ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1930 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 38581 - 38600 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
38581 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง "การพัฒนาการท่องเที่ยวแนวใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย" | สสป | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอของ สภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การพัฒนาการท่องเที่ยวแนวใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย" สรุปได้ ดังนี้ 1.1 ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องสร้างรูปแบบการท่องเที่ยวแบบสร้างเสริม ประสบการณ์ตามวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นในลักษณะที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีพหรือประกอบกิจ กรรมจริงของชุมชน โดยให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสเป็นเจ้าของกิจกรรมจริงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และให้ความสำคัญ กับการศึกษาทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการท่องเที่ยว แนวโน้มทางการตลาดท่องเที่ยว กระแส การท่องเที่ยวโลก และความคาดหวังของนักท่องเที่ยว เพื่อนำมาปรับและพัฒนาตัวสินค้า การบริการ และวิธี การทำการตลาดให้สอดรับซึ่งกันและกัน รวมทั้งสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าการท่องเที่ยวใหม่ ๆ 1.2 มาตรการสนับสนุนคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติควรเร่งดำเนินงานในส่วน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ 1.2.1 การกำหนด "จุดขายหลัก" ทางการท่องเที่ยวของไทยเพียงหนึ่งเดียว 1.2.2 การนำจุดเด่นของเหตุการณ์ สถานที่ กิจกรรม พฤติกรรมคนไทย รวมทั้งวัฒนธรรม ของประชากรภายในประเทศ ความเชียวชาญด้านคุณภาพการบริการ และความหลากหลายของกิจกรรมการ ท่องเที่ยวมาเป็นข้อมูลในการเสนอขายการท่องเที่ยว 1.2.3 กำหนดแนวทางในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ในแต่ละปี 1.2.4 เร่งสร้างจิตสำนึกและค่านิยมในความเป็นไทย 1.2.5 จัดหลักสูตรอบรมด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้บริหารท้องถิ่น 1.2.6 การดำเนินการด้านกลยุทธ์การท่องเที่ยว โดยใช้กลยุทธ์ด้านราคา และความคุ้มค่า ของเงินเป็นตัวนำสำหรับแก้ปัญหาด้านวิกฤตเศรษฐกิจ 1.2.7 เร่งรัดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง วัฒนธรรม สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจาก หน่วยงานอื่น ๆ ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการพัฒนา ชุมชน
|
||||||||||||||||||||||||
38582 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ รวม 6 ฉบับ (โอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. ....) | พศ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุง เทพมหานคร ของวัดคู้บอน ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้าง กลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
38583 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ รวม 6 ฉบับ (โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....) | พศ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุง เทพมหานคร ของวัดคู้บอน ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้าง กลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
38584 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤษภาคม 2552 | อก | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม
ประจำเดือนพฤษภาคม 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แนวโน้มการผลิตในระยะ 2-3 เดือนถัดไปยังคงทรงตัวหรือ ติดลบเล็กน้อย รวมถึงการส่งออกสิ่งทอที่เป็นผ้าผืน สำหรับการจำหน่ายโดยเฉพาะกลุ่มเคหะสิ่งทอ ด้าย และ เส้นใยประดิษฐ์ยังมีศักยภาพในการส่งออก 2. อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ยังคงมีโอกาสขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น โดยประเทศที่มีความน่าสนใจที่ จะทำการขยายตลาดส่งออกปูนซีเมนต์ ได้แก่ บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และลาว เป็นต้น 3. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวลดลงร้อยละ 21.26 โดยการปรับตัวลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลงเช่นกัน จากการ ปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรม HDD และชิ้นส่วน IC ซึ่งจะปรับตัวลดลงร้อยละ 4.64 และ 24.85 เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
38585 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ รวม 6 ฉบับ (โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. ....) | พศ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุง เทพมหานคร ของวัดคู้บอน ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้าง กลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
38586 | การดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว (การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน) | คค | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อ
ฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว (การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน) สรุปได้ดังนี้ 1. กรมการขนส่งทางอากาศ ได้ออกประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2552 ขยาย เวลาการลดค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน รวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน ณ สนามบินที่อยู่ใน ความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางอากาศ ร้อยละห้าสิบ (50%) ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 2. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้แก่ 2.1 เที่ยวบินแบบประจำ โดยการลดค่าธรรเนียมการขึ้นลงของอากาศยาน คณะกรรมการ ทอท. ใน การประชุมครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2552 มีมติอนุมัติให้ลดอัตราค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศ ยาน จากเดิมในอัตราร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน คณะกรรมการ ทอท. ในการ ประชุม ครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2552 มีมติอนุมัติให้ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศ ยานสำหรับอากาศยานที่จอดไม่เกิน 24 ชั่วโมง จากกำหนดสิ้นสุดเดิมในวันที่ 30 กันยายน 2552 เวลา 24.00 น. เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 2.2 เที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำระหว่างประเทศ ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยาน และ ค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานให้แก่สายการบินซึ่งทำการบินขึ้น-ลง ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศ ยานภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานเชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ในอัตรา ร้อยละ 50 มีกำหนดระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2553
|
||||||||||||||||||||||||
38587 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ รวม 6 ฉบับ (โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. ....) | พศ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจำนวน 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแก้วพิจิตร ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง ปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่ตำบลบางปลากด อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ให้แก่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. .... 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 4 ฉบับ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 2.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุง เทพมหานคร ของวัดคู้บอน ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... 2.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดทุ่งสว่าง ตำบลวังใหญ่ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... 2.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ในท้องที่แขวงสีกัน และแขวงตลาดบางเขน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวัดดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ให้แก่กรุงเทพ มหานคร พ.ศ. .... 2.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเทพกุญชร ตำบลช้างกลาง กิ่งอำเภอช้าง กลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
38588 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก เป็นทางน้ำ
ชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนด ให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำป่าสัก จากกิโลเมตรที่ 0.000 ด้านเหนือของเขื่อนพระราม 6 ในท้องที่ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ 108.000 จรดเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฝั่ง ขวา ในท้องที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี และฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลคำพราน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38589 | แผนฟื้นฟูธุรกิจของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วนของบริษัท การบิน
ไทย จำกัด (มหาชน) ดังนี้ 1. การรักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ : บริษัท ฯ มุ่งรักษาและเพิ่มคุณภาพรายได้ในปี พ.ศ. 2552 ให้มี ระดับใกล้เคียงกับปี พ.ศ. 2551 โดยดำเนินการ 3 ด้าน คือ ด้านราคา ด้านผลิตภัณฑ์ และด้านผลิตภัณฑ์เสริม 2. การควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน : ปี พ.ศ. 2552 บริษัท ฯ มีเป้าหมายปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ต้น ทุนน้ำมันและค่าเสื่อมราคา เช่น ด้านปฏิบัติการการบิน ด้านปฏิบัติการภาคพื้น ด้านการขายและการตลาด ด้าน การซ่อมบำรุงอากาศยาน ด้านบุคลากร เป็นต้น ประมาณ 10,000 ล้านบาท (ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับค่า ใช้จ่ายในปี พ.