ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1476 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 29501 - 29520 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29501 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดอู่ลูก (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดอู่ลูก (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดอู่ลูก (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๐ สายบางบัวทอง - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ชัยนาท) ตอนสุพรรณบุรี - ชัยนาท ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29502 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดใหม่ (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดอู่ลูก (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดอู่ลูก (ร้าง) ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๐ สายบางบัวทอง - บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ (ชัยนาท) ตอนสุพรรณบุรี - ชัยนาท ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29503 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายตีแยรี วีโต (Mr. Thierry Viteau)] | กต | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายตีแยรี วีโต (Mr. Thierry Viteau) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายกิลดา เลอ ลีเดก (Mr. Gildas Le Lidec) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29504 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. .... | นร09 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดยะลา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดยะลา เพื่อใช้เป็นแนวทางการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสิ่งแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29505 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร07 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ (วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท) ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิเป็นเงิน ๑๑๙,๐๙๖.๒๙๙๔ ล้านบาท ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๑๑,๗๔๒.๗๒๕๖ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑,๐๙๔.๗๓๐๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๙๘ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๙๔,๖๑๖.๘๔๓๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๔๕ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๙ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๖ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๗ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งเงินคืนในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๖๐๐.๕๙๘๖ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้ จำนวน ๕,๗๓๙.๖๐๔๖ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๗ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๓๑๓.๕๔๔๙ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๔,๗๑๐.๑๕๓๐ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๔๒๖.๐๕๙๗ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙,๘๓๖.๗๙๒๖ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๒,๐๖๑.๗๓๔๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๗๗๕.๐๕๗๘ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๔,๐๐๔.๑๔๔๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑๙๖.๘๐๔๓ ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๒๘.๙๗๐๐ ล้านบาท กระทรวงกลาโหม จำนวน ๑๙.๘๕๐๐ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๑๗๑.๔๗๐๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
29506 | รัฐบาลสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอาบูบาคาร์ มัลที - คามารา (Mr. Abubakarr Multi - Kamara)] | กต | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาบูบาคาร์ มัลที-คามารา (Mr. Abubakarr Multi-Kamara) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอนประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทน อัลฮัจญี อับดุล กะรีม กูรูมา (Alhaji Abdul Karim Koroma) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29507 | การลงนามความตกลงจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT | นร11 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ในฐานะรัฐมนตรีประจำกรอบแผนงาน IMT-GT (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) ยืนยันเจตนารมณ์ของฝ่ายไทยในการสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑๘ แผนงาน IMT-GT ในวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ณ ประเทศมาเลเซีย และให้ส่งร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT ไปเพื่อรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนการลงนามในร่างความตกลงฯ ต่อไป ตามนัยความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากศูนย์ฯ ต้องจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อพ้นระยะ ๕ ปีแรกไปแล้ว ประเทศไทยมีความผูกพันที่จะต้องมีกฎหมายรับรองให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตแก่เจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของศูนย์ฯ จึงเป็นกรณีที่ต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา ดังนั้นความตกลงฯ จึงต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อสนับสนุนเป็นค่าบำรุงประจำปีให้กับศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕ ล้านบาท (๕๐๐,๐๐๐ ริงกิตมาเลเซีย) และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อๆ ไปให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
