ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1405 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28081 - 28100 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28081 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและดำรงรักษากรุงเทพมหานคร โดยมีการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อมที่ดี มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจวิทยาการของประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และศูนย์กลางการบริหารและการปกครองของประเทศ มีเอกลักษณ์ด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจนการเป็นเมืองต้นแบบในด้านการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมไปถึงลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศไทย ควรพิจารณาร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ในส่วนที่ ๑ แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๒๔ เรื่อง แนวนโยบายการใช้ที่ดินบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน และข้อเสนอการกำหนดนโยบายการใช้ที่ดินบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ตรงข้ามบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน รวมทั้งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง และแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ที่ส่งเสริมให้มีพื้นที่โล่งว่างสีเขียว การอนุรักษ์โบราณสถานและสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม และการลดความหนาแน่นแออัดของอาคาร สถานที่ และการจราจร ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรบูรณาการผังเมืองให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด แผนบริหารจัดการน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและการพัฒนาของพื้นที่เป็นสำคัญ การพิจารณาศักยภาพของการพัฒนาพื้นที่ที่จะดำเนินการวางและจัดทำผังเมือง การดำเนินการวางและจัดทำผังเมืองให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรจะได้มีการกำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้มีผลตามข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มข้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีพื้นที่ประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่หน่วงน้ำและช่องทางผันน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากตามแผนบริหารจัดการน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมเอกลักษณ์ประจำถิ่นพื้นบ้านในพื้นที่เขตต่าง ๆ สามารถดำรงอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ทั้งนี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับนี้มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศใช้ กรุงเทพมหานครจะต้องให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจในรายละเอียดของกฎกระทรวงฯ และเผยแพร่กฎกระทรวงผังเมืองรวมและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง ผ่านสื่อต่าง ๆ ให้เข้าถึงได้สะดวก รวมทั้งควบคุมการดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวดและต่อเนื่องต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. มอบให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการในเรื่องโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุบริเวณสถานีขนส่งหมอชิตตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เมื่อร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
28082 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลวังม่วง และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... | กษ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลวังม่วง และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลวังม่วง และตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำมวกเหล็ก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28083 | การปรับองค์ประกอบคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย (จำนวน 5 ราย) | รง | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายเพิ่มเติม จำนวน ๕ราย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรรมการ ๒. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กรรมการ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๔. อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กรรมการ ๕. ผู้อำนวยการกลุ่มงานแรงงานหญิง เด็ก และเครือข่าย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ การคุ้มครองแรงงาน สำนักคุ้มครองแรงงาน กรม สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน |
|||||||||||||||||||||||||||
