ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1410 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28181 - 28200 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28181 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2556 | ทส | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการศึกษาและออกแบบก่อสร้างสะพานเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรเลียบชายฝั่งทะเลในเขตผังเมืองรวมเมืองชลบุรีของจังหวัดชลบุรี โดยให้จังหวัดชลบุรีดำเนินการเกี่ยวกับการทบทวนการออกแบบตอม่อให้มีความเหมาะสม และกำหนดให้กรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับจังหวัดชลบุรีและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการปลูกป่าชายเลนทดแทน จำนวน ๑๐๐ ไร่ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ และตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด โดยนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และการขอผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าชายเลน เพื่อให้จังหวัดชลบุรีเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนเป็นการถาวรเพื่อก่อสร้างโครงการ ๒. ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองรับผิดชอบในการตั้งงบประมาณปลูกป่าชายเลนทดแทน จำนวน ๑๐๐ ไร่ โดยดำเนินการร่วมกับจังหวัดชลบุรีและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๓. ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเตรียมงบประมาณปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติมบนพื้นที่ดินเลนที่งอกใหม่จากการดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||
28182 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 10 - 11 มีนาคม 2556 | พน | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและจังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จังหวัดชัยภูมิ ๑.๑ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดชัยภูมิตั้งอยู่ตอนบนสุดของที่ราบสูงโคราช ทำให้ลักษณะภูมิประเทศร้อยละห้าสิบเป็นที่ราบสูง อีกร้อยละห้าสิบประกอบด้วยป่าไม้และภูเขา เมื่อฝนตกลงมาจึงไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการกักเก็บน้ำของแหล่งกักเก็บที่มียังไม่เต็มศักยภาพ ทำให้แหล่งกักเก็บน้ำแห้งขอดในฤดูแล้ง และนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นมาเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง เป็นเหตุให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง จังหวัดจึงได้ประกาศภัยพิบัติทั้ง ๑๖ อำเภอ ๑.๒ การแก้ไขปัญหา ในเบื้องต้นจังหวัดได้อนุมัติงบประมาณให้ความช่วยเหลือไปแล้ว ๓๖,๕๘๓,๖๗๖ บาท โดยการจัดหาวัสดุทำฝายกระสอบทรายเพื่อชะลอน้ำ จำนวน ๒๖๔ แห่ง ซ่อมแซมฝายชะลอน้ำ ๑๓ แห่ง ขุดลอกเปิดทางน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร ๓๗ แห่ง ฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น ๘ แห่ง นอกจากนี้ จังหวัดยังมีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือความเดือดร้อนของราษฎรอีก คือ ระยะแรก เพื่อจัดทำโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ๑๔๑ โครงการ วงเงิน ๒๒๗ ล้านบาท โครงการบ่อน้ำบาดาล ๒๒๕ บ่อ วงเงิน ๒๒.๙๕ ล้านบาท จัดหาเครื่องสูบน้ำขนาด ๘ นิ้ว ๕๐ เครื่อง วงเงิน ๒๗ ล้านบาท จัดหารถบรรทุกน้ำ ๑๖ คัน วงเงิน ๒.๓ ล้านบาท และจัดหาถังน้ำกลาง ๒,๗๑๒ ถัง วงเงิน ๓๘ ล้านบาท สำหรับระยะกลางและระยะยาว จะดำเนินโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ๑๑ โครงการ ๒. จังหวัดบุรีรัมย์ ๒.๑ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่ประสบกับภาวะความแห้งแล้งเป็นประจำทุกปี เนื่องจากในพื้นที่ของจังหวัดจะมีปริมาณฝนตกค่อนข้างน้อย ทำให้แหล่งน้ำที่มีทั้งแหล่งน้ำหลักและแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ตลอดฤดูกาล เป็นเหตุให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภค และทำให้พืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดได้ผลผลิตไม่เต็มที่ โดยเกิดภัยแล้งใน ๒๓ อำเภอ ๑๗๗ ตำบล ๒,๑๑๕ หมู่บ้าน ความเสียหายด้านเกษตร คิดเป็นพื้นที่จำนวน ๑๖๓,๕๒๘ ไร่ ๒.๒ การแก้ไขปัญหา จังหวัดได้ให้รถบรรทุกน้ำที่มีกระจายอยู่ตามองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการต่าง ๆ บรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้ประชาชนตามหมู่บ้านต่าง ๆ และได้รับการสนับสนุนรถสูบส่งน้ำระยะไกลจากศูนย์ฯ เขต ๕ นครราชสีมา ดำเนินการสูบน้ำจากแหล่งน้ำไปยังสระน้ำประปาหมู่บ้านที่แห้งขอด และกำลังเร่งดำเนินการซ่อมเป่าล้างบ่อบาดาลและซ่อมประปาหมู่บ้านที่ชำรุดให้ใช้งานได้ โดยจังหวัดได้ใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งไปแล้ว เป็นเงิน ๑๐,๙๓๙,๕๕๒ บาท รวมทั้งประสงค์ขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติม คือ จัดหาถังน้ำกลางหมู่บ้าน ขนาด ๒,๐๐๐ ลิตร จำนวน ๓,๙๐๐ ถัง วงเงิน ๕๔.๖ ล้านบาท รถบรรทุกน้ำ ๒๐ คัน รวมค่าบริหารจัดการ วงเงิน ๒.๑๙๒ ล้านบาท รถส่งสูบน้ำระยะไกล ๒ คัน วงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท และดำเนินโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ๑๑๔ โครงการ วงเงิน ๓๑๓.๘ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