29508 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองป่าโมก จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... | มท | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองป่าโมก จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสายทอง ตำบลบางปลากด ตำบลป่าโมก ตำบลนรสิงห์ ตำบลเอกราช ตำบลโรงช้าง ตำบลบางเสด็จ และตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29509 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก ในท้องที่ตำบลวังยาว และตำบลดอนกลาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29510 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ กระทรวงการคลัง) (นางสาวจำรัส แหยมสร้อยทอง) | กค | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจำรัส แหยมสร้อยทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิเคราะห์นโยบายแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29511 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเหล็กและเหล็กกล้าที่มีโควตาเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... (การแก้ไขเพิ่มเติมพิกัดศุลกากรเหล็กและเหล็กกล้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์) | พณ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเหล็กและเหล็กกล้าที่มีโควตาเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพิกัดอัตราศุลกากรเหล็กและเหล็กกล้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเหล็กและเหล็กกล้าที่มีโควตาเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งกำหนดตามพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ๒๐๐๗ ให้เป็นไปตามพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ๒๐๑๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
29512 | การแก้ไขชื่อและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีของจังหวัดบุรีรัมย์ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 | นร11 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไขชื่อและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที ของจังหวัดบุรีรัมย์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ข้อเสนอแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง ๑ และตอนล่าง ๒ รวม ๘ จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕) จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์ฝึกวิชาชีพสู่ชุมชนเมืองแป๊ะอย่างยั่งยืน แก้ไขเป็น โครงการศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเทิดพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชินี หน่วยงานรับผิดชอบ จากเดิม วิทยาลัยการอาชีพนางรอง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา แก้ไขเป็น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กรอบวงเงินดำเนินโครงการ จำนวน ๖ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29513 | สรุปผลการจัดนิทรรศการ "มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน" ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ถึง 3 กันยายน 2555 ณ BCC HALL ศูนย์สรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว | นร04 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดนิทรรศการ “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำเพื่อประชาชน” ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๓ กันยายน ๒๕๕๕ ณ BCC HALL ศูนย์สรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ สรุปผลการจัดงานและสรุปการประเมินผล ดังนี้
๑. สรุปจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการในภาพรวม มีจำนวนรวม ๒๒,๘๙๒ คน เป็นเพศชาย จำนวน ๑๒,๐๕๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๓ และเพศหญิง จำนวน ๑๐,๘๓๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๗ โดยวันที่ผู้เยี่ยมชมนิทรรศการมากที่สุดคือวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๕ มีจำนวนรวม ๑๑,๙๖๙ คน ๒. สรุปผลการประเมินจากแบบสอบถามความพึงพอใจ ๒.๑ ข้อมูลทั่วไป จากกลุ่มตัวอย่างผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการพบว่า เพศหญิงตอบแบบสอบถาม จำนวน ๗๙๕ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕๖ และเพศชาย จำนวน ๖๓๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๔๔ ช่วงอายุผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๓๑ - ๓๕ ปี คิดเป็นร้อยละ ๔๘ การศึกษาในระดับปริญญาตรีเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการสูงที่สุดถึงร้อยละ ๔๙ และเป็นกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงานที่เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการคิดเป็นร้อยละ ๕๔ ๒.๒ ความเห็น/ความพึงพอใจต่องานนิทรรศการ พบว่า มีความพึงพอใจในภาพรวมการจัดนิทรรศการอยู่ในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ ๔๒ ๓. ข้อเสนอแนะที่สำคัญ ๓.๑ ระยะเวลาในการจัดงานน้อยเกินไป และสถานที่ควรจะรองรับจำนวนผู้ชมงานจำนวนมากได้ รวมถึงมีความสะดวกในการเดินทาง และสถานที่จอดรถ ๓.๒ ให้มีเจ้าหน้าที่ประจำบูธทุกจุด และเป็นผู้มีความรู้เชิงเทคนิคที่สามารถตอบข้อซักถามได้ รวมถึงสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ ๓.๓ การนำเสนอข้อมูลเป็นวิชาการมากเกินไป ควรเน้นการสื่อสารให้เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย เอกสารประกอบการจัดนิทรรศการไม่เพียงพอ ๓.๔ ควรจัดนิทรรศการสัญจรในพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มการประชาสัมพันธ์ในทุกสื่อ เพิ่มหัวข้อเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทั้งนักวิชาการ ผู้ประสบภัย รวมถึงรับฟังความเห็นภาคประชาชน และเพิ่มกิจกรรมเพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น กิจกรรมนักเรียน นักศึกษา การทดสอบหรือทดลองที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
