ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1811 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36201 - 36220 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36201 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้
แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ข้อ 4 จาก "อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับ โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับโครงการภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ที่เสนอขออนุมัติใช้เงินเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี วงเงิน 2,170.04 ล้านบาท ........." เป็น "อนุมัติการจัด สรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับโครงการภายใต้แผนพัฒนาพื้น ที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอขอใช้เงินเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี วงเงิน 2,223.04 ล้านบาท ........."
|
||||||||||||||||||||||||
36202 | ผลการประชุมคณะกรรมาการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 4/2553 | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข้ง 2555 ใน การประชุมครั้งที่ 4/2553 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2553 โดยคณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและมีความเห็นเกี่ยวกับ การติดตามประเมินผลภาคสนามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และการขับเคลื่อนการลงทุน ในระยะต่อไป รวมทั้งได้มีมติ ดังนี้ 1. การดำเนินการระยะต่อไปของแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จะกลับเข้าสู่การจัดสรรงบประมาณ ตามระบบงบประมาณปกติ และเงินกู้ต่างประเทศตามขั้นตอนปกติ ดังนั้น ในการติดตามและประเมินผลการดำเนิน โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของคณะกรรมการฯ จะพิจารณาติดตามประเมินผลเฉพาะโครง การที่ได้รับจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. มอบหมายฝ่ายเลขานุการดำเนินการ ดังนี้ 2.1 ปรับปรุงการติดตามประเมินผลภาคสนามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 2.2 ทบทวนแหล่งเงินลงทุนโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 อีกครั้งหนึ่ง และจัด ทำรายชื่อโครงการที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟู เศรษฐกิจ พ.ศ. .... วงเงิน 400,000 ล้านบาท เพื่อรายงานคณะกรรมการฯ ต่อไป 2.3 รวบรวมรายชื่อและวงเงินโครงการที่ได้รับจัดสรรเงินกู้แล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ และ พิจารณาความเป็นไปได้ในการชะลอการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อนำเงินคงเหลือมาจัดสรรให้กับโครงการภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันและมีความจำเป็นเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
36203 | สรุปการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการประชุมส่วนราชการที่
เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. การให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้น เห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือ ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับความเสียหายโดยตรง เช่น ร้านค้า ทรัพย์สิน ถูกเพลิงไหม้ เป็นต้น เป็นเงินช่วยเหลือ รายละ 50,000 บาท นอกเหนือไปจากการให้ความช่วยเหลือจากกรุงเทพมหานคร 2. นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสำนักงานทรัพย์ สินส่วนพระมหากษัตริย์พิจารณาแนวทางการจัดหาสถานที่ค้าขายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ย่านราชประสงค์ สยามสแควร์ และย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งได้มอบหมายให้กรุงเทพมหานครและกระทรวงพาณิชย์จัดหาพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ค้าขายโดยเร็ว รวมถึงพิจารณาจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการค้าขาย เช่น ถนนคน เดิน หรือตลาดนัดในพื้นที่ที่เหมาะสม โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมพิจารณาพื้นที่ที่จะต้องมีการปิดถนน 3. กระทรวงการคลังจะได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงเงินกู้โดยไม่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกันของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี) วงเงินไม่เกิน 5 แสน บาท ภายใต้กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยมีรัฐบาลค้ำประกัน และกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารออมสินจะ สมทบกับโครงการของธนาคารเอสเอ็มอี สำหรับวงเงินกู้ที่ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงิน 2.5 แสนบาท 4. กระทรวงแรงงานได้จัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของลูกจ้างที่ได้รับผล ซึ่งมีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 4,405 ราย โดยเป็นแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจำนวน 142 ราย สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกจ้าง นายจ้างจะต้องปฏิบัติตาม กฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งได้กำหนดในเรื่องต่าง ๆ ไว้แล้ว 5. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ดำเนินการแบ่ง ผู้เสียหายเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีประกันภัยก่อการร้าย คปภ. ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยให้ จ่ายชดเชยให้เร็วที่สุด และบางบริษัทได้มีการทำประกันภัยธุรกิจชะงักงันไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้สามารถนำเงินชดเชยมา จ่ายค่าจ้างแรงงานได้ และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีเฉพาะการประกันอัคคีภัย จะมีสินไหมการุณเพื่อให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ คปภ. และสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยรับที่จะประเมินความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อ เป็นแนวทางให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงการคลัง 6. ที่ประชุมเสนอให้มีการเปิดบัญชีรับบริจาคจากผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุม โดยให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดตั้งเป็นกองทุน ซึ่งให้สิทธิทางภาษีแก่ผู้ที่บริจาคเข้ากองทุนดังกล่าวด้วย และสำนักงานประกันสังคมจะขยายพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมให้ครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยนาย จ้างในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับการยกเว้นการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในปี พ.ศ. 2553-2554
|
||||||||||||||||||||||||
36204 | การโอนข้าราชการ (นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ และ นายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา) | ศธ | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการ ไปพิจารณาร่วม
กับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วรายงานนายกรัฐมนตรีก่อนดำเนินการต่อไป ดังนี้ 1. การแต่งตั้งนายกมล รอดคล้าย ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนัก งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ 2. การโอนนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และรับโอนนายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
36205 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 | กค | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,058 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,836 โครงการ วงเงิน 48,397.09 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 36,222 โครงการ วงเงิน 295,652.90 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 16,199 โครงการ วงเงิน 47,900.17 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 1,119 โครงการ วงเงิน 11,943.06 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 15,080 โครงการ วงเงิน 35,957.11 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 20,023 โครงการ วงเงิน 247,752.73 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 20,023 โครงการ วงเงิน 226,532.80 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,153 โครงการ วงเงิน 19,280.85 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 16,070 โครงการ วงเงิน 121,163.76 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 800 โครงการ วงเงิน 19,428.98 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 16,870 โครงการ วงเงิน 140,592.74 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
36206 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและสารสนเทศ และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างบาห์เรนกับไทย | กต | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1.1 บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยใน สาขาวัฒนธรรมและสารสนเทศ เพื่อขยายความร่วมมือทางวัฒนธรรมและสารเทศระหว่างกัน โดยครอบคลุมความ ร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การพัฒนาความรู้และความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสาขาศิลปะและวัฒนธรรม สื่อ มวลชน และกิจกรรมอื่น ๆ ที่กี่ยวข้องด้านวัฒนธรรม รวมทั้งความร่วมมือระหว่างสถานีวิทยุและโทรทัศน์ ระหว่างนัก หนังสือพิมพ์ ผู้แทนสื่อมวลชนอื่น ๆ เป็นต้น 1.2 บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยใน สาขาการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยครอบคลุมความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความรู้ความเชี่ยวชาญ การแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้แทน สื่อมวลชน การเผยแพร่ความรู้ด้านโอกาสในการลงทุนด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงการจัดสัปดาห์การท่องเที่ยวเชิง วัฒนธรรม งานนิทรรศการ การประชุม และการประชุมทางวิชาการความร่วมมือทางการตลาด เป็นต้น 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งสองฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||
36207 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้กำหนดจำนวนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 63 คน ประกอบด้วยกรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน 15 คน และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 48 คน 2. เห็นชอบในหลักการรายชื่อและจำนวนกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี จำนวน 15 คน ตาม ที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้แก้ไขและเพิ่มเติมรายชื่อ ดังนี้ 2.1 แก้ไขลำดับที่ 5 จาก "นายวีระชัย วีระเมธีกุล" เป็น "นายอิสสระ สมชัย" 2.2 เพิ่มเติมลำดับที่ 7 "นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ" ผู้แทนพรรคภูมิใจไทย 2.3 เพิ่มเติมลำดับที่ 9 "นายชุมพล ศิลปอาชา" ผู้แทนพรรคชาติไทยพัฒนา 2.4 เพิ่มเติมลำดับที่ 10 "นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล" ผู้แทนพรรครวมชาติพัฒนา 2.5 ให้ตัดปลัดกระทรวงการคลังในลำดับที่ 15 ออก 3. สำหรับกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีที่ยังขาดอยู่อีก 3 คน ให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐ บาลแจ้งรายชื่อให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ทราบต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