ศ. 2551) และรักษาระดับค่าใช้จ่ายให้คงที่ไปอีกอย่างน้อย 2 ปี รวมทั้งปรับลดการลงทุนที่ไม่เร่งด่วน ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางตรงต่อธุรกิจประมาณ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ การปรับลดการลงทุนที่ไม่เร่งด่วนและไม่ใช่ ธุรกิจหลักประมาณ 2,500 ล้านบาท เช่น โครงการขยายโรงซ่อม B747-400 จำนวน 1,000 ล้านบาท โครงการ สร้างศูนย์ดัดแปลงเครื่องบินขนส่งสินค้าจำนวน 236 ล้านบาท และขายสินทรัพย์ที่ไม่จำเป็นจำนวน 1,000 ล้าน บาท 3. การดูแลสภาพคล่องทางการเงิน : บริษัท ฯ มีแนวทางเพิ่มการสำรองสภาพคล่องทางการเงินให้เหมาะ สมกับกระแสเงินสดอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท และปรับโครงสร้างเงินกู้จากระยะสั้นเป็นระยะยาว 4. ประมาณการทางการเงินตามแผนฟื้นฟูธุรกิจระยะเร่งด่วน : บริษัท ฯ ตั้งเป้าหมายว่าในปี พ.ศ. 2552- พ.ศ. 2554 จะสามารถยกระดับความสามารถในการทำกำไร EBITDA ได้สูงสุดประมาณ 38,813 ล้านบาท 45,136 ล้านบาท และ 46,201 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัท ฯ ได้วิเคราะห์ความอ่อนไหวหากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อย่างมาก พบว่าจะทำกำไร EBITDA ได้ในปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 ประมาณ 33,856 ล้านบาท 38,185 ล้าน บาท และ 38,816 ล้านบาท ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||
38590 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะ
โต๊ะ จังหวัดชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนด เขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่ตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
38591 | รายงานสรุปผลการเยือนราชอาณาจักรบาร์เรนอย่างเป็นทางการ (ระหว่างวันที่ 13 - 15 มิถุนายน 2552) | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอรายงานสรุปผลการเยือนราชอาณา
จักรบาห์เรนอย่างเป็นทางการของประธานผู้แทนการค้าไทย ระหว่างวันที่ 13-15 มิถุนายน 2552 ตามคำเชิญ ของรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและพาณิชย์บาห์เรน โดยมีวัตถุประสงค์ของการเยือน ดังนี้ 1. ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย โดยการผลักดันการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในบาห์เรน (Thailand Distribution Centre) ไม่ว่าจะเป็นข้าว ปูนซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง โดยบาห์เรนสามารถมีบทบาทเป็นคลังสินค้า เพื่อประกันความมั่นคงด้านอาหารสำหรับภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งได้รวมตัวกันเป็นสหภาพศุลกากร และไม่มี กำแพงภาษีระหว่างกัน หากจัดตั้งได้สำเร็จก็จะเป็นตลาดส่งออกใหญ่แห่งหนึ่งของไทย รวมทั้งในการจัดตั้งศูนย์ กระจายสินค้าดังกล่าวฝ่ายเอกชนบาห์เรนซึ่งมีเครือข่ายกับผู้บริโภคจะมีบทบาทสำคัญในการกระจายสินค้าด้วย 2. เชิญชวนให้กองทุนของรัฐและภาคเอกชนมาลงทุนในไทยและใช้บริการธุรกิจไทยไม่ว่าจะเป็นตลาด หุ้น โรงแรม สปา ธุรกิจโรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (mega-pro jects) ต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ (Southern Seaboard) อาทิ การสร้างถนน ท่อส่งก๊าซและ ท่อส่งน้ำมัน เป็นต้น 3. ประชาสัมพันธ์ความเชี่ยวชาญของสถาปนิกและวิศวกรไทยในการพัฒนาพื้นที่ หรือการสร้างนิคม อุตสาหกรรม โดยไทยสามารถร่วมมือในโครงการพัฒนาต่าง ๆ ของบาห์เรน
|
||||||||||||||||||||||||
38592 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการและสนับสนุนการเป็นเจ้าของธุรกิจไทย" | สสป | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการส่งเสริมผู้ประกอบการและสนับสนุนการเป็นเจ้าของธุรกิจไทย" สรุปได้ ดังนี้ 1.1 ภาพรวมการพัฒนา 1.1.1 กำหนดนโยบายการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ให้มีเอกภาพ เป็นการทำงานแบบ บูรณาการเบ็ดเสร็จ โดยการจัดตั้งหน่วยงานกลางบริหารงานเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพียงองค์กรเดียว เพื่อเชื่อมโยงบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ ทุกกรมที่เกี่ยวข้อง และทุกด้านของ การพัฒนาเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกัน รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมและพัฒนาด้านองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ ให้กับผู้ ประกอบการ SMEs อย่างจริงจัง 1.1.2 ปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยงานที่มีอยู่แล้วให้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม 1.1.3 ส่งเสริมและสร้างค่านิยมให้คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษาเพื่อให้เกิดแนวคิดและ เห็นคุณค่าของการเป็นเจ้าของธุรกิจโดยเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นต้นไป 1.2 การพัฒนาผู้ประกอบการ อาทิ 1.2.1 สร้างโครงการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรของอาชีพอิสระที่มีอนาคตให้ผู้ที่สนใจได้เลือก และสามารถนำไปประกอบธุรกิจได้จริง 1.2.2 จัดตั้งทีมที่ปรึกษาธุรกิจทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษาด้านต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบการ SMEs อย่างใกล้ชิดและตรวจติดตามอย่างต่อเนื่องทุกระยะ 1.2.3 ส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายวิสาหกิจในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการ รวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 