ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1716 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34301 - 34320 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34301 | เอกสารสำคัญที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 10 | ทก | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ และร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ และร่างแผนแม่บทฯ ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๐ (The 10th ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting : The 10th TELMIN) ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ ข้อ ๕ ของร่างแผนแม่บทฯ (Implementation) ระบุถึงการปฏิบัติตามมาตรการ (actions) และการริเริ่ม (initiatives) ต่าง ๆ ภายใต้ร่างแผนแม่บทฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ และหน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคมของประเทศสมาชิกอาเซียน ดังนั้น ส่วนราชการที่รับผิดชอบในแต่ละมาตรการหรือการริเริ่ม ควรพิจารณาด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวสามารถกระทำได้ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ ๒.๒ ในการเจรจารับรองร่างแผนแม่บทฯ หากจะต้องมีการดำเนินการจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการในประชุมต่อไป ควรศึกษาเพิ่มเติมสำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยในภาพรวม ได้แก่ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบด้านสังคม ผลกระทบด้านข้อกฎหมาย/กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย/กฎระเบียบร่วมกัน ๒.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การสร้างพลังอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน ควรไปรวมกับยุทธศาสตร์ที่ ๖ การลดความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล และปรับให้ยุทธศาสตร์นี้เป็นการใช้กระตุ้นให้มีการใช้ ICT เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมยิ่งขึ้น ๒.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การสร้างนวัตกรรม มาตรการที่ ๓.๑ สร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งความเป็นเลิศ (Innovation Centres of Excellence : COE) สำหรับการวิจัยและพัฒนาบริการด้าน ICT ควรเพิ่มกิจกรรม “การส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้าน ICT สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและแหล่งความรู้ เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรม ICT ของประเทศให้มีความแตกต่าง และมีนวัตกรรมในการแข่งขันในระดับอาเซียนได้” ๒.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาทุนมนุษย์ ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คนทั่วไป” ให้มีความรู้ความสามารถในการใช้งาน ICT มากขึ้นเท่าที่ควร ๒.๖ Key Performance Indicator (KPI) ยังไม่มีความครอบคลุมทุกยุทธศาสตร์ ควรมี KPI ที่สะท้อนยุทธศาสตร์ด้านอื่น ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ หรือ “จุดยืน” ของอุตสาหกรรม ICT ในเวทีโลก ๒.๗ ร่างแผนแม่บทฯ ควรมีการเชื่อมโยงและบูรณาการทั้งในส่วนของกลยุทธ์และการนำไปสู่การปฏิบัติกับแนวทางการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของอาเซียน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34302 | รายงานผลการดำเนินงาน OTOP CITY 2010 (ระหว่างวันที่ 18 - 26 ธันวาคม 2553) | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน รายงานผลการดำเนินงาน OTOP CITY 2010 หรือ “ศักดิ์ศรีแห่งภูมิปัญญาไทยใต้ร่วมพระบารมี : OTOP CITY 2010” ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย กิจกรรม ชิม : อาหารอร่อยจากทั้ง ๔ ภาค ทั่วไทย ชม : นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ นิทรรศการและการสาธิตการผลิตผลิตภัณฑ์ ของขวัญจากแผ่นดิน หรือ OTOP ดีเด่น และเครือข่ายองค์ความรู้ (KBO) การแสดงวัฒนธรรมของ ๔ ภาค หมู่บ้าน OTOP เพื่อการท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของแต่ละภาค และ ช้อป : สินค้า OTOP ระดับ ๓ - ๕ ดาว จากภูมิปัญญาของชาวบ้านทุกจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ประกอบการจากกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม “นาทีทอง” วันละ ๒ รอบ ของทุกวัน การจัดประมูลผลิตภัณฑ์ OTOP เด่น ของแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมหารายได้สมทบกองทุนเครือข่าย OTOP เป็นต้น สำหรับผลการจัดกิจกรรม มีผู้เข้าชมงาน ๑,๑๑๑,๐๐๓ คน มียอดจำหน่ายสินค้า OTOP จำนวน ๑,๓๔๘,๕๘๔,๙๘๗ บาท และจากการสำรวจความพึงพอใจต่อการจัดงานครั้งนี้ พบว่าประชาชนผู้เข้าชมงานมีความพอใจในระดับมาก ถึงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๘๔.๓๐ ส่วนผู้ประกอบการที่ร่วมจำหน่ายสินค้ามีความพอใจในระดับมาก ถึงมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๑๐ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับคณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ พิจารณาค่าใช้จ่ายในการขอรับการสนับสนุนและผลักดันให้มีการจัดงาน OTOP Midyear 2011 ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ ต่อไป หากต้องของบประมาณเพิ่มเติมให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการจัดงานดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34303 | เลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ระดับ 10 (กระทรวงมหาดไทย) (นายบรรเทิง พงศ์สร้อยเพชร) | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบันเทิง พงศ์สร้อยเพชร ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ ๑๐ วช. (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรมกระดูก) กลุ่มบริการทางการแพทย์ กลุ่มงานศัลยกรรมกระดูก โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34304 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ครั้งที่ 2 ที่ครบกำหนดในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 | กค | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๒ ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนดังกล่าวทั้งจำนวน โดยกู้เงินระยะยาวโดยตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ ๕ ปี จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ลบ Spread ร้อยละ ๐.