28084 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร กับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด ในประเด็นการส่งสำนวนการสอบสวนในกรณีที่ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับและได้รับการปล่อยชั่วคราวหลบหนีไป หรือผู้ต้องหาที่หลบหนีจากการควบคุมหรือการขัง หรือกรณีที่ไม่มีการจับแต่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแล้วและผู้ต้องหาหลบหนีไปตาม ป.วิ.อ. ม. ๑๔๑ และ ม. ๑๔๒ ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป โดยในส่วนของผลการดำเนินการตามข้อสังเกตฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานศาลยุติธรรมแจ้งว่า เป็นการดำเนินการซึ่งอยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงานศาลยุติธรรมโดยตรง จึงเห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาต่อไป ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ๓. สำนักงานอัยการสูงสุดเห็นว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินคดีอาญาในชั้นพนักงานอัยการ ทั้งในด้านการสั่งฟ้องของพนักงานอัยการและการติดตามผู้ต้องหามาดำเนินคดี นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้ผู้ต้องหาไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพตามที่กฎหมายกำหนด มีการดำเนินคดีที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนเกิดความเสียหายแก่กระบวนการยุติธรรมโดยรวม ดังนั้น การแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องที่ถูกต้องควรเป็นไปตามหลักการบริหารงานยุติธรรม ทั้งนี้ ด้วยการเร่งรัดส่งเสริมประสิทธิภาพของพนักงานสอบสวนให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่จำต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนการจะแก้ไขปรับปรุงการบริหารงานอย่างใดควรอยู่ในดุลพินิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28085 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวเพชรวรรณ พึ่งรัศมี) | สธ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวเพชรวรรณ พึ่งรัศมี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานสนับสนุนประเมินผลและพัฒนาแผนงานวัณโรค กลุ่มวัณโรค สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28086 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 และ 2553 | พน | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองการเงินแล้ว และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ งบแสดงฐานะการเงิน กองทุนฯ มีสินทรัพย์หมุนเวียนรวม ๒๓,๑๒๒,๙๒๔,๘๐๑.๒๑ บาท มีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนรวม ๔,๑๒๓,๖๙๐,๑๖๓.๒๙ บาท มีสินทรัพย์รวม ๒๗,๒๔๖,๖๑๔,๙๖๔.๕๐ บาท มีหนี้สินหมุนเวียนรวม ๑๐๗,๔๖๘,๔๕๔.๖๐ บาท และมีสินทรัพย์สุทธิรวม ๒๗,๑๓๙,๑๔๖,๕๐๙.๙๐ บาท ๑.๒ งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน กองทุนฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม ๗,๒๕๔,๐๘๙,๕๘๗.๗๑ บาท มีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวม ๒,๙๒๘,๒๕๗,๘๒๓.๙๓ บาท และมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิรวม ๔,๓๒๕,๘๓๑,๗๖๓.๗๘ บาท ๑.๓ งบกระแสเงินสด กองทุนฯ มีเงินสดรับรวม ๘,๗๘๔,๘๓๓,๘๙๗.๙๒ บาท มีเงินสดจ่ายรวม ๓,๔๕๗,๑๗๓,๑๕๙.๔๓ บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ ณ วันปลายงวดรวม ๒๑,๗๑๓,๘๔๑,๙๕๖.๘๘ บาท ๒. ให้กระทรวงพลังงานจัดส่งรายงานในเรื่องนี้ไปลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภารับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
28087 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. กำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ๓. กำหนดให้ส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ประกอบด้วย สำนักงานเลขาธิการ กองกฎหมายและระเบียบราชการ กองกิจการองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐรูปแบบอื่น กองติดตามและประเมินผลการพัฒนาระบบราชการ กองบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม กองเผยแพร่และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบราชการ กองพัฒนาระบบราชการ ๑ กองพัฒนาระบบราชการ ๒ กองพัฒนาระเบียบราชการส่วนภูมิภาคและความสัมพันธ์กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกองส่งเสริมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ๔. กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ขึ้นตรงต่อเลขาธิการ ก.พ.ร. |
|||||||||||||||||||||||||||
28088 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2556 | กค | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๑ ปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในช่วงไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๕) สินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม ๘๔๘.๔๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๓๔ ของมูลค่านำเข้ารวม (๖๓,๔๗๐.๔๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ ๒๕๕๕ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๔) ๑๙๒.๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๒๙.๓๕ ๒. สินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ ผลไม้ มูลค่านำเข้า ๒๐๐.๓๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๓๗.๗๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือร้อยละ ๒๓.๒๕) น้ำหอมและเครื่องสำอาง มูลค่านำเข้า ๑๓๖.๖๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๔๒.๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือร้อยละ ๔๕.๔๑) นาฬิกาและอุปกรณ์ มูลค่านำเข้า ๑๐๔.๘๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ๓๓.๒๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือร้อยละ ๔๖.๔๒)
|
|||||||||||||||||||||||||||
28089 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย | วธ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย จำนวน ๔ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายฟารุค วงษ์บริสุทธิ์ ๒. นายมุข สุไลมาน ๓. นายอรุณ บุญชม ๔. นายวุฒิวัย หวังบู่