36208 | ขอขยายเวลาโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โครงการเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ | พณ | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ให้กรมส่งเสริมการส่งออกขยายเวลาลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 สำหรับ 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสมุนไพรไทยเพื่อการส่งออกสู่ ตลาดโลก และโครงการพัฒนาทักษะเชิงสร้างสรรค์และเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ ออกไป เป็นให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2553 2. ให้กรมส่งเสริมการส่งออกขยายเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการเศรษฐ กิจสร้างสรรค์ ทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ออกไปจากที่จะต้องสิ้นสุดภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นสิ้นสุดภาย ในเดือนธันวาคม 2553
|
||||||||||||||||||||||||
36209 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 | กค | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงิน ระยะที่ 2 รวมทั้งอนุมัติหลักการและเห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นรัษฎากร ดังต่อไปนี้ 1.1.1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล ให้แก่ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงินสำหรับ ผลประโยชน์ที่ได้จากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบัน การเงินระยะที่ 2 1.1.2 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงินสำหรับเงิน ได้พึงประเมิน รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจ การทั้งหมดให้แก่กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 1.1.3 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงิน สำหรับมูลค่าของ ฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการที่สถาบันการเงินโอนกิจการบางส่วนให้แก่ กัน ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินระยะที่ 2 1.2 เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการควบคุมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามหลัก เกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 1.3 เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียน สิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการ เงินตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด 2. ให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36210 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ชุมนุม | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับเหตุ การณ์ชุมนุม และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป วงเงินรวม 861.4 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับ ผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมเป็นค่าใช้จ่ายพนักงาน วงเงิน 417.3 ล้านบาท และเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าและค่า บริการแก่ร้านค้าย่อย วงเงิน 444.1 ล้านบาท ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้สำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายพนัก งานกรณีเป็นลูกจ้างในระบบประกันสังคมที่จะได้รับความช่วยเหลือตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานและกฎ หมายว่าด้วยการประกันสังคมกรณีว่างงานจากกองทุนประกันสังคมร้อยละ 50 ของค่าจ้างแต่ไม่เกินเดือนละ 7,500 บาท เป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน นั้น ให้ภาครัฐจ่ายสมทบอีก 1 เท่าตามสิทธิที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนประกันสังคม ทั้งนี้ ให้จ่ายได้สูงสุดไม่เกินเดือนละ 7,500 บาท ซึ่งเมื่อได้ข้อยุติเกี่ยวกับจำนวนเงินที่จะต้องช่วยเหลือในส่วนนี้แล้ว ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 2. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้ 2.1 กรณีของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งถูกเพลิงไหม้จนไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ และมีความ ประสงค์จะย้ายผู้ประกอบการร้านค้าและพนักงานทั้งหมดไปประกอบการที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว โดย ขอให้การรถไฟแห่งประเทศ (รฟท.) เลื่อนเวลาปิดปรับปรุงห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวออกไปก่อน รวมทั้ง ขอขยายเวลาเช่าพื้นที่ของ รฟท. จากเดิมออกไปอีก 1 ปี นั้น มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาดำเนิน การร่วมกับ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป 2.2 กรณีการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ชุมนุมที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองช่วงเดือนเมษายน- พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา เช่น ชุมชนบ่อนไก่ ชุมชนดินแดง เป็นต้น มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36211 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อปรับปรุงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง ราย
การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป วงเงิน 88,331,040 บาท เพื่อเป็นค่าใช้ จ่ายในการปรับปรุงพื้นที่จอดรถบริเวณลานจอดรถและถนนซอยต่าง ๆ ในสยามสแควร์หลายแห่งให้เป็นร้านค้ากึ่ง ถาวรในพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่เดิม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการบริเวณศูนย์การค้าสยามสแควร์ซึ่งเป็นพื้นที่เขตพาณิชย์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ได้รับความเสียหายจากการชุมนุมอันเนื่องมาจากอัคคีภัย ให้มีพื้นที่ประกอบการทด แทน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป และให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้พิจารณางดการเก็บค่าเช่าจาก ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมชนเป็นระยะเวลา 1 ปี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