๐๒ ต่อปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34305 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี 2553 | กค | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เช่น การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท (ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม-รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า) โดยนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปทาน ด้านอุปสงค์ ด้านราคา และด้านการเงิน และเผยแพร่ผ่านทาง Web Site รวมทั้งมีการพัฒนาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดอบรมและสัมมนาเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปได้ นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ยังได้จัดทำค่าดัชนีราคาก่อสร้างมาตรฐานและดัชนีราคาห้องชุดรายครึ่งปี ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงประชาชนโดยทั่วไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34306 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 | ตช | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ (เรื่อง รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) โดยให้จัดตั้งสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอยู่ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๑ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือก แต่งตั้ง และโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นการเฉพาะให้มีความเหมาะสมกับการปฏิบัติงานตามภารกิจด้วย ๓. ให้หน่วยงานที่เคยสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยวที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) พิจารณาให้ความสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวแก่สถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34307 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ | ตช | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้แทนลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34308 | ขอปรับปรุงโครงสร้างกรมสอบสวนคดีพิเศษ | ยธ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็น ดังนี้
๑. กำหนดให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันการปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีความผิดทางอาญาที่ต้องดำเนินการสืบสวน และสอบสวนโดยใช้วิธีการพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็น ๑๗ สำนัก และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓. กำหนดให้ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีกลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รวมทั้งให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้สำนักคดีอาญาพิเศษ ๑ - ๓ มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกัน การปราบปราม การสืบสวน และการสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ หรือผู้กระทำความผิดที่มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรม ตามรายชื่อกฎหมายที่อธิบดีประกาศกำหนด รวมทั้งดำเนินคดีพิเศษนอกราชอาณาจักรตามที่ได้รับมอบหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34309 | การดำเนินงานโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | คค | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมขอถอนข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมที่ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณามอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาเรื่องการบริหารจัดการในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ และแบริ่ง - สมุทรปราการ ให้เกิดความชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป โดยกระทรวงคมนาคมจะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนต่อไป ๒. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหาของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ควรเร่งดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่และส่วนต่อขยายให้แล้วเสร็จตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างจัดเตรียมโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา รฟม. ควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มโครงการเพื่อให้เกิดการยอมรับและป้องกันปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการ และให้กระทรวงคมนาคมกำกับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ๕ สายทาง ให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด และเร่งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการระบบบัตรโดยสารร่วมให้แล้วเสร็จสอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย รวมทั้งจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริหารจัดการเพื่อรองรับการเดินทางเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนทางรางที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ในการลงทุนระบบรถไฟฟ้าตามแผนการลงทุนมีวงเงินสูงมาก ในขณะที่การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนยังเป็นแบบ Gross Cost ซึ่งภาครัฐต้องรับความเสี่ยงทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว จึงเห็นควรเร่งรัดดำเนินการศึกษาระบบตั๋วร่วม และระบบการกำหนดราคาค่าโดยสาร และค่าเชื่อมต่อระบบที่เหมาะสมและเป็นธรรมเสนอคณะรัฐมนตรีขอความเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้การกำหนดเงื่อนไขการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน (PPP) มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถนำไปสู่การร่วมลงทุนกับภาคเอกชนแบบ Net Cost ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินภาครัฐ และเพิ่มโอกาสความสำเร็จของระบบรถไฟฟ้าตามแผนการลงทุนในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. อนุมัติในหลักการให้ รฟม. โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ของโครงการศึกษาและออกแบบโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน สายวงแหวนรอบในตามแนวถนนรัชดาภิเษก จำนวน ๔๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือจากค่าจ้างที่ปรึกษาฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี จำนวน ๓๔.