ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1816 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36301 - 36320 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36301 | (ร่าง) แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2553 - 2555 (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 | สธ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2553-2555 (แผน ระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยสาระสำคัญของร่าง แผนฯ เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพร ที่มีระบบนิเวศตามธรรมชาติ หรือมีความหลากหลาย ทางชีวภาพ หรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมุนษย์ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ โดยมุ่งการสร้าง กระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างองค์กร ชุมชน และภาครัฐ ในการอนุรักษ์ สืบทอด และการบริหารจัดการสมุนไพรให้ เกิดความยั่งยืน และได้รับประโยชน์สูงสุด โดยกำหนดพื้นที่คุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ 4 แห่ง ได้แก่ พื้น ที่ป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี เขตอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ป่า เขาสลัดได อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 2. สำหรับกรอบวงเงินในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 2,105,000 บาท และปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 3,030,000 บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนา การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณ และได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป แต่เนื่อง จากแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ 4 แห่งดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ มาตรการ ตัว ชี้วัดที่ใกล้เคียงกัน และมีกิจกรรมการดำเนินงานที่ส่งผลให้เกิดความสำเร็จแตกต่างกัน จึงเห็นควรให้กรมพัฒนาการ แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกทบทวนแผนฯ โดยพิจารณากำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ มาตรการ ตัวชี้วัด และ แนวทางการดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีการนำองค์ความรู้เรื่องสมุนไพรและ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน และ/หรือหลักสูตรการเรียนการสอน และจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริม การมีส่วนร่วมของเยาวชนในการอนุรักษ์และคุ้มครองสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์ นอกจากนี้ ควรประสานความร่วม มือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขยายบทบาทการมีส่วนร่วมในการจัดการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และ ส่งเสริมการสร้างประชาคม สร้างเครือข่ายการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรร่วมกับชุมชนให้มากขึ้น รวมทั้งให้ ความสำคัญกับการจัดทำฐานข้อมูลทรัพยากรของท้องถิ่นชุมชน สร้างระบบการเรียนรู้ ถ่ายทอดยกระดับภูมิปัญญา ท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรร่วมกับความรู้สมัยใหม่ ตลอดจนร่วมกันกำหนดกติกา หลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรของชุมชนร่วมกันควบคู่กับการกำหนดมาตรการในการควบคุมกิจกรรมที่คุกคามทำลายระบบนิเวศน์ เพื่อให้เกิดการรักษาฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศน์อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
36302 | ขออนุมัติงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าชดเชยที่สาธารณประโยชน์ "ดอนหลักดำ" | มท | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ในฐานะต้นสังกัดขององค์การบริหารส่วน ตำบลบ้านโนนโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายที่ได้มีการกันเงินไว้ตามระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเบิกจ่าย เงินจากคลังเป็นลำดับแรก ก่อนโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณไปใช้เพื่อการอื่นหรือปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เพื่อเบิกจ่ายให้แก่ราษฎร จำนวน 3 ราย ที่ต้องออกจากที่สาธารณประโยชน์ "ดอนหลักดำ" จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโนนเข้าใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์ดัง กล่าวทับซ้อนกับราษฎร ในวงเงิน 731,250 บาท เป็นการเฉพาะราย 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่สาธารณประโยชน์ "ดอนหลักดำ" ต่อไปด้วย 3. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับกรณีที่ราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่สาธารณประโยชน์ โดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ได้รับความเดือดร้อนที่ต้องออกจากพื้นที่ เนื่องจากส่วนราชการเข้าใช้ประโยชน์ หากทางราชการให้การชดเชยหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อย้ายไปหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยใหม่จะทำ ให้การบุกรุกที่สาธารณประโยชน์มากขึ้น จึงควรกำหนดมาตรการการให้ความช่วยเหลือกรณีราษฎรเข้าครอบครองทำ ประโยชน์ในที่สาธารณประโยชน์ โดยอาศัยหลักการหรือกลไกในการแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณาการ ตามนโยบายของรัฐบาล ไปพิจารณา |
|||||||||||||||||||||