1.3 การพัฒนาตัวสินค้า บริการ และรูปแบบการบรรจุหีบห่อ อาทิ 1.3.1 กำหนดมาตรฐานสินค้าและบริการแต่ละประเภทโดยมีระบบการตรวจ ควบคุมคุณภาพ ที่โปร่งใสอย่างเข้มงวดเป็นที่ยอมรับและได้มาตรฐานสากล 1.3.2 ส่งเสริมการค้นคิด ริเริ่ม สร้างสรรค์โดยนำภูมิปัญญาหรือเอกลักษณ์ของชุมชนมาสร้าง มูลค่าให้กับตัวสินค้า รูปแบบการบรรจุหีบห่อ และบริการ โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่าง (Differentiation) หรือเอกลักษณ์ 1.3.3 ส่งเสริมให้รัฐและเอกชนช่วยประสานให้ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยมีโอกาสดำเนินธุรกิจกับผู้ ซื้อรายใหญ่ได้ 1.4 การสนับสนุนด้านทุน อาทิ 1.4.1 จัดหา ประสานงาน และอำนวยความสะดวกกับธนาคารที่มีความพร้อมในการสนับสนุน เงินทุน เป็นผู้ช่วยด้านจัดทำเอกสารการธนาคาร และการเข้าถึงแหล่งเงิน การบริหารการเงิน และการบริหาร ความเสี่ยงในการลงทุน โดยปรับปรุงขั้นตอนการเข้าถึงให้รวดเร็ว สะดวก และง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดทำเอกสาร รายละเอียดแหล่งเงินที่เหมาะสมในแต่ละธุรกิจ 1.4.2 สร้างมาตรการด้านภาษีให้มีเงื่อนไขหรือกลไกที่สามารถช่วยส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบ การอิสระและดำเนินการให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องโปร่งใสเป็นธรรม 1.4.3 ออกมาตรการด้านการเงินที่สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจ SMEs เป็นการเฉพาะ 1.5 การส่งเสริมด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ อาทิ 1.5.1 ส่งเสริมให้เอกชนมีการสร้างตราสินค้า (Brand) ที่เข้มแข็ง และมีคุณภาพเป็นของตนเอง เพื่อสามารถส่งออกไปสู่ตลาดระดับต่างประเทศ 1.5.2 สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งมีความสนใจในสินค้าและประเภทให้เป็นผู้แทนนำ สินค้าไปเสนอขายยังต่างประเทศโครงข่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
38593 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ "ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ" | สสป | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการภาครัฐ" โดยมีความเห็น และข้อเสนอแนะเกี่ยวกับธรรมาภิบาลด้านการเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตย ธรรมาภิบาลด้านการกระจาย อำนาจสู่ท้องถิ่น ธรรมาภิบาลด้านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ธรรมาภิบาลด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และธรรมาภิบาลด้านกฎหมายและการบริหารบ้านเมืองที่ดี สรุปได้ดังนี้ 1.1 ควรยึดกรอบการบริหารบ้านเมืองที่ดีตามแนวทางรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีฐาน คิดธรรมาภิบาลชุมชน โดยเน้นการปรับโครงสร้างทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ปฏิรูปกฎหมาย เพื่อคุ้มครอง ส่งเสริมสิทธิประชาชนและชุมชนในการพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ 1.2 สร้างธรรมาภิบาลจากความร่วมมือของภาคต่าง ๆ ในสังคม 1.3 มุ่งเน้นประสิทธิผลของการบริหารบ้านเมืองที่ดี เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน การสร้างวัฒนธรรม ประชาธิปไตยทั้งแบบมีส่วนร่วมและแบบทางตรงให้มากยิ่งขึ้น 1.4 แก้ไขกฎหมายตามรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อให้เกิดความ อิสระและสามารถดำเนินการตามเจตจำนงของชุมชนท้องถิ่น 1.5 แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งหมดให้กระจาย สู่ท้องถิ่นและรองรับสิทธิมนุษยชนต่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างแท้จริง 1.6 ส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการจัดทำแผนพัฒนา ชุมชนทั้งระบบหมู่บ้าน ตำบล และระหว่างตำบลอย่างบูรณาการ และเป็นอิสระสอดคล้องกับสภาพปัญหา เจต จำนง และต้นทุนทางสังคมของท้องถิ่นนั้น ๆ 1.7 พัฒนากลไกขององค์กรที่รองรับบทบัญญัติ เรื่อง สิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการบังคับให้ต้องมีการศึกษาและประเมินผลกระทบ ต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน รวมทั้งจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ก่อนการดำเนินโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง 1.8 พัฒนากลไกขององค์กรที่จะรองรับในแนวนโยบายแห่งรัฐด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนตาม มาตรา 87 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ระบุว่ารัฐต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมในกระบวนการกำหนด นโยบาย การวางแผน การตัดสินใจทางการเมือง การทำบริการสาธารณะ การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และ การจัดให้มีกฎหมายจัดตั้งกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองเพื่อช่วยเหลือการดำเนินกิจกรรมสาธารณะของชุม ชนและกลุ่มประชาชน 1.9 ยกเลิกประกาศและพื้นที่เป้าหมายที่จะประกาศหมู่เกาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อ.พ.