ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1402 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28021 - 28040 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28021 | รัฐบาลสาธารณรัฐบอตสวานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเจคอบ ดี. อึนกาเต (Mr. Jacob D. Nkate)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเจคอบ ดี. อึนกาเต (Mr. Jacob D. Nkate) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐบอตสวานาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว สืบแทน นายพูลาเอนต์เล ทูเมดีโซ เคโนซี (Mr. Pulaentle Tumediso Kenosi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28022 | รัฐบาลสาธารณรัฐตูนิเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมูรอด เบลฮัสเซน (Mr. Mourad Belhassen)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมูรอด เบลฮัสเซน (Mr. Mourad Belhassen) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตูนิเซียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สืบแทน นายมุฮัมมัด ฮัสซัยรี (Mr. Mohamed Hassairi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28023 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือ0กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม 2556 | กค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔ รุ่น วงเงินรวม ๓๑,๘๗๗.๐๕ ล้านบาท และดำเนินการชำระคืนเงินทดรองจ่ายคงค้างจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ อีกจำนวน ๒๕๕.๐๐ ล้านบาท ทำให้วงเงินการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ๒๕๕๖ มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๒,๑๓๒.๐๕ ล้านบาท (๓๑,๘๗๗.๐๕+๒๕๕.๐๐) โดยมีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
๑. การปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ จำนวน ๓ รายการ วงเงินรวม ๒๔,๖๕๓.๘๐ ล้านบาท และการดำเนินการชำระคืนเงินทดรองจ่ายคงค้างจากการปรับโครงสร้างหนี้ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒๕๕.๐๐ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินการปรับโครงสร้างหนี้จำนวนทั้งสิ้น ๒๔,๙๐๘.๘๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง (บัญชี Premium FIDF 1&3) จำนวน ๑๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๑๒,๔๐๘.๘๐ ล้านบาท ๒. การปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑ รายการ คือ เงินกู้ระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ครั้งที่ ๓ วงเงิน ๗,๒๒๓.๒๕ ล้านบาท โดยทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง จำนวน ๕,๐๙๑.๒๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น จำนวน ๒,๑๓๒.๐๕ ล้านบาท ทำให้คงค้างการชำระคืนเงินทดรองจ่ายเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งสิ้น ๑๒,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท (๗,๔๐๘.๘๐+๕,๐๙๑.๒๐) ๓. การกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง จำนวน ๔ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๒๘ ง เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
28024 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนมีนาคม 2556 | พณ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๗ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๖ สาเหตุจากการสูงขึ้นของราคาผักและผลไม้ ร้อยละ ๒.๘๐ โดยเฉพาะหมวดผักสด ดัชนีสูงขึ้นร้อยละ ๔.๒๒ หมวดผลไม้สด สูงขึ้นร้อยละ ๒.๑๔ สินค้ากลุ่มข้าว สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๕ กลุ่มปลาและสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๗๔ สำหรับดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๐๔ จากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกโดยเฉลี่ยในประเทศ ร้อยละ ๐.๔๐ ตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งสินค้าและบริการอื่นที่มีราคาลดลง ได้แก่ ค่าของใช้ส่วนบุคคล ร้อยละ ๐.๑๓ ๒. พิจารณาเทียบกับดัชนีราคาเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๒.๖๙ จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๓.๖๖ โดยดัชนีหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๔ หมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๖.๖๓ ผักและผลไม้ สูงขึ้นร้อยละ ๙.๐๑ เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้นร้อยละ ๐.๔๙ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๘๘ และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ ๑.๕๖ สำหรับดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๐๑ จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถาน สูงขึ้นร้อยละ ๓.๑๔ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า สูงขึ้นร้อยละ ๐.๕๔ หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล สูงขึ้นร้อยละ ๑.๑๒ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร สูงขึ้นร้อยละ ๑.๓๘ หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๗.๕๗ หมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา สูงขึ้นร้อยละ ๐.