ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1713 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34241 - 34260 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34241 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดซื้อและติดตั้งเครื่องเรดาร์ตรวจอากาศ | ทก | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ (เครื่องเรดาร์ตรวจอากาศ) เพื่อทดแทนของเดิมและเพิ่มเติมให้มีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังและเตือนภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการนั้น ให้กรมอุตุนิยมวิทยาพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้กรมอุตุนิยมวิทยาร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยพิบัติจัดเตรียมแผนการป้องกันภัยพิบัติแบบบูรณาการให้เป็นระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
34242 | ขอความเห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้บริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 จังหวัดเชียงราย และให้ใช้ประโยชน์ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่1 จังหวัดเชียงราย เป็นท่าเรือท่องเที่ยว | คค | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เป็นผู้บริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการท่าเรือ ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมือในการประสานงานและสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่เพื่อให้การให้บริการของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย เป็นไปในลักษณะการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. การพิจารณาอัตราค่าเช่าและการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย รวมทั้งการพิจารณาให้ กทท. เป็นหน่วยงานบริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ และอัตราค่าเช่าที่เหมาะสม มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติโดยมีกรอบเวลาที่ชัดเจน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งภายใน ๓๐ วัน ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการเจรจากับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อหารือในเรื่องเกี่ยวกับเขตแดนและร่องน้ำ การบริหารจัดการปริมาณน้ำ และการจัดการคมนาคมในแม่น้ำโขงให้สามารถทำการขนส่งสินค้าได้ตลอดปี |
|||||||||||||||||||||||||||
34243 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นอย่างน้อยต้องมีผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนึ่งคน ผู้แทนสมาชิกสภาเทศบาลหนึ่งคน และผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลหนึ่งคนหรือสองคนแล้วแต่กรณี ๑.๒ กำหนดวิธีการสรรหากรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่น การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกและบัญชีรายชื่อสำรอง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการก่อนครบวาระ ๑.๓ กำหนดบทเฉพาะกาล ให้กรรมการผู้แทนสมาชิกสภาท้องถิ่นปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ และกรณียังไม่มีบัญชีรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำเนินการสรรหาภายใน ๖๐ วัน ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มผู้แทนสมาชิกสภาเมืองพัทยา เป็นกรรมการในคณะกรรมการธรรมาธิบาลจังหวัดชลบุรี และแก้ไขถ้อยคำในร่างระเบียบฯ จากคำว่า “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรบริหารส่วนจังหวัด” เป็น “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด “และคำว่า “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรบริหารส่วนตำบล” เป็น “ผู้แทนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล” และเพิ่มผู้แทนสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรูปแบบการปกครองลักษณะพิเศษ และปรับปรุงข้ออื่น ๆ ให้สอดคล้องกับที่ปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวด้วย รวมทั้งเพิ่มเติมข้อความว่า “ไม่เป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ” ไว้ในระเบียบฯ ข้อ ๘ (๑๐) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34244 | ขอความเห็นชอบวาระแห่งชาติด้านวัคซีน | สธ | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อวาระแห่งชาติด้านวัคซีน เพื่อเร่งรัดการพัฒนาวัคซีนของประเทศให้สามารถพึ่งพาตนเองได้จริง และมีโอกาสเป็นผู้นำในภูมิภาค ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ประกอบด้วย ๑.๑ ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อให้การวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนในประเทศมีความก้าวหน้าโดยเร็ว โดยกำหนดในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน จำนวน ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ผลักดันและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ โดยหน่วยงานกลางด้านวัคซีนของประเทศ ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านวัคซีนภายในประเทศให้มีองค์ความรู้เพียงพอ และมีทักษะเฉพาะด้านที่เหมาะสมกับภารกิจ ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ จัดตั้งและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการวิจัยพัฒนา การผลิต และการควบคุมคุณภาพวัคซีนตั้งแต่การวิจัยพัฒนาจนถึงการใช้วัคซีน ๑.๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สนับสนุนการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนได้เองภายในประเทศทั้งวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการป้องกันและควบคุมโรคในภาวะปกติและเมื่อเกิดการระบาด ๑.