ท.) ให้ กลับไปดำเนินการบริหารจัดการที่ดินบนหมู่เกาะท่องเที่ยวตามกระบวนการที่มีประชาชนมีส่วนร่วม 1.10 ให้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำมีทิศทางในการสร้างความสมดุลระหว่างทุนทางเศรษฐกิจ ทุน ทางสังคมและทุนทางสิ่งแวดล้อม โดยเน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันระหว่างภาครัฐ ภารธุรกิจ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การจัดสรรน้ำที่เป็นธรรม มีประสิทธิภาพ และสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน 1.11 แก้ไขกฎหมายป่าไม้ทั้งหมดเพื่อรองรับสิทธิชุมชนในการจัดการป่าอย่างยั่งยืน ตามแนวทางรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 66 และมาตรา 67 1.12 นำพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มาใช้ ให้เกิดการปฏิบัติจริงในองค์กร และหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการกำหนดการบริหารบ้านเมืองที่ดีจากความร่วมมือ ระหว่างรัฐกับภาคีสังคมต่าง ๆ และส่งเสริมสิทธิชุมชนต่อการพัฒนาตนเองและการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุก ระดับ 1.13 ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เป็นรูปธรรม โดยเน้นการมีกฎหมายที่สนับสนุนและรับ รองให้ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพ รวมทั้งมีศักยภาพในการรวมกลุ่มเป็นองค์กรประชาชนที่มีความชอบธรรมในการ พัฒนานโยบายสาธารณะและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่อนโยบายและโครงการใด ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในระดับท้องถิ่น และประเทศชาติ 1.14 ต้องมีมาตรการผลักดันและจูงใจ รวมถึงบทกำหนดโทษเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบในระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและสังคมแบบมีส่วน ร่วม 1.15 เร่งรัดการตรากฎหมายตามรัฐธรรมนูญ เช่น องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม และสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ให้เป็นไปตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ เพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงตามเจตนา รมณ์ของรัฐธรรมนูญ 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา รวมทั้งผลการดำเนินการของสำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราช การที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
38594 | ของงบกลางเพื่อเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของโรคไข้หวัดในสุกร | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการติดตามเฝ้าระวังโรคไข้หวัดสุกรในประเทศไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเฝ้าระวังและ ประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดสุกร ระยะเวลาดำเนินการ ระหว่างวันที่ 27 เมษายน-30 พฤษภาคม 2552 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้อง กันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่เสนอ 2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ดำเนินงานโครงการดังกล่าวในวงเงิน 15,327,000 บาท โดยให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38595 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่างานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 418 สาย บ้านคลองขุด - บ้านท่าสาป ตอน 1 (รวมทางแยกเข้าดอนยาง) | คค | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขอเพิ่มวงเงินค่างานก่อสร้าง
ทางหลวงหมายเลข 418 สาย บ้านคลองขุด-บ้านท่าสาป ตอน 1 (รวมทางแยกเข้าดอนยาง) โดยให้กรมทาง หลวงพิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบและวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะขอทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณ และหากกรมทางหลวงพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นค่าก่อสร้างดังกล่าว เห็นควรให้กรมทางหลวงพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมกับ แผนการก่อสร้างที่จะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
38596 | ผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะในรายการผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐบาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (Annual Inspection Report) | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตและข้อ
เสนอแนะในรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายของรัฐ บาล ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 (Annual Inspection Report) ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้ง กระทรวงและส่วนราชการต่าง ๆ พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1. การดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย 1.1 ภารกิจด้านคุณภาพชีวิตของส่วนราชการที่ถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 1.2 กลุ่มโครงการด้านการให้บริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน 1.3 กลุ่มโครงการเพื่อการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม 2. การดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการกระทรวง ประกอบด้วย 2.1 กลุ่มโครงการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน 2.2 กลุ่มโครงการเพื่อการขับเคลื่อนปรัชญาแนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียง 2.3 กลุ่มโครงการด้านการดูแลคุณภาพชีวิตผู้ด้อยโอกาส 2.4 กลุ่มโครงการเพื่อการป้องกัน ปราบปรามและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 2.5 กลุ่มโครงการเพื่อการป้องกันและควบคุมโรค
