ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1715 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34281 - 34300 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34281 | ร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๘ ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม และการพัฒนากีฬาของชาติในปัจจุบัน โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกีฬาจังหวัด และบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจและหน้าที่การบริหารงานตามแนวทางการปฏิรูประบบราชการ รวมทั้งกำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติขึ้นในการกีฬาแห่งประเทศไทย กำหนดหลักเกณฑ์ในการรับรองสมาคมกีฬา การขออนุญาต และการอนุญาตให้เป็นสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และการเพิกถอนการรับรองหรือการอนุญาต ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34282 | แผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. 2554 - 2555 | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๕ ที่มีเป้าหมายลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงเหลือ ๑๔.๑๕ คนต่อประชากรหนึ่งแสน หรือประมาณ ๙,๐๑๒ คน ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยแผนปฏิบัติการฯ จัดทำขึ้นภายใต้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๕ เน้นในเรื่องการลดปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสียชีวิตและบาดเจ็บรุนแรง และกำหนดให้การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเป็นแนวทางสำคัญในยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงให้จังหวัดพิจารณานำแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๕ ไปดำเนินการให้บรรลุตามเป้าหมายของแผนปฏิบัติการที่กำหนด ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เสนอ ๒. สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ ศปถ. แจ้งว่าเป็นแผนบูรณาการร่วมกันของ ๘ หน่วยงาน และต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ จำนวน ๑,๓๓๙.๘๒ ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จะขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๙๔.๐๘ ล้านบาท นั้น เนื่องจากสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามภารกิจแล้ว ประกอบกับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น มีจำนวนจำกัด และจะต้องเตรียมไว้รองรับภัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุทกภัย ภัยแล้ง รวมทั้งภัยหนาว จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรรไปดำเนินการก่อน ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินการคลังของประเทศตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้ ศปถ. รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการฯ ควรแยกแผนงานด้านการรณรงค์และลดอุบัติเหตุ และแผนงานการพัฒนาระบบบริการด้านอุบัติเหตุออกจากกันให้ชัดเจน และข้อเสนอแนะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เห็นควรให้มีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบและประเมินผลการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ และมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี นอกจากนี้ การกำหนดเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนควรสัมพันธ์กับปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งบูรณาการแผนปฏิบัติการฯ ให้เชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางถนนของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ และแผนปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34283 | ร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยสรุป ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ให้มีความหมายครอบคลุมเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภท รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวหรือมีเหตุผลความจำเป็นต้องมีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ๒. กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งมิได้มีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถมีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้ได้ ๓. กำหนดข้อยกเว้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีกฎหมายกำหนดให้ออกบัตรประจำตัวให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐไว้เป็นการเฉพาะแล้ว ไม่ต้องมีบัตรประจำตัวสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัตินี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34284 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาตาล่วง ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลทับเที่ยง ตำบลบางรัก ตำบลโคกหล่อ ตำบลบ้านควน และตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34285 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | กค | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้คงกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๑,๑๗๔,๗๑๑,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ กปภ. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ โครงการชำระเงินกู้เพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) รายการชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน ๕๘๗,๓๕๕,๕๐๐ บาท สำหรับวงเงินส่วนที่ขาด จำนวน ๕๘๗,๓๕๕,๕๐๐ บาท ให้ กปภ. กู้เงินเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังกล่าว และในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ให้ใช้จ่ายจากรายการค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว จำนวน ๒๕,๑๐๓,๖๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ กปภ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำระบบบัญชี โดยแยกบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายของการให้บริการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม เพื่อให้การคำนวณต้นทุนและประมาณการทางการเงินมีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุนการผลิตและการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดวงเงินอุดหนุนการบริการสาธารณะในปีต่อ ๆ ไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34286 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกห้าปี จำนวน 2 ฉบับ) | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีก ๕ ปี จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๙ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพิจิตร พ.ศ. ๒๕๔๙ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34287 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเนินมะปราง และตำบลบ้านน้อยซุ้มขี้เหล็ก อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34288 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34289 | รายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบรายงานการประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นผู้ติดตามกำกับดูแลการดำเนินงานขององค์การมหาชน ๓ แห่ง ซึ่งจะต้องดำเนินการปรับปรุงองค์กรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง สรุปผลการประเมินองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒) คือ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับร้อยละของระดับความพึงพอใจในการให้บริการขององค์การมหาชนที่มีคะแนนต่ำกว่า ๓ ให้องค์การมหาชนดังกล่าวปรับปรุงบริการโดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดให้มีน้ำหนักสูงขึ้น เพื่อมุ่งให้องค์การมหาชนดังกล่าวพัฒนาคุณภาพบริการให้ดียิ่ง รวมถึงองค์การมหาชนที่ได้คะแนนต่ำกว่า ๓ ในส่วนของตัวแปรชี้วัดความสำเร็จของการจัดทำต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต ควรปรับปรุงให้มีระบบต้นทุนที่ดีขึ้น และโดยที่ในอนาคตกระแสโลกจะมุ่งไปสู่ “การเติบโตที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อม” การปรับตัวของประชาชนและภาคธุรกิจเพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ การซื้อขายคาร์บอนจะเป็นรายได้และรายจ่ายของธุรกิจระหว่างประเทศในอนาคต ดังนั้น องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกจะต้องส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดความเข้าใจเข้าถึงของประชาชนและธุรกิจมากขึ้นกว่าปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นผู้ติดตาม กำกับดูแลการดำเนินงานขององค์การมหาชนทั้งหมดทั้งในเรื่องของงบประมาณและการแก้ไขปัญหาความซ้ำซ้อนกันในการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการ องค์การมหาชน รัฐวิสาหกิจ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการปฏิบัติงาน ว่าหน่วยงานใดควรเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนั้นต่อไป หรือควบรวมตลอดจนยุบเลิก เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจขององค์การมหาชนสามารถเสริมสร้างและสนับสนุนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34290 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแก่งเสือเต้น จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแก่งเสือเต้น จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34291 | แผนงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด (เพิ่มเติม) | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอขอปรับปรุงเอกสารสรุปแผนงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนมาบตาพุดใหม่ เนื่องจากมีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับรายชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบและวงเงินงบประมาณสลับกัน ระหว่างโครงการ ๒.๙ และโครงการที่ ๒.๑๐ จึงขอปรับปรุง (เอกสารเล่มสีฟ้าและหน้าที่ ๓ ของบันทึกลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓) ให้ถูกต้อง ดังนี้ ๑.๑ ลำดับที่ ๒.๙ โครงการพัฒนาและเสริมเครือข่ายอาสาสมัครด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข วงเงินงบประมาณ ๑๑.๘๔ ล้านบาท ๑.๒ ลำดับที่ ๒.๑๐ โครงการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนในการมีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกรมอนามัย วงเงิน ๕.๐๐ ล้านบาท ๒. อนุมัติในหลักการโครงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดเพิ่มเติมอีกจำนวน ๑๕ โครงการ วงเงินรวม ๒๕๕.๗๒๕๖๕ ล้านบาท จำแนกเป็น แผนงานแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของมาบตาพุด (เพิ่มเติม) ประกอบด้วย ๓ โครงการ วงเงิน ๑๗๔.๒๙๒๖๕ ล้านบาท แผนงานเร่งด่วนเพื่อลดและขจัดมลพิษในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง ประกอบด้วย ๑๑ โครงการ วงเงินรวม ๗๗.๙๓๓๐ ล้านบาท และโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสำรวจออกแบบเพื่อก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะ บริเวณหาดน้ำรินและหาดพยูน เทศบาลตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง วงเงิน ๓.