ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1471 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29401 - 29420 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29401 | การเลื่อนกำหนดการยกเลิกน้ำมันเบนซิน 91 | พน | 09/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เลื่อนกำหนดการยกเลิกน้ำมันเบนซิน ๙๑ ออกไปอีก ๓ เดือน จากวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ไปเป็นวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ (ครั้งที่ ๑๔๓) เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29402 | สถานการณ์ภูมิอากาศและสถานการณ์แก้ไขปัญหาน้ำท่วมและปัญหาการจราจร | นร | 09/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เกิดพายุ “แกมี” และส่งผลกระทบทำให้เกิดฝนตกหนักและสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วยนั้น ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยดังกล่าวเป็นอย่างดีผ่านระบบปฏิบัติการ Single Command รวมทั้งมีข้อมูลการเตือนภัยของกรมอุตุนิยมวิทยาที่มีความแม่นยำมาก ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธาน กบอ. รายงานว่า ๒.๑ ขณะนี้พายุ “แกมี” ลดกำลังลงแล้วจากดีเปรสชั่นเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทะเลอันดามัน คาดว่าภายใน ๗ วัน สถานการณ์จะดีขึ้น ในส่วนของการวางแนวทางการเร่งระบายน้ำในแม่น้ำสำคัญต่าง ๆ ได้มีการเร่งระบายน้ำในแม่น้ำสำคัญต่าง ๆ ให้อยู่ในภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และจะไม่ให้มีการผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังแม่น้ำอื่น ๆ ชั่วคราว โดยเฉพาะไม่ให้มีการผันน้ำลงแม่น้ำบางปะกงและแม่น้ำท่าจีน ซึ่งได้รับน้ำมาจากพื้นที่ที่น้ำท่วมในปริมาณมากแล้ว ส่วนเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ จะดูปริมาณการปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำแม่กลองให้เหมาะสม และไม่ผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองไปยังแม่น้ำท่าจีน ทั้งนี้ หากไม่มีพายุใด ๆ เข้ามาในพื้นที่ภาคกลางจนถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ จะสามารถปิดแผนโครงการป้องกันน้ำท่วมสำหรับปีนี้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ๒.๒ ในส่วนของภาคใต้อาจมีพายุพาดผ่านและทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะลงไปในพื้นที่ภาคใต้เพื่อวางแผนป้องกันน้ำท่วม โดยได้จัดทำรายชื่อลุ่มน้ำที่สำคัญในภาคใต้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และจะส่งให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่จะต้องลงไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ภายในสัปดาห์นี้เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) รายงานว่า ๓.๑ การแก้ไขปัญหาแม่น้ำท่าจีนที่น้ำท่วมล้นไปยังพื้นที่ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี ได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทเร่งยกระดับถนนตามแนวแม่น้ำท่าจีนเพื่อเป็นคันกั้นน้ำแบบชั่วคราวก่อน ซึ่งช่วยให้ปัญหาน้ำท่วมคลี่คลายลงได้ รวมทั้งพื้นที่ด้านตะวันออกที่มีปัญหาการผลักดันน้ำในบางจุด เช่น คลอง ๑๓ ซึ่งเป็นคลองหลักแนวเหนือใต้ในการดันน้ำลงทะเล แต่เนื่องจากน้ำจากคลองรังสิตไม่สามารถไหลลงไปยังคลอง ๑๓ ได้ ทำให้น้ำท่วมพื้นที่โดยรอบซึ่งได้แก้ไขปัญหาไปแล้ว นอกจากนี้ ได้ประสานกองทัพบกเพื่อขอใช้พื้นที่เป็นแก้มลิงรองรับน้ำ ซึ่งทางกองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ๓.๒ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในสถานการณ์น้ำท่วมในระยะต่อไป จะมีการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบกในสัปดาห์หน้าเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับการเข้มงวดการกระทำผิดวินัยจราจร และการจัดอบรมตำรวจจราจรเกี่ยวกับการควบคุมสัญญาณไฟจราจรให้เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||
29403 | ผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร07 | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาโครงการ/รายการที่สำคัญมีความจำเป็นต้องดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของวงเงินที่จะสามารถจัดสรรได้ เห็นสมควรอนุมัติให้ใช้เงินจากการส่งคืนงบประมาณ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ในครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๘๙.๐๕๓๖ ล้านบาท ได้แก่ ๑.๑ โครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบอุทกภัยตามข้อเสนอของจังหวัด จำนวน ๘ จังหวัด เป็นเงิน ๒๑๓.๖๕๔๑ ล้านบาท ประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง ๗.๑๘๒๐ ล้านบาท จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑๘.๐๘๗๐ ล้านบาท จังหวัดนครศรีธรรมราช ๘.๐๕๗๑ ล้านบาท จังหวัดสงขลา ๑๙.๙๐๔๐ ล้านบาท จังหวัดระนอง ๘.๒๗๒๐ ล้านบาท จังหวัดร้อยเอ็ด ๔๔.๑๕๕๐ ล้านบาท จังหวัดพิจิตร ๙๗.๙๙๗๐ ล้านบาท และจังหวัดนนทบุรี ๑๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ของกระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ๑.๒ โครงการขุดลอกคลองน้ำไหลและขจัดสิ่งขวางทางน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของกระแสน้ำ ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย และพิษณุโลก เป็นเงิน ๘๓.๖๘๗๗ ล้านบาท ของกระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) ๑.