกรอบความร่วมมืออาเซียนด้านการสร้างความเข้มแข็งของนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ (ASEAN Collaboration Framework towards Strengthening Evidence-Based MSME Policies) | นร.53 | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการร่วมรับรองเอกสารกรอบความร่วมมืออาเซียนด้านการสร้างความเข้มแข็งของนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ (ASEAN
Collaboration Framework towards Strengthening Evidence-Based
MSME Policies) โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
(AEC Council) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสาร
ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญ
คือ เป็นกรอบความร่วมมือที่กำหนดวัตถุประสงค์ ขอบเขต
และเสนอแผนปฏิบัติการเพื่อแนะนำประเทศสมาชิกอาเซียนในการเก็บข้อมูลของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้มแข็งของกลไกในการเก็บข้อมูลทางธุรกิจของผู้ประกอบการและการยกระดับขีดความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวแก่ประเทศสมาชิกอาเซียน
สร้างความทันสมัยให้แก่ระบบการจดทะเบียนธุรกิจด้วยการนำเลขทะเบียนนิติบุคคลเดียวมาใช้ร่วมกันทั้งสิบประเทศสมาชิก
และอำนวยความสะดวกแก่การค้าภายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นต้น ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารกรอบความร่วมมืออาเซียนด้านการสร้างความเข้มแข็งของนโยบายส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7634 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคฯ ครั้งที่ 3/2564 | กต. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้อง
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยมีเป้าหมายให้การเตรียมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและติดตามความคืบหน้าต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ซึ่งมีภารกิจหลักในการขับเคลื่อน Ease
of Doing Business และความโปร่งใสของส่วนราชการ โดยพิจารณาถึงแนวทางขับเคลื่อนในประเด็นดังกล่าวภายหลังธนาคารโลกแจ้งยกเลิกการจัดทำรายงานความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ
(Doing Business) เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ผ่านมา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7635 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายพิพัฒน์ชัย ภัครัชตานนท์) | กค. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพิพัฒน์ชัย ภัครัชตานนท์ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒
ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7636 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | คค. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่
อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลคลองควาย ตำบลบางเตย ตำบลสามโคก ตำบลบ้านปทุม และตำบลเชียงรากใหญ่
อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒๑๔ สายบางเตย-คลองเจ็ด ตอน
บางเตย-บ้านพร้าว จังหวัดปทุมธานี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดอุทกภัย
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและบูรณาการแผนการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่อำเภอสามโคกและพื้นที่ใกล้เคียง
รวมทั้งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัดต่อไป
และพิจารณาความสอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและต้องมีผลเป็นการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งต้องสร้างระบบการระบายน้ำที่เพียงพอต่อการขยายตัวของชุมชนหรือเมืองในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีก
๑๐-๑๕ ปี ข้างหน้าไปพร้อมกันด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7637 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรนครพนม) | กค. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรนครพนม) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ๒๕๖๐
เนื่องจากด่านศุลกากรนครพนมได้ย้ายสถานที่ปฏิบัติราชการไปสถานที่แห่งใหม่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยให้กรมศุลกากรแจ้งให้ภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงการย้ายสถานที่ปฏิบัติราชการด่านศุลกากรนครพนม
และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดำเนินการผ่านช่องทางนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิอภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7638 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2557 และรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2558 | ยธ. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติดประจำปี
พ.ศ. ๒๕๕๗ และรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ในการปราบปรามยาเสพติดประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญประกอบด้วย
ความเป็นมา อำนาจหน้าที่ และการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปฏิบัติงาน
การกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติงานเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รายงานผลการปฏิบัติงาน
ผลการจับกุมคดียาเสพติด ภาพรวมประเทศ ประจำปี ๒๕๕๗ และประจำปี ๒๕๕๘
และยังมีนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๗ และแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
ประจำปี ๒๕๕๘ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒.
เห็นชอบให้นำข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังเป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
และนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7639 | แนวทางในการปฏิบัติราชการตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) [เรื่อง การแต่งตั้งนายกสภาสถาบันการอาชีวศึกษา (เรื่องเสร็จที่ 1139/2564)] | นร.09 | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7640 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษามาตรการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรณีศึกษา การบริหารจัดการจราจรโดยใช้ระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport System : ITS) ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษามาตรการแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
กรณีศึกษา การบริหารจัดการจราจรโดยใช้ระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transport System : ITS) ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปผลการพิจารณาได้ว่า
ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการที่มีความสอดคล้องกับแนวทางตามรายงานการพิจารณาศึกษาดังกล่าวแล้ว
และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการ เช่น ควรพิจารณาใช้งานโครงข่ายส่วนตัว (Private
Network) ในการเชื่อมโยงระบบที่ใช้งานร่วมกับระบบจราจรและขนส่งอัจฉริยะ (ITS)
เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงระบบดังกล่าวได้
การจัดเตรียมศูนย์บริหารจัดการให้มีขนาดเพียงพอกับการบูรณาการระบบอื่นที่เกี่ยวข้องแบบรวมศูนย์
ควรเร่งผลักดันการใช้ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับรถ
รวมทั้งพัฒนาระบบตัดคะแนนความประพฤติของผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถ
และจัดทำมาตรการทางภาษี มาตรการส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|