๕ ล้านบาท ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินจำนวน ๒๕๕.๗๒๕๖๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้มีระยะเวลาสอดคล้องกับความเร่งด่วนของปัญหา และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยให้เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๔ ด้วย ๓. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการพัฒนาและติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดสารเคมีเป็นลักษณะโครงข่ายของพื้นที่ที่สามารถบ่งชี้ประเภทสารเคมีและจุดที่เกิดการรั่วไหลได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งการพยากรณ์การเคลื่อนตัวของสารเคมี เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนภัย และจัดการกับภาวะฉุกเฉินสารเคมีรั่วไหลได้ทันที นอกจากนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการต้องเร่งรัดดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการ และมีการจัดทำตัวชี้วัดผลผลิตและผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรายงานความก้าวหน้าต่อคณะอนุกรรมการติดตามรายงานผลการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง และคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ทุกเดือน รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างกว้างขวาง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34292 | ระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (CABNET) ที่ผ่านมา และแนวทางการดำเนินงานในขั้นต่อไปของระบบ CABNET สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อพัฒนาการปฏิบัติงานในการสนับสนุนการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบจัดเก็บและสืบค้นข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี (ปี พ.ศ. ๒๕๓๒) ระบบสารบรรณอัตโนมัติเพื่อใช้ในการติดตามสถานภาพเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ปี พ.ศ. ๒๕๓๒) ระบบจัดทำวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีในรูปแบบ CD เพื่อลดเอกสาร (ปี พ.ศ. ๒๕๔๔) ระบบการประชุมคณะรัฐมนตรีทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) (ปี พ.ศ. ๒๕๔๖) และล่าสุดคือระบบ CABNET ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศสนับสนุนภารกิจของคณะรัฐมนตรีในกระบวนการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งระบบ ตั้งแต่การวางแผนการเสนอเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี การจัดทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี การแจ้งระเบียบวาระการประชุมและส่งเอกสารการประชุมคณะรัฐมนตรี การแจ้งมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งการสืบค้นข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่ใช้ระบบมีจำนวน ๓๗ หน่วยงาน ๑.๒ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้เริ่มดำเนินโครงการจัดทำระบบ CABNET ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยจ้างที่ปรึกษาโครงการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ และต่อมาได้ดำเนินการพัฒนาระบบ CABNET ระหว่างเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒ - พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ด้วยงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๙ สำหรับเป็นค่าจ้างที่ปรึกษาและค่าใช้จ่ายของโครงการจำนวน ๗๖,๔๑๔,๔๐๐ บาท โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการเชื่อมต่อเครือข่ายและพัฒนาระบบจนมีความพร้อมใช้งานแล้ว และมีการทดสอบการใช้งานกับหน่วยงานนำร่อง ๑๒ หน่วยงาน ในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ มีการทดลองปฏิบัติงานกับหน่วยงานนำร่องในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน ๒๕๕๓ รวมทั้งชี้แจงการใช้ระบบกับหน่วยงานทั้งหมดในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓ ๒. เห็นชอบให้ทุกหน่วยงานที่มีระบบ CABNET ใช้ระบบ CABNET ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๔ โดยให้ดำเนินการคู่ขนานกับการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีโดยใช้เอกสาร แล้วให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประเมินผลการใช้ระบบเพื่อกำหนดแนวทางการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีในระยะต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34293 | ร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและจีน | กษ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติจัดทำร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและจีน ๑.๒ อนุมัติในหลักการเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยกับกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรค (AQSIQ) แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการลงนามร่างพิธีสารฯ ๑.