ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1403 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28041 - 28060 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28041 | ร่างแถลงการณ์เจนีวาว่าด้วยการจัดการสารเคมีและกากของเสียอย่างปลอดภัยในการประชุมระดับสูง (High - Level segment) ของการประชุมรัฐภาคีสมัยสามัญของอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ 11 อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 6 และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 6 และการประชุมรัฐภาคีร่วมสมัยพิเศษ สมัยที่ 2 ของ 3 อนุสัญญาฯ | ทส | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างแถลงการณ์เจนีวาว่าด้วยการจัดการสารเคมีและกากของเสียอย่างปลอดภัย (draft Geneva Communique on the sound management of chemicals and waste) ในการประชุมระดับสูง (High-level segment) ของการประชุมรัฐภาคีสมัยสามัญของอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๑ อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๖ และอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๖ และการประชุมรัฐภาคีร่วมสมัยพิเศษสมัยที่ ๒ ของ ๓ อนุสัญญาฯ ในระหว่างวันที่ ๙-๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยร่างแถลงการณ์เจนีวาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่จะเกิดความพยายามและการดำเนินงานด้านการจัดการสารเคมีและกากของเสียอย่างปลอดภัย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีความสอดคล้องกับเอกสารผลลัพธ์ The Future We Want ที่ได้รับการรับรองในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (Rio+20) เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญซึ่งไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally binding) และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะองค์คณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเผยแพร่ผลบังคับใช้ของร่างแถลงการณ์เจนีวาฯ พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ในกรณีที่จะต้องมีการใช้สารเคมีชนิดอื่น ๆ หรือการจัดการกากของเสียอันตรายด้วยวิธีการอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีทางเลือกในการใช้และบริหารจัดการ ให้สามารถดำรงศักยภาพในการแข่งขันของตนอยู่ได้อย่างสอดคล้องกับข้อกำหนดของร่างแถลงการณ์เจนีวาฯ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
28042 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานวันวิสาขบูชาประจำปี 2556 | พศ | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานวันวิสาขาบูชา วันสำคัญสากลของโลกประจำปี ๒๕๕๖ ในกรอบวงเงิน ๕๖,๓๐๔,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ และโดยที่การจัดงานวันวิสาขบูชาจะต้องจัดเป็นประจำทุกปี ดังนั้น ในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการนี้ไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||
28043 | การแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการฯ จำนวน ๒๕ คน ได้แก่ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธานกรรมการ หัวหน้าส่วนราชการ จำนวน ๑๑ คน ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการผู้แทนทรงคุณวุฒิ จำนวน ๘ คน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและเลขานุการ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การบริหารและกำกับดูแลแผนปฏิบัติการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อให้ได้นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ที่มีประสิทธิภาพสูงและได้ครูมืออาชีพสายวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในสายวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญต่ออนาคตของชาติ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้ประสานความร่วมมือกันอย่างจริงจัง และสร้างเครือข่ายการดำเนินงานแบบบูรณาการ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ควรเน้นบทบาทหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ทิศทางการดำเนินงานและการกำหนดมาตรการให้เกิดการบูรณาการและดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
28044 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (จำนวน 8 คน 1. รองศาสตราจารย์ วีระพงษ์ แพสุวรรณ ฯลฯ) | วท | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน จำนวน ๘ คนโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานกรรมการ ๒. นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. ศาสตราจารย์เกียรติคุณถิรพัฒน์ วิลัยทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นางพรรณี แสงสันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พรสวาท วัฒนกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายวีระยุทธ ปั้นน่วม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายสักกฉัฐ ศิวะบวร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสุเมธ แย้มนุ่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||
28045 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายขจร วีระใจ) | กก | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายขจร วีระใจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||