๓ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอาคารหัวงาน คลองส่งน้ำ คันกั้นน้ำ พนังกันน้ำ เป็นเงิน ๙๑.๗๑๑๘ ล้านบาท ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ๒. สำหรับกรณีการจัดหารถบรรทุก ๖ ล้อ พร้อมเครน จำนวน ๑๔ คัน วงเงิน ๔๒.๐๐๐๐ ล้านบาท ของกรมทรัพยากรน้ำ ในแผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน ที่ให้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี นั้น สำนักงบประมาณได้นำเสนอ กบอ. เห็นชอบแล้วในการประชุมเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๕ และจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณในกรณีนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29404 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | ศธ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ โดยให้ดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้บรรลุตามพันธกิจ วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ในโอกาสแรกก่อน หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวยังคงมีความจำเป็นต้องดำเนินการ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษานำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยพิจารณาเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จากแผนงานสร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ทั่วถึงและเป็นธรรม ผลผลิตผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ งบดำเนินงาน ไปดำเนินการต่อไป ๒. หากกระทรวงศึกษาธิการเห็นว่า ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกับสำนักงบประมาณ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29405 | การให้สัตยาบันในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้ประเทศไทยให้สัตยาบันในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อแสดงเจตจำนงในการดำเนินการของประเทศไทยในฐานะสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ๒.๑ ศูนย์อาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (ASEAN Centre for Biodiversity : ACB) เป็นโครงการร่วมภายใต้ความร่วมมือของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า “อาเซียน” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประสานความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน และมีการดำเนินการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจะสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ๒.๒ ข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศอื่น ๆ และระหว่างองค์กรต่าง ๆ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในการลงนามสัตยาบัน และเมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบต่อสัตยาบันข้อตกลงฯ แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารมอบให้เลขาธิการอาเซียนต่อไป ๔. ให้สมทบงบประมาณสนับสนุนกองทุนความหลากหลายทางชีวภาพแห่งอาเซียน (ASEAN Biodiversity Fund) จำนวน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ |
||||||||||||||||||||||||
29406 | รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขอลาออกจากตำแหน่ง | นร | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ขอลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ความเป็นรัฐมนตรีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามความในมาตรา ๑๘๒ (๒) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น การปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในกรณีของกระทรวงมหาดไทยจึงเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒๔/๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นผู้กำกับการบริหารราชการของกระทรวงมหาดไทยแทนนายกรัฐมนตรี ส่วนกรณีผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ [เรื่อง การมอบหมายให้รักษาราชการแทน (กระทรวงมหาดไทย)] ที่มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามลำดับ ได้แก่ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ และนายฐานิสร์ เทียนทอง
|
||||||||||||||||||||||||
29407 | การแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและปัญหาการจราจรติดขัด | นร | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในระยะนี้มีพายุแกมี (GAEMI) ที่อาจจะส่งผลกระทบมายังประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ จึงขอให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เตรียมการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เช่น การพร่องน้ำในเขื่อน ขุดลอกท่อและคูคลอง เร่งการระบายน้ำเพิ่มเติมทางฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต พร้อมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำในจุดเสี่ยง ส่วนปัญหาการจราจรที่จะเกิดผลกระทบตามมา ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) กำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทางหลวง สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลในเรื่องการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลไม่ให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นคอขวดต่าง ๆ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) รายงานว่า การแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นประธานกรรมการ ซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาจราจรเร่งด่วนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานคณะอนุกรรมการฯ นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีหน่วยงานปฏิบัติการแก้ไขปัญหาซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โดยมีรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นหัวหน้าหน่วยงาน มีหน้าที่รับผิดชอบประสานงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสั่งการให้แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