36212 | แนวทางในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การชุมนุม | พณ | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางในการช่วยเหลือผู้ได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์ชุมนุม โดยกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกรุงเทพมหานคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทยจัดงานถนนคนเดินบริเวณถนนสีลม ในระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-21.00 น. โดยจะมีการปิดถนนสีลมระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจาก การชุมนุมทางการเมืองในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ได้นำสินค้ามาจัดจำหน่ายให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะ นี้ได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่สนใจมาลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว 2. ส่วนแนวทางการช่วยเหลือผู้รับได้ผลกระทบจากสถานการณ์การชุมชน ให้กระทรวงพาณิชย์ส่งให้คณะ กรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36213 | การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย)
ประธานกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง เสนอ ดังนี้ 1. ให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยตรงอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม- 20 พฤษภาคม 2553 กรณีร้านค้าหรือทรัพย์สินถูกเพลิงไหม้ ถูกโจรกรรม ถูกทำลาย เป็นต้น เป็นจำนวน เงินรายละ 50,000 บาท เป็นกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ของกรุงเทพ มหานคร 2. ให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมืองซึ่งมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการรับไปพิจารณาวิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและ ประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุนทางการเมือง 3. ในส่วนของผู้แจ้งขอรับความช่วยเหลือกรณีอื่น นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ให้สำนักงาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรวบรวมคำขอ และส่งให้คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผล กระทบจากการชุมนุม ซึ่งมีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ พิจารณา การช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ต่อไป 4. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 251,000,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการราย ย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง และ ค่าบริหารจัดการ นับตั้งแต่วันที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวย การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายฯ ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยเบิกจ่าย
|
||||||||||||||||||||||||
36214 | ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ | กค | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการการขยายระยะเวลามาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎ หมายที่ดิน และตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดเหลือร้อยละ 0.01 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ออกไป เป็นสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. ให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยดำเนินการออกกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36215 | การปรับปรุงแก้ไขหลักการของมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง | กค | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีดังนี้
1. เห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขหลักการมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายกลุ่มเป้าหมาย จากที่จำกัดเฉพาะย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นยึดตามกรอบพื้นที่ที่ คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมกำหนดไว้ สำหรับพื้นที่อื่นที่ได้รับ ผลกระทบ แต่ไม่ได้อยู่ในความครอบคลุมของคณะกรรมการฯ ให้พิจารณาจากเขตพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติและต้องได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินและมีเอกสารการแจ้งความ 1.2 ขยายระยจะเวลาการกู้ยืมสูงสุดจากไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 6 ปี และระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้น (Grace Period) จาก 1 ปี เป็น 2 ปี 1.3 ลดอัตราดอกเบี้ย จากเดิมที่กำหนดที่ MLR ลบ 3 ต่อปี เป็นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดระยะเวลาการกู้ยืม โดยให้ กระทรวงอุตสาหกรรมชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธพว. ผ่านสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดอายุโครงการ 1.4 ให้ ธพว. สามารถให้กู้แบบไม่มีหลักประกัน (Clean loan) โดยมีวงเงินกู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 1 ล้าน บาท และคิดอัตราดอกเบี้ยจากลูกค้าร้อยละ 3 ต่อปี โดย สสว. ชดเชยให้ ธพว. ร้อยละ 2 เช่นกัน 2. ให้ ธพว. ยึดหลักเกณฑ์ ดังนี้ 2.1 เป็นการให้กู้ที่ไม่ต้องใช้หลักประกันและการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง 2.2 ให้ ธพว. ปล่อยสินเชื่อโดยเร็ว ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับเอกสารครบถ้วน 2.3 การคิดอัตราดอกเบี้ย 2.3.1 กรณีเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบฯ และกิจการถูกไฟไหม้ วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1,000,000 บาท โดยวงเงิน 300,000 บาทแรก - ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 3 - ปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 + ชำระคืนเงินต้น สำหรับวงเงินส่วนที่เกินจาก 300,000 บาท ให้คิดอัตราดอกเบี้ยในอัตราเดียวกับกรณีตามข้อ 2.3 2.3.2 กรณีเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบฯ แต่กิจการไม่ถูกไฟไหม้ วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 1,000,000 บาท - ปีที่ 1 - ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 โดยปลอดชำระคืนเงินต้น - ปีที่ 3 - ปีที่ 6 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 + ชำระคืนเงินต้น
