ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1718 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34341 - 34360 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34341 | การประชุม International Forum on Tiger Conservation | ทส | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุม International Forum on Tiger Conservation ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑ - ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับแนวทางการสร้างความร่วมมือให้ชุมชนรอบป่ามีส่วนร่วมอนุรักษ์เสือโคร่ง โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้เชิญชวนทุกประเทศร่วมให้การรับรองปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่มีสาระสำคัญหลักเพื่อร่วมมือกันเพิ่มจำนวนประชากรเสือโคร่งในป่าของประเทศที่เป็นแหล่งอาศัยของเสือโคร่งเป็นสองเท่าภายในปี ๒๕๖๕ (๑๒ ปีข้างหน้า) ป้องกันและคุ้มครองพื้นที่อาศัยของเสือโคร่งและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งร่วมกันแก้ไขปัญหาการลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายโดยสร้างความเข้มแข็งให้กับกฎหมายระดับชาติ และความร่วมมือทวิภาคีและความร่วมมือพหุภาคี ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งในเวทีนานาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือและการประสานงานเพื่ออนุรักษ์เสือโคร่ง สำหรับกรณีที่องค์การป้องกันการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ หรือ TRAFFIC รายงานว่าประเทศจีนเป็นแหล่งค้าเสือโคร่งที่ผิดกฎหมาย นั้น นายกรัฐมนตรีจีนได้ให้คำมั่นว่าจีนได้ออกกฎหมายมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ห้ามใช้ชิ้นส่วนและอวัยวะจากเสือโคร่งโดยเด็ดขาดแล้วและได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันการค้าเสือโคร่งระหว่างประเทศอย่างจริงจังด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งของโลก และปฏิญญาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองในการประชุมฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34342 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของคณะรัฐมนตรี ในการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ควรกำหนดให้มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายอื่น ๆ โดยควรกำหนดรูปแบบของสำนักงานฯ ให้มีความสอดคล้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๔๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการกำหนดให้สำนักงานฯ มีรายได้ตามมาตรา ๒๙ ของร่างพระราชบัญญัติฯ โดยเฉพาะจากงบประมาณแผ่นดินในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป ควรพิจารณาถึงความสอดคล้องกับรูปแบบขององค์กร และเจตนารมณ์ตามมาตรา ๔๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “สื่อมวลชน” ตามพระราชบัญญัติฯ หมายถึงสื่อหรือช่องทางที่ใช้ในการสื่อสารมวลชนเพื่อประโยชน์สาธารณะ อาจทำให้การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพหรือส่งเสริมมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนกระทำได้ไม่ทั่วถึง เนื่องจากอาจมีปัญหาในการตีความคำว่า “ประโยชน์สาธารณะ” ได้ว่าครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทางธุรกิจ เช่น ตามมาตรา ๑๐ (๓) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้วยหรือไม่ รวมทั้งเห็นควรมีมาตรการควบคุมให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนต้องปฏิบัติตามจริยธรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้พิจารณาเชิญผู้แทนจากผู้ประกอบวิชาชาชีพสื่อมวลชน องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน เข้าร่วมการตรวจพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34343 | รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 4/2553 | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยมีกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายธีรวัฒน์ ศิริวัณสานต์) เป็นประธานการประชุม สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรายงานผลการฟื้นฟูผู้ประสบภัยพิบัติ อุทกภัย วาตภัย ดินถล่ม และภัยหนาว ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งรายงานผลการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งรายงานแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย โดยผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๒. ที่ประชุมมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๒.๑ ควรมีการตรวจสอบความมั่นคงของหน้าดินและสาเหตุจากธรรมชาติว่าดินถล่มเพราะอะไร และควรมีมาตรการป้องกันการกีดขวางทางน้ำหรือพื้นที่ที่ป่าไม้ถูกทำลายจากสาเหตุต่าง ๆ จนทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม ๒.๒ การดำเนินงานของกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังขาดการประสานงานที่ดี ๒.๓ เสนอให้นำกีฬาว่ายน้ำ (เด็กเล็ก) บรรจุเข้าในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และเสนอให้ใช้แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่จัดเป็นสถานที่ฝึกเรียนว่ายน้ำ ๒.