29408 | ผลการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly-UNGA) สมัยสามัญ สมัยที่ ๖๗ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ โดยมีภารกิจที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ ในประเด็นเกี่ยวกับการรักษาสันติภาพ ความมั่นคง และการไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง โดยรัฐบาลไทยจะส่งเสริมการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติวิธี ส่วนการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจะคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง และได้แสดงจุดยืนร่วมกับนานาชาติในการต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมทั้งได้กล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กและสตรีของรัฐบาลไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของสหประชาชาติ ทั้งในส่วนของโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า การสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชน และกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพของสตรีให้เท่าเทียมกับบุรุษ ๒. การหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีเต็งเส่ง แห่งสหภาพเมียนมาร์ เกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ ขึ้นเพื่อดำเนินการและประสานงานร่วมกัน โดยไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งแรกที่ประเทศไทย รวมทั้งการจัดตั้งคณะอนุกรรมการใน ๖ สาขา เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้าง ๓. การชี้แจงและสร้างความเชื่อมั่นกับนักธุรกิจและสถาบันการเงินของสหรัฐฯ โดยยืนยันถึงความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจ การเงิน การคลังของไทย และการเข้ามาลงทุนในไทย รวมทั้งได้จัดกิจกรรมเชิญร้านอาหารไทยที่มีตราสัญลักษณ์ “ไทยซีเล็กท์” จำนวน ๕๐ แห่ง ที่มีอาหารเป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาออกร้านให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติอาหารไทย ๔. การศึกษาดูงานการพัฒนานครนิวยอร์กซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจมีโครงสร้างผังเมืองที่ดี โดยมีการวางระบบผังเมืองอย่างมีระเบียบและวางแผนการใช้พื้นที่ของเมือง มีการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมที่ดีและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับความต้องการ และที่ Highline Park มีการนำรางรถไฟเก่าที่ไม่ใช้แล้วมาปรับเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประชาชนที่อยู่ในเมือง ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถจะนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทยได้ ๕. การเยี่ยมชมสำนักงานตำรวจนิวยอร์กในการใช้ระบบแก้ปัญหาอาชญากรรมและดูแลรักษาความปลอดภัย โดยใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในการเชื่อมต่อข้อมูลและการสั่งงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งควรนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมและการรักษาความปลอดภัยของไทย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานสรุปแจ้งให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ทราบต่อไปด้วย ๖. เรื่องการค้ามนุษย์เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้น จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม โดยให้มีการชี้แจงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว และมาตรการที่จัดทำขึ้นใหม่เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่อไป ทั้งนี้ ให้มีความระมัดระวังและรอบคอบในการชี้แจงในเรื่องดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
|
||||||||||||||||||||||||
29409 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 (การเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานและ สัญญาเช่ารถยนต์เพื่อใช้ประจำสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสาขาในประเทศและต่างประเทศ) | กก | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน ททท. สาขาต่างประเทศ จำนวน ๑๑ สำนักงาน จำนวนเงิน ๒๓๔,๒๕๓,๐๐๐ บาท ได้แก่ ททท. สำนักงานกรุงโรม ททท. สำนักงานสตอกโฮล์ม ททท. สำนักงานฮ่องกง ททท. สำนักงานเฉิงตู ททท. สำนักงานปักกิ่ง ททท. สำนักงานปารีส ททท. สำนักงาน โอซากา ททท. สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ ททท. สำนักงานนิวเดลี ททท. สำนักงานโฮจิมินห์ และ ททท. สำนักงานไทเป (ยกเว้น ททท. สำนักงานลอนดอน เนื่องจากจะลงนามในสัญญาเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน) และรายการค่าเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน ททท. สาขาต่างประเทศ จำนวน ๘ สำนักงาน จำนวนเงิน ๒๘,๑๐๘,๐๐๐ บาท ได้แก่ ททท. สำนักงานปักกิ่ง ททท. สำนักงานนิวเดลี ททท. สำนักงานโฮจิมินท์ ททท. สำนักงานสิงคโปร์ ททท. สำนักงานลอนดอน ททท. สำนักงานกรุงโรม ททท. สำนักงานเฉิงตู และ ททท. สำนักงานฟุกุโอะกะ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๖๒,๓๖๑,๐๐๐ บาท ๑.