๒ โครงการการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีนภายในประเทศเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๑๐ โครงการหลัก จำแนกเป็นโครงการระยะสั้น (๒ ปี) จำนวน ๑ โครงการ โครงการระยะกลาง (๕ ปี) จำนวน ๕ โครงการ และโครงการระยะยาว (๑๐ ปี) จำนวน ๔ โครงการ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการให้ความสำคัญเรื่องความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศมีการดำเนินการทางด้านการทูตเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสาธารณสุข หากมีการจัดประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ขอให้เชิญกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมด้วย สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุอยู่ในวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโครงการจัดทำแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ชัดเจนในแต่ละปี และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่เพื่อรองรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับวาระแห่งชาติด้านวัคซีน ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
34245 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กศส.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กศส. เสนอ โดยที่ประชุม ฯ ได้มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตามข้อเสนอของกรมทรัพย์สินทางปัญญา และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดทำคำสั่งต่อไป ๑.๒ เห็นชอบให้มีการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ เรื่อง การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ข้อ ๑๐ วรรคท้าย โดยให้แก้ไขคำว่า “ข้าราชการ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” และให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (สศส.) อีกตำแหน่งหนึ่ง จนกว่าจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ที่ได้แก้ไขแล้ว และให้ สศช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดทำคำสั่งต่อไป ๑.๓ รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ (กบศส.) โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธานกรรมการเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการดำเนินงานและการบริหารงานทั่วไป รวมทั้งออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินงานของ สศส. ๑.๔ รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเห็นชอบรูปแบบองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ โดยให้จัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ใน สศช. และให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน ๑.๕ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินโครงการสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ๑.๖ รับทราบแนวทางการบริหารจัดการ สศส. ๒. เห็นชอบในหลักการตามผลการพิจารณาและมติของ กศส. ในเรื่อง การขอแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ ข้อ ๑๐ วรรคท้าย โดยให้แก้คำว่า “ข้าราชการ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” เพื่อให้ครอบคลุมถึงข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในกระทรวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ทั้งนี้ เพื่อเปิดกว้างสำหรับการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ และให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีรับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบฯ ให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบฯ ข้อ ๑๐ วรรคท้าย ดังกล่าว ควรต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมบทนิยามในข้อ ๓ คำว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” เพิ่มเติมขึ้นด้วย เพื่อความชัดเจนในทางปฏิบัติ ประกอบกับตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีการกำหนดนิยามคำว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” ไว้ถึง ๑๖ ประเภท จึงเห็นควรกำหนดบทนิยามดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่และการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการบริหารสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
34246 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับโครงการจัดซื้อทดแทนรถผลิตรายการนอกสถานที่พร้อมอุปกรณ์พิเศษระบบ Digital Full High Definition | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมประชาสัมพันธ์เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการจัดซื้อทดแทนรถผลิตรายการนอกสถานที่พร้อมอุปกรณ์พิเศษระบบ Digital Full High Definition จำนวน ๑ คัน โดยให้กรมประชาสัมพันธ์ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๒. ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อเร่งรัดจัดทำแผนการปรับปรุงระบบแพร่ภาพออกอากาศไปเป็นระบบ Digital Full High Definition ตามความจำเป็นเหมาะสมในแต่ละปีให้สอดคล้องกับกำหนดเวลาตามเป้าหมายที่ให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2015 ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า ในภาพรวมของรถที่ผลิตรายการนอกสถานที่ของกรมประชาสัมพันธ์มีอายุใช้งานค่อนข้างมาก บางส่วนชำรุด ใช้งานไม่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และระบบแพร่ภาพออกอากาศยังเป็นระบบ Analogue ซึ่งเป็นระบบค่อนข้างเก่าและล้าสมัย ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านของไทยในกลุ่ม ASEAN อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านระบบแพร่ภาพออกอากาศเข้าสู่ระบบ Digital Full High Definition ซึ่งมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี ค.ศ. ๒๐๑๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