๔ เสนอให้คณะรัฐมนตรีมีการพิจารณาปัญหาของประเทศในเชิงบูรณาการเรื่องที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงต่าง ๆ มีแผนแม่บทเพื่อเป็นแนวทางที่ชัดเจน / การส่งเสริมการท่องเที่ยวควรมีแผนบูรณะสถานที่ท่องเที่ยวแผนแม่บทในการฟื้นฟูสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สวยงาม และทำให้เห็นวัฒนธรรมสองฝั่งแม่น้ำ มีการชดเขยที่เป็นธรรมและให้ผลประโยชน์ร่วมกับประชาชน / การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถไฟ เน้นเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก ความสะอาด เรื่องราคาและความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ๒.๕ การปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จำนวน ๔๔ แห่งทั่วประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมยังขาดงบประมาณในการปรับปรุง จึงขอรับสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวด้วย ๒.๖ ควรมีการส่งเสริมและสนับสนุนนักกีฬาให้ครบวงจร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34344 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 4/2553 | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เสนอผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการปรับแผนการดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อไปฟื้นฟูปัญหาน้ำท่วม จำนวน ๔๕.๐๐ ล้านบาท ตามที่กรมประชาสัมพันธ์เสนอ ๒. อนุมัติการปรับแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อไปใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จำนวน ๑๕๐.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34345 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางอัญชลี เทพบุตร) | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้งนางอัญชลี เทพบุตร ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34346 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการกรณีการเช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และกรณีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กรณีการเช่าพื้นที่ รฟท. ของห้างสรรพสินค้าเช็นทรัล ลาดพร้าว สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเห็นว่า การขยายเวลาเช่าจากเดิมออกไปอีก ๑ ปี ถือเป็นเรื่องที่มีผลต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐหรือเป็นกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่มีผลต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จึงเห็นควรให้ รฟท. เสนอคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา ๒๒ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ พิจารณานำเสนอรัฐมนตรีกระทรวงเจ้าสังกัดและคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ส่วนสำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่า กรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของสัญญาซึ่งได้ลงนามแล้ว รฟท. ก็ชอบที่จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานฯ ซึ่งเคยเจรจาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนกับผู้ลงทุนจนได้ข้อยุติและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนกับผู้ลงทุนจนได้ข้อยุติและคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วเป็นผู้พิจารณาเงื่อนไขสัญญาและผลประโยชน์ตอบแทนภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งหนึ่ง เมื่อได้มีการลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการตามมาตรา ๑๓ และคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว จึงจะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามมาตรา ๒๒ ที่จะติดตามกำกับดูแลสัญญาเดิมและสัญญาฉบับแก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ๑.๒ กรณีมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๖ ฉบับ และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนสิ้นปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อและวงเงินสินเชื่อร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่งให้ชัดเจนและสอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34347 | การขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงกำหนดงานและจำนวนเงินที่ลูกจ้างต้องส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งเงิน การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองการส่งเงิน พ.ศ. 2553 | รง | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดงานและจำนวนเงินที่ลูกจ้างต้องส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งเงิน การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองการส่งเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ การขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงกำหนดงานและจำนวนเงินที่ลูกจ้างต้องส่งเข้ากองทุนเพื่อการส่งคนต่างด้าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งเงิน การออกใบรับ หนังสือรับรอง และใบแทนหนังสือรับรองการส่งเงิน พ.ศ. ๒๕๕๓ ออกไปเป็นวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34348 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 | กค | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๕๖๗ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๑,๓๑๖ โครงการ วงเงิน ๑๕,๐๐๒.