|
|||||||||||||||||||||||||||
28090 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (Joint Declaration) และร่างเอกสารแนวความคิด (Concept Paper) ที่เกี่ยวข้อง | กห | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (Joint Declaration) ร่างเอกสารแนวความคิด (Concept Paper) โครงการปฏิสัมพันธ์ทางทหารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และร่างเอกสารแนวความคิด (Concept Paper) ว่าด้วยการจัดตั้งกรอบการดำเนินการในการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุงร่วมกันในอาเซียน จำนวน ๓ ฉบับ โดยร่างเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์และกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการร่วมกันของกระทรวงกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค รักษาความปลอดภัยและดูแลประชาชนของประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งสร้างสังคมที่มีความสงบสุขและสันติภาพในอาเซียนร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ และเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (Joint Declaration) ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารทั้ง ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับร่างเอกสารแนวความคิดอีก ๒ ฉบับ คือ Concept Paper on the Establishment of the ADMM-Plus Experts’ Working Group on Humanitarian Mine Action และ Concept Paper on the Transition of the ADMM-Plus Experts’ Working Group ที่มีการกล่าวถึงในร่างปฏิญญาฯ ยังไม่แล้วเสร็จ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาของประเทศสมาชิกอาเซียน จึงเห็นควรตัดข้อความในวรรคปฏิบัติการที่ ๑๔ และ ๑๕ ของร่างปฏิญญาฯ ซึ่งระบุถึงการรับรองร่างเอกสารแนวความคิดดังกล่าวออกไปก่อนในชั้นนี้ ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28091 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการ ค่าจ้างที่ปรึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง (Airport Rail Link) ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - ชลบุรี - พัทยา งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2555 - 2556 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีของการรถไฟแห่งประเทศไทย จากรายการเดิม ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง (Airport Rail Link) ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา เป็น ค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและพัฒนารถไฟความเร็วสูง (Airport Rail Link) ต่อจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-ชลบุรี-พัทยา-ระยอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28092 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายชุมพล ฐิตยารักษ์) | พน | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชุมพล ฐิตยารักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28093 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (จำนวน 12 คน 1. นางพฤฒิพร เนติโพธิ์ ฯลฯ) | พณ | 30/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าชุดใหม่ จำนวน ๑๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ประกอบด้วย ๑.๑ นางพฤฒิพร เนติโพธิ์ ๑.๒ นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ๑.๓ พันตำรวจโท ไพโรจน์ ปัญจประทีป ๑.๔ นายกุลิศ สมบัติศิริ ๑.๕ นางดนุชา ยินดีพิธ ๑.๖ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ๒. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ประกอบด้วย ๒.๑ นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ๒.๒ นายไพรัช บูรพชัยศรี ๒.๓ นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ๒.๔ นายกิตติ ตั้งจิตรมณีศักดา ๒.๕ นายเจน นำชัยศิริ ๒.๖ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||
28094 | รัฐบาลสาธารณรัฐแองโกลาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมานูเอล เอดัวร์โด โดส ซันโตส เอ ซิลบา บราโบ (Mr. Manuel Eduardo dos Santose Silva Bravo)] | กต | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมานูเอล เอดัวร์โด โดส ซันโตส เอ ซิลบา บราโบ (Mr. Manuel Eduardo dos Santos e Silva Bravo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแองโกลาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นายอันโตนีโย ดา กอสตา เฟอร์นันเดส (Mr. Antonio da Costa Fernandes) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28095 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เรื่อง การพิจารณาศึกษาการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐ | สว | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เรื่อง การพิจารณาศึกษาการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานดังกล่าวที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยในส่วนข้อเสนอแนะที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับด้านบทบาท ด้านการกำกับดูแล และด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ กระทรวงการคลังมีความเห็น สรุปได้ ดังนี้