๒ สำหรับรายการค่าเช่าอาคารสำนักงานของ ททท. สาขาในประเทศ จำนวน ๗ สำนักงานจำนวนเงิน ๖,๐๓๒,๐๐๐ บาท ได้แก่ ททท. สำนักงานเชียงราย ททท. สำนักงานพระนครศรีอยุธยา ททท. สำนักงานสุโขทัย ททท. สำนักงานตรัง ททท. สำนักงานกระบี่ ททท. สำนักงานนครนายก และ ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณแล้ว ให้ดำเนินการจัดหาไว้ล่วงหน้า และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ มีผลบังคับใช้ และได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณซึ่งสามารถดำเนินการตามปกติและเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๓ และหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ.) ๐๔๐๘.๔/ว ๓๕๑ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๔๘ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน ททท. ในประเทศและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
29410 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ) | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิชญาณี โอชา เป็นกรรมการอื่น แทนนายพงษ์ทร ชยาตุลชาต ที่ลาออก ๒. นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
29411 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับจากหน่วยงานของรัฐ) | กค | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้เงินค่าตอบแทนพิเศษที่ผู้มีเงินได้ได้รับจากหน่วยงานของรัฐเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ ๒. กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||
29412 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ | นร | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) พร้อมทั้งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญา และข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้แจ้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดทราบและพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหาการบังคับใช้กฎหมายอาญา ซึ่งปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำเนินคดีอาญาของประเทศไทย คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นสอบสวน โดยเฉพาะการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงด้านเดียวเพื่อพิสูจน์ความผิด โดยไม่ใส่ใจที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา และปัญหาการกลับคำให้การของพยานบุคคล โดยกล่าวอ้างว่าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมิชอบ เช่น บันทึกคำพยานไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ขู่เข็ญ บังคับ หลอกลวง หรือทำร้ายบังคับให้จำเลยรับสารภาพ ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวทำให้เกิดจุดอ่อนในการดำเนินคดีอาญา จึงมีข้อเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขการดำเนินการสอบสวน การรวบรวมพยาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยในชั้นการสอบสวนพยานบุคคล หรือผู้ต้องหา ให้กระทำ ณ สถานที่ราชการในห้องที่กำหนดไว้ เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็นอาจจะกระทำในสถานที่ที่เหมาะสมก็ได้ และให้พนักงานสอบสวนจัดให้มีการบันทึกภาพและเสียงการถามปากคำบุคคลดังกล่าว ซึ่งสามารถนำออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่องไว้เป็นพยาน รวมทั้งให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนกำกับ ดูแล ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอย่างเคร่งครัด ๒. ข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ เห็นควรกำหนดแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาความแออัดของนักโทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยการใช้มาตรการทางเลือกแทนการใช้โทษจำคุกในเรือนจำตั้งแต่การเบี่ยงเบนก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงการใช้มาตรการทางเลือกในการลดโทษ อาทิ การกำหนดให้ความผิดทางอาญาบางประเภทเป็นความผิดอันยอมความได้ การยกเลิกการใช้โทษทางอาญาสำหรับความผิดอาญาบางประเภทที่มีฐานความผิดทางแพ่ง โดยกำหนดให้ใช้โทษอย่างอื่นแทนโทษทางอาญา การสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการชะลอการฟ้องสำหรับคดีอาญาบางประเภทในชั้นพนักงานสอบสวนและชั้นพนักงานอัยการเพื่อเบี่ยงเบนคดีไม่ต้องเข้าสู่ศาลโดยมีเงื่อนไขในการคุมความประพฤติ หากผิดเงื่อนไขก็จะถูกฟ้องต่อไป การสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการคุมประพฤติสำหรับผู้กระทำผิดทางอาญาให้มากขึ้นโดยการขยายหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แต่เพื่อให้สังคมมีความมั่นใจในระบบคุมประพฤติ โดยนำเครื่องมือ Electronic Monitoring มาใช้ และรัฐควรให้การสนับสนุนกรมคุมประพฤติให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับการทำงานคุมประพฤติที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนและพิจารณาคดีในเรือนจำลดน้อยลง เป็นต้น ๓. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการต่าง ๆ ได้แก่ ๓.๑ คณะอนุกรรมการว่าด้วยการส่งเสริมหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและหลักนิติธรรม ได้จัดสัมมนาสัญจรเพื่อส่งเสริมหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและหลักนิติธรรม สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาและนิติธรรม โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไป นิสิต นักศึกษา และผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารผ่านทางรายการ “ปัญหาบ้านเมือง” ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ๓.