๒๖ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๒๕๑ โครงการ วงเงิน ๓๓๔,๙๕๘.๑๘ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๔๒๓ โครงการ วงเงิน ๑๖,๖๙๔.๑๕ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๑๐๓ โครงการ วงเงิน ๕,๘๓๘.๘๔ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๓๒๐ โครงการ วงเงิน ๑๐,๘๕๕.๓๑ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๘,๘๒๘ โครงการ วงเงิน ๓๑๘,๒๖๔.๐๓ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๘,๘๖๘ โครงการ วงเงิน ๓๐๘,๙๕๖.๔๘ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๒,๒๓๘ โครงการ วงเงิน ๕๑,๘๘๒.๐๐ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๒,๑๒๑ โครงการ วงเงิน ๒๑๔,๙๗๑.๑๙ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๔๖๙ โครงการ วงเงิน ๔๒,๑๐๓.๒๙ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๖,๕๙๐ โครงการ วงเงิน ๒๕๗,๐๗๔.๔๘ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34349 | การรวบรวมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทุกกระทรวงเร่งแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ทั้งในส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วและที่จะดำเนินการ ไปยังรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการฝ่ายโครงการและกิจกรรม (ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) โดยด่วน ภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๔ เพื่อดำเนินการสรุปข้อมูลทั้งหมดในภาพรวมและให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34350 | การแก้ไขปัญหาด้านเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า 13 นิคมสหกรณ์ | นร | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการศึกษาแก้ไขปัญหาด้านเอกสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า ๑๓ นิคมสหกรณ์ ดำเนินการสำรวจและจัดทำข้อมูลรายละเอียดในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นและเกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑. จัดทำรายละเอียดภาพถ่ายทางอากาศหรือดาวเทียม และสำรวจพื้นที่และแนวเขตป่าที่เป็นที่ตั้งของนิคมสหกรณ์ซึ่งต้องการออกเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่าให้ชัดเจน รวมทั้งจัดทำบัญชีรายชื่อสมาชิกผู้เช่าที่ดินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่า ซึ่งเป็นเกษตรกรรายย่อยเดิมให้ถูกต้องและครบถ้วน ๒. กำหนดมาตรการในการป้องกันมิให้สมาชิกผู้เช่าที่ดินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่าเมื่อได้รับสิทธิในที่ดินทำกินแล้ว นำที่ดินที่ได้รับไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เพื่อรักษาพื้นที่ไว้ใช้เฉพาะทำการเกษตรต่อไปเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรการในทางบริหารที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลต่อไป ๓. กำหนดเงื่อนไขให้สมาชิกผู้เช่าที่ดินของกลุ่มเครือข่ายสหกรณ์นิคมผู้เช่าเมื่อได้รับสิทธิในที่ดินทำกินแล้ว จะโอนที่ดินนั้นให้แก่ผู้อื่นไม่ได้เว้นแต่เป็นมรดกตกทอดให้แก่ทายาทเท่านั้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) ดำเนินการตราร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง ๑๓ นิคมสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงเพื่อพิจารณาเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ๑๔ ป่า ให้สอดคล้องกับแนวทางข้างต้น และเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34351 | รายงานผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2552 | กค | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑ การศึกษาแนวทางการกำหนดโครงสร้าง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติงาน ตลอดจนระเบียบในการดำเนินงานต่าง ๆ ของหน่วยราชการและกองทุนอื่น ๆ ที่มีสถานะและลักษณะการดำเนินงานคล้ายคลึงกับกองทุน เพื่อยกร่างระเบียบและข้อบังคับคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อใช้ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการบริหารงาน การดำเนินงาน และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของกองทุน ตลอดจนใช้บังคับในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ๑.๒ การศึกษาวิเคราะห์ถึงวัตถุประสงค์ และเป้าหมายในการลงทุนของกองทุนฯ รวมทั้งหลักการบริหารสินทรัพย์ เพื่อกำหนดแนวทางการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเงินของกองทุนไปลงทุน การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุน หลักเกณฑ์การคัดเลือกและกำกับการดำเนินงานของผู้บริหารสินทรัพย์จากภายนอก รวมถึงการคัดเลือกผู้เก็บรักษาสินทรัพย์ ๑.๓ จัดทำรูปแบบมาตรฐานของสัญญาธุรกรรมทางการเงินของกองทุนฯ สำหรับใช้ในการทำธุรกรรม ได้แก่ ๑.๓.๑ การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน เป็นการจัดทำรูปแบบมาตรฐานของสัญญาธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุน โดยการทำสัญญา ISDA Master Agreement ซึ่งจัดทำโดย International Swap and Derivatives Association, Inc (ISDA) ระหว่างกองทุนฯ และสถาบันการเงินที่จะเป็นคู่สัญญาเพื่อใช้ในการปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงของกองทุน ๑.