๑. สถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นสถาบันการเงินเพื่อพัฒนา มีบทบาทในการเติมเต็มช่องว่างทางการเงิน โดยให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคารพาณิชย์ และช่วยเหลือภาคธุรกิจในภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อให้สามารถปิดช่องว่างทางการเงินในระบบสถาบันการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ๒. กระทรวงการคลังได้จัดทำแผนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจปี ๒๕๕๓-๒๕๕๖ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการปรับบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้การพัฒนาระบบการกำกับดูแลและการพัฒนาศักยภาพของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการทำงานร่วมกันด้วย ๓. การประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะกิจมีกรอบการพิจารณากำหนดตัวชี้วัด และค่าเป้าหมายจากวัตถุประสงค์การจัดตั้งสถาบันการเงินเฉพาะกิจ วิสัยทัศน์ พันธกิจ และแผนวิสาหกิจของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นสำคัญ โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ และผู้ทรงคุณวุฒิร่วมกันพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายประจำปี ๔. การแต่งตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจต้องพิจารณาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่กำหนดไว้ตามกฎหมายจัดตั้งแต่ละแห่ง โดยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามของการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายจัดตั้งรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจอย่างครบถ้วน ๕. กระทรวงการคลังกำหนดแนวทางปฏิบัติของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ ซึ่งแยกบัญชีระหว่างการดำเนินงานปกติ และบัญชีการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบทุกไตรมาส ๖. กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง และพัฒนาระบบการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์กระทรวงการคลังปี ๒๕๕๖ เพื่อให้สอดคล้องกับพัฒนาการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา ๗. หลังจากที่พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ กระทรวงการคลัง สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ประชาชน รวมทั้งได้ลงพื้นที่ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ฝากเงินกรณีที่สถาบันการเงินมีปัญหา ๘. กรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝากขาดสภาพคล่อง และไม่เพียงพอต่อการจ่ายผู้ฝากเงินกรณีที่สถาบันการเงินมีปัญหา พระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากสามารถออกตั๋วเงิน พันธบัตร หรือตราสารทางการเงินอื่นได้ ๙. กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) โดยจะพิจารณาอนุญาตให้ Non-bank สามารถให้สินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อยได้เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินได้เพิ่มขึ้น โดยมีอัตราดอกเบี้ย และวงเงินกู้ที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
28096 | ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเพื่อเร่งรัดการดำเนินการสร้างถนนไร้ฝุ่นทางหลวงชนบทให้ขยายทั่วทั้งประเทศ และญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเพื่อเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงถนนให้เป็นถนนไร้ฝุ่น | สผ | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเพื่อเร่งรัดการดำเนินการสร้างถนนไร้ฝุ่นทางหลวงชนบทให้ขยายทั่วทั้งประเทศ (นายนิยม เวชกามา และนายหนูแดง วรรณกางซ้าย เป็นผู้เสนอ) และญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเพื่อเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงถนนให้เป็นถนนไร้ฝุ่น (นายสถาพร มณีรัตน์ เป็นผู้เสนอ) พร้อมผลการดำเนินการตามญัตติด่วนที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28097 | ผลการประชุม Myanmar Development Cooperation Forum ครั้งที่ 1 | กต | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Myanmar Development Cooperation Forum ครั้งที่ ๑ และผลการหารือทวิภาคีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ มกราคม ๒๕๕๖ ณ เมืองเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการดำเนินความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนากับเมียนมาร์อย่างมีบูรณาการ โดยประสานกับกระทรวงการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สาระสำคัญของการประชุมฯ ๑.๑ เมียนมาร์ได้จัดทำ Framework on Economic and Social Reform (FESR) ซึ่งเป็นกรอบการปฏิรูปที่ครอบคลุม ๑๐ สาขาหลัก ได้แก่ การคลัง การเงินและระบบภาษี การค้าและการลงทุน การพัฒนาภาคธุรกิจเอกชน การศึกษา สาธารณสุข ความมั่นคงทางอาหารและการเกษตร ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ระบบโทรคมนาคม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐบาล นอกจากนี้ เมียนมาร์กำลังจัดทำ National Comprehensive Development Plan สำหรับการพัฒนาช่วง ๒๐ ปี (ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๓๐) โดยเน้นการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เน้นการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค ภาคสังคม สร้างอาชีพ รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และพัฒนาประเทศให้บูรณาการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และบรรลุ Millennium Development Goals ของสหประชาชาติภายในปี ๒๕๕๘ พร้อมทั้งเสนอให้ที่ประชุมรับรอง Nay Pyi Daw Accord for Effective Development Cooperation เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ๑.