๖๗ ๓. พิจารณาดัชนีราคาเฉลี่ยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๖ เทียบกับไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๓.๐๙ จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๔.๐๑ และดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๒.๔๖ ตามการสูงขึ้นของหมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง ร้อยละ ๐.๕๕ เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ ร้อยละ ๔.๐๖ ผักและผลไม้ ร้อยละ ๑๒.๐๐ เครื่องประกอบอาหาร ร้อยละ ๐.๔๙ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๒.๑๒ อาหารสำเร็จรูป ร้อยละ ๒.๓๔ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ร้อยละ ๐.๘๓ ค่าน้ำประปา ร้อยละ ๑๐.๙๘ ค่ากระแสไฟฟ้า ร้อยละ ๑๙.๐๒ ค่าเช่าบ้าน ร้อยละ ๐.๓๕ หมวดยานพาหนะ ร้อยละ ๑.๐๘ และน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ ๕.๕๗ ๔. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๒.๘๗ เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๑ (เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๙) จากการลดลงของราคาสินค้าและบริการ ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และค่าของใช้ส่วนบุคคล
|
|||||||||||||||||||||||||||
28025 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนมีนาคม 2556) | ตช | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๖๗ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๗๘ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓,๘๒๘ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๑๗๗ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๒๓ ของการรับแจ้ง (๓๖๗ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๙๑๖ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๘.๗๘ ของการรับแจ้ง (๑,๘๗๘ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๔๔๒ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๖๗ ของการรับแจ้ง (๓,๘๒๘ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาชญากรรมลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการและกำชับให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาที่เหมาะสม เป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๕ วัน และให้มีการเร่งรัดจับกุมคดีค้างเก่าอย่างจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28026 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรัฐมนตรีว่าการ0204 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ณ ราชอาณาจักรภูฏาน ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีผลการเดินทางสรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ณ พระราชวังในนครทิมพู เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๖ โดยสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ได้พระราชทานแนวคิดว่า การพัฒนาด้านการเกษตรของภูฏาน ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการปลูกพืช คือ ปัญหาดินที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผลผลิตในประเทศไม่เพียงพอกับความต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าข้าว ประชาชนนิยมซื้อผลผลิตที่นำเข้าจากอินเดียเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า และทรงเห็นว่าภูฏานน่าจะสามารถขยายตลาดในด้านเกษตรอินทรีย์และไม้ตัดดอกได้ในอนาคต โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้า ทั้งนี้ ทรงสนพระทัยในด้านการพัฒนาทางด้านการประมงทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติและในบ่อเลี้ยง ส่วนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทรงเห็นว่าทั้งไทยและอินเดียเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อภูฏาน โดยอินเดียมีความสำคัญทางด้านการค้าเนื่องจากมีชายแดนติดกัน ส่วนประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นจุดเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ๒. การเข้าประชุมหารือกับนายกรัฐมนตรีของราชอาณาจักรภูฏาน (Lyonchhen Jigmi Y.Thinley) เกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านการเกษตร โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เห็นว่า การปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสมเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น จึงควรทำการวิจัยในด้านการพัฒนาปรับปรุงดินของภูฏาน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยินดีจะสนับสนุน และได้แจ้งให้ภูฏานทราบว่าการพัฒนาทางด้านการเกษตรของไทยได้ดำเนินการตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งโครงการในพระราชดำริในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาทางด้านการเกษตรในแต่ละภูมิภาค ๓. การเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (Lyonpo Ugyen Tshering) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศภูฏานกล่าวขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนภูฏานตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเกษตร และเห็นว่า MOU ที่ได้มีการลงนามร่วมกันนั้น ถือเป็นกลไกและกรอบความร่วมมือที่สำคัญกับประเทศภูฏาน รวมทั้งได้แจ้งให้ทราบว่าในปีนี้ได้ริเริ่มที่จะมีการประชุมประจำปีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเพื่อเป็นเวทีในการหารือความร่วมมือด้านอื่น