๓.๒ การทำธุรกรรมซื้อโดยมีสัญญาจะขายคืนซึ่งตราสารหนี้ เป็นการจัดทำรูปแบบมาตรฐาน (Standard Format) ของสัญญาประกอบ (Schedule to the Master Agreement) ซึ่งเป็นสัญญาแบบท้ายสัญญา Global Master Repurchase Agreement (GMRA) ซึ่งจัดทำโดย International Securities Market Association (ISMA) กับคู่สัญญาเพื่อปกป้องสิทธิและลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรม (Counter - party Risk) ของกองทุนฯ และสัญญายืนยันการเข้าทำธุรกรรม (Confirmation) ซึ่งเป็นสัญญาที่ระบุรายละเอียดของการทำธุรกรรม ๒. กองทุนได้รับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน แต่เนื่องจากระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ ของกองทุนยังไม่มีผลบังคับใช้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ดังนั้น ค่าใช้จ่ายของกองทุนจึงมีเฉพาะค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ จำนวน ๕๙,๘๗๒ บาท สำหรับงบแสดงฐานะการเงินของกองทุน ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ กองทุนมีรายได้จากเงินงบประมาณและดอกเบี้ยรับรวม ๑,๐๐๐,๗๐๖.๖๑ บาท และมีค่าใช้จ่ายรวม ๕๙,๘๗๒ บาท ทำให้กองทุนมีสินทรัพย์รวม ๙๔๐,๘๓๔.๖๑ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34352 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับศพข้าราชการและลูกจ้างประจำของทางราชการซึ่งถึงแก่ความตายในระหว่างเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๐๙ ๑.๒ แก้ไขการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าพาหนะในการเดินทางเพื่อไปปลงศพหรือพาหนะ และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการส่งศพกลับของข้าราชการและลูกจ้างประจำของทางราชการ จากเดิมที่ให้จ่ายได้เฉพาะข้าราชการและลูกจ้างประจำ เปลี่ยนเป็นให้จ่ายแก่ผู้เดินทางไปราชการซึ่งมีทั้งข้าราชการ ลูกจ้างประจำของส่วนราชการ และพนักงานราชการ ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การเบิกค่าเช่าที่พักในลักษณะเหมาจ่ายและลักษณะจ่ายจริง โดยอัตราค่าเช่าที่พักให้เบิกตามบัญชี ๓ ท้ายระเบียบ ๑.๔ แก้ไขชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางโดยรถไฟ ๑.๕ แก้ไขชื่อตำแหน่งให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สำหรับการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศกรณีเดินทางไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับหัวหน้าคณะ ๑.๖ แก้ไขให้ผู้เดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวสามารถเบิกค่าเครื่องแต่งตัวได้ทุก ๒ ปี นับจากปีที่ได้รับค่าเครื่องแต่งตัว ๑.๗ แก้ไขตำแหน่งข้าราชการในบัญชีหมายเลข ๒, ๓, ๖, ๗, ๘ และ ๑๐ ท้ายระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ (ร่างข้อ ๙) ทั้งนี้ ปรับเพิ่มอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางในราชอาณาจักร (บัญชีหมายเลข ๒) และปรับอัตราค่าเช่าที่พักในราชอาณาจักร (บัญชีหมายเลข ๓) ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เกี่ยวกับกรณีการเดินทางไปราชการเป็นหมู่คณะ โดยเฉพาะในการเดินทางไปราชการในต่างประเทศต้องพักแรมรวมกันสองคนต่อหนึ่งห้อง โดยให้เบิกค่าเช่าที่พักได้เท่าที่จ่ายจริงในอัตราค่าเช่าห้องพักคู่คนละไม่เกินร้อยละเจ็ดสิบของอัตราค่าเช่าห้องพักคนเดียว เนื่องจากโรงแรมในต่างประเทศส่วนใหญ่มีห้องพักขนาดเล็กและจัดห้องพักในลักษณะเตียงเดี่ยว โดยห้องพักซึ่งเป็นเตียงเดี่ยวสองเตียงมีจำนวนน้อยหรือแทบไม่มีเลย การกำหนดให้ข้าราชการดังกล่าวต้องพักรวมกันสองคนจะไม่สะดวกในทางปฏิบัติ นอกจากนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์การเบิกเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวและค่าใช้จ่ายอื่น ควรปรับปรุงแก้ไขให้สามารถใช้บริการของเอกชนในการอำนวยความสะดวก เช่น จัดหายานพาหนะและที่พักให้แก่ข้าราชการที่เดินทางไปราชการในต่างประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาความเหมาะสมจำเป็นในการปรับปรุง แก้ไข กฎหมายในเรื่องนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34353 | การเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) | ทส | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานตรงกับเกณฑ์ข้อที่ ๑๐ คือ “ถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ในถิ่นที่อยู่ (In-situ conservation) ของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงถิ่นที่อยู่ของชนิดพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ที่มีความโดดเด่นเป็นสากลทั้งจากมุมมองของวิทยาศาสตร์หรือการอนุรักษ์” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศวิทยาและความหลากหลายทางชีวภาพให้กระทรวงกลาโหมทราบ เนื่องจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานมีพื้นที่บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม คือ มีเขตปลอดภัยทางทหารอยู่ในพื้นที่แนวเชื่อมต่อระหว่างอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและกุยบุรี และเห็นควรปฏิบัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เกี่ยวกับการตรวจสอบพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยกรมแผนที่ทหารให้รอบคอบก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเขตแดนไทย-พม่า รวมทั้งให้ขอความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติก่อนจะนำเรื่องเสนอเข้าบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการดำเนินการเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และให้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนและชุมชนในพื้นที่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34354 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554) | กต | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๑๙๕๒ (ค.