ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1712 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 34221 - 34240 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
34221 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (จำนวน 1 คัน) | รง | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานดำเนินการเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรองอธิบดี จำนวน ๑ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ (ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ - กันยายน ๒๕๕๖) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๒๘,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๓๒,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ อีกจำนวน ๖๙๖,๐๐๐ บาท โดยให้กรมการจัดหางานเสนอขอตั้งงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34222 | งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ จำนวน ๙,๙๐๐ ล้านบาท นั้น ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับไปเร่งพิจารณาทบทวนในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และจัดสรรให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องข้างต้น ให้สอดคล้องกับความเหมาะสมจำเป็น และความเร่งด่วนของการแก้ไขปัญหา โดยให้จัดสรรเป็นรายจ่ายงบลงทุนให้มากที่สุด แล้วให้สำนักงบประมาณปรับปรุงปฏิทินงบประมาณและร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ... ให้สอดคล้องกัน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ให้ถือว่าเอกสารเกี่ยวกับเรื่อง ข้อเสนอในการแก้ไขฟื้นฟูภายหลังอุทกภัย [หนังสือคณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๑๐๕ (คชอ.)/๑๙๖ ลงวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔] เป็นส่วนหนึ่งของคำของบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34223 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นโยบายงบประมาณ วงเงินและโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดนโยบายงบประมาณขาดดุลสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และมีวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน ๒,๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑๘๐,๐๐๐ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๗ ๒. แนวทางการจัดทำและเสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้กำหนดแนวทางโดยสรุป ดังนี้ ๒.๑ สนับสนุนการเข้าสู่งบประมาณดุล โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้และวางแผนการลดค่าใช้จ่าย ส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPPs) รวมทั้งบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๒.๒ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินภารกิจของกระทรวง/หน่วยงานที่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ๒.๓ จัดลำดับความสำคัญของภารกิจที่จะเสนอของบประมาณ โดยคำนึงถึงความสามารถในการใช้จ่ายงบประมาณ ๒.๔ วิเคราะห์ความจำเป็นเร่งด่วน ความสำคัญ ความคุ้มค่า และจำนวนผู้ได้รับประโยชน์ ๒.๕ สนับสนุนงบประมาณเพื่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับภารกิจของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่มีความพร้อม และสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ตอบสนองต่อทิศทางการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ของประเทศ ๓. การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๒๐๐,๔๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับการจัดสรร ๑๗๓,๙๕๐ ล้านบาท เป็นจำนวน ๒๖,๔๕๐ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34224 | ความคืบหน้ากรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเสนอความคืบหน้ากรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย โดยได้มีการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อขอทราบขั้นตอนการดำเนินงานและแนวทางในการผนวกกรอบยุทธศาสตร์ฯ เข้ากับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายแล้ว สำหรับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ ได้จัดประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. เร่งรัดการดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบยุทธศาสตร์ฯ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและระดมความเห็นต่อการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ๒. คัดเลือกดำเนินการประเด็นที่มีความสำคัญก่อน ๓. ตั้งคณะกรรมการหรืออนุกรรมการภายใต้บริบทของพระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารแห่งชาติเพื่อบริหารจัดการการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่เลือกดำเนินการ ๔. กำหนดตัวชี้วัด (KPI) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติหรือพิจารณาเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่แล้วได้อย่างชัดเจน และสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้ ๕. พัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับกรอบยุทธศาสตร์ฯ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34225 | ความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2556)(รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552-2556) | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการประสานงานและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ปคค.) รายงานผลการติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความคืบหน้าในการดำเนินการตามมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖) สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้ดำเนินการจัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือนจากการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการตำรวจ และได้มีมติจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยคำนึงถึงความจำเป็นของส่วนราชการแต่ละประเภท ประเภทของภารกิจ และประเภทตำแหน่ง ดังนี้ จัดสรรอัตราข้าราชการพลเรือนคืนให้ส่วนราชการทั้งหมด รวม ๒,๓๖๘ อัตรา โดยพิจารณาเกลี่ยกำลังคนตามความจำเป็นของส่วนราชการ จัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจคืนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งหมด รวม ๒,๐๓๓ อัตรา เพื่อเกลี่ยเป็นอัตรากำลังตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการ คปร. กำหนด และจัดสรรอัตราข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนให้กระทรวงศึกษาธิการทั้งหมด รวม ๔,๖๓๙ อัตรา สำหรับการยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำ คปร. ได้ยุบเลิกอัตราลูกจ้างประจำที่ว่างจากการเกษียณอายุและว่างระหว่างปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ รวม ๙,๐๐๐ อัตรา จำแนกเป็นยุบเลิกจากอัตราว่างจากการเกษียณอายุ จำนวน ๖,๘๗๗ อัตรา และอัตราว่างระหว่างปี จำนวน ๒,๑๒๓ อัตรา ๒. มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๒.๑ ยุทธศาสตร์การบริหารกำลังคนให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภารกิจ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการศึกษาทบทวนการใช้กำลังคนเพื่อปรับรูปแบบการจ้างงานและวางแผนปรับเปลี่ยนการใช้กำลังคนในส่วนราชการ เพื่อสำรวจข้อมูลการใช้กำลังคนภาครัฐประเภทต่าง ๆ (ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานราชการ) ในส่วนราชการ เพื่อเสนอแนะรูปแบบการใช้กำลังคนให้เหมาะสมกับภารกิจ ๒.๒ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบการวางแผนและติดตามประเมินผลการใช้กำลังคน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาแนวทาง วิธีการ และเครื่องมือสำหรับการวางแผนกำลังคนในส่วนราชการ ๒.๓ ยุทธศาสตร์การพัฒนาผลิตภาพและความคุ้มค่าของกำลังคนภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้สำหรับนำไปประกอบการกำหนดแนวทาง วิธีการ และเครื่องมือสำหรับการประเมินและพัฒนาผลิตภาพกำลังคน เพื่อให้ส่วนราชการใช้กำลังคนอย่างคุ้มค่า ๒.๔ ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการบริหารกำลังคน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ สำนักงาน ก.พ. มีแผนที่จะปรับปรุงระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคลระดับกรม/จังหวัด โดยมุ่งเน้นความสมบูรณ์ ความครบถ้วน ความถูกต้อง และทันเวลาของข้อมูลข้าราชการพลเรือนสามัญ รวมทั้งพัฒนาและปรับปรุงฐานข้อมูลของพนักงานราชการและลูกจ้างประจำเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวางแผนกำลังคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ส่งเสริมให้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารและประเมินผลการปฏิบัติราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34226 | ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนีย (ระหว่างวันที่ 27 - 30 มกราคม 2554) | กต | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนีย (Agreement on Economic Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Slovenia) โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเพื่อเพิ่มความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน และความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ได้ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในความตกลงดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34227 | ความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ | มท | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการจัดสวัสดิการเบี้ยความพิการ โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้โอนจัดสรรงบประมาณโดยเบิกจ่ายจากงบเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ เป็นเงิน ๑๖๖,๓๐๑,๕๐๐ บาท และเบิกจ่ายจากเงินกันเหลื่อมปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ รายการเงินอุดหนุนสำหรับสิทธิประโยชน์ข้าราชการและลูกจ้างถ่ายโอน (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๓) เป็นเงิน ๗๔,๗๕๒,๕๐๐ บาท เพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพในงวดที่ ๒ (งวดสุดท้าย) จำนวน ๑ เดือน (เดือนกันยายน ๒๕๕๓) จำนวน ๔๘๒,๑๐๘ คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๔๑,๐๕๔,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34228 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 21 มกราคม 2554 | กค | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔ สรุปได้ดังนี้