34247 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำเมืองชตุทท์การ์ท สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี [นางมารีอันเนอ ซอร์น (Marianne Zorn)] | กต | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางมารีอันเนอ ซอร์น (Marianne Zorn) ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองชตุทท์การ์ท สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี มีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐบาเดิน - เวือร์ทเทมแบร์ก สหพันธสาธารณรัฐเยอรมนี สืบแทน นายคาร์ล ซอร์น (Karl Zorn) ซึ่งถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34248 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) (นายสุทธิเวช ต. แสงจันทร์) | วท | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุทธิเวช ต.แสงจันทร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34249 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 14/2553 | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ และเห็นชอบตามมติคณะกรรมการ รศก. ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ โดยที่ประชุมฯ มีมติ ดังนี้
๑. รับทราบภาพรวมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของประเทศ และให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและกำกับดูแลการปรับราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่มีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันพืช ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรซ์ และเครื่องแบบนักเรียน และเร่งพิจารณาราคาที่เหมาะสมต่อไป ๒. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card : TPC) และเห็นชอบในหลักการการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยยกเลิกสิทธิการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ สำหรับสมาชิกใหม่ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารอผลการพิจารณาข้อกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนดำเนินการต่อไป เพื่อให้การดำเนินการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษเป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๓. รับทราบรายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2011) โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. ศึกษาวิจัยแนวทางการดำเนินงานของประเทศต้นแบบที่ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย และจัดส่งข้อมูลดัชนีชี้วัดของการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำแนวทางการปรับปรุงการดำเนินการ และจัดส่งให้สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อรวบรวมและนำเสนอคณะกรรมการ รศก. เพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางการปรับปรุงอายุสัญญาการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
34250 | การโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุคืนให้แก่ผู้ยกให้ รายนายฉลวย ตูวิเชียร | กค | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สส. ๒๒ โฉนดเลขที่ ๔๘๔๑ ตำบลแม่กลอง (แหลมใหญ่) อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม คืนให้แก่นายฉลวย ตูวิเชียร ทายาทผู้ยกให้ และจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนและรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุตลอดจนค่าอากรแสตมป์ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีเงินได้ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด (ถ้ามี) แทนกระทรวงการคลังทั้งสิ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34251 | โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ระยะที่ 1: ส่วนสถานีไฟฟ้าแรงสูง | พน | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ ๑ : ส่วนสถานีไฟฟ้าแรงสูง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในวงเงินลงทุนรวม ๓,๘๑๕ ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ จำนวน ๑,๕๐๕.๐ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ในประเทศและการก่อสร้าง จำนวน ๒,๓๑๐.๐ ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาความสูญเสียที่เกิดจากไฟฟ้าดับเนื่องจากอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าภายในสถานีไฟฟ้าแรงสูงเกิดชำรุดหรือเสียหายจากสภาพอายุการใช้งานมานาน และช่วยเพิ่มความสามารถของสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานให้จ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยการปรับปรุงและขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูงที่จำเป็นต้องปรับปรุงเร่งด่วนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน ๑๕ สถานีไฟฟ้าแรงสูง รวม ๑๕ โครงการย่อย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรในระยะยาว เนื่องจาก กฟผ. ยังจะต้องมีโครงการลงทุนด้านพลังงานไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมช่วงก่อสร้าง ในการขนส่งอุปกรณ์และวัสดุก่อสร้างเพื่อลดผลกระทบด้านฝุ่นละออง เสียง และอุบัติเหตุ ตลอดจนให้ความสำคัญในการกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบจากการชะล้างพังทลายของดินและการกีดขวางทางไหลของน้ำทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ นอกจากนี้ ควรเร่งจัดทำโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานในระยะต่อไป เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาไฟฟ้าดับเนื่องจากยังมีสถานีไฟฟ้าของ กฟผ. อีกหลายแห่งที่มีอายุการใช้งานนานและอุปกรณ์เริ่มเสื่อมสภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