|
||||||||||||||||||||||||
36216 | ขอความเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับเอกสาร REDD+Partnership | ทส | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาการให้การรับรองเอก สารหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) และการเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ (REDD+Partnership) ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ 2. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอเพิ่มเติมว่า เอกสาร REDD+Partnership มีความเกี่ยวพันกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord ข้อ 3 วรรคสอง ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว 6 ประเทศ ที่เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 15 (the 15th United Nations Climate Chang Conference : COP15) สนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมสำหรับกองทุนจำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนเริ่มต้นในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาป่าเสื่อมโทรม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้ดี ขึ้น ระหว่างปี ค.ศ. 2010-2012 และในการประชุม COP15 ได้พิจารณาร่างข้อตกลง Copenhagen Accord โดย ประเทศไทยได้มีหนังสือแสดงท่าทีต่อร่างข้อตกลงดังกล่าวไว้กับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วว่า เบื้องต้นประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารดังกล่าวตามขั้นตอนภาย ในประเทศ และเพื่อความสมบูรณ์ในการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ REDD+Partnership เห็นควรให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอกรอบการเจรจาเกี่ยวกับร่างข้อตกลง Copenhagen Accord เพื่อขอความเห็นชอบ จากรัฐสภาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36217 | ขออนุมัติผลการทบทวนและขยายเวลาในการจัดส่งข้อมูลขอรับการจัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินโครงการลงทุนภาย ใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในส่วนที่กระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถดำเนินการได้ทันวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 เป็นวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขส่งผลการทบทวนรายละเอียดโครงการฯ ของกระทรวงสาธารณสุขให้คณะกรรม การกลั่นกรองโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อพิจารณาโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36218 | ร่างกฎกระทรวงและร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | ปง | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศ จำนวน 8 ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติ
ธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ กำหนดจำนวนเงินในการทำธุรกรรมที่ใช้เงินสด ซึ่งผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพื่อแก้ไขแบบ ระยะเวลา หลักเกณฑ์ และวิธีการรายงานการทำ ธุรกรรมของสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 3. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ กำหนดธุรกรรมที่สถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ต้องจัดให้ลูก ค้าแสดงตน และกำหนดมาตรการเพื่อขจัดอุปสรรคในการแสดงตนของคนพิการหรือทุพพลภาพ 4. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า 5. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ กำหนดธุรกรรมที่สมควรได้รับยกเว้นไม่ต้องรายงานตามมาตรา 13 และมาตรา 16 6. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเงินให้เป็นสถาบันการเงิน 7. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอก เงิน พ.ศ. 2542 มีสาระสำคัญคือ เพิ่มเติมมูลค่าธุรกรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่สถาบันการ เงินต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 8. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง วิธีการแสดงตนของลูกค้าสถาบันการเงินและผู้ประกอบอาชีพ ตามมาตรา 16
|
||||||||||||||||||||||||
36219 | ขอขยายพื้นที่การช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ขยายพื้นที่การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ
จากการชุมนุมจนต้องหยุดกิจการหรือไม่สามารถดำเนินกิจการได้ตามปกติตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือและ เยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราวอันเนื่องมาจากการชุมนุม ให้ครอบ คลุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด ตามที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
36220 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ | พณ | 25/05/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาเช่าอาคาร Gauss 9,
No 102.1st floor, col. Anzures, C.P. 11590, Miguel Hidalgo, Mexico D.F. สำหรับเป็นสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก ประเทศเม็กซิโก ระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
.....