36303 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติรายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต 2 หลัง | ยธ | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักราชการ ขนาด 18 ยูนิต 2 หลัง ได้แก่ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัด นครศรีธรรมราช และจังหวัดสระบุรี แห่งละ 1 หลัง จากวงเงิน 33,520,000 บาท เป็นวงเงิน 33,849,150.42 บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยงบประมาณส่วนที่เพิ่มขึ้นจำนวน 329,151 บาท ให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชนพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
36304 | ขอให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมและฝึกอบรม | วท | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ 1.1 อนุมัติในหลักการให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติร่วมกับส่วน ราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมและการฝึกอบรม ดังนี้ 1.1.1 การประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop to Facilitate the Development and Dissemi nation of e-Learning Course on the Cyber Platform ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2553 ณ กรุงเทพมหานคร 1.1.2 การฝึกอบรมส่วนภูมิภาค Regional Training Course on Ventricular Function Evaluation with Gated Single Photon Emission Computed Tomography (SPECT) and Radionuclide Ventriculography (MUGA) ระหว่างวันที่ 17-21 พฤษภาคม 2553 ณ กรุงเทพมหานคร 1.1.3 การประชุม IAEA/RCA Executive Management Meeting on Improving Food Safety and Security Using Irradiation ระหว่างวันที่ 7-11 มิถุนายน 2553 ณ กรุงเทพมหานคร 1.1.4 การประชุมประสานงานส่วนภูมิภาค Regional Coordination Meeting (RCM) on Strengthen ing Capabilities for Protection of the Public and the Environment from Radiation ณ กรุงเทพมหานคร 1.2 ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ในฐานะผู้ประสานงานแห่ง ชาติระหว่างประเทศไทยกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ตอบรับความตกลงการในเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมและฝึกอบรมดังกล่าว โดยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ดังกล่าว 2. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรับถ้อยคำในหนังสือทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือเติมข้อความในหนังสือแจ้งตอบตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนการลงนามในความตกลงการเป็น เจ้าภาพจัดการประชุมและฝึกอบรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36305 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติด (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) | ทก | 11/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอผลการสำรวจความ
คิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติด (กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553) ของสำนักงานสถิติ แห่งชาติ สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นได้ดังนี้ 1. สถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในปัจจุบัน ประชาชนร้อยละ 37.5 เห็นว่ายังมีปัญหาอยู่ โดยร้อย ละ 1.1 เห็นว่าปัญหาที่มีอยู่ในระดับรุนแรง รองลงมาคือ รุนแรงร้อยละ 3.2 ค่อนข้างรุนแรงร้อยละ 7.3 2. ด้านผู้ค้าหรือผู้ลักลอบค้ายาเสพติด ประชาชนร้อยละ 70.7 ระบุว่ามีปัญหา ขณะที่ร้อยละ 29.3 ระบุว่า ไม่มีปัญหา โดยผู้ที่ระบุว่ามีปัญหาเห็นว่าปัญหาที่มีอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 13.8 และจากผลการสำรวจในเ ดือนกุมภาพันธ์ 2553 ประชาชนร้อยละ 95.2 เห็นว่ามีปัญหาด้านผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในสัดส่วนใกล้เคียงกัน 3. การแพร่ระบาดยาเสพติดในโรงเรียน/สถานศึกษา ประชาชนร้อยละ 51.3 ระบุว่ามีปัญหา โดยเห็นว่า ปัญหาที่มีอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 4.6 และจากผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ประชาชนร้อยละ 51.3 เห็นว่า ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในโรงเรียน/สถานศึกษาได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในเดือน กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งมีร้อยละ 19.2 4. ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้วกลับไปใช้ยาเสพติดอีก จากผลการสำรวจประชาชนร้อย ละ 45.3 ระบุว่าไม่มี และร้อยละ 40.5 ไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ 5. การยอมรับผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ผ่านการบำบัดรักษาแล้ว/เลิกยาเสพติด ให้กลับสู่สังคม จากผลการ สำรวจ ประชาชนร้อยละ 74.1 ระบุว่ามีการยอมรับ ขณะที่ร้อยละ 25.9 ระบุว่าไม่ยอมรับ โดยผู้ที่ยอมรับจะยอมรับ อยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 33.4 6. ภาพรวมการดำเนินงานด้านการป้องกันปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ประชาชนร้อยละ 60.4 ระบุ ว่ามีการดำเนินงาน และร้อยละ 15.0 ระบุว่าไม่มีการดำเนินงาน โดยผู้ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการดัง กล่าวแล้วทำให้ชุมชน/หมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นร้อยละ 24.8 