28183 | การประชุมเจรจาความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ | อก | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเจรจาความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ ๗-๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับ H.E. Mr.Henk Kamp, Ministry of Economic Affairs รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ในประเด็นความร่วมมือด้านวิชาการเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารตามแนวทาง Food Valley ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ และความร่วมมือในการจัดประชุมเชิงวิชาการสนับสนุนการวิจัยในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมีกำหนดการจัดประชุมที่ประเทศไทยในราวเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ผลการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเศรษฐกิจของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ยินดีสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร โดยให้ความร่วมมือสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญจาก Food Valley ในการให้คำแนะนำแนวทางการบริหารจัดการ รวมทั้งการกำหนดรูปแบบและสนับสนุนการนำผลงานวิจัยเพื่อบริการภาคธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารของไทย ๒. การหารือกับผู้บริหารมูลนิธิ Food Valley ในประเด็นความร่วมมือทางวิชาการ และความร่วมมือการจัดประชุมเชิงวิชาการสนับสนุนการวิจัยในอุตสาหกรรมอาหาร ในเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ณ ประเทศไทย ผลการหารือ ผู้บริหาร Food Valley ได้ตอบรับให้ความร่วมมือในการส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษาแนะนำในการพัฒนาและจัดตั้งระบบการบริหารจัดการ Thailand Food Valley ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประสานงานความร่วมมือในลักษณะ Triple Helix ประกอบด้วย ๓ ส่วน คือ ภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันวิจัย โดยจะจัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเริ่มให้คำแนะนำในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
28184 | แผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2556 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. แผนอำนวยความสะดวกฯ กำหนดระยะเวลาการปฏิบัติงานระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ ๒. แผนอำนวยความสะดวกฯ ประกอบด้วย ๓ แผนงานหลัก ได้แก่ ๒.๑ แผนงานการให้บริการและอำนวยความสะดวก ๒.๑.๑ บริการการขนส่งสาธารณะ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดเตรียมพื้นที่สถานีขนส่ง ชานชาลา และพื้นที่จอดรถสำรองให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชน รวมทั้งจัดเตรียมและเพิ่มจำนวนรถโดยสารประจำทาง/ไม่ประจำทาง เพิ่มจำนวนตู้โดยสารรถไฟและเที่ยววิ่ง เพิ่มเที่ยวบินเสริมพิเศษ เพื่อรองรับปริมาณการเดินทาง ๒.๑.๒ การอำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนน โดยยกเว้นค่าผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๗ และ ๙ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ น. ในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ ยกเว้นค่าผ่านทางทางพิเศษบูรพาวิถี ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ น. ในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ น. วันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดให้บริการโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริการในเส้นทางสำคัญเพื่อช่วยแก้ไขการเกิดอุบัติเหตุจราจร/รถเสีย สถานที่พักรถ และจัดเตรียมเครื่องมือ/เครื่องจักร/อุปกรณ์/รถฉุกเฉิน พร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกผู้ใช้ทาง ๒.๑.๓ การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าเรือ/สถานีขนส่ง/ท่าอากาศยานและอาคารผู้โดยสาร/สถานีรถไฟ โดยจัดเตรียมพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้มีความพร้อมรองรับปริมาณการใช้บริการของประชาชน ๒.๑.๔ อำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลการจราจร โดยการรายงานผลการปฏิบัติงานผ่านระบบของศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงคมนาคม (MOTOC) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และครอบคลุมการให้บริการระบบบริหารจัดการอุบัติเหตุด้านการขนส่ง (TRAMS) แก่หน่วยงาน ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และอำนวยความสะดวกในการจัดทำรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุประจำวัน ทั้งในภาพรวมของกระทรวงคมนาคม ระดับกรม และระดับหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ๒.๒ แผนงานด้านความมั่นคง โดยการติดตามสถานการณ์ข่าวสารข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคง การแจ้งเตือนการก่อเหตุ ดำเนินการให้มีการจัดเวรยาม และเฝ้าระวังสังเกตการณ์ กวดขันการอยู่เวรยามประจำสถานีขนส่งผู้โดยสารตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อเพิ่มการตรวจความเรียบร้อยในบริเวณโดยรอบ การเพิ่มการสังเกตเฝ้าระวังเหตุการณ์และวัตถุแปลกปลอมและสิ่งผิดปกติ รวมทั้งการสังเกตบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย ตลอดจนเตรียมรองรับการช่วยเหลือในกรณีที่อาจเกิดเหตุฉุกเฉิน จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเหตุการณ์จากกล้อง CCTV ๒.๓ แผนงานด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย มาตรการด้านการบริหารจัดการ มาตรการด้านถนนปลอดภัย มาตรการยานพาหนะปลอดภัย มาตรการผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัย มาตรการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการด้านสังคม และมาตรการด้านการประชาสัมพันธ์