|
||||||||||||||||||||||||
38597 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์) | นร | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำ
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 มิถุนายน 2552) เป็นต้นไป ตามที่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
38598 | กองทุนเพื่อจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | กต | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสถานะของกองทุนเพื่อจัดตั้งระบบ
เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สรุปได้ดังนี้ สถานะการเงินของกองทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 กองทุนได้รับเงินบริจาครวมทั้งสิ้น 12.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกองทุนได้อนุมัติโครงการ แล้วจำนวน 11 โครงการ มูลค่า 9.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้กองทุนมีเงินคงเหลือประมาณ 3.5 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ซึ่งวงเงินที่กองทุนได้อนุมัติให้โครงการต่าง ๆ ครอบคลุมโครงการที่ได้รับอนุมัติจากกองทุนแต่ยังไม่ได้รับ โอนเงินจากคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for Asia and the Paciffic : ESCAP) จำนวน 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการที่ได้รับโอนเงินจากกองทุน แล้วแต่ยังไม่ได้นำไปดำเนินกิจกรรม จำนวน 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ESCAP ได้พิจารณาการเปลี่ยน ชื่อและขยายขอบเขตของกองทุน Tsunami Regional Trust Fund ให้ครอบคลุมภัยพิบัติธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งจะช่วย เพิ่มขีดความสามารถของระบบเตือนภัยพิบัติในภูมิภาคให้สูงยิ่งขึ้น และช่วยให้มีการบริจาคเงินสมทบเข้ากองทุน มากขึ้น โดยกำลังจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ (Strategic Plan) ของกองทุน และเอกสารสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการ เปลี่ยนชื่อและขยายขอบเขตของกองทุนเพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานไทยต่อไป ทั้งนี้ หน่วยงานไทย ที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาความเหมาะสมของการเปลี่ยนชื่อและขยายขอบเขตของกองทุนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
38599 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประดิษฐานภายในกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายงบประมาณในการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้า พี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 46,818,350 บาท และเงิน สมทบสนับสนุนการจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับบริจาคอีก จำนวน 2,000,000บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการขออนุญาตจัดสร้างพระราชานุสาวรีย์ดังกล่าวตามขั้นตอนโดย ให้ยื่นเรื่องแจ้งความประสงค์ขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรถึงอธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พร้อม ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์ แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 ก่อนที่กระทรวงวัฒนธรรมจะส่งเรื่องให้สำนักเลขาธิการ คณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
38600 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและการขจัดความยากจน ครั้งที่ 6 | พม | 30/06/2552 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการ
พัฒนาชนบทและการขจัดความยากจน ครั้งที่ 6 (The 6th Meeting of ASEAN Ministers on Rural Development and Poverty Eradication-the 6th AMRDPE Meeting) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 พฤษภาคม 2552 ณ กรุงฮา นอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และ คณะเข้าร่วมการประชุม ฯ สำหรับวัตถุประสงค์ของการประชุม ฯ เพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน และพิจารณาให้ ความเห็นชอบต่อแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการในระยะต่อไป ภายใต้กรอบการพัฒนาชนบทและการขจัดความ ยากจน ได้แก่ การมีผลบังคับใช้ของกฎบัตรอาเซียน การลงนามในปฏิญญาชะอำ-หัวหิน ว่าด้วยแผนงานสำหรับ ประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ. 2009-2015 (Roadmap for the ASEAN Community-2009-2015) การรับรองแผน งานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (the blueprint for the ASEAN Political-Security Com munity : APSC) แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (the ASEAN Socio-Cultural Communi ty : ASCC Blueprint) และแผนงานข้อริเริ่มเพื่อการร่วมตัวของอาเซียน ฉบับที่ 2 ค.ศ. 2009-2015 (the Initiative for ASEAN Integration Strategic Framework and Work Plan II) รวมถึงรับทราบแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรี อาเซียน ฯ ซึ่งเป็นการกำหนดท่าทีและทิศทางการดำเนินการของอาเซียนกรอบด้านการพัฒนาชนบทและการขจัด ความยากจนในช่วงระยะต่อไป
|
.....