34252 | การลงนามบันทึกความเข้าใจของโครงการต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (The Model Project for An Environmentally Conscious High-Efficiency Arc Furnace) | อก | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักการร่างบันทึกความเข้าใจของโครงการต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (The Model Project for An Environmentally Conscious High-Efficiency Arc Furnace) ระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organization : NEDO) ประเทศญี่ปุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเตาหลอมที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรม โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้โดยประสานกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔ เห็นชอบหลักการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร อุปกรณ์ของโครงการฯ จากองค์การ NEDO และเมื่อได้รับการโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวในโครงการฯ ให้กับภาคเอกชนผู้ร่วมโครงการฯ เมื่อสิ้นสุดโครงการฯ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมนำเรื่องเสนอคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทำการตรวจวัดการระบายมลพิษที่เกิดขึ้นภายหลังการติดตั้งเตาหลอมและระบบบำบัด เพื่อจะเป็นข้อมูลเปรียบเทียบกับก่อนติดตั้งเตาหลอมดังกล่าว ส่วนการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตและระบบควบคุมมลพิษเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโรงงานเดิม ทำให้โรงงานมีกำลังการผลิตมากกว่า ๑๐๐ ตัน/วัน จึงเข้าข่ายต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การจัดทำความร่วมมือกับต่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศเพื่อดำเนินโครงการต้นแบบในทำนองเดียวกับโครงการฯ ตามข้อ ๑ กระทรวงอุตสาหกรรมหรือหน่วยงานเจ้าของโครงการในแต่ละกรณีควรพิจารณาดำเนินการด้วยความละเอียด รอบคอบ และคำนึงถึงปัญหาอันอาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับการจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ที่ได้จากการดำเนินโครงการฯ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
34253 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... | สว | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ..... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒. รับทราบผลการพิจารณาของกระทรวงแรงงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยเห็นว่าสามารถดำเนินการตามข้อสังเกตได้ ส่วนประเด็นตามข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามร่างพระราชบัญญัติฯ ที่ให้คำนึงถึงแนวทางในการสนับสนุน ส่งเสริม อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเหมาะสมตามความจำเป็น นั้น เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้าง โดยได้บัญญัติให้นายจ้างมีหน้าที่ดำเนินการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน การปฏิบัติศาสนกิจจึงเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แต่อย่างใด และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
34254 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการทุกบ้านปลอดภัย : การสนับสนุนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 | พม | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ข้อตกลงเพื่อการดำเนินโครงการทุกบ้านปลอดภัย : การสนับสนุนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ [Every Home a Safe Home : Supporting Thailand Towards Effective Implementation of Protection of Domestic Violence Victims Act B.E. 2550 (2007)] ระหว่างสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงนามในหนังสือข้อตกลงกับผู้ประสานงานสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ประจำประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารข้อมูลด้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ควรดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลความรุนแรงต่อเด็กและสตรีเป็นข้อมูลรายบุคคลซึ่งมีความละเอียดอ่อน และเป็นข้อมูลความลับของผู้ป่วย โดยเฉพาะกรณีที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ รวมทั้งการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ต้องมีคณะกรรมการดูแลฐานข้อมูลระดับชาติทำหน้าที่ดูแลระบบฐานข้อมูลตั้งแต่การกำหนดแนวทางในการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน ระบบการเข้าถึงข้อมูล การส่งต่อข้อมูลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ปลอดภัย และการมอบหมายผู้รับผิดชอบข้อมูลแต่ละหน่วยงาน ควรมอบหมายให้ตรงกับภารกิจของหน่วยงานนั้น ๆ นอกจากนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของเรื่อง ควรประสานกับส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การวางแผน การกำกับดูแล และการตรวจสอบติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกระยะ เนื่องจากโครงการฯ มีรายละเอียดขั้นตอนการดำเนินการร่วมกันระหว่างส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