29514 | การดำเนินการโครงการตามมติ ครม. นอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี ชลบุรี และสุรินทร์ | นร07 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปภาพรวมสถานภาพการขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณในส่วนของโครงการเร่งด่วน ตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี ชลบุรี และสุรินทร์ ณ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วงเงินและโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลางสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี ชลบุรี และสุรินทร์ รวม ๖ ครั้ง จำนวนทั้งสิ้น ๒๒๔ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๕๓.๕๙ ล้านบาท (ใช้งบกลางฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๕๓๓.๒๕ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๒๐.๓๔ ล้านบาท) จำแนกเป็น ๑.๑ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงิน ๗๙๔.๗๐ ล้านบาท ๑.๒ จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๙ โครงการ วงเงิน ๑,๖๕๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๓ จังหวัดภูเก็ต จำนวน ๒๔ โครงการ วงเงิน ๖๓๐.๙๖ ล้านบาท ๑.๔ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๖๑ โครงการ วงเงิน ๑,๐๔๑.๔๓ ล้านบาท ๑.๕ จังหวัดชลบุรี จำนวน ๓๔ โครงการ วงเงิน ๕๑๖.๙๐ ล้านบาท ๑.๖ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๕๘ โครงการ วงเงิน ๑,๐๑๙.๖๐ ล้านบาท ๒. หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๒๑ โครงการ รวมเป็นเงิน ๕,๔๖๐.๑๑ ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ ๙๖.๕๗ ของวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ) สำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรรแล้ว ๑๗๖ โครงการ วงเงิน ๔,๖๕๗.๑๒ ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรร ๔๕ โครงการ วงเงิน ๖๗๔.๖๙ ล้านบาท ยกเลิกไม่ขอรับการจัดสรร ๑ โครงการ วงเงิน ๑๕.๐๐ ล้านบาท และยังไม่ขอรับการจัดสรร ๒ โครงการ วงเงิน ๑๖.๑๐ ล้านบาท จำแนกเป็น ๒.๑ โครงการที่อนุมัติ ณ จังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี ภูเก็ต กาญจนบุรี และชลบุรี จำนวน ๑๖๖ โครงการ มีโครงการที่ยกเลิกไม่ขอรับการจัดสรรเนื่องจากได้รับงบประมาณ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยาฟื้นฟูฯ ดำเนินการแล้ว ๑ โครงการ คงเหลือ ๑๖๕ โครงการ ส่วนราชการขอรับการจัดสรรครบ ๑๖๕ โครงการแล้ว สำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรร จำนวน ๑๕๓ โครงการ วงเงิน ๔,๑๘๔.๓๔ ล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณา จำนวน ๑๒ โครงการ วงเงิน ๑๔๘.๗๔ ล้านบาท ๒.๒ โครงการที่อนุมัติ ณ จังหวัดสุรินทร์ คณะรัฐมนตรีอนุมัติรวม ๕๘ โครงการ ขอรับการจัดสรร จำนวน ๕๖ โครงการ วงเงิน ๑,๐๐๓.๕๑ ล้านบาท สำนักงบประมาณอนุมัติจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๓ โครงการ วงเงิน ๔๗๒ ล้านบาท อยู่ระหว่างพิจารณาจัดสรร จำนวน ๓๓ โครงการ วงเงิน ๕๒๕.๙๕ ล้านบาท และมีโครงการที่ส่วนราชการยังไม่ขอรับการจัดสรร จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๖.๑๐ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
29515 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 8/2555 | นร11 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (กรณีเร่งด่วน ๔ ประเด็น) ที่มีมติเห็นชอบและรับทราบผลการประชุมดังกล่าว และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กยอ. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้วให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานให้ กยอ. ทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๒. รับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส ๒/๒๕๕๕ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๔.๒ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๐.๔ ในไตรมาสแรก โดยด้านการผลิตมีปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มขยายตัวเป็นบวกหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และการขยายตัวเร่งขึ้นของสาขาก่อสร้าง การค้าส่งค้าปลีก โรงแรมและภัตตาคาร ด้านการใช้จ่ายมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ เศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๒.๒ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๕.๕ - ๖.๐ เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ ๐.๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ และในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๒.๙ - ๓.๔ การบริโภคภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๔.๘ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๑.๓ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๗.๓ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณร้อยละ ๐.๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ๓. รับทราบความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ตามที่ผู้แทน กนอ. เสนอ โดยสถานภาพการประกอบกิจการโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ มีโรงงานเปิดดำเนินการแล้วรวมทั้งสิ้น ๖๘๔ โรงงาน จากโรงงานทั้งหมด จำนวน ๘๓๙ โรงงาน หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๑.