7. ภาพรวมการดำเนินงานด้านการป้องกันปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา ประชาชนร้อยละ 63.1 ระบุว่า มีการดำเนินงาน และร้อยละ 10.1 ระบุว่าไม่มีการดำเนินงาน โดยผู้ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว แล้วทำให้ชุมชน/หมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นร้อยละ 28.5 8. ภาพรวมการดำเนินงานด้านการป้องกันปัญหายาเสพติดในครอบครัว ประชาชนร้อยละ 46.1 ระบุว่ามี การดำเนินงาน และร้อยละ 25.0 ระบุว่าไม่มีการดำเนินงาน โดยผู้ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว แล้วทำให้ชุมชน/หมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นร้อยละ 19.2 9. ภาพรวมการดำเนินงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ประชาชนร้อยละ 46.9 ระบุว่ามีการดำเนินงาน และร้อยละ 26.3 ระบุว่าไม่มีการดำเนินงาน โดยผู้ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวแล้วทำให้ชุมชน/ หมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นร้อยละ 18.3 10. ภาพรวมการดำเนินงานด้านการป้องกันปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน ประชาชนร้อยละ 55.5 ระบุ ว่ามีการดำเนินงาน และร้อยละ 16.3 ระบุว่าไม่มีการดำเนินงาน โดยผู้ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการดัง กล่าวแล้วทำให้ชุมชน/หมู่บ้านมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นร้อยละ 21.1 11. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประชาชนร้อย ละ 97.7 ระบุว่าพึงพอใจ ขณะที่ร้อยละ 2.3 ระบุว่าไม่พึงพอใจ โดยผู้ที่พึงพอใจมีระดับความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ร้อยละ 36.5 ปานกลางร้อยละ 43.4 และน้อยร้อยละ 17.8
|
|||||||||||||||||||||
36306 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... | นร | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติประสานสภาผู้แทนราษฎรและ
วุฒิสภาเกี่ยวกับแนวทางการถอนร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการร่วมกันของทั้ง 2 สภา เนื่องจากภาวะทางเศรษฐกิจและสถานะทาง การคลังของประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น สมควรขอถอนร่างพระราชบัญญัติเรื่องนี้ออกจากการพิจารณาของสภาผู้ แทนราษฎรและวุฒิสภา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36307 | การขออนุมัติแนวทางการอนุมัติโครงการ การอนุมัติจัดสรรวงเงินคงเหลือและการอนุมัติวงเงินสำรองจ่ายภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้ม แข็ง 2555 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตาม แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ในส่วนของการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ อนุมัติโครงการ กรอบวงเงิน แผนการดำเนินงาน และแผนระดมทุนของโครงการตามข้อ 15 ของระเบียบฯ รวมทั้ง อนุมัติวงเงินกู้สำรองจ่ายสำหรับบริหารโครงการตามข้อ 16 ของระเบียบฯ แทนคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงการ คลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็น เรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. เห็นชอบการแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ในส่วนของการขอรับจัดสรรเงินสำรองจ่ายฯ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเจ้าสังกัดของหน่วยงานที่ดำเนินโครงการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วจึงส่งให้ สำนักงบประมาณเพื่อรวบรวม ทั้งนี้ ต้องก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2553 แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและ บริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณา และนำเสนอคณะรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งคณะรัฐมนตรี มอบหมายอนุมัติต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาอนุมัติตามร่างระเบียบฯ และหลักเกณฑ์ฯ ที่แก้ไข 4. เห็นชอบการกำหนดกรอบระยะเวลาการส่งคำขอรับการจัดสรรเงินจากพระราชกำหนดฯ สำหรับโครง การภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 หาก ไม่สามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้นำวงเงินที่ยังไม่ได้ขอรับจัดสรรรวมเป็นวงเงินคงเหลือเพื่อนำ ไปจัดสรรให้แก่โครงการอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมในการดำเนินโครงการต่อไป 5. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอแก้ไขถ้อยคำในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วน ที่สุด ที่ กค 0907/8203 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2553 ดังนี้ 5.1 หน้า 1 ข้อ 1.2 จาก "กระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2552 ..." เป็น "กระทรวงการคลังได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ..." 5.2 หน้า 3 ข้อ 2.3 จาก "คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2555 ..." เป็น "คณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 ..." 5.3 หน้า 5 บรรทัดที่ 10 จาก "... ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ..." เป็น "... ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ..." 5.4 หน้า 6 บรรทัดที่ 4 จาก "... ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ..." เป็น "... ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ..."