|
||||||||||||||||||
28185 | รายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ 23 สิงหาคม 2554 ถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2555) | นร04 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) ไปประสานงานกับคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกำหนดวันเสนอรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕) ต่อที่ประชุมรัฐสภา แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
28186 | รายงานการติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดที่ประสบภัยแล้ง | นร04 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ในการเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดจันทบุรี และการเดินทางไปตรวจราชการที่ประสบภัยแล้ง ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ และจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ณ จังหวัดจันทบุรี ๑.๑ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จังหวัดจันทบุรีได้รับเงินจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๗๐ ล้านบาท ปัจจุบันมีสมาชิก ๙๕,๗๑๐ คน และสมาชิกเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุน จำนวน ๘๐ โครงการ มีโครงการที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติ จำนวน ๑๐ โครงการ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๘๓๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๒.๖๑ เนื่องจากโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ เช่น การขอใช้เงินอุดหนุนในการไปทัศนศึกษาท่องเที่ยว เป็นต้น ๑.๒ โครงการหลักประกันสุขภาพ จังหวัดจันทบุรีมีผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จำนวน ๔๓๐,๒๑๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๕๐ ของจำนวนประชากร โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรีได้บูรณาการสิทธิประโยชน์หรือบริการที่จำเป็นเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีมาตรฐานเดียวกัน อย่างเท่าเทียม สำหรับปัญหาอุปสรรคของจังหวัดจันทบุรี คือ ปัญหากลุ่มประชากรแฝง และปัญหาแรงงานต่างด้าวซึ่งมีอยู่ ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่เข้ามาถูกกฎหมาย กลุ่มเข้ามาแบบผิดกฎหมาย และกลุ่มที่เข้าออกผ่านจุดผ่านแดนแบบเข้า-ออก ทำให้มีการใช้งบประมาณในการรักษามากขึ้น ๑.๓ โครงการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต ๑ ได้รับจัดสรร จำนวน ๔,๑๗๔ เครื่อง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต ๒ ได้รับจัดสรร จำนวน ๒,๙๕๕ เครื่อง โดยพบว่า ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก นักเรียนสามารถเพิ่มทักษะการเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี สำหรับปัญหาอุปสรรคที่พบ อาทิ ครู ผู้สอนชั้นประถมปีที่ ๑ ไม่ได้รับการจัดสรรเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อใช้ในการเตรียมการสอน เครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตไม่ครบจำนวน เนื่องจากนักเรียนมีการย้ายเข้าย้ายออก และบางโรงเรียนไม่ทราบแนวทางที่ชัดเจนในการส่งซ่อมเครื่องแท็บเล็ต และระยะเวลาหรือเงื่อนไขการรับประกัน ทำให้มีการดำเนินการล่าช้า เป็นต้น ๒. รายงานการเดินทางไปตรวจราชการภัยแล้งจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดจันทบุรี ๒.๑ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง ๒ อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคามและบางน้ำเปรี้ยว ประชาชนได้รับผลกระทบ ๕๔๐ คน จำนวน ๑๘๐ ครัวเรือน พื้นที่นาข้าวเสียหาย ๒,๘๓๑ ไร่ และคาดว่าจะได้รับความเสียหายเพิ่มอีกประมาณ ๑,๐๐๐ ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ในบางพื้นที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค ซึ่งสถานการณ์โดยรวมจังหวัดสามารถแก้ไขปัญหาได้ ๒.๒ จังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง ๘ อำเภอ ได้แก่ อำเภอขลุง ท่าใหม่ โป่งน้ำร้อน สอยดาว แก่งหางแมว มะขาม นายายอาม และเขาคิชฌกูฏ รวมทั้งสิ้น ๔๓๗ หมู่บ้าน โดยจังหวัดได้ดำเนินงานตามหลัก 2P2R ได้แก่ การป้องกัน (Prevention) การเตรียมความพร้อม (Preparation) การรับมือ (Response) และการฟื้นฟู (Recovery) เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง
|
||||||||||||||||||
28187 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายเจษฎา ฉายคุณรัฐ และนายมรุต จิรเศรษฐสิริ) | สธ | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเจษฎา ฉายคุณรัฐ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ๒. นายมรุต จิรเศรษฐสิริ ให้ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