ๆ ส่วนการหารือในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ได้มีการประชุมแล้ว ๑ ครั้ง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยยินดีที่จะสนับสนุนให้ความร่วมมือทางด้านวิชาการภายใต้ MOU ฉบับนี้ ๔. การประชุมหารือในการพัฒนาความร่วมมือด้านการเกษตรไทย-ภูฏาน ร่วมกับ Dasho Sherub Gyaltshen ปลัดกระทรวงเกษตรและป่าไม้ของภูฏาน ผลการหารือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยยินดีที่จะให้ความสนับสนุนความร่วมมือทางด้านวิชาการและการฝึกอบรมบุคลากรของภูฏานในด้านพืช สัตว์ และประมง รวมถึงการเพิ่มศักยภาพด้านการตลาด นอกจากนี้ จะสนับสนุนโครงการพระราชดำริ Farm Land Development ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ซึ่งมีแนวคิดที่จะใช้เป็นสถานที่ในการเผยแพร่ความรู้และเป็นต้นแบบในการเรียนรู้ด้านการเกษตร ๕. การติดตามศึกษาและดูงานด้านการเกษตร โดยดูงานด้านฟาร์มโคนม ห้องปฏิบัติการ ตลาดกลางเกษตรกร และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28027 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ) | นร04 | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒๕๐,๗๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมบัญชีกลางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีแล้ว ผ่านสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่ออุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจของสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดเห็นสมควรให้เช่าจำนวน ๘ แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดในภาคเหนือตอนบน ภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนบน ภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ตอนบน และภาคใต้ตอนล่าง ภาคละ ๑ แห่ง สำหรับจังหวัดที่เหลือให้ใช้พื้นที่ของศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดเป็นสถานที่ทำการ โดยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวแล้วขอทำความตกลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณ ตามความพร้อมของการปฏิบัติงานต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) รับไปหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการเสนอแนะนโยบายที่สำคัญและแนวทางการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดระบบการเกษตร การจัดทำ zoning ภาคเกษตร เพื่อให้สภาเกษตรกรแห่งชาติได้นำไปเป็นแนวทางในการกำหนดและพัฒนาความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรได้อย่างยั่งยืนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28028 | การบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) | กค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน ๑๙๐,๐๕๕ ล้านเยน โดยการแปลงหนี้ด้วยวิธี Cross Currency Swap (CCS) หรือการทำ Swap หนี้เงินเยนขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เป็นหนี้เงินบาท ทั้งนี้ หากในอนาคต รฟม. มีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงหนี้ต่างประเทศได้เองแล้ว ให้ รฟม. เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารหนี้โดยตรงต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ให้กับ รฟม. ให้สอดคล้องกับข้อผูกพันตามธุรกรรม Swap ตามกำหนดระยะเวลาที่รัฐบาลรับภาระ |
|||||||||||||||||||||||||||
28029 | รัฐบาลสาธารณรัฐมอริเชียสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเปร็มดัต ดุงกูร์ (Mr. Premdut Doongoor)] | กต | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเปร็มดัต ดุงกูร์ (Mr. Premdut Doongoor) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมอริเชียสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทน นายไศเลนทร์ กุมาร สิงห์ ดูโซโวธ (Mr. Shailendra Kumar Singh Dusowoth) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28030 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (นายเสกสรร นาควงศ์) | กก | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งให้นายเสกสรร นาควงศ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28031 | การขออนุมัติงบประมาณในการเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 | กษ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณการจัดงาน Universal Exhibition Milano 2015 (Expo Milano 2015) ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ วงเงินรวม ๘๓๐,๙๓๕,๖๐๐ บาท โดยใช้จ่ายตามรายการและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ วงเงิน ๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาดูแล ควบคุมงาน ออกแบบ ก่อสร้าง และการจัดการนิทรรศการ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ วงเงิน ๓๙,๐๔๕,๖๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการจ้างออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งอาคารจัดนิทรรศการ รื้อถอน และการจัดการนิทรรศการ ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ ในวงเงิน ๗๓๖,๘๙๐,๐๐๐ บาท ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อจัดทำแผนงานโครงการในการเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยเน้นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและการเร่งรัดการผลิตสินค้าเพื่อส่งเสริมการส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ OTOP