๑๕๔ ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการจัดจ้างที่ปรึกษาดำเนินงานช่วงก่อนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ จำนวน ๑๔๐ ล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน - มีนบุรี จำนวน ๒๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34310 | รายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี 2552 | ศป | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครอง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนี้
๑. สถิติคดีปกครอง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑ ศาลปกครองชั้นต้น มีปริมาณคดีสู่การพิจารณา ๕,๒๕๐ คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ ๔,๓๙๘ คดี อยู่ระหว่างการพิจารณา ๘๕๒ คดี ๑.๒ ศาลปกครองสูงสุด มีปริมาณคดีสู่การพิจารณา ๒,๐๒๗ คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ ๑,๒๓๐ คดี อยู่ระหว่างการพิจารณา ๗๙๗ คดี ๑.๓ หน่วยงานที่ถูกฟ้องคดีปกครอง ๕ อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงการคลัง ๑,๔๗๗ คดี กระทรวงมหาดไทย ๑,๐๓๗ คดี กระทรวงศึกษาธิการ ๔๙๕ คดี สำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ๔๖๓ คดี และกระทรวงคมนาคม ๓๗๘ คดี ๒. จัดอบรมสัมมนา เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ทั้งบุคลากรในกลุ่มตุลาการศาลปกครอง และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง ๓. พัฒนาองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางปกครองทั้งภายในประเทศและต่างประเทศให้มีความรู้ครบถ้วน ทันสมัย ได้แก่ การจัดทำงานวิจัย บทความและเอกสารทางวิชาการ ตลอดจนสร้างกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการและการศึกษาดูงานในต่างประเทศ เป็นต้น ๔. สร้างเครือข่ายและจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้ความเข้าใจและเสริมสร้างโอกาสการเข้าถึงความยุติธรรมแก่ประชาชน เช่น การจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนโดยตรง การจัดให้มีศูนย์บริการประชาชน เป็นต้น ๕. เผยแพร่แนวทางการปฏิบัติราชการที่ดี เพื่อลดและป้องกันการเกิดข้อพิพาททางปกครอง ส่งผลให้หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีแนวทางการปฏิบัติราชการที่ดี มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติราชการ เช่น โครงการอบรมเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวกับหลักกฎหมายปกครองและวิธีปฏิบัติราชการที่ดี เป็นต้น ๖. นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ได้แก่ การพัฒนาโปรแกรมระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงาน (Performance Based Budgeting : PBB) การพัฒนาระบบสืบค้นย่อคำพิพากษา/คำสั่งศาลปกครองสูงสุด แบบ Full Text Search การพัฒนาโปรแกรมระบบสอบถามและติดตามคดีปกครองผ่านเว็บ การพัฒนาระบบแจ้งซ่อมอาคารสถานที่และสาธารณูปโภค การพัฒนาระบบงานสำหรับตู้ประชาสัมพันธ์และติดตั้งตู้ประชาสัมพันธ์ (Kiosk) และการพัฒนาระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conferences System) เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34311 | มาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับเรื่อง มาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายใน ๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34312 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลอุทธรณ์ภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลอุทธรณ์ภาค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลอุทธรณ์ภาค (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวน ที่ตั้ง เขตศาล และวันเปิดทำการของศาลอุทธรณ์ภาค (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยย้ายที่ตั้งของศาลอุทธรณ์ภาค ๘ จากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดภูเก็ต และกำหนดวันเปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการย้ายที่ตั้งศาลอุทธรณ์ภาค ๘ จากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดภูเก็ต ให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาใช้จ่ายจากค่าธรรมเนียมศาลเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายจากค่าธรรมเนียมศาลเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับมาดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34313 | องค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษา ไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2554 | กต | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คงองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๕๔ เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มกราคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34314 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (จำนวน 8 คน 1. นายนพปฎล เมฆเมฆา ฯลฯ) | พณ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จำนวน ๘ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ ๑.๑ นายนพปฎล เมฆเมฆา ๑.๒ นางสาวจิตรา เศรษฐอุดม ๑.๓ รองศาสตราจารย์ปรียานุช อภิบุณโยภาส ๑.๔ นายวิบูลพงศ์ พูนประสิทธิ์ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ๒.๑ นายอุตตม สาวนายน ๒.๒ นายวาชิต รัตนเพียร ๒.๓ นายวิชัย อัศรัสกร ๒.๔ นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34315 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) (นายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ) | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองเป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34316 | แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียน นักศึกษา ขององค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษา ขององค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒๐ หน่วยงาน ดังนี้