|
|||||||||||||||||||||
36308 | ร่างกฎบัตรสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย [การเปลี่ยนสถานะของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) เป็นองค์การระหว่างประเทศ] | กต | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานะของสถาบันเทคโน โลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology-AIT) ดังนี้ 1.1 เห็นชอบร่างกฎบัตรสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ฉบับใหม่ 1.2 อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการรับรองร่างกฎบัตรฯ (adoption) และ จัดให้มีการลงนามร่างกฎบัตรฯ (signature) โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในนาม รัฐบาลไทยเพื่อเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้ง AIT รวมทั้งดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษ เอกสิทธิ และ ความคุ้มกันต่าง ๆ แก่ AIT รวมทั้งสมาชิกสำนักเลขาธิการ AIT ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้รับยกเว้นอากรตามกฎ หมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากรนั้น ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2549 ภาค 4 ของที่ได้รับการยกเว้นอากร ประเภท 10 ที่ กำหนดให้ของที่ได้รับเอกสิทธิตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์การสหประชาชาติหรือตามกฎหมายระหว่าง ประเทศหรือตามสัญญากับนานาประเทศหรือทางการทูตซึ่งได้ปฏิบัติต่อกันโดยอัธยาศัยไมตรี ส่วนสิทธิการยกเว้น อากรที่สถาบัน AIT จะได้รับหลังจากได้เปลี่ยนสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศแล้ว จะต้องอยู่ในระดับเดียวกับ องค์การระหว่างประเทศของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในประเทศไทย และมีสถานะเทียบเท่ากับสถาบัน AIT ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
36309 | การลงนามในเอกสารโครงการความเป็นหุ้นส่วนเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยใช้องค์กรการปราบปรามระดับภูมิภาค - หน่วยที่ 3 (ด้านยาเสพติด) | ยธ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานของสำนัก
งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการความเป็น หุ้นส่วนเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยใช้องค์กรการปราบปรามระดับภูมิภาค-หน่วยที่ 3 (ด้านยาเสพติด) [Partnership Against Transnational-crime through Regional Organized Law-enforcement-PATROL : Module 3 (Drugs)] ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
36310 | การประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | นร | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ครั้ง ที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2553 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ประธานกรรมการ อำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งเสนอ โดยให้คณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า ในระยะต่อไป แผนงาน/ โครงการที่จะเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ ให้หน่วยงานนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการให้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดให้ความเห็นชอบก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 2. อนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบของพายุกิส นา และอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เกิดขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2552 ภายในวงเงิน 5,682.6174 ล้านบาท ตามเหตุผลและความจำเป็นที่คณะกรรมการอำนวยการกำกับติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งเสนอ ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
36311 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมัน ค่าเหมาซ่อม พร้อมดอกเบี้ย ประจำปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม 2551 - กันยายน 2552) ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมัน ค่าเหมาซ่อม พร้อม ดอกเบี้ย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จำนวน 3,966.105 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้และ ปรับเงินกู้ตามยอดหนี้ที่ต้องชำระจริง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้ ขสมก. และกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2552 [เรื่อง แผนปรับปรุงการบริหารจัด การและบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)] โดยเฉพาะการจัดทำแผนและ ขั้นตอนในการดำเนินโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน และให้กระทรวงคมนาคมหาแนว ทางการบริหารเงินทุนหมุนเวียน สำหรับชำระค่าน้ำมัน และค่าเหมาซ่อมให้ทันตามสัญญา ไปพิจารณาดำเนินการใน ส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
36312 | ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ | ยธ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎ
หมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติประกอบการพิจารณาร่างพระ ราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ต่อไป สรุปได้ดังนี้ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเห็นว่าจำเป็นต้องตรากฎ หมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะเพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการควบคุม ดูแล และอำนวย ความสะดวกแก่ผู้ชุมนุม ทำหน้าที่จัดสรรการใช้พื้นที่สาธารณะ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน วิธีการและเงื่อน ไขการยุติหรือสลายการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกำหนดขอบเขตการใช้เสรีภาพในการ ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธของประชาชนและการคุ้มครองสิทธิของประชาชนทั่วไปที่ถูกกระทบอันเนื่องมาจาก การชุมนุมดังกล่าวตามที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ครั้งที่ 1/2553 เมื่อ วันที่ 29 มกราคม 2553 ได้เห็นชอบในหลักการบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการพิจารณาร่าง กฎหมายว่าด้วยการชุมนุมในที่สาธารณะ และในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ประชุม เห็นสมควรผลักดันให้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
36313 | ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... | นร | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่า