๑. อนุมัติแล้ว จำนวน ๔๒,๖๔๓ โครงการ วงเงิน ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท ๒. การจัดสรร ๒.๑ รอจัดสรร จำนวน ๘๒๘ โครงการ วงเงิน ๑๒,๒๙๖.๓๒ ล้านบาท ๒.๒ จัดสรรแล้ว จำนวน ๔๑,๘๑๕ โครงการ วงเงิน ๓๓๗,๖๖๔.๑๒ ล้านบาท ๓. การจัดซื้อจัดจ้าง ๓.๑ ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ จำนวน ๒,๗๗๕ โครงการ วงเงิน ๑๖,๔๕๓.๘๖ ล้านบาท ๓.๑.๑ ยังไม่เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๕๗๖ โครงการ วงเงิน ๕,๗๒๘.๐๓ ล้านบาท ๓.๑.๒ เกิน ๑๕ วันทำการ จำนวน ๒,๑๙๙ โครงการ วงเงิน ๑๐,๗๒๕.๘๓ ล้านบาท ๓.๒ ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน ๓๙,๐๔๐ โครงการ วงเงิน ๓๒๑,๒๑๐.๒๖ ล้านบาท ๓.๓ มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน ๓๙,๐๔๐ โครงการ วงเงิน ๓๑๐,๙๘๐.๘๒ ล้านบาท ๔. การดำเนินการ ๔.๑ ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน ๑,๙๑๙ โครงการ วงเงิน ๕๑,๕๘๕.๖๖ ล้านบาท ๔.๒ เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) ๓๒,๖๕๑ โครงการ วงเงิน ๒๑๗,๒๘๔.๗๕ ล้านบาท ๔.๓ เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน ๔,๔๗๐ โครงการ วงเงิน ๔๒,๑๑๐.๔๑ ล้านบาท ๔.๔ เบิกจ่ายทั้งหมด (๔.๒+๔.๓) จำนวน ๓๗,๑๒๑ โครงการ วงเงิน ๒๕๙,๓๙๕.๑๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34229 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (นายสมชาย ชาญณรงค์กุล) | กค | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนายวินัย กสิรักษ์ กรรมการที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ มกราคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป โดยให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามนัยพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๑๖ วรรคสอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34230 | ข้าราชการการเมืองลาออกจากตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายธัญธวัช แพงไธสง) | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายธัญธวัช แพงไธสง ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34231 | รัฐบาลสหราชอาณาจักรเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอะซิฟ อันวัร อะห์มัด (Mr. Asif Anwar Ahmad)] | กต | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอะซิฟ อันวัร อะห์มัด (Mr. Asif Anwar Ahmad) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทนนายควินตัน มาร์ก เควล (Mr. Quinton Mark Quayle) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34232 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 (จำนวน 39 รายการ) | พณ | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดสินค้า จำนวน ๓๙ รายการ และบริการ จำนวน ๒ รายการ รวม ๔๑ รายการ เป็นสินค้าและบริการควบคุมในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. สินค้าควบคุม จำนวน ๓๙ รายการ ประกอบด้วย ๑.๑ หมวดอาหารสด จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ สุกร เนื้อสุกร กระเทียม และไข่ไก่ ๑.๒ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน ๑๐ รายการ ได้แก่ กาแฟผงสำเร็จรูป ข้าวเปลือก ข้าวสาร ครีมเทียมข้นหวาน นมข้น นมคืนรูป นมแปลงไขมัน นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม โยเกิร์ต นมผง นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันและไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งที่บริโภคได้หรือไม่ได้ แป้งสาลี อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก และอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ๑.๓ หมวดของใช้ประจำวัน จำนวน ๖ รายการ ได้แก่ แชมพู น้ำยาซักฟอก ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ผ้าอนามัย และสบู่ ๑.๔ หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ จำนวน ๔ รายการ ได้แก่ กระดาษทำลูกฟูก กระดาษพิมพ์และเขียน กระดาษเหนียว (KRAFT PAPER) และเยื่อกระดาษ ๑.๕ หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ แบตเตอรี่รถยนต์ ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก ๑.๖ หมวดวัสดุก่อสร้าง จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ สายไฟฟ้า และเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น เหล็กเส้น ๑.๗ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเชื้อเพลิง และเม็ดพลาสติก ๑.๘ หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ จำนวน ๑ รายการ ได้แก่ ยารักษาโรค ๑.๙ หมวดปัจจัยทางการเกษตร จำนวน ๕ รายการ ได้แก่ ปุ๋ย ข้าวโพด มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช และหัวอาหารสัตว์ อาหารสัตว์ ๑.