๕๓ ที่เหลือประมาณร้อยละ ๘ มีการย้ายฐานการผลิตซึ่งโดยส่วนใหญ่ย้ายไปยังพื้นที่อื่น เช่น ฉะเชิงเทรา กบินทร์บุรี และระยอง เป็นต้น และอีกร้อยละ ๕ ยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมโรงงาน สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ส่วนใหญ่ดำเนินการล่าช้ากว่าเป้าหมายที่จะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ เนื่องจากอยู่ระหว่างงานเก็บความเรียบร้อย ๔. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (อยอ.) โดยนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ประธานอนุกรรมการ อยอ. รายงานว่า ขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะทำงาน จำนวน ๓ คณะ ได้แก่ คณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อความมั่นคงของลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด คณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์และกรอบด้านการใช้ที่ดิน ประชากร ผังเมือง มลภาวะ และระบบนิเวศน์ และคณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์นโยบายด้านการพัฒนาพื้นที่เพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน รวมถึงด้านกฎหมายและองค์กรที่จำเป็น เพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดในการบริหารทรัพยากรน้ำในพื้นที่ ๙ จังหวัด และจัดทำแผนยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ ๓ เดือน
|
||||||||||||||||||||||||
29516 | สรุปรายงานติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย (สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 8 - 14 กรกฎาคม 2555 ถึงสัปดาห์ที่ 7 วันที่ 19 - 25 สิงหาคม 2555) | วท | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำสรุปรายงานติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย (สัปดาห์ที่ ๑ วันที่ ๘ - ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ถึงสัปดาห์ที่ ๗ วันที่ ๑๙ - ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕) ในส่วนของ PMOCFLOOD รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะของรัฐมนตรีที่ได้สั่งการในการตรวจพื้นที่ ของสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
29517 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 7/2555 | นร11 | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๗/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อรองรับการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงของประเทศ ได้แก่ การจัดตั้งรัฐวิสาหกิจใหม่เพื่อบริหารกิจการรถไฟความเร็วสูง [รวมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ARL)] ภายใต้กระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนในกิจการ โดยบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่กำกับดูแลสัญญาสัมปทาน และการโอนกรรมสิทธิ์การใช้พื้นที่เขตทางสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงให้แก่รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีการชำระค่าใช้ประโยชน์พื้นที่ให้แก่ รฟท. บนหลักการเดียวกับการขอใช้พื้นที่ในเขตทางของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำรายได้ไปแก้ไขปัญหาหนี้ของ รฟท. ต่อไป ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังรับข้อเสนอแนวทางดังกล่าวไปประกอบการพิจารณารายละเอียดก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยื่นหนังสือต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำชี้แจงการดำเนินงานของ กยอ. ต่อศาลปกครองกลาง กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับพวก รวม ๓๙ คน ฟ้องร้องต่อศาลปกครองให้ดำเนินคดีกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) และ กยอ. ในการสนับสนุนและอนุญาตให้ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำถาวรเพื่อล้อมรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือสวนอุตสาหกรรม ออกไปอย่างน้อย ๓๐ วัน นับจากวันที่ครบกำหนด พร้อมทั้งยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อทำคำให้การแก้ต่างทางคดีดังกล่าวแทน กยอ. และให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายปรเมธี วิมลศิริ) เป็นผู้แทน กยอ. ในการนำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำพยานบุคคลที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง และให้ถ้อยคำต่าง ๆ ต่อพนักงานอัยการ และประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุดจนกว่าการดำเนินการทางคดีจะแล้วเสร็จ ๓. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) โดยกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กับหน่วยงานไปดำเนินการ รวมเป็นเงิน ๔๗,๙๖๓ ล้านบาท และอนุมัติการเบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘ ล้านบาท ซึ่งแผนงานที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว ได้แก่ แผนการดำเนินการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ แผนการป้องกันปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วนในพื้นที่ตะวันออกและตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา แผนการฟื้นฟู การอนุรักษ์ป่าและดิน การทำฝาย แผนการพัฒนาประสิทธิภาพการเก็บและการระบายน้ำในพื้นที่รับน้ำนอง และแผนการก่อสร้างระบบป้องกันอุทกภัยสำหรับนิคม/สวน/เขตอุตสาหกรรม สำหรับวงเงินที่เหลือ จำนวน ๓๐๒,๐๓๖ ล้านบาท ได้ประกาศเชิญชวนผู้สนใจร่วมเสนอกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยในอนาคต ๔. รับทราบความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ มีผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิต จำนวน ๔๐๒ ราย เปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๒๗๙ ราย และยังไม่ได้เปิดดำเนินการ จำนวน ๑๕๘ ราย ส่วนการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนหรือพนังกั้นน้ำคาดว่าจะสามารถสร้างเสร็จได้ทันภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ๕. รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ โดยผลการรับประกันภัยตั้งแต่ ๒๘ มีนาคม - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ กลุ่มผู้เอาประกันภัย ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย SME และอุตสาหกรรม ได้ออกกรมธรรม์ไปแล้วรวม ๔๗,๐๑๕ ฉบับ ทุนประกันภัยพิบัติรวม ๖,๓๔๑.