๔ อนุมัติให้ลงนามย่อ (Initial) ในร่างพิธีสารฯ ไปพลางก่อนได้ในกรณีที่มีความล่าช้าในขั้นตอนระหว่างการลงนามร่างพิธีสารฯ โดยผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และผู้แทนกระทรวงควบคุมคุณภาพและตรวจสอบกักกันโรค (AQSIQ) แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระดับอธิบดี เป็นผู้ลงนามฝ่ายจีน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับชนิดของผลไม้ที่นำเข้าต้องไม่ซ้ำซ้อนกับผลไม้ของไทยที่มีอยู่ในท้องตลาด และกำหนดปริมาณการนำเข้าเพื่อมิให้กระทบกระเทือนถึงเกษตรกรของไทยที่ปลูกผลไม้ด้วย รวมทั้งปริมาณการนำเข้าและส่งออกต้องสมดุลกันอย่างเหมาะสม ส่วนการตรวจสอบและกักกันโรคควรจัดเจ้าหน้าที่ให้พอเพียงแก่การดำเนินงานและต้องเข้มงวดอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นเพิ่มเติมของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า หากสามารถจัดทำร่างพิธีสารฯ เพิ่มเติมโดยใช้เส้นทาง R 12 ได้ จะทำให้การขนส่งผลไม้จากไทยไปตลาดจีนสามารถดำเนินการได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34294 | การประดับธงอาเซียน | กต | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างแนวปฏิบัติในการใช้ธงอาเซียน (Guidelines on the Use of the ASEAN Flag) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารดังกล่าวในการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแนวปฏิบัติฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ให้สำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามนัยมาตรา ๔๖ วรรคสอง (๖) และวรรคสี่แห่งพระราชบัญญัติธง พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่ออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศใช้ ชัก หรือประดับธงอาเซียนคู่กับธงชาติเป็นการถาวร ณ ที่ทำการของกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการอาเซียนแห่งชาติ (กรมอาเซียน) รวมทั้งที่ทำการคณะผู้แทนการทูตและกงสุลของไทยในต่างประเทศ ยกเว้นประเทศที่ประเทศสมาชิกอาเซียนบางประเทศไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูต ๑.๓ ให้ทุกหน่วยราชการรับทราบแนวทางการประดับธงชาติอาเซียนดังกล่าว เพื่อพิจารณาใช้เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการประดับธงในการจัดประชุมและจัดกิจกรรมอาเซียนในประเทศไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติคู่หรือร่วมกับธงของต่างประเทศ จะต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒๑ - ข้อ ๒๓ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34295 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2553) | กค | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ ๒ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ (เมษายน - มิถุนายน) มีการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพพม่า) โดยมีมูลค่าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม ๑๙๑,๐๑๗ บาท แยกเป็นมูลค่าสินค้าที่ยกเว้นอากร ๑๙๑,๐๑๗ บาท และไม่พบมูลค่าสินค้าที่ลดหย่อนอากร และเมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ไตรมาสที่ ๑ ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ มีการนำเข้าลดลง จำนวน ๑๑,๔๕๐,๓๒๒ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34296 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี และสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี และสาขาวิชานิเทศศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34297 | รัฐบาลมาเลเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [ดาโต๊ะนาซีระห์ บินตี ฮุสซัยน์ (Dato' Nazirah binti Hussain)] | กต | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งดาโต๊ะนาซีระห์ บินตี ฮุสซัยน์ (Dato’ Nazirah binti Hussain) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมาเลเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน ดาโต๊ะฮุสนี ไซ บิน ยาโคบ (Dato’ Husni Zai bin Yaacob) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34298 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๖ ได้ตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดบทนิยาม “การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ” “หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมาย” “หน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพ” “ชุมชนท้องถิ่น” “หนังสืออนุญาต” และ “ข้อตกลง” ๒. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายและหน่วยงานของรัฐที่ครอบครองทรัพยากรชีวภาพซึ่งมิได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไว้โดยเฉพาะ จะอนุญาตให้มีการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพได้ เมื่อได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพตามแบบที่คณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) กำหนด ๓. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอ ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพใดมีแหล่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใด ให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอสอบถามความเห็นจาก อปท. นั้น และให้ อปท. นั้นมีหน้าที่ให้ความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาต ๕. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาตพิจารณาคำขอรับหนังสืออนุญาตให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอรับหนังสืออนุญาต หรือนับแต่วันที่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานและรายละเอียดต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วน แล้วแต่กรณี ๖. กำหนดให้ข้อตกลงต้องระบุถึงความตกลงระหว่างหน่วยงานของรัฐที่ได้ออกหนังสืออนุญาตกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย สิทธิและประโยชน์ตอบแทนในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพไม่ว่าจะคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ ที่หน่วยงานของรัฐ ผู้ได้รับอนุญาต และชุมชนท้องถิ่นพึงจะได้รับ ค่าภาษีอากร และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามกฎหมาย ๗. กำหนดเนื้อหาในข้อตกลงที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ และข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการพาณิชย์ ๘. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตต้องทำความตกลงกับผู้ได้รับหนังสืออนุญาตเกี่ยวกับการรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงตามระยะเวลาที่จะตกลงกัน แต่ต้องไม่น้อยกว่า ๓ เดือนต่อหนึ่งครั้ง และการรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพเมื่อหนังสืออนุญาตสิ้นผล ๙. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่ออกหนังสืออนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม และกำกับดูแล ให้ผู้ได้รับหนังสืออนุญาตปฏิบัติตามข้อตกลงโดยเคร่งครัด และรายงานความก้าวหน้าในการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพตามข้อตกลงให้ กอช. ทราบตามระยะเวลาที่ กอช. กำหนด รวมทั้งรายงานผลการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชีวภาพให้ กอช. ทราบ เมือหนังสืออนุญาตสิ้นผล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34299 | การขอยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1008.1/ว 28 ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2552 | กต | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร ๑๐๐๘.๑/ว ๒๘ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับวิธีการคำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือน ๒. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศบริหารวงเงินงบประมาณสำหรับเลื่อนเงินเดือนข้าราชการในทุกส่วนราชการที่สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยพิจารณาในภาพรวมของกระทรวงเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติเดิมที่คณะรัฐมนตรีเคยมีมติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34300 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ครั้งที่ 10/2553 | นร | 11/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง ความก้าวหน้าของเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) และความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ สาขาพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งเห็นชอบตามมติคณะกรรมการฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ตรวจสอบความชัดเจนของข้อกฎหมายที่รองรับหรือให้อำนาจการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) สำหรับการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเสนอวัตถุประสงค์ หลักเกณฑ์ และแนวทางการจัดสรรเงินกู้ดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ๑.๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ โครงการที่ได้ดำเนินการและเบิกจ่ายแล้ว ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการในด้านผลลัพธ์หรือผลสำเร็จของโครงการตามดัชนีชี้วัดที่กำหนดไว้ ๑.๒.๒ โครงการที่ยังไม่ได้ขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และโครงการที่ยังไม่เริ่มดำเนินการควรพิจารณายกเลิกโครงการและนำเงินมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยซึ่งมีความเร่งด่วนก่อน ๑.๒.๓ โครงการที่ขอขยายระยะเวลาการขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และขยายระยะเวลาการขอรับจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการออกไปเกินกว่าปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ควรตรวจสอบว่าโครงการดังกล่าวได้มีการผูกพันสัญญาไว้แล้วหรือไม่ หากยังไม่มีการผูกพันสัญญาควรพิจารณานำเงินมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยซึ่งมีความเร่งด่วนก่อน และหากเป็นโครงการที่มีวงเงินลงทุนสูงควรพิจารณาทางเลือกในการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนหรือจัดสรรงบประมาณดำเนินการจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ๒. สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต วงเงิน ๒,๖๐๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. เห็นชอบการปรับปรุงชื่อโครงการที่หน่วยงานเสนอเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในสาขาต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ อนุมัติไว้แล้ว ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๓.๑ จาก “โครงการช่วยเหลือและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ๘๖๓ รายการ” เป็น “โครงการช่วยเหลือและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย” ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๔๒๗.๒๓ ล้านบาท ๓.๒ จาก “รายการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานจากเหตุอุทกภัย ๙๘ รายการ” เป็น “รายการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานจากเหตุอุทกภัย” ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๑๙.๙๕ ล้านบาท ๓.๓ จาก “รายการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานจากเหตุอุทกภัย ๙๘ รายการ (ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสำนักงานบ้านพักข้าราชการ)” เป็น “รายการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานจากเหตุอุทกภัย (ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสำนักงานบ้านพักข้าราชการ)” ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๔.๔๖ ล้านบาท
|
.....