|
|||||||||||||||||||||||||||
28032 | การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดกาฬสินธุ์และขอนแก่น | นร01 | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ณ จังหวัดกาฬสินธุ์ และขอนแก่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และคณะ เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖ เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์/สภาพปัญหาของจังหวัด พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งจากการรับฟังบรรยายสรุปและติดตามผลการดำเนินโครงการในพื้นที่ทั้ง ๒ จังหวัด ด้านภัยแล้งพบว่า จังหวัดกาฬสินธุ์ และขอนแก่น ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำอุปโภค-บริโภค ตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ ประชาชนไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนแต่อย่างใด และได้มอบนโยบายเพื่อให้จังหวัดดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
๑. ให้จังหวัดให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการเฝ้าระวังในสถานศึกษาอย่าให้เป็นแหล่งซื้อ-ขายโดยเด็ดขาด ๒. ให้จังหวัดดูแลประชาชนอย่าให้ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค ๓. ให้จังหวัดพิจารณาและประเมินสินค้า OTOP ที่มีศักยภาพ เพื่อส่งเสริมให้ก้าวสู่การแข่งขันในระดับสากลต่อไป และให้พิจารณาด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สร้างมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพิ่มข้อมูลสินค้าและสถานที่ติดต่อให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งพิจารณาช่องทางการตลาดด้วย ทั้งนี้ อาจขอความร่วมมือและคำแนะนำจากสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ๔. การประชาสัมพันธ์โครงการ “๑ ทุน ๑ อำเภอ” ซึ่งในปี ๒๕๕๖ ขยายเป็นโครงการ “๒ ทุน ๑ อำเภอ” ขอให้จังหวัดช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนในจังหวัดได้รับทราบต่อไปด้วย ๕. สำหรับจังหวัดขอนแก่นซึ่งกำหนดทิศทางการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา และศูนย์กลางทางการแพทย์ ขอให้จังหวัดรวบรวมสถิติข้อมูลนักเรียนนักศึกษาต่างชาติ และข้อมูลผู้เข้ารับการรักษาต่างชาติว่าเป็นผู้มีกำลังซื้อหรือไม่ เพื่อวางแผนและเตรียมขยายการรองรับด้านต่าง ๆ ในอนาคตให้เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28033 | ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรอบแนวทางการพิจารณาเพื่อการควบคุมและส่งเสริมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) เป็นพืชเศรษฐกิจ | สธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับกรอบแนวทางการพิจารณาเพื่อการควบคุมและส่งเสริมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) เป็นพืชเศรษฐกิจ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีความเห็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการปรับแก้กฎหมายเพื่อควบคุมและส่งเสริมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) เป็นพืชเศรษฐกิจ และให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรี ๒. ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์และควบคุมการปลูกกัญชง ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ครั้งที่ ๓๓๓-๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบให้แก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๑๓๕ (พ.ศ. ๒๕๓๙) และจัดทำร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตและควบคุมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ ๓. กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณากรอบระยะเวลาการดำเนินงานการออกประกาศฯ และจัดทำร่างกฎกระทรวงฯ โดยแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ ๑๓๕ (พ.ศ. ๒๕๓๙) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ และจัดทำร่างกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตและควบคุมการปลูกพืชกัญชง (เฮมพ์) ให้แล้วเสร็จ และเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
28034 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อกำหนดให้ที่และเขตศุลกากรช่องสะงำเป็นที่สำหรับนำของเข้าหรือส่งของออก และกำหนดทางอนุมัติและด่านศุลกากรช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ สำหรับเขตแดนทางบก ระหว่างราชอาณาจักรและราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28035 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีออกตามความในมาตรา 13 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 รวม 2 ฉบับ | ยธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงยุติธรรมรับร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เรื่อง กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม ๒ ฉบับ ไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนตามวัตถุประสงค์ของร่างประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในทางปฏิบัติด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28036 | การสนับสนุนเงินบริจาคสมทบกองทุนเยาวชนอาเซียน (The ASEAN Youth Programme Fund) | พม | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสนับสนุนเงินบริจาคสมทบกองทุนเยาวชนอาเซียน (The ASEAN Youth Programme Fund) โดยมีจำนวนเงินก้อนแรก (Initial Amount) จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๓๐ บาทต่อ ๑ ดอลลาร์สหรัฐ) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีโครงการเกี่ยวกับเยาวชนอาเซียน โดยกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของเยาวชนในอาเซียนอันเป็นประโยชน์แก่เยาวชนไทยมากที่สุด |