๙๑ ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรวม ๔๕.๑๙ ล้านบาท ส่วนประมาณการประกันภัยทรัพย์สิน (กันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๕) กลุ่มผู้เอาประกันภัย ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย SME และอุตสาหกรรม จะมีการออกกรมธรรม์ ๓๖๔,๓๗๒ ฉบับ ทุนประกันภัย ๓,๖๕๕,๖๐๗ ล้านบาท และประมาณการทุนประกันภัย ๔๗๕,๕๕๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินการต่อไป อาทิ การสรรหาที่ปรึกษาด้านการประกันภัยต่อเพื่อทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่กองทุนฯ ในการจัดแผนการประกันภัยต่อที่เหมาะสม การเดินทางไปเจรจากับบริษัทประกันภัยต่อในต่างประเทศเพื่อให้สามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขความคุ้มครองรวมทั้งเบี้ยประกันภัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด การดำเนินโครงการประชาสัมพันธ์กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ และการคัดเลือกบริษัทที่จะได้จ้างดำเนินการวางแผนการประชาสัมพันธ์และการใช้สื่อในรูปแบบต่าง ๆ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
29518 | สรุปผลการยื่นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอกรอบแนวคิด (Conceptual Plan) เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555 | วท | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการตรวจรับการยื่นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอกรอบแนวคิด (Conceptual Plan) เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดฯ ได้ดำเนินการตรวจรับการยื่นคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอกรอบแนวคิดดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ ณ อาคารตึกแดง ๑ ทำเนียบรัฐบาล มีผู้เสนอกรอบแนวคิดฯ จำนวน ๓๔ ราย ประกอบด้วย บริษัทต่างชาติอย่างเดียว จำนวน ๗ ราย (ยื่นเดี่ยว จำนวน ๕ ราย และยื่น Consortium จำนวน ๒ ราย) บริษัทไทยอย่างเดียว จำนวน ๑๑ ราย (ยื่นเดี่ยว จำนวน ๙ ราย และยื่น Joint Venture จำนวน ๒ ราย) และบริษัทไทยร่วมกับต่างชาติ จำนวน ๑๖ ราย (ยื่น Consortium จำนวน ๑๓ ราย และยื่น Joint Venture จำนวน ๓ ราย) ๒. คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดฯ จะเปิดโอกาสให้ผู้เสนอกรอบแนวคิดฯ ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายใน ๒ วัน และจะดำเนินการตามขั้นตอนการดำเนินงานโครงการออกแบบก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
29519 | การเสนอให้มีการจัดตั้งสำนักงานศูนย์ประสานงานอาเซียนทางด้านโรคระบาดสัตว์และโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) ในประเทศไทย | กษ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบต่อท่าทีของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะเสนอให้มีการจัดตั้งสำนักงานศูนย์ประสานงานอาเซียนทางด้านโรคระบาดสัตว์และโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) ในประเทศไทย ที่จะนำเสนอในการประชุม Special Senior Official Meeting of the 34th Meeting of the ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry (Special SOM-34th AMAF) ที่จะจัด ขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ การจัดตั้งสำนักงาน ACCAHZ ในประเทศไทย มีลักษณะเป็นความตกลงระหว่างประเทศและสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์ ดังนี้ ๑.๑ แสดงบทบาทความเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคในด้านการควบคุม ป้องกัน และกำจัดโรคระบาดสัตว์ ๑.๒ สำนักงาน ACCAHZ ในประเทศไทย ตามกรอบที่ได้กำหนดไว้จะเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น งบประมาณ ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน กำจัดโรคระบาดสัตว์ ๑.๓ สามารถกำหนดแนวทางในการพัฒนาและการควบคุมโรคในระดับภูมิภาค อันจะเกิดผลดีในการป้องกันโรคที่อาจแพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยได้ เช่น โรคไข้หวัดนก โรคปากและเท้าเปื่อย เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรร่วมกันทำการศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ทั้งด้านสถานที่ บุคลากร เครื่องมือ และงบประมาณในการก่อสร้างและดำเนินงาน การบริหารจัดการ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนด้านบุคลากรและงบประมาณในการก่อสร้างและดำเนินงานจากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนและจากองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งสำนักงาน ACCAHZ ในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
29520 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสกล ภูมิรัตนประพิณ) | สธ | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกล ภูมิรัตนประพิณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลสมุทรสาคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....