ศ. ๒๐๑๐) เกี่ยวกับการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โดยขยายมาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ออกไปจนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติต่อไป โดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของไทย และแจ้งผลการดำเนินงานให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักข่าวกรองแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มการตรวจสอบตู้สินค้าที่มีปลายทางหรือส่งมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกผ่านท่าเรือคลองเตย และท่าเรือแหลมฉบังของไทย เนื่องจากมีรายงานการลักลอบขนส่งอาวุธจากประเทศในเอเชียไปยังประเทศในแอฟริกาตะวันออก นอกจากนี้ ควรระมัดระวังและเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพและเสถียรภาพ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือและประสานงานในการแลกเปลี่ยนข่าวสารและการข่าวกรองกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับกิจกรรมและความเคลื่อนไหวของบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ปรากฏอยู่ตามข้อมติดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34355 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทยและอินโดนีเซีย | ศธ | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาระหว่างไทย - อินโดนีเซีย เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสองประเทศในการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้บริหารการศึกษา เจ้าหน้าที่ระดับสูง นักวิจัย ครู และนักเรียน รวมถึงการแลกเปลี่ยนสื่อการเรียนการสอน สื่อสิ่งพิมพ์ ข้อมูลข่าวสาร การสอนภาษา การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม และการวิจัยในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการจัดสรรทุนการศึกษา/ฝึกอบรมต้องสอดคล้องกับการวางแผนกำลังคนหรือความต้องการกำลังคนของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และการจัดสรรทุนในรูปแบบอื่น ๆ ควรเป็นไปตามอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมายที่กำหนด ส่วนการรับรองวุฒิการศึกษาโดยสถาบันการศึกษาของไทยและอินโดนีเซียตามระเบียบและกฎหมายของคู่ภาคี เป็นการรับรองคุณวุฒิระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยและอินโดนีเซียเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนครู บุคลากร นักเรียนระหว่างกัน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้เกิดการพัฒนาทางวิชาการของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศคู่ภาคี มิได้มีความหมายในการรับรองคุณวุฒิเพื่อบรรจุเข้ารับราชการตามนัยมาตรา ๘ (๑๐) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34356 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง (การจัดสรรงบประมาณสำหรับจ่ายเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูโรงเรียนเอกชนโดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป) | ศธ | 04/01/2554 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอขอถอนความเห็นของกระทรวงการคลังที่ไม่เห็นชอบให้ใช้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายจ่ายเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูโรงเรียนเอกชน รวมทั้งกรณีขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ ที่อนุมัติในหลักการที่จะช่วยเหลือครูโรงเรียนเอกชนเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าว ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๖๗,๓๕๙,๖๐๘ บาท สำหรับเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้แก่ครูโรงเรียนเอกชน จำนวน ๗๔,๔๓๔ คน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน ๒๕๕๓ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป โดยวงเงินที่ต้องจ่ายเป็นเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ประมาณเดือนละ ๑๐๖,๙๔๗,๘๔๓ บาท รัฐบาลจะรับภาระครึ่งหนึ่ง ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง เป็นเงินเดือนละ ๕๓,๔๗๑,๙๒๑.๕๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๖๔๑,๖๖๓,๐๕๘ บาท โดยให้ตรวจสอบจำนวนครูที่มีสิทธิให้ถูกต้องเป็นปัจจุบันก่อนและขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับโรงเรียนที่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีรายชื่อครูผู้มีสิทธิแล้ว โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเป็นรายไตรมาสต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34357 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปช | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34358 | ผลการดำเนินการของคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ครั้งที่ 10/2553) | นร | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย)
ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยรายงานสรุปผลการประชุมของคณะ กรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมได้มี มติเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือให้ แก่ผู้ประสบภัยทุกรายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ และให้ ปภ. พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ การให้ความช่วยเหลือครัวเรือนที่ขอรับเงินช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท สำหรับจังหวัดที่จะแจ้งจำนวนครัว เรือนเพิ่มเติมภายหลังวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๓ และหาก ปภ. พิจารณาเห็นว่าพื้นที่ใดมีข้อสงสัยในเรื่องความ ถูกต้องของข้อมูล ให้แจ้งคณะอนุกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อปท.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสน เทศ (GISTDA) ช่วยตรวจสอบข้อมูลจากแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ๒. ให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองแผนงาน/โครงการของ ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาและพื้นฟูบูรณะภายหลังอุทกภัย โดยมีรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน คชอ. เป็นประธานอนุกรรมการ และให้ฝ่าย เลขานุการ คชอ. มีหนังสือเร่งรัดให้ส่วนราชการต่าง ๆ จัดทำรายละเอียดและแผนการดำเนินงานของแผนงาน/ โครงการ ส่งให้ คชอ. ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เพื่อ คชอ. จะได้พิจารณากลั่นกรองและจัดลำดับความ สำคัญของแผนงาน/โครงการ เพื่อจัดทำเป็นแผนการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูภายหลังอุทกภัยในภาพรวมเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. ให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) พิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วย เหลือเกษตรกรที่สวนยางได้รับความเสียหายแต่ไม่เสียสภาพสวน เสนอให้ คชอ. พิจารณาในการประชุมครั้งต่อ ไป รวมทั้งสำรวจว่าจำนวนต้นยางที่ได้รับความเสียหายแต่ไม่เสียสภาพสวนมีจำนวนเท่าใด และจำนวนสวนยาง ที่อยู่ในเขตห้ามล่า ในอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง มีจำนวนเท่าใด เพื่อรายงานให้ คชอ. ทราบด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อร้องเรียนของเกษตรกรชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ที่ประสบอุทก ภัยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือในราคาต้นทุนของสวนทุเรียนที่สูงกว่าพืชอื่น ๆ เพื่อพิจารณาแนวทางการให้ ความช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป รวมทั้งหากมีกรณีร้องเรียนในทำนองเดียวกันนี้อีก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ไปพิจารณาเป็นรายกรณีไป ๕. ให้รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยประสานงานกับสำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอทราบรายละเอียดของประเภทสินค้า/สิ่งของ ที่รัฐบาลจีนจะให้ความช่วยเหลือ เพื่อ คชอ. จะได้พิจารณามอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ รับสิ่งของไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์ระงับการดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุง ขนาด ๒๕ กิโลกรัม เพื่อแจกจ่าย ประชาชนผู้ประสบภัย ครอบครัวละ ๑ ถุง ไปก่อน ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์การ ระบายข้าวของรัฐบาลและการชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้ข้อยุติแล้ว จึง ค่อยเสนอโครงการให้ คชอ. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34359 | การแก้ไขปัญหาและลดอุบัติเหตุทางถนน | นร | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการในการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System : GPS) มาใช้ติดตั้งกับรถสาธารณะ ส่วนรถที่ใช้ในราชการให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและเร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34360 | กำหนดให้มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเป็นมาตรการถาวร | กค | 28/12/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบกำหนดให้มีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างองค์กรเป็นมาตรการถาวร ไม่มี กำหนดระยะเวลา เพื่อให้กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิ ภาพในการดำเนินงานของบริษัท ช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตลอดจนเป็น การสอดคล้องกับการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ประกอบกิจ การซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือบริษัทจำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือเดียวกัน สำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|