|||||||||||||||||||||||||||
28037 | รายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี 2555 | ผผ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ พร้อมทั้งข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะที่เสนอต่อหน่วยงานของรัฐ โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงรวมทั้งสิ้น ๓,๕๔๔ เรื่อง และสามารถดำเนินกระบวนการพิจารณาแล้วเสร็จได้ ๒,๒๒๗ เรื่อง หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ ๖๓ ของเรื่องร้องเรียนทั้งหมดที่รับไว้ดำเนินการ ๒. ผลการปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐที่ได้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการตามข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนส่วนใหญ่มักจะให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน สร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ร้องเรียน ตลอดจนเป็นการปรับปรุงแก้ไขวิธีการปฏิบัติราชการให้มีความถูกต้องและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้นในหลายกรณี ๓. ความร่วมมือจากหน่วยงานในการชี้แจงข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน ที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐจำนวนหนึ่งที่ตระหนักในความสำคัญของกระบวนการแก้ไขปัญหาตามคำร้องเรียนที่มีต่อหน่วยงานตน แต่ก็มีหน่วยงานที่ยังคงเพิกเฉยไม่ให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินในการชี้แจงข้อเท็จจริงหรือการส่งเอกสารหลักฐานที่จำเป็นต่อการพิจารณา ในกรณีนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายตามที่บทบัญญัติมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้กำหนดบทลงโทษไว้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป ๔. ผลการดำเนินงานด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ (รวมราชการส่วนท้องถิ่น) โดยได้ดำเนินการเสนอแนะหรือให้คำแนะนำในการจัดทำหรือปรับปรุงประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองส่งประมวลจริยธรรมแล้ว ๑๔,๗๘๒ หน่วย ยังไม่ได้ส่ง ๙๒๗ หน่วย ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐส่งประมวลจริยธรรมแล้ว ๗,๓๑๐ หน่วย ยังไม่ได้ส่ง ๗๐๔ หน่วย สำหรับการส่งเสริมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีจิตสำนึกในด้านจริยธรรม ได้มีโครงการและกิจกรรมในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาความซื่อตรงแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติในระดับจังหวัด โครงการพัฒนาผู้นำคุณธรรม ความร่วมมือในการดำเนินงานตามจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โรงเรียนต้นแบบด้านคุณธรรมจริยธรรม และโครงการคนดีแห่งแผ่นดิน ทั้งนี้ การตรวจสอบการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ประกาศระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินว่าด้วยการไต่สวนและเปิดเผยการไต่สวนสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๘ ตอนที่ ๕ ก ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔ ๕. ผลการดำเนินงานด้านการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ดำเนินการติดตามการตรากฎหมายตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่ดำเนินการทั้งหมด จำนวน ๓๐๒ ฉบับ สำหรับการติดตามผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรการหรือโครงการตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด จำนวน ๓,๔๑๓ งาน/โครงการ ๖. แนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในเชิงระบบ การสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ร้องเรียน การพัฒนางานด้านจริยธรรม การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และการพัฒนาสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้เป็นองค์กรที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28038 | การตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2556 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร01 | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในพื้นที่ ๓๗ จังหวัด ระหว่างวันที่ ๑๒-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ประกอบด้วย การรายงานการเกิดวิกฤตภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ การแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน และการแก้ไขปัญหาตามมาตรการระยะยาวในการวางแผนการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างทั่วถึงของหน่วยงานและจังหวัด การสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งของหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะระดับนโยบาย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๒.