๑. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ๒. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ๔. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ๕. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ๖. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ๗. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล ๘. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ๙. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ๑๐. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑๑. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ๑๒. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ๑๓. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กรมประชาสัมพันธ์ ๑๔. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๑๕ แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ๑๖. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กระทรวงแรงงาน ๑๗. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ๑๘. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ๑๙. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๒๐. แผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34317 | สถานการณ์อาชญากรรมประจำเดือนพฤศจิกายน 2553 | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอสถานการณ์อาชญากรรมประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์อาชญากรรมในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ มีการแจ้งความรวมทั้งสิ้น ๑๐,๗๗๐ คดี เป็นคดีชีวิต ร่างกาย และเพศ จำนวน ๒,๔๙๑ คดี เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมร้อยละ ๙.๗ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการแจ้งความ จำนวน ๔,๙๔๓ คดี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ ๔ ส่วนคดียาเสพติดมีการจับกุมผู้กระทำผิดยาเสพติด จำนวน ๒๓,๘๒๖ ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ ๘.๖ และเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ร้อยละ ๑๒.๑ ๑.๒. สถานการณ์อาชญากรรมช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (เดือนมกราคม - พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓) มีการแจ้งความรวมทั้งสิ้น ๑๑๕,๕๘๘ คดี คดีที่มีการรับแจ้งความสูงสุด ได้แก่ คดีลักทรัพย์ คดีโจรกรรมจักรยานยนต์ คดีทำร้ายร่างกาย คดียักยอก และคดีฉ้อโกง ส่วนคดียาเสพติดมีการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน ๒๓๓,๗๕๕ คดี เพิ่มขึ้นจากในช่วงเดียวกันในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง ๑๕ - ๑๙ ปี เริ่มกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น ในขณะที่เริ่มเสพเป็นกลุ่มเด็กอายุระหว่าง ๑๐ - ๑๔ ปี สำหรับคดีประเภทอื่น ได้แก่ การพนัน การค้าประเวณี อาวุธปืน มีและเผยแพร่วัตถุลามก มีแนวโน้มการจับกุมที่ค่อนข้างทรงตัว ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34318 | งบประมาณเพื่อดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2556 | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ภายใต้ผลผลิต : กลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้รับการป้องกันไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด งบเงินอุดหนุน จากรายการเงินอุดหนุนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ในวงเงินไม่เกินจำนวน ๒๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน เพื่อใช้สนับสนุนสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามโครงการฯ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีหน่วยงานดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณตามจำนวนดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าไม่เพียงพอต่อการดำเนินงานตามโครงการขยายผลโครงการหลวงฯ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สำนักงาน ป.ป.ส. สนับสนุนงบประมาณให้สถาบันฯ และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๖ หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมปศุสัตว์ กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมการพัฒนาชุมชน และกรมการแพทย์ ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ พิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของหน่วยงาน เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการฯ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม หากไม่สามารถดำเนินการปรับแผนฯ ได้ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของแต่ละหน่วยงานต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. อนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงฯ จำนวน ๒๐ หน่วยงาน เสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๖ ไว้ในคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละหน่วยงาน ภายใต้ชื่อรายการ “โครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน” เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นภายใต้กรอบงบประมาณที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเสนอ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ รวมทั้งการประสานการบูรณาการงบประมาณร่วมกันเพื่อดำเนินการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34319 | เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กก | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวและอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รับรองแผนยุทธศาสตร์ฯ ในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้ผู้รับรองเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ ๑.