๒ คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ ได้ศึกษา วิจัย และค้นคว้าทางวิชาการเกี่ยวกับความเป็นมาของหลักนิติธรรม ความหมายและองค์ประกอบของหลักนิติธรรม เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการดังกล่าวและเผยแพร่องค์ความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ๓.๓ คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมสากล ได้ศึกษาค้นคว้าทางวิชาการเกี่ยวกับ “หลักนิติธรรมสากล” ที่เป็นหลักเกณฑ์ในกรอบการทำงานขององค์การระหว่างประเทศ และ “หลักนิติธรรมสากล” ที่เป็นแนวทางหรือนโยบายของประเทศต่าง ๆ ที่เป็นหลักเกณฑ์ในกรอบการทำงานขององค์การระหว่างประเทศหรือคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล เพื่อนำมาเปรียบเทียบหรือประยุกต์ใช้กับประเทศไทย ๓.๔ คณะอนุกรรมการวิชาการศึกษาสภาพปัญหาผู้ต้องขังในเรือนจำ ได้ศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ต้องขังล้นเรือนจำ การควบคุมผู้ต้องขัง และการใช้เครื่องพันธนาการ ๔. ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจร กรณีเจ้าพนักงานจราจรเรียกรับเงินจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการจราจร เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการออกระเบียบปฏิบัติภายในเป็นการเพิ่มเติม โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
29413 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย (กรณีสนับสนุนการลงทุนในตราสารการเงินที่ออกเพื่อระดมทุนตามหลักศาสนาอิสลาม) | กค | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่ผู้ถือศุกูก ทรัสตี และผู้ระดมทุน สำหรับเงินได้ มูลค่าของฐานภาษี รายรับ และการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นตามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ที่เกี่ยวกับการออกศุกูกตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนและกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ บางกรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29414 | ร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. .... | พณ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจในเขตพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส) และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา (อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา) ลงกึ่งหนึ่งต่อไปอีก ๕ ปี คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29415 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชัยบุรี และตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29416 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาทัน ตำบลดินจี่ ตำบลทุ่งคลอง ตำบลนาบอน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง ตำบลสำราญ ตำบลหนองช้าง ตำบลสำราญใต้ ตำบลคำสร้างเที่ยง อำเภอสามชัย ตำบลคำบง ตำบลนิคมห้วยผึ้ง ตำบลไค้นุ่น ตำบลหนองอีบุตร อำเภอห้วยผึ้ง ตำบลเหล่าใหญ่ ตำบลนาโก ตำบลหนองห้าง ตำบลกุดหว้า ตำบลนาขาม ตำบลแจนแลน ตำบลกุดค้าว ตำบลเหล่าไฮงาม ตำบลสามขา อำเภอกุฉินารายณ์ ตำบลภูดิน ตำบลขมิ้น ตำบลภูปอ ตำบลนาจารย์ ตำบลกลางหมื่น ตำบลลำปาว ตำบลบึงวิชัย ตำบลไผ่ ตำบลโพนทอง ตำบลเหนือ ตำบลเชียงเครือ ตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และตำบลดงพยุง ตำบลนาจำปา ตำบลสะอาดไชยศรี ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาทัน ตำบลดินจี่ ตำบลทุ่งคลอง ตำบลนาบอน ตำบลโพน อำเภอคำม่วง ตำบลสำราญ ตำบลหนองช้าง ตำบลสำราญใต้ ตำบลคำสร้างเที่ยง อำเภอสามชัย ตำบลคำบง ตำบลนิคมห้วยผึ้ง ตำบลไค้นุ่น ตำบลหนองอีบุตร อำเภอห้วยผึ้ง ตำบลเหล่าใหญ่ ตำบลนาโก ตำบลหนองห้าง ตำบลกุดหว้า ตำบลนาขาม ตำบลแจนแลน ตำบลกุดค้าว ตำบลเหล่าไฮงาม ตำบลสามขา อำเภอกุฉินารายณ์ ตำบลภูดิน ตำบลขมิ้น ตำบลภูปอ ตำบลนาจารย์ ตำบลกลางหมื่น ตำบลลำปาว ตำบลบึงวิชัย ตำบลไผ่ ตำบลโพนทอง ตำบลเหนือ ตำบลเชียงเครือ ตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และตำบลดงพยุง ตำบลนาจำปา ตำบลสะอาดไชยศรี ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคำม่วง อำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29417 | ขออนุมัติรับโอนข้าราชการตุลาการมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งข้าราชการประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายประภาศ คงเอียด) | กค | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายประภาศ คงเอียด ข้าราชการตุลาการ ตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา สำนักงานศาลยุติธรรม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29418 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์หารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการภาพรวมเกี่ยวกับการขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29419 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอโคกเจริญ จังหวัดลพบุรี เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29420 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | กษ | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....