๑ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อรับข้อเสนอแนะไปร่วมกันพิจารณาดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ ได้แก่ ๒.๑.๑ ควรมีการทำ VDO Conference จากส่วนกลางไปยังจังหวัดโดยตรงเพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งแบบบูรณาการสามารถดำเนินการได้สำเร็จในเวลาเร่งด่วน ๒.๑.๒ จังหวัดควรจัดทำโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ และนำเสนอคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ/คณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ เพื่อบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด แผนปฏิบัติการราชการประจำปีจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ๒.๑.๓ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ มีข้อกำหนดที่ไม่เอื้อต่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว จึงควรมีการกำหนดมาตรการที่ยืดหยุ่น ๒.๑.๔ กรณีกรมบัญชีกลางควรยกเว้นการจัดซื้อจัดจ้างกรณีโครงการขุดลอกเพื่อเปิดทางน้ำหลายสายในจังหวัด โดยให้เป็นการจัดซื้อจัดจ้างวิธีกรณีพิเศษ ๒.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันตามแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ ได้แก่ ๒.๒.๑ จัดทำแผนที่และจัดลำดับพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและจังหวัด เพื่อกำหนดแนวทางการเฝ้าระวังและป้องกันผลกระทบที่ใช้ทั้งมาตรการด้านกายภาพโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งมาตรฐานความปลอดภัยของระบบสาธารณูปโภค ๒.๒.๒ พัฒนายกระดับการจัดการภัยแล้งให้มีประสิทธิภาพ กำหนดมาตรการให้ครอบคลุมทั้งด้านการเตรียมความพร้อม การป้องกัน การลดผลกระทบ การเตือนภัย การจัดการในภาวะฉุกเฉิน การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และฟื้นฟูบูรณะ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการและสร้างเจตนารมณ์ในการบริหารจัดการ ๒.๒.๓ พัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการจัดการภัยแล้ง โดยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาเครือข่ายการจัดการภัยพิบัติระดับภูมิภาค ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูล การถ่ายทอดเทคโนโลยี การส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ด้านการเตือนภัยและการจัดการในภาวะฉุกเฉิน ๒.๒.๔ วางระบบเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของภาคส่วนต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของชุมชนและผู้นำท้องถิ่น ผนึกกำลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ กองทัพ ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชน เพื่อระดมสรรพกำลังและบูรณาการระบบการจัดการภัยแล้งของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ๒.๒.๕ สนับสนุนภาคเอกชน สถานประกอบการ โรงเรียนและท้องถิ่น ให้มีการเตรียมความพร้อมโดยจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับภัยแล้ง วางระบบปฏิบัติการสำรองในระดับองค์กรและฝึกซ้อมรับมือกับภัยแล้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย |
|||||||||||||||||||||||||||
28039 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 | ศธ | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงศึกษาธิการที่ขอให้นำเรื่องการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิให้กับพนักงานมหาวิทยาลัยที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเบิกจ่ายเงินปรับเพิ่มตามคุณวุฒิในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นจำนวนเงิน ๓,๐๑๔,๘๓๖,๒๙๐ บาท ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นจำนวนเงิน ๔,๒๖๐,๙๖๙,๐๑๐ บาท และปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นจำนวนเงิน ๔,๕๑๖,๖๒๗,๑๔๐ บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๑,๗๙๒,๔๓๒,๔๔๐ บาท ให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยจำนวน ๕๔,๘๐๑ คน ที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งก่อนวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕-๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ให้สถาบันอุดมศึกษา ๗๙ แห่ง ทบทวนเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีที่หมดความจำเป็นของปีงบประมาณที่ผ่านมา หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือใช้เงินเหลือจ่ายจากรายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมาดำเนินการ โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป สำหรับเงินปรับเพิ่มคุณวุฒิในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ให้สถาบันอุดมศึกษา ๗๙ แห่ง ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
28040 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (จำนวน 6 ราย 1. นายไพรัช ธัชยพงษ์ ฯลฯ) | วท | 07/05/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายไพรัช ธัชยพงษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายอารี สวัสดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางภูวษา สินธุวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นางสาวนิลุบล เครือนพรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....