๒ เห็นชอบข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน โดยให้นำเสนอข้อตกลงฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ความเห็นชอบให้ลงนามและดำเนินการให้ข้อตกลงฯ มีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในข้อตกลงฯ ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ได้รับมอบหมายลงนามในข้อตกลงฯ พร้อมทั้งจัดทำสัตยาบันสารสำหรับข้อตกลงดังกล่าว และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ ควรมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความรู้ในเรื่องสิทธิหน้าที่ของผู้ใช้แรงงานตามกรอบกฎหมายท้องถิ่นของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อเป็นการส่งเสริมสิทธิแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในสาขาการท่องเที่ยว สำหรับร่างข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายบุคลกรด้านการท่องเที่ยวภายในอาเซียนด้วยการรับรองคุณสมบัติและสมรรถนะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจ้างแรงงานไทยในภาคการท่องเที่ยว เห็นควรที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องมีแนวทางหรือมาตรการรองรับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทยในการแข่งขันในภาคบริการการท่องเที่ยวในอาเซียน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34320 | แผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกระบวนการจัดทำแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการฯ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามรายละเอียดของแผนปฏิบัติการฯ ต่อไป โดยให้สามารถปรับปรุงรายละเอียดของแผนปฏิบัติการฯ ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น แต่ต้องไม่เปลี่ยนหลักการ และให้มีการปรับปรุงแก้ไขข้อความและหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ การสร้างความเป็นธรรมในสังคม ให้ปรับปรุงเป้าหมายการดำเนินการ เป็น ดังนี้ ๒.๑.๑ ลดคดีความและเพิ่มความยุติธรรมในชุมชนกว่าร้อยละ ๗๐ ผ่านเครือข่ายยุติธรรมชุมชน อาสาสมัครพิทักษ์ยุติธรรม และสถานียุติธรรม โดยสนับสนุนและขอความสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบลให้มีการจัดตั้งสถานียุติธรรมในทุกตำบล ๒.๑.๒ “จัดตั้งสายด่วนเยียวยา” ให้ประชาชนใช้เป็นช่องทางในการร้องเรียนและขอรับความช่วยเหลือหรือเยียวยาทางกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑.๓ จัดทำคู่มือและผังภาพขั้นตอนการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ๒.๑.๔ กำกับดูแลให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและประชาชนสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและโอกาสในการใช้สิทธิทางกฎหมายได้อย่างทั่วถึง ๒.๑.๕ พิจารณากฎหมายที่มีส่วนก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งนี้ หน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการตามข้อ ๒.๑ ให้ปรับปรุงแก้ไขเป็น ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานกระบวนการยุติธรรม ๒.๒ การใช้สื่อเพื่อสังคมทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่นเป็นช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องและเป็นกลาง ให้ปรับปรุงเป้าหมายการดำเนินการ เป็น ดังนี้ ๒.๒.๑ ใช้สื่อท้องถิ่นในการนำเสนอ ผลิต และกระจายสื่อที่เกี่ยวกับการสร้างความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจสิทธิ ขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมและเป็นช่องทางเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชน ๒.๒.๒ จัดให้มีรายการวิทยุ โทรทัศน์ และโครงการยุติธรรมเคลื่อนที่ที่จะอำนวยความยุติธรรมเพื่อประชาชน ๒.๒.๓ พัฒนาการจัดการความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมผ่านช่องทางสื่อดิจิตอล/สังคมออนไลน์ ทั้งนี้ หน่วยงานรับผิดชอบการดำเนินการตามข้อ ๒.๒ ให้ปรับปรุงแก้ไขเป็น ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ๓. รับทราบกรอบงบประมาณ วงเงิน ๙,๑๙๐.๓๐ ล้านบาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ก่อนดำเนินการต่อไป ๔. อนุมัติกลไกและระเบียบวิธีการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ดังนี้ ๔.๑ ให้มีกลไกระดับชาติในการบูรณาการแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยในลักษณะคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศไทย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีหน่วยงานกลางเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ๔.๒ ให้มีคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ รวม ๔ ด้าน ประกอบด้วย ด้านการสร้างอนาคตของชาติ ด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน ด้านยกระดับคุณภาพชีวิตและสวัสดิการสังคม ด้านการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การเมือง และความไม่เท่าเทียมในสังคม และด้านการสร้างระบบเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ทั้งนี้ เพื่อกำกับและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการระดับชาติ ตามข้อ ๔.๑ ๔.๓ จัดตั้งสำนักงานประสานงานร่วมภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ขึ้นในสำนักนายกรัฐมนตรี ๕. เห็นชอบการจัดทำระบบการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ๖. ในส่วนของการให้สวัสดิการสังคมแก่ผู้ประกอบอาชีพในเศรษฐกิจนอกระบบ (ประกันสังคม มาตรา ๔๐) (โครงการแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเพื่อพัฒนาสิทธิประโยชน์ มาตรา ๔๐) ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการดำเนินการตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ พ.ศ. .... ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ เห็นชอบในหลักการไว้แล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ปรับปรุงแก้ไขหลักการเกี่ยวกับการพัฒนาสิทธิประโยชน์ของแรงงานให้เป็นไปตามหลักการในแผนปฏิบัติการฯ ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....