|
||||||||||||||||||
28188 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๑.๑ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๓.๓ ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ ๖.๗ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (ณ ราคาคงที่) และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ ๓.๓ และ ๒.๙ ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ ๑๗.๑ และ ๓๒.๒ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ตามลำดับ ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งยังขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ ๙๒.๑ แม้จะชะลอตัวลงจากร้อยละ ๑๐๘.๖ ในเดือนก่อนหน้า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๗๔.๓ เพิ่มขึ้นจากระดับร้อยละ ๗๒.๑ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ ๙.๕ ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ ๒๒.๒ ในเดือนก่อนหน้า ตามฐานการขยายตัวที่สูงขึ้น โดยการลงทุนในเครื่องมือเครื่องจักรชะลอตัวลงตามการหดตัวของการนำเข้าสินค้าทุนร้อยละ ๘.๙ ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๑๔.๐ ชะลอตัวลงจากร้อยละ ๓๖.๕ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ส่วนการลงทุนในสิ่งก่อสร้างยังขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๑๔.๕ เช่นเดียวกับพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างที่ขยายตัวร้อยละ ๒๓.๓ ๑.๓ การส่งออกสินค้า มีมูลค่า ๑๗,๗๖๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๕๒๙,๕๓๐ ล้านบาท) หดตัวลงร้อยละ ๔.๖ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๑๕.๖ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ เมื่อหักทองคำที่ยังไม่ขึ้นรูปออกแล้ว มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ ๐.๖ สินค้าส่งออกที่หดตัวลง ได้แก่ ข้าว ยางพารา สินค้าประมง สินค้าเกษตรแปรรูป และทองคำ ในขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัวลง โดยเฉพาะการส่งออกยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ตลาดส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ จีน และออสเตรเลีย ตลาดส่งออกที่หดตัว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ๑.๔ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๑.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๑๐.๒ ในเดือนก่อนหน้าตามฐานการขยายตัวที่สูงขึ้น อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงจากร้อยละ ๖๗.๐ ในเดือนก่อน เป็นร้อยละ ๖๒.๙ อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ และสิ่งทอ ส่วนอุตสาหกรรมสำคัญที่หดตัว ได้แก่ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม การแปรรูปสัตว์น้ำ เครื่องนุ่งห่ม โทรทัศน์/วิทยุ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ๑.๕ การผลิตภาคเกษตรกรรม ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัวร้อยละ ๐.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๐.๗ ในเดือนก่อนหน้า เป็นการหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ ๑๙ เดือน เนื่องจากผลผลิตข้าวที่มีการเร่งเก็บเกี่ยวไปก่อนหน้า ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังลดลงอย่างต่อเนื่องร้อยละ ๔.๒ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ ๔.๔ โดยราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ลดลง ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ ส่วนราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และสุกร ๑.๖ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีจำนวน ๒.๓ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕.๖ เร่งตัวขึ้นเมื่อเทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๑๒.๕ ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนสูงสุด คือ นักท่องเที่ยวจากจีน รองลงมา คือ มาเลเซีย รัสเซีย และญี่ปุ่น ๑.๗ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัว การว่างงานอยู่ในระดับต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดปรับตัวจากการขาดดุลในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ เป็นการเกินดุล ๑.๘ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๖ อยู่ที่ร้อยละ ๔๔.๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ๑.๙ สถานการณ์ด้านการเงิน สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ตึงตัวขึ้น จากการขยายตัวของสินเชื่อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เงินฝากมีการชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการไหลเข้าสุทธิของเงินทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๖ คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ โดยอุปสงค์ภายในประเทศยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้มากขึ้น และคาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
||||||||||||||||||