๑๐ หมวดทั่วไป จำนวน ๑ รายการ ได้แก่ เครื่องแบบนักเรียน ๒. บริการควบคุม จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ การให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า และบริการรับฝากสินค้าหรือบริการให้เช่าสถานที่เก็บสินค้า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34233 | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2553 เพิ่มเติม | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบวงเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม จำนวน ๕,๔๒๙.๘๒ ล้านบาท ตามข้อเสนอของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ สนับสนุนเงินงบกลาง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ เพิ่มเติม จำนวน ๑,๘๑๒.๗๗ ล้านบาท แบ่งเป็น ด้านพืช จำนวน ๑,๕๗๗.๓๕ ล้านบาท และด้านประมง จำนวน ๒๓๕.๔๒ ล้านบาท ๑.๒ สนับสนุนเงินงบกลาง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ จำนวน ๓,๔๐๓.๔๙ ล้านบาท ๑.๓ สนับสนุนเงินงบกลาง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารากรณีไม่เสียสภาพสวน จำนวน ๑๓๖.๘๖ ล้านบาท ๑.๔ สนับสนุนเงินงบกลาง เพื่อช่วยเหลือเรือประมงและเครื่องมือทำการประมง จำนวน ๗๖.๗๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณตรงให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นหน่วยงานรับงบประมาณเพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยต่อไป ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือภายในกรอบวงเงินข้างต้นไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบข้อมูลความเสียหายและประมาณการผลผลิตของเกษตรกรให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34234 | โครงการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. โครงการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑.๑ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๑.๒ เพื่อให้ประชาชนและชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ และน้อมนำแนวพระราชดำริไปปรับใช้ในการจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชน ๑.๓ เพื่อขยายผลการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ เพิ่มเติมอีก จำนวน ๘๔๐ แห่ง ๒. คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) เป็นประธานกรรมการ และรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์) เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงาน ประเมินผล เสนอแนะแนวทางการขยายผลให้เป็นระบบที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำ รวมทั้งพิจารณาอนุมัติโครงการ ๘๔๐ แห่ง ตลอดจนติดตาม ประเมินผล และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานเสนอนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34235 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๔ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังาคารที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๓ ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๒ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34236 | การดำเนินโครงการทางพิเศษสายศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีการเพิ่มบทบาทภาคเอกชน (Public Private Partnerships : PPPs) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 24/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการทางพิเศษศรีรัช - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โดยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ Build - Transfer - Operate กรอบวงเงินลงทุนประมาณ ๒๗,๐๒๒ ล้านบาท ประกอบด้วยประมาณการวงเงินลงทุนของภาคเอกชน จำนวน ๑๗,๔๕๘ ล้านบาท และประมาณการวงเงินลงทุนของภาครัฐโดยเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินของโครงการ จำนวน ๙,๕๖๔ ล้านบาท ตามที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เสนอ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม และ กทพ. รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การพัฒนาระบบการขนส่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในระยะต่อไปจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเป็นลำดับแรก เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากรถยนต์ส่วนบุคคลเป็นระบบขนส่งมวลชนหรือไม่ โดยหากยังคงมีนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่ายถนนและทางพิเศษควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางราง และควรพิจารณาออกแบบจุดเชื่อมต่อของโครงการกับทางพิเศษศรีรัชให้สามารถรองรับปริมาณจราจรที่เดินทางเชื่อมต่อระหว่างโครงการและทางพิเศษขั้นที่ ๒ เพื่อป้องกันปัญหาการกระจุกตัวบริเวณทางเชื่อม รวมทั้งจะต้องพิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ นอกจากนี้ ควรมีการศึกษาจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายถนนและสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงข่ายทางพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นลำดับแรก เพื่อให้การลงทุนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระยะต่อไปมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป ๑.