ด้วยการชุมนุมสาธารณะ เพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะเมื่อมีการชุมนุมสาธารณะ ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสาน งานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
36314 | การนำกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าฉบับทบทวน (Revised PSR) ปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) มาใช้ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการดำเนินการนำกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า ฉบับทบทวน (Revised PSR) ปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพื่อให้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม ในหนังสือรับรองดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญของกฎว่าด้วยถิ่น กำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้าฯ ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี และรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง 3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในหนังสือให้การรับรองดังกล่าว 4. เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามข้อ 1. แล้ว มอบหมายหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวน การภายในประเทศเพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามสัญญา
|
|||||||||||||||||||||
36315 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี | กษ | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมถึงความร่วมมือในด้านพืช และสัตว์ รวมถึงการส่งเสริม การค้าสินค้าเกษตร และการอนุรักษ์และจัดการความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตร 1.2 มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นควรเพิ่มเติมและแก้ไขถ้อยคำ ในส่วนของทรัพย์สินทางปัญญา ข้อ 7 บรรทัด 4 หลังคำว่า "...international agreements" เป็นดังนี้ ", and that the implementing programmes or projects under this MOU shall include provisions regarding the ownership of intellectual property rights, the sharing of benefit arising out of the use of intellectual property righs and the liability and responsibility of each Party which may arise out of such programmes or projects. และ ความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับสารัตถะของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ในข้อ ที่ 4(3) เรื่อง การจัดการและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตรยังขาดรายละเอียดในการ ดำเนินงาน จึงเห็นควรเพิ่มประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ส่งเสริมการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ป่าหรือชนิดพันธุ์พื้นเมือง การ อนุรักษ์ผู้ผสมเกสร (Pollinators) การอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตร ตลอดจนเผยแพร่วิธีปฏิบัติที่ดีที่ สุดที่นำไปสู่การเกษตรแบบยั่งยืน ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
36316 | ขออนุมัติแนวทางการให้กู้ต่อแก่โครงการรถไฟชานเมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ - รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 แนวทางการให้กู้ต่อโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ของการรถไฟ แห่งประเทศไทย (รฟท.) 1.2 ให้กระทรวงการคลังทำสัญญาให้กู้ต่อโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รัง สิต กับ รฟท. วงเงิน 63,018 ล้านเยน หรือประมาณ 22,783 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าโครงสร้างพื้น ฐานงานโยธา ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ตู้รถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษา และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 1.3 ให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศ และให้ รฟท. กู้ต่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับงานระบบไฟฟ้า และเครื่องกล ตู้รถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษางานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วง เงิน 6,243 ล้านบาท โดยให้ รฟท. เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว จนกว่าจะมีข้อยุติแนวทางการบริหารจัดการ และผู้รับภาระการลงทุนงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และตู้รถไฟฟ้า 1.4 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เฉพาะในส่วนค่าโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลเป็นผู้รับภาระ เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท. ต่อ ไป 2. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาหาข้อยุติกรอบวงเงินลงทุนโครงการรถไฟชาน เมือง สายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ในส่วนค่าใช้จ่ายลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล ตู้รถไฟฟ้า ค่าจ้างที่ปรึกษางานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลที่ชัดเจนสำหรับการเจรจาเงินกู้ของกระทรวงการคลัง รวม ทั้งพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้บริการในรูปแบบ Public Private Partnership (PPPs) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. จัดทำรายละเอียดของแผนปรับโครงสร้างองค์กรและการบริหารกิจการรถไฟที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ เชิงธุรกิจการพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการด้านการเงินและสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และแก้ไข ข้อตกลงหรือข้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบรถไฟของประเทศให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ และให้ รฟท. จัดทำบัญชีแยกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเฉพาะในส่วนค่าโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาล เป็นผู้รับภาระอย่างชัดเจน เพื่อให้สำนักงบประมาณสามารถจัดสรรงบประมาณชำระหนี้ได้อย่างถูกต้อง ตามความ เห็นของสำนักงบประมาณ 3. ให้กระทรวงคมนาคม รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนเกี่ยว กับการบริหารจัดการที่ดินบริเวณชุมชนบางซื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||