28189 | การสมัครเข้ารับเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการขององค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia - Pacific Telecommunity : APT) | ทก | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. ให้นายไกรสร พรสุธี รองเลขาธิการองค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Telecommunity : APT) สมัครเข้ารับเลือกตั้งในตำแหน่งเลขาธิการ APT ในนามผู้สมัครจากประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญ และมีบทบาทในงานโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการขอเสียงและแลกเสียงในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากการดำเนินการขอเสียงและแลกเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ จะดำเนินการผ่านขั้นตอนทางการทูต ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบภายใต้คณะอนุกรรมการว่าด้วยการเลือกตั้งของไทยและการสมัครเข้าทำงานของคนไทยในองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งมีอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศเป็นประธาน
|
||||||||||||||||||
28190 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม) (นายพงษ์ศักดิ์ สมใจ) | คค | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพงษ์ศักดิ์ สมใจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||
28191 | การแต่งตั้งผู้แทนรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย | กค | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการแต่งตั้งผู้แทนสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในสภาสมาชิก (Council of Members) ของบรรษัทประกันต่อแห่งเอเชีย โดยตำแหน่ง ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้แทน และรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่กำกับดูแลสำนักนโยบายระบบการคุ้มครองผลประโยชน์ทางการเงิน เป็นผู้แทนสำรอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
28192 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง (จำนวน 8 ราย 1. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ฯลฯ) | กษ | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การสวนยาง จำนวน ๘ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ยกเว้นกรณีนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติเป็นต้นไป แต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๕๖) ดังนี้
๑. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ๒. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ๓. นายชวน ศิรินันท์พร ๔. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ ๕. นายมาโนช วีระกุล ๖. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ ๗. นายวิศาล มหชวโรจน์ ๘. นายอรุณ เลิศวิไลย์
|
||||||||||||||||||
28193 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๘/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗๐/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เฉพาะในส่วนที่มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) และมอบหมายและมอบอำนาจในส่วนดังกล่าวให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) แทน โดยให้มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๘๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๘๒/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๘๓/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
28194 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (จำนวน 4 ราย 1. นายภาคิน สมมิตร ฯลฯ) | พณ | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายภาคิน สมมิตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด ๒. พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด ๓. นายกนก คติการ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิต ๔. พันตำรวจโท ไพโรจน์ ปัญจประทีป ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการ
|
||||||||||||||||||
28195 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ คณะรัฐมนตรีมอบหมายเป็นหลักการให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง ๑.๒ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ๑.๓ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ๑.๔ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ๑.๕ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ๑.๖ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
||||||||||||||||||
28196 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ และนายถาวร จำปาเงิน) | นร04 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ๒. นายถาวร จำปาเงิน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี นายยุคล ลิ้มแหลมทอง)
|
||||||||||||||||||
