ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 3/2555 ณ วันที่ 10 กันยายน 2555) | วท | 11/09/2555 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ ในระหว่างวันที่ ๔-๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ ยังไม่มีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับร่องมรสุมมีกำลังอ่อนมากไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนอ่อนกำลังลงไป และในช่วงวันที่ ๑๒-๑๕ กันยายน ๒๕๕๕ ร่องมรสุมจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้นและเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย ทำให้ประเทศไทยกลับมามีฝนเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในทั้งประเทศและในแต่ละภูมิภาคต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่แล้ว (ยกเว้นภาคตะวันตก) แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ๓๐ ปี ๒. สถานการณ์น้ำท่วม มีดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๘๒๙ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๘๑๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๔๘๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๑,๕๑๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ขณะนี้ปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำสายหลักยังไม่เกินความจุลำน้ำและไม่มีน้ำล้นตลิ่ง แต่มีน้ำท่วมเป็นการชั่วคราวในพื้นที่ลุ่มต่ำเพียงบางแห่ง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น บริเวณคลองโผงเผงและคลองบางบาล ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒.๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ ๓๐๒.๙๙ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๒๑ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง ๖๒๑.๘๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๗๙ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย ๕๐.๑๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๐.๗๒ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน ๑๙๔.๖๘ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๗๐ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ ๒๓.๓๒ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๘๘ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน ๑๔.๐๐ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๓๔ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๙๓.๘๕ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๙๖๕ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๑๖๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๖๖.๕๘ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๕,๗๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๒,๙๑๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๗.๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๓๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓๑๖ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๔๕,๑๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๒๕,๒๖๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๘,๐๙๗ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๒๔,๙๖๗ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน มีดังนี้ ๓.๑ เขื่อนวชิราลงกรณ ให้เพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ ๒๗ ล้านลูกบาศก์เมตร เริ่มตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๕ ๓.๒ เขื่อนป่าสักชลสิทธ์ ให้เพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ ๑.๐-๑.๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓.๓ เขื่อนลำตะคอง ให้ระบายน้ำอย่างประหยัด เนื่องจากมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๙% มีน้ำใช้การได้ ๖๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยแล้ง ๓.๔ เขื่อนลำพระเพลิง ให้ระบายน้ำอย่างประหยัด เนื่องจากมีปริมาณน้ำกักเก็บ ๑๓% มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียง ๑๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยแล้ง ๓.๕ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ให้ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๕.๕-๘.๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ ให้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยบริหารการระบาย โดยไม่ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังได้รับผลกระทบจากการลดการระบายน้ำ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า มีดังนี้ ๔.๑ อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๕-ปัจจุบัน ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ ๕ จังหวัด ๑๑ อำเภอ ๒๘ ตำบล ได้แก่ จังหวัดระยอง พิจิตร ตาก สระแก้ว และเพชรบูรณ์ ๔.๒ ฝนทิ้งช่วง ตั้งแต่วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕-ปัจจุบัน มีพื้นที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน ๕ จังหวัด ๔๖ อำเภอ ๓๓๒ ตำบล ๓,๗๑๘ หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ ชัยภูมิ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำได้เตือนภัยสถานการณ์น้ำป่าจากระบบ Early Warning System ณ วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้ ๔.๓.๑ เตือนภัยสีแดง (อพยพ) ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ (ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย) และจังหวัดน่าน (ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย) ๔.๓.๒ เตือนภัยสีเหลือง (เตือนภัย) ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย (ตำบลนาหอ อำเภอด่านซ้าย ตำบลนาดินดำ อำเภอเมืองเลย ตำบลนาดอกคำ อำเภอนาด้วง) จังหวัดน่าน (ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย) และจังหวัดแพร่ (ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย) ๔.๓.๓ เตือนภัยสีเขียว (เฝ้าระวัง) ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย (ตำบลนาอ้อ อำเภอเมืองเลย) จังหวัดเพชรบูรณ์ (ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า) และจังหวัดนครสวรรค์ (ตำบลแม่เลย์ อำเภอแม่วงก์)
|
.....