28046 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมีนาคม และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชน หดตัวร้อยละ ๑.๑ และร้อยละ ๐.๗ ตามลำดับ ในขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๙ ส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งส่งออกช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนในประเทศผู้นำเข้า และการเร่งส่งออกก่อนวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เช่นเดียวกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๑ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งการผลิตในช่วงก่อนวันหยุดยาว และการลดกำลังการผลิตในช่วงการรณรงค์ประหยัดพลังงาน ในขณะที่ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๔ และ ๐.๔ ตามลำดับ ๑.๒ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านอุปสงค์และการผลิต ส่งผลให้เศรษฐกิจรวมทั้งไตรมาสมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในเกณฑ์ที่น่าพอใจ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกเกินร้อยละ ๖๐ หดตัวแม้ว่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากฐานที่ต่ำก็ตาม เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งด้านอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลการชำระเงินทั้งไตรมาสเกินดุล แม้ว่าดุลการค้าจะขาดดุลก็ตาม เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องทั้งไตรมาส แม้ว่าจะอ่อนค่าในช่วงปลายเดือนเมษายน ๒๕๕๕ ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ อยู่ที่ร้อยละ ๒.๗ ชะลอตัวลงจากร้อยละ ๓.๒ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมทั้งฐานที่สูงเนื่องจากการกลับมาทยอยจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนมกราคม ๒๕๕๕ อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีจำนวนผู้ว่างงาน ๒.๕ แสนคน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖ ของกำลังแรงงาน และการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๐ ตามการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นทั้งภาคเกษตรและนอกภาคเกษตร ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนค่อนข้างมาก เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ อยู่ที่ร้อยละ ๔๔.๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อภาคธุรกิจ ในขณะที่เงินฝากขยายตัวสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยยังทรงตัวต่อเนื่องตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
||||||||||||||||||
28047 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2556 | นร05 | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ (ตั้งแต่วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖) และร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวันปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อนำร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไป
|
||||||||||||||||||
28048 | การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ People Movement for a Just Society (P-move) ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งยังมิได้รับการแก้ไข เช่น การออกโฉนดชุมชน ปัญหาที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค ปัญหาสัญชาติและชาติพันธุ์ เป็นต้น จึงมอบหมายผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๕/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เป็นประธานกรรมการ จัดประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของประชาชน พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินงานและติดตามผลการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีปัญหาการจัดสรรที่ดินให้แก่ประชาชนต่อคณะกรรมการฯ โดยด่วนด้วย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการ เพิ่มเติมในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
|
||||||||||||||||||
28049 | การตรวจราชการและติดตามการดำนินงานตามแผนงาน/โครงการ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนและกรอบระยะเวลาในการตรวจราชการและติดตามการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) เช่น การเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาภัยแล้ง การปลูกป่าในช่วงต้นฤดูฝน การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรที่สำคัญตามช่วงระยะเวลาที่ออกสู่ตลาด การเตรียมความพร้อมในการขุดลอกคูคลองรองรับปริมาณน้ำฝนที่จะมีในช่วงปลายปี เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
28050 | โครงการจัดทำขาเทียมตามกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมของสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/05/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีริเริ่มดำเนินโครงการจัดทำขาเทียมเพื่อช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพที่ไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย มีฐานะยากจนได้มีโอกาสทำงานหรือดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างบุคคลทั่วไป เนื่องจากในประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการผลิตขาเทียมและมีต้นทุนในการผลิตที่ไม่สูงมาก ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกำหนดแนวทาง วิธีการ และเงื่อนไขในการรับสิทธิเข้าร่วมโครงการ และประสานขอความร่วมมือจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กระทรวงคมนาคมและภาคเอกชนสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะช่วยสนับสนุนในด้านเทคนิคและวิธีการในการจัดเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการต่อไปด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
28051 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (กระทรวงยุติธรรม) (พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ) | ยธ | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม อีกตำแหน่งหนึ่ง มีกำหนดระยะเวลา ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) อนุมัติให้แต่งตั้ง ตามนัยมาตรา ๑๑ (๕) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ ให้พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ ยังคงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ต่อไป โดยให้นับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง และยังคงเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจโดยตำแหน่ง ส่วนกรณีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ อันพึงมีพึงได้ ให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่วมกันต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