๓ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่มีความประสงค์ที่จะให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการลงทุนในโครงการตามขั้นตอนพระราชบัญญัติฯ ในระยะต่อไป ดำเนินการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการและกำหนดรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนที่มีความเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๑.๔ ให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางร่วมกันพิจารณาแนวทางการตรวจสอบการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป โดยอาจพิจารณาปรับใช้เครื่องมือวัดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของส่วนราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ และเห็นควรให้มีการตรวจสอบการดำเนินโครงการตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมของโครงการฯ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายของโครงการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม กทพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักบประมาณเกี่ยวกับการนำหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ความเสี่ยงตามหลักธรรมาภิบาลมาใช้เป็นแนวทางการตรวจสอบการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งการกำหนดกลไกในรูปแบบคณะกรรมการระดับชาติที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาชีพจากทุกภาคส่วน เพื่อทำหน้าที่พิจารณาตรวจสอบและกลั่นกรองความเหมาะสมและวงเงินของโครงการฯ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34237 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา ที่จังหวัดยะลา | อก | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา ที่จังหวัดยะลา ตามคำขอที่ ๑/๒๕๔๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับการนำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้างของห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๑๒๓๓๗/๑๕๒๗๒) ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๓/๒๕๕๒ (ประทานบัตรที่ ๓๑๕๓๐/๑๕๒๓๖) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา ตั้งอยู่ที่ตำบลลิดล อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านโครงการเหมืองแร่ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วไว้ ในการประชุมครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๒ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34238 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีพุธศิลาทอง ที่จังหวัดตรัง | อก | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีพุธศิลาทอง ตามคำขอที่ ๒/๒๕๔๙ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการระมัดระวังในเรื่องผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี จัดเป็นป่าต้นน้ำ และให้ความสำคัญกับผลกระทบในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดแก่ราษฎร หรือชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ทำเหมืองแร่ เส้นทางขนส่งแร่ โดยเฉพาะผลกระทบต่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ มลภาวะจากฝุ่นละออง มลภาวะจากเสียง โดยให้ผู้รับอนุญาตทำเหมืองแร่ปฏับัติตามเงื่อนไขในการอนุญาต รวมทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ทางราชการกำหนดโดยเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34239 | โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ 2 | พน | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าลำตะคอง ระยะที่ ๒ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้ กฟผ. ดำเนินการโครงการฯ ได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว และให้เร่งจัดทำแผนการลงทุนระยะยาว ด้านพลังงานทดแทนร่วมกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานวิชาการต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมการลงทุน และความป็นไปได้ที่ กฟผ. จะสนับสนุนเป้าหมายของแผนพัฒนาพลังงานทดแทน ๑๕ ปี ของกระทรวงพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้ กฟผ. จัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกังหันลมที่สามารถนำไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตกังหันลมและอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องภายในประเทศ และการพัฒนาด้านบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญเพื่อลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วยกังหันลม ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ ด้วย และให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. ประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมคณะที่ ๒ คณะที่ ๕ และคณะที่ ๗) ที่เห็นว่า กรณีที่ประสงค์จะให้ กฟผ. สามารถตั้งโรงงานผลิตไฟฟ้า โดยใช้กังหันลมในบริเวณพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดได้ กระทรวงอุตสาหกรรมควรจะอาศัยอำนาจตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ ออกกฎกระทรวงแก้ไขเพิ่มเติมข้อ ๓ วรรคสอง แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยกำหนดเพิ่มเติมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอำนาจกำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษามิให้ใช้บังคับ ข้อ ๒ (๒) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ แก่โรงงานจำพวกที่ ๓ ประเภทใด ตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่าพื้นที่ของโครงการฯ ทับซ้อนกับพื้นที่สวนป่าที่ปลูกโดยงบประมาณของรัฐซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ดังกล่าว แต่หากกระทรวงพลังงานเห็นว่าโครงการฯ มีความจำเป็นทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติในการใช้พื้นที่สวนป่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็สามารถดำเนินการได้โดย กฟผ. จะต้องชำระค่าชดเชยการปลูกสร้างและบำรุงสวนป่าตามอัตราที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชกำหนดและต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี โดยเคร่งครัด นอกจากนี้ ควรมีการประสานทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานที่สะอาดรวมทั้งภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่แรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมคณะที่ ๒ คณะที่ ๕ และคณะที่ ๗) ที่เห็นว่า กรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมจะกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษามิให้ใช้บังคับข้อ ๒ (๒) แก่โรงงานประเภทใดนั้น จะต้องกระทำเป็นการทั่วไปแก่โรงงานประเภทเดียวกันด้วย ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมสำหรับกรณีโครงการอื่น ๆ ที่มีประเด็นปัญหาทำนองเดียวกับโครงการฯ ตามข้อ ๑ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
34240 | ขอสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 18/01/2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซ่อมแซม บูรณะศาลากลางจังหวัด และจัดซื้อครุภัณฑ์ รวม ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น มุกดาหาร และจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง จำนวน ๘๓๗,๖๔๗,๔๐๒ บาท ๒. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๒๑,๕๑๐,๐๐๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้ ๒.๑ ค่าก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัด (รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๔ จังหวัด ได้แก่ อาคารศาลากลางจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี วงเงินค่าก่อสร้าง ๒๘๔,๕๗๘,๕๐๐ บาท อาคารศาลาจังหวัด จังหวัดอุดรธานี วงเงินค่าก่อสร้าง ๑๔๗,๔๓๙,๑๐๐ บาท อาคารศาลากลางจังหวัด จังหวัดขอนแก่น วงเงินค่าก่อสร้างรวม ๑๔๗,๓๓๐,๐๐๐ บาท และอาคารศาลากลางจังหวัด จังหวัดมุกดาหาร วงเงินค่าก่อสร้างรวม ๑๔๕,๕๑๙,๘๐๐ บาท รวมวงเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๗๒๔,๘๖๗,๔๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๐๘,๗๓๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๖๑๖,๑๓๗,๔๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒.๒ ค่าครุภัณฑ์ (ปีเดียว) และงบดำเนินงานของส่วนราชการ จำนวน ๑๑ หน่วยงาน ใน ๔ จังหวัด ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒๑,๔๓๔,๐๐๐ บาท กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จำนวน ๕๕๙,๑๐๐ บาท กองทัพบก กระทรวงกลาโหม จำนวน ๑๔๘,๓๑๖ บาท สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๕๓๔,๐๐๐ บาท กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จำนวน ๓,๔๑๐,๓๐๐ บาท สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน ๕๗๑,๗๐๐ บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๑๓๕,๕๐๐ บาท สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน ๑๑๗,๙๓๐ บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒๒,๒๙๘,๙๐๐ บาท กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕,๘๖๖,๒๕๖ บาท และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑,๔๖๑,๐๐๐ บาท ๒.๓ ค่าซ่อมแซมสิ่งก่อสร้าง (ปีเดียว) ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๕๖,๒๔๓,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๗๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ รายการค่าปรับปรุงสิ่งก่อสร้างของทางราชการ ซึ่งได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว ๓. สำหรับค่าครุภัณฑ์ประกอบอาคารศาลากลางจังหวัดที่ก่อสร้างใหม่ วงเงินรวม ๙๑,๙๒๒,๒๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่จะก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดแล้วเสร็จต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายของรายการที่กล่าวข้างต้น และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
|