36317 | การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กค | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดำเนินงานในลักษณะธุรกรรมตาม นโยบายพิเศษของรัฐบาล (Public Service Obligation : PSO) โดยแยกบัญชีงบการเงินออกจากการดำเนินงานปกติ ของ ธ.ก.ส. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ ติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร) เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบ ระยะเวลาการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 โดยให้เบิกค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสมที่เกิดขึ้นจริงในวงเงินที่จะอนุมัติ รวมทั้งการนำระบบข้อมูล เกษตรกรที่ได้จัดเก็บไว้แล้วในรอบที่ 1 มาใช้ประโยชน์ในรอบที่ 2 และรูปแบบการดำเนินงานของโครงการที่เน้นให้ เกษตรกรเข้ามาทำสัญญา ณ สำนักงาน ธ.ก.ส. ไปดำเนินการต่อไปด้วย 2. อนุมัติค่าใช้จ่ายชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง จำนวน 8,773 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานของ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ ให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อ ไป ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 เพื่อขอขยายเวลาการขอรับการจัดสรรเงินตามโครงการจากที่กำหนดให้ขอจัด สรรจากสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 และให้เร่งรัดขอจัดสรรเงินตามที่ ธ.ก.ส. ได้จ่ายจริงไปทุก ครั้งโดยเร็ว เพื่อลดภาระดอกเบี้ยจากการดำเนินการขอจัดสรรเงินล่าช้า ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
36318 | โครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบางลาง เครื่องที่ 1 - 3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนบางลาง เครื่องที่ 1-3 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทย (กฟผ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าให้มีความพร้อม (Availability) ความมั่นคง (Reliability) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า จาก 72 เมกะวัตต์ (3x24 เมกะวัตต์) เป็น 84 เมกะวัตต์ (3x28 เมกะวัตต์) ยืด อายุการใช้งานออกไปอีกไม่น้อยกว่า 25 ปี รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเพิ่มความเชื่อมั่นด้านเศรษฐ กิจและการลงทุนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะเวลาการดำเนินงาน ระหว่างปี พ.ศ. 2552-2557 วงเงินลง ทุนรวมทั้งสิ้น 2,426.28 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของทุน 845.55 ล้านบาท และส่วนเงินกู้ 1,580.73 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ 2. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ สำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ กฟผ. พิจารณาจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินเพื่อการลงทุนโครง การนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
36319 | กรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ | ทส | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบกับกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุข ภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ และเป็นแนวทางในการสร้างกลไกในการเยียวยาและ แก้ไขปัญหาต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในระยะยาว ถึงแม้ว่าโครงการพัฒนาจะสิ้นสุดลงแล้ว ประกอบด้วย 1.1.1 ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การพัฒนาทรัพยากรแร่ 4 ยุทธศาสตร์ คือ -ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันปัญหา เป็นการจัดเตรียมกระบวนการเพื่อการทำเหมืองแร่ที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการป้องกันปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ -ยุทธศาสตร์ที่ 2 การกระจายประโยชน์ที่เป็นธรรมและหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย เป็น ยุทธศาสตร์ที่กำหนดขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายตามลักษณะปัญหาที่เกิดขึ้น -ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาโดยอาศัยกลไกราคา และความคุ้มค่าต่อสังคม โดยการสนับ สนุนกลไกตลาดให้เกิดการพัฒนาแหล่งแร่ที่ยั่งยืนและมีโอกาสที่จะเลือกทางเลือกที่เอื้อประโยชน์สูงสุด -ยุทธศาสตร์ที่ 4 การติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง และฟื้นฟูพื้นที่ โดยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ที่ เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการมากขึ้นในรูปแบบของการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชน 1.1.2 ข้อเสนอแนะมาตรการทางการคลังในการเยียวยาปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการพัฒนาทรัพยากรแร่ ให้มีการศึกษาการนำมาตรการทางการคลังมาใช้ในการเยียวยาปัญหาผลกระทบและ สุขภาพจากการพัฒนาทรัพยากรแร่ เช่น ระบบกองทุน โดยให้ความสำคัญกับ -กองทุนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงสาธารณะด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ -ระบบเงินประกันความเสี่ยง -ระบบเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการเฝ้าระวังปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจาก การประกอบกิจการเหมืองแร่ -ระบบเงินประกันการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ 1.2 มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบภายใต้ยุทธศาสตร์และแนวทางการป้องกันและแก้ ไขปัญหาฯ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สภาการเหมืองแร่ สภา อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่น ๆ นำกรอบนโยบายและแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฯ ไป ดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควร พิจารณาความจำเป็นในการพัฒนาแร่เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ปริมาณที่เหมาะสมใน การนำแร่มาใช้ประโยชน์ ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่รวมค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมและมูลค่าในอนาคต และทบทวน แนวทางการส่งออกแร่ในรูปวัตถุดิบที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) มีส่วนร่วมรับรู้ในทุกขั้นตอนของการดำเนินการเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในภาย หลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
36320 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี) | นร | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงิน
สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงาน ส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัด การศพผู้สูงอายุตามประเพณี จำนวน 69,267 ราย เป็นเงิน 138,534,000 บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุด หนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....