28052 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) (นายธีระพงษ์ โสดาศรี) | นร04 | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายธีระพงษ์ โสดาศรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (นักบริหารระดับสูง) สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง โดยยังคงตำแหน่งในสายงานเดิมและให้ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
28053 | คำกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย | นร04 | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำกล่าวปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่เมืองอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยสาระสำคัญของปาฐกถาฯ ประกอบด้วย การกล่าวขอบคุณประธานาธิบดีแห่งมองโกเลียที่ได้เชิญให้มาปาฐกถา ณ การประชุมประชาคมประชาธิปไตย และกล่าวเน้นในเรื่องของความเป็นประชาธิปไตย โดยกล่าวว่าประเทศมองโกเลียเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในความเป็นประชาธิปไตย และปิดท้ายคำกล่าวปาฐกถาฯ ว่า ขอให้ทุกคนสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยเพื่อที่เสรีภาพและอิสรภาพของมนุษย์ได้รับการปกปักษ์รักษาเพื่อลูกหลานและคนรุ่นต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||
28054 | การจัดหาระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) | ทก | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะ (specification) ของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่เป็นมาตรฐานกลางให้ชัดเจน และเผยแพร่ให้ทุกหน่วยงานทราบเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของแต่ละหน่วยงานตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเร่งรัดดำเนินการและแจ้งให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ/ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ติดตามและบูรณาการการใช้ประโยชน์ของระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หากกรณีการดำเนินการของหน่วยงานใด คณะกรรมการฯ เห็นควรให้มีการเปลี่ยนแปลงจุดติดตั้งเพื่อให้มีความเหมาะสมและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแจ้งให้หน่วยงานนั้น ๆ แก้ไขปรับปรุงการดำเนินการให้เหมาะสมถูกต้องต่อไป
|
||||||||||||||||||
28055 | ผลการเยือนมองโกเลียในช่วงระหว่างวันที่ 27 - 29 เมษายน 2556 | นร | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ ได้เดินทางไปเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการ มีผลการเยือนโดยสรุป ดังนี้
๑. การลงนามในเอกสารความตกลง ๓ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งมองโกเลียว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (๒) ความตกลงระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งมองโกเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ (๓) บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติมองโกเลียกับสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยฝ่ายไทยจะสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนไทยมาช่วยพัฒนาและลงทุนในด้านเหมืองแร่ การท่องเที่ยว การเกษตร การปศุสัตว์ ครอบคลุมถึงการส่งออกและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ สาธารณสุข และพลังงาน และทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนให้เป็นสองเท่าในอีก ๓ ปีข้างหน้า (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙) และสามารถก่อตั้งคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้าหรือ Joint Trade Committee (JTC) ขึ้นโดยเร็ว นอกจากนี้ ในด้านการศึกษาฝ่ายมองโกเลียยังขาดแคลนสาขาวิชาเกี่ยวกับการโรงแรม จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๗ นี้จะครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ไทย-มองโกเลีย นายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรีมองโกเลียเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. การเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมประชาคมประชาธิปไตย (Community of Democracies) ครั้งที่ ๗ และกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันประชาคมประชาธิปไตยมีสมาชิก ๑๒๙ ประเทศ และมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมหลักการประชาธิปไตยและสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันประชาธิปไตย เน้นการมีส่วนร่วมในการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างภาครัฐและภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง จึงเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรและเวทีการประชุมต่าง ๆ ที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมประชาธิปไตย เพื่อประเทศไทยจะได้พิจารณาการเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กร และการประชุมในเวทีต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||
28056 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ยางรถที่ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำยางรถที่ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๔๖ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ๒. กำหนดบทนิยาม “ยางรถที่ใช้แล้ว” หมายความว่า ยางรถที่หล่อดอกใหม่ ยางรถที่ใช้งานแล้ว และให้หมายความรวมถึงเศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นยางรถตามที่กำหนด ๓. ให้ยางรถที่ใช้แล้วชนิดที่ใช้กับรถยนต์นั่ง (รวมถึงสเตชั่นแวกอนและรถแข่ง) ยางชนิดที่ใช้กับรถจักรยานยนต์ ยางชนิดที่ใช้กับรถจักรยาน เศษ เศษตัดและของที่ใช้ไม่ได้ที่เป็นยางของรถ ตามพิกัดอัตราศุลกากรที่กำหนด เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๔. ให้ยางรถที่ใช้แล้วชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุก ตามพิกัดอัตราศุลกากรที่กำหนด เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ๕. ความในข้อ ๓ และข้อ ๔ มิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่นำยางรถที่ใช้แล้วเข้ามาเพื่อการศึกษาวิจัย เพื่อเป็นตัวอย่าง เพื่อการแข่งขันรถ เพื่อการท่องเที่ยว หรือยานพาหนะนำติดมาเพื่อใช้กับยานพาหนะนั้น ๆ ในปริมาณเท่าที่จำเป็น |