34255 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 2/2553 | กค | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ และเห็นชอบตามมติคณะกรรมการ กนร. ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธาน กนร. เสนอ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
๑. รับทราบงบประมาณการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. พิจารณามูลค่าการลงทุนที่รัฐวิสาหกิจสามารถประหยัดงบประมาณลงทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และศึกษาผลประโยชน์ที่ประชาชนและภาคการผลิตจะได้รับการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เนื่องจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท และให้รัฐวิสาหกิจปรับลดงบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงโครงการลงทุนที่มีรายการ Import Content แฝงอยู่เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย และรายงาน กนร. พิจารณาในคราวประชุมครั้งต่อไป ๒. รับทราบการติดตามความคืบหน้าโครงการให้เอกชนเข้าร่วมงานในกิจการท่าเรือแหลมฉบัง โดยให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. พิจารณาความเหมาะสมของอัตรา Discount Rate ที่นำมาคำนวณมูลค่าปัจจุบัน (Present Value) และตรวจสอบความสอดคล้องของการขอขยายระยะเวลาก่อสร้างท่าเทียบเรือชุด D (ท่าเทียบเรือ D1 D2 และ D3) กับปริมาณ Excess Capacity ที่เหลืออยู่ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พิจารณาแนวทางกำหนดราคาค่าบริการที่มีความเป็นธรรมต่อการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการเอกชนในท่าเรือแหลมฉบัง และศึกษาการขยายท่าเรือแหลมฉบังให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาท่าเรือกรุงเทพเพื่อนำไปสู่การสร้างศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ของท่าเรือกรุงเทพในอนาคต ตลอดจนนำเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ให้ กนร. พิจารณาต่อไป ๓. รับทราบการติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกพื้นฐานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ให้ฝ่ายเลขานุการ กนร. จัดประเภทของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับวิธีการดำเนินธุรกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนมีแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสม รวมทั้งติดตามและตรวจสอบประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจที่แตกต่างกันในแต่ละประเภทอย่างชัดเจน ๓.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการดำเนินธุรกิจของหน่วยงานทั้ง ๒ แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ แล้วนำเสนอ กนร. พิจารณาต่อไป ๓.๓ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการเคหะแห่งชาติพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาทางการเงิน แล้วนำเสนอ กนร. พิจารณา โดยกรณีโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ให้ศึกษาเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายระหว่างดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จกับการยกเลิกสัญญาที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทันที โดยคำนึงถึงทำเลที่ตั้งและความต้องการของตลาดประกอบการพิจารณา ส่วนโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้ศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบทางการเงินที่เกิดขึ้นระหว่างการจำหน่ายให้เอกชนทั้งโครงการภายใน ๑ ปี กับการดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติเอง สำหรับโครงการที่เป็นสินทรัพย์ระงับการพัฒนา ให้ศึกษาเปรียบเทียบผลประกอบการทางการเงินในการให้เอกชนเป็นผู้พัฒนาโครงการทั้งหมดกับการดำเนินการโดยการเคหะแห่งชาติเอง และให้พิจารณาแนวทางการจัดตั้งหน่วยธุรกิจเฉพาะเช่นเดียวกับกรณีบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company) เพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเอื้ออาทร ๔. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๑,๒๕๑.๑๕๙ ล้านบาท และข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะที่ให้มีการปรับปรุงวงเงินอุดหนุนในขั้นตอนของการจัดทำบันทึกข้อตกลงการให้บริการสาธารณะประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับเงินอุดหนุนของภาครัฐในการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน (โครงการรถเมล์ฟรี) ๕. เห็นชอบกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของการประปาส่วนภูมิภาค จำนวน ๓๘๒.๕๓๑ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ๖. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการกำกับให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบราง รวมทั้งพิจารณาเพิ่มกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนเข้าร่วมในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม และให้คณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. ดำเนินการกำกับดูแลการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานให้ กนร. ทราบเป็นระยะ ๆ ๗. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาการปฏิรูป ขสมก. เพื่อทำหน้าที่พิจารณาปฏิรูป ขสมก. และความเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพในภาพรวมในอนาคต ตลอดจนรูปแบบการดำเนินการจัดหารถโดยสารปรับอากาศใหม่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิง จำนวน ๔,๐๐๐ คัน ของ ขสมก. ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