28197 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ | นร04 | 09/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามพระราชดำรัสเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๑. การบริหารจัดการน้ำ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเลือกใช้แผนที่ให้เหมาะสม โดยหากดำเนินการในเรื่องใดในพื้นที่ใดต้องใช้ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของพื้นที่ เช่น ลักษณะภูมิประเทศ ความสูงต่ำ ความลาดเอียง เป็นต้น ก็ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ แต่ในกรณีพื้นที่ใดต้องการใช้ข้อมูลทั่วไปในภาพรวมเท่านั้น ก็ให้พิจารณาใช้แผนที่มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงแผนที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน แล้วส่งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เพื่อบูรณาการข้อมูลแผนที่ในภาพรวมและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาระบบน้ำและตัดสินใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๒. การนำเทคโนโลยีระบบโทรมาตร (telemetering) และกล้องวงจรปิด (Closed-Circuit Television : CCTV) มาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเทคโนโลยีระบบโทรมาตร (telemetering) และกล้องวงจรปิด (Closed-Circuit Television : CCTV) มาใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับอัตราการไหลของน้ำ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง (real-time data) และสามารถนำไปพยากรณ์ข้อมูลและคาดการณ์สถานการณ์น้ำล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำต่อไป
|
||||||||||||||||||
28198 | การขออนุมัติงบประมาณในการเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 | กษ | 31/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่อง การขออนุมัติงบประมาณในการเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับรูปแบบ สารัตถะ และรายละเอียดของงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานดังกล่าว ให้เหมาะสม คุ้มค่า และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศไทย โดยให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) พิจารณาโดยด่วน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
28199 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 31/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป เป็นระยะที่ ๑๒ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน-๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๒,๐๖๐ ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป โดยมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ประกอบด้วย ๑.๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพโดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๑,๕๑๒ ล้านบาท ๑.๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๖๔ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงินจำนวน ๕๔๘ ล้านบาท ๑.๒ เร่งรัดกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การดำเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) โดยจะต้องศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ระยะที่ ๑๒ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามผลมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางระยะที่ ๑๒ ดังกล่าว ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้ตั๋วร่วมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณาเกี่ยวกับการจัดสายทาง (Routing) ของการเดินรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อลดภาระของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถเดินทางไป-กลับจากเขตรอบนอกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้อย่างสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย |
||||||||||||||||||
28200 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ..... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้น ค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีค้างชำระของ หน่วยงานราชการ) | สว | 31/03/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) และให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข ซึ่งวุฒิสภาเห็นชอบด้วยแล้ว เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนของเหตุผลดังกล่าวคือ "เนื่องจากปัจจุบัน ได้มีการปรับปรุงการบริหารราชการ ทำให้มีหน่วยงานของรัฐรูปแบบต่าง ๆ เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากหน่วยงานทางราชการที่มีอยู่เดิม อีกทั้งหน่วยงานทางราชการเดิมบางหน่วยก็ได้มีการปรับเปลี่ยนฐานะหรือรูปแบบการดำเนินการใหม่ อันมีผลทำให้หน่วยงานนั้น ๆ มิได้มีฐานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนดให้ได้รับยกเว้นการขออนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลและยกเว้นภาษีรถประจำปี อย่างไรก็ดี เนื่องจากหน่วยงานที่เกิดขึ้นหรือปรับเปลี่ยนใหม่นั้นมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ และนอกจากนั้นองค์กรทางศาสนาบางองค์กรซึ่งมีลักษณะและสถานะเช่นเดียวกับวัดควรที่จะได้รับยกเว้นการขออนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลและยกเว้นภาษีรถประจำปีเช่นเดียวกัน สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกเพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวได้รับยกเว้นการขออนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลและยกเว้นภาษีรถประจำปี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้"
|
.....