||||||||||||||||||
28057 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด | รถ | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการใช้ตัวสะกด ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๔๕ และให้ใช้พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้เป็นแบบมาตรฐานสำหรับใช้ในการเขียนหนังสือไทย ตามที่ราชบัณฑิตยสถานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
28058 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | นร09 | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลัง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่ปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ๑.๓ กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ๑.๕ กำหนดสีประจำสาขาวิชา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ....) อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
||||||||||||||||||
28059 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. .... | นร09 | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการให้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับย้อนหลัง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ต่อไป และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกานี้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เว้นแต่ปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๑.๒ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ๑.๓ กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่งและเครื่องหมายประกอบครุยประจำตำแหน่งของนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ๑.๔ กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ๑.๕ กำหนดให้ปริญญาในสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์และอักษรย่อ สำหรับสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์สำหรับนักศึกษาในสาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ซึ่งเข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๘ ถึงปีการศึกษา ๒๕๕๒ มีปริญญาหนึ่งชั้น คือ ตรี เรียกว่า "ศิลปบัณฑิต" ใช้อักษรย่อ "ศ.บ." ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ และเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. ....) อย่างเคร่งครัด โดยกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใด เมื่ออนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้
|
||||||||||||||||||
28060 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางบรรเทาแก้ไขผลกระทบของคำสั่ง กสทช. ต่อการดำเนินงาน ด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง" | สสป | 30/04/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรศาสนา และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางบรรเทาแก้ไขผลกระทบของคำสั่ง กสทช. ต่อการดำเนินงานด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง" สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลควรประสานงานกับ กสทช. ให้การดำเนินการอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง กสทช. ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๗ ความสัมพันธ์กับรัฐบาลและรัฐสภา มาตรา ๗๔ ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ในการดำเนินการให้เป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา วันอังคารที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ในส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยสื่อวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งวัด มูลนิธิ และสมาคมทางพระพุทธศาสนาโดยการอุปถัมภ์ของชาวพุทธทั่วประเทศได้ดำเนินการจัดตั้งและดำเนินการมาเป็นเวลาร่วมสิบปี กสทช. จึงควรต้องแยกสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์กลุ่มนี้เป็นกลุ่มเฉพาะที่ กสทช. พึงสนับสนุนและผ่อนปรนให้ดำเนินการได้ตามเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้การสนับสนุนและผ่อนปรนครอบคลุมถึงสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ที่เป็นการเผยแพร่ศาสนานั้น ๆ อย่างแท้จริง ไม่มีการโฆษณาแอบแฝง ของอีก ๔ ศาสนาที่ทางราชการรับรอง ได้แก่ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ ๓. กสทช. ควรต้องปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การขออนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือออกประกาศใหม่เพิ่มเติม โดยยกเว้นให้สถานีวิทยุกระจายเสียงทางพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง ที่มีอยู่แล้วสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ตามเดิม โดยไม่ต้องถูกลิดรอนลดทอนอุปกรณ์และประสิทธิภาพในการกระจายเสียงและศาสนาอื่น ๆ ที่ทางราชการรับรอง ๔. ประสาน กสทช. ให้การจัดสรรวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลงวดแรกจำนวน ๔๘ ช่อง มีช่องเฉพาะทางศาสนาอย่างน้อย ๑ ช่อง โดยแบ่งเวลาในการออกอากาศให้แก่แต่ละศาสนาใน ๕ ศาสนาที่ทางราชการรับรอง ตามสัดส่วนของประชากรทั่วประเทศที่นับถือศาสนานั้น และในระยะต่อไป เมื่อ กสทช. มีการจัดสรรวิทยุโทรทัศน์ดิจิทัลเพิ่มจำนวนช่องขึ้น ก็พึงต้องมีช่องเฉพาะทางศาสนาเพิ่มขึ้นด้วยตามอัตราส่วนอย่างเหมาะสม ๕. ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่ล้าสมัยซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เช่น พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นต้น
|
.....