34256 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายธงชัย ซึงถาวร) | สธ | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธงชัย ซึงถาวร ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศ (นายแพทย์ ๑๐ วช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34257 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (รายการเช่าอาคารสำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานในประเทศ) | กก | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงานของ ททท. สำนักงานนครพนม ต่อเนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ในวงเงินรวม ๑๕๐,๐๐๐ บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ วงเงิน ๖๔,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ปีละ ๔๓,๐๐๐ บาท เนื่องจาก ททท. ยังไม่ได้เสนอขออนุมัติดำเนินการในลักษณะก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปีต่อคณะรัฐมนตรี ๑.๒ เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ททท. สำนักงานในประเทศ ๕ แห่ง (สำนักงานอุดรธานี ภูเก็ต นครนายก ตาก และนครศรีธรรมราช) จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้เดิมเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ จำนวน ๑,๑๕๖,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๑,๔๐๘,๐๐๐ บาท เนื่องจากสำนักงานธนารักษ์มีการปรับปรุงอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมจากอัตราเดิม ร้อยละ ๙ เป็นร้อยละ ๑๕ ของอัตราค่าเช่าเดิม ๒. สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้เพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๒๗,๐๐๐ บาท ให้ ททท. ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มาดำเนินการ และในส่วนที่ต้องผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๖ เพิ่มเติมอีก จำนวน ๑๒๕,๐๐๐ บาท ให้ ททท. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดย ททท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และความเห็นที่สำนักงบประมาณกำหนด และติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน ททท. ในประเทศ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
34258 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัยแทนกรรมการเดิมที่ลาออก (ศาสตราจารย์ยอดหทัย เทพธรานนท์) | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์ยอดหทัย เทพธรานนท์ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัย แทนศาสตราจารย์อมเรศ ภูมิรัตน ที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มกราคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
34259 | การแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | นร | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการของคณะกรรมการติดตามผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง กรณีการออกเอกสารสิทธิบริเวณตลาดสดบ้านเมาะหลวง รวมทั้งกรณีการออกเอกสารสิทธิประเภทโฉนดที่ดินให้กับสหกรณ์การเกษตรแม่เมาะพัฒนา จำกัด และสหกรณ์การเกษตรแม่เมาะ จำกัด ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญและเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามปฏิทินการปฏิบัติงานสำหรับพื้นที่ส่วนที่เหลือซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการถอนสภาพของกรมป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ กรมพัฒนาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ถาวร และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน ก่อนการออกโฉนดที่ดินให้แก่ราษฎร ๓. กรณีที่ดินที่เป็นพื้นที่ตั้งตลาดสดบ้านเมาะหลวง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้เทศบาลตำบลแม่เมาะดำเนินการจัดหาผลประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้เป็นพื้นที่ตลาดสด ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ ๔. กรณีที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสหกรณ์การเกษตรแม่เมาะพัฒนา จำกัด และสหกรณ์การเกษตรแม่เมาะ จำกัด นั้น ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ทางราชการจะออกเอกสารสิทธิให้ได้ จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้เทศบาลตำบลแม่เมาะดำเนินการจัดหาผลประโยชน์ โดยให้สหกรณ์ทั้งสองแห่งเช่าที่ดินดังกล่าว ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ |
|||||||||||||||||||||||||||
34260 | องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียขอความเห็นชอบในร่างข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกันผลิต (Unitisation Agreement, UA) ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJA) และบริษัท Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) สำหรับการเข้าร่วมกันผลิตปิโตรเลียมแหล่งภูมี (Bumi) ในแปลง A-18 ของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และแหล่งภูมีใต้ (Bumi South) ในแปลง PM 301 ของประเทศมาเลเซีย | พน | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกันผลิตปิโตรเลียม (Bumi - Bumi South UA) ระหว่างองค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย (MTJA) และบริษัท Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS - บริษัทน้ำมันแห่งชาติมาเลเซีย) สำหรับการร่วมกันผลิตปิโตรเลียมแหล่งภูมีในแปลง A - 18 ของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย และแหล่งภูมีใต้ในแปลง PM 301 ของประเทศมาเลเซีย โดยให้แจ้งองค์กรร่วมให้สามารถลงนามได้เมื่อร่างข้อตกลงได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่กำหนดให้การทำสัญญาไม่ควรระบุในสัญญาให้มอบข้อพิพาทให้คณะอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด
|
.....