๒ เมียนมาร์เน้นให้ความสำคัญกับการประสานความช่วยเหลือระหว่างประเทศ อาทิ การร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาระบบนำร่องสำหรับสนามบินในเมียนมาร์ รวมทั้งสนามบินทวาย การจัดตั้งศูนย์ฝึกฝีมือแรงงาน และการส่งเสริมการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม อาทิ การพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ซึ่งในส่วนของไทยพร้อมที่จะสร้างเส้นทางรถไฟอรัญประเทศ-คลองลึก และสะพานรถไฟข้ามแดนคลองลึก-ปอยเปต ตลอดจนการปรับปรุงถนนหมายเลข ๔๘ (เกาะกง-สแรอัมเบิล) ในกัมพูชา ๒. การหารือทวิภาคี หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้เข้าพบหารือทวิภาคีกับ ดร. กัน ซอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเมียนมาร์ และนายตาน จ่อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมาร์ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือไทย-เมียนมาร์ ในด้านต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ความร่วมมือทางด้านแรงงานและการท่องเที่ยว ซึ่งไทยขอความร่วมมือเมียนมาร์ให้ช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ ที่ส่งผลกระทบต่อบริเวณภาคเหนือของไทย รวมทั้งขอความร่วมมือให้อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนเพื่อให้มีการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น นอกจากนี้ ไทยได้แจ้งปัญหาการลักลอบเข้าไทยของชาวโรฮิงญาที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยเสนอที่จะส่งคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือเบื้องต้นกับฝ่ายเมียนมาร์เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||
28098 | สรุปผลการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ประจำปี 2556 ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | นร04 | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี ๒๕๕๖ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ มกราคม ๒๕๕๖ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำต่อไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. การสนับสนุนในการสมัครชิงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก หากผู้สมัครจากอินโดนีเซียถอนตัว ๒. การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ในประเด็นการรับส่งข้อมูลผ่านศูนย์กลางที่จัดตั้งและดำเนินการภายในประเทศ (local switching) ๓. ความคืบหน้าการดำเนินการกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ และการดำเนินการในด้านการประกันภัยพืชผลทางการเกษตร ๔. การเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และการปรับลดมาตรการทางภาษีในสินค้านมพร่องมันเนย และน้ำมันปาล์ม รวมทั้งข้อเสนอแนวคิดการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนที่สามารถตรวจสอบได้ (certified sustainable palm oil) และการหารือเพื่อขอรับความคิดเห็นจากภาคเอกชนเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำนโยบายภาษีสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการพิจารณายกเลิกนโยบายควบคุมราคาสินค้า ๕. การให้บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดเที่ยวบินพาณิชย์พิเศษระหว่างกรุงเทพฯ และเนปิดอว์ระหว่างการประชุม World Economic Forum on East Asia ณ เนปิดอว์ โดยเฉพาะในช่วงวันเดินทางไปและกลับ ระหว่างวันที่ ๔ และ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๖. การดำเนินการตามข้อเสนอแนะของรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ที่ให้ Nestle ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม อาทิ การสนับสนุนการอ่านหนังสือของเยาวชน โดยอาจลงทุนจัดตั้งสถานที่แห่งการอ่านพร้อมกับสอดแทรกการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ของ Nestle
|
|||||||||||||||||||||||||||
28099 | รายงานผลการดำเนินการ "โครงการธงฟ้าเคลื่อนที่เพื่อประชาชน" (Mobile Unit) | พณ | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการ “โครงการธงฟ้าเคลื่อนที่เพื่อประชาชน” (Mobile Unite) ระหว่างวันที่ ๑๑ มกราคม-๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในเสนอ สรุปได้ว่า ได้มีการจำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพในราคาต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ ๒๐-๔๐ ในแหล่งชุมชนผู้มีรายได้น้อยและลูกจ้างในสถานประกอบการต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๖๒๗ จุด แยกเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๕๐๙ จุด ปริมณฑล (จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) ๙๕ จุด และจังหวัดใกล้เคียง (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) ๒๓ จุด สินค้าที่จำหน่าย ได้แก่ น้ำมันพืช จำหน่ายราคาขวดละ ๓๓ บาท (ราคาตลาดขวดละ ๔๒ บาท) น้ำตาลทราย จำหน่ายราคากิโลกรัมละ ๒๐ บาท (ราคาตลาดกิโลกรัมละ ๒๓.๕๐ บาท) ข้าวสารขาว จำหน่ายราคาถุง (๕ กิโลกรัม) ละ ๗๐ บาท (ราคาตลาดถุงละ ๑๒๐ บาท) ข้าวสารหอมมะลิ จำหน่ายราคากิโลกรัมละ ๓๘-๓๙ บาท (ราคาตลาดกิโลกรัมละ ๔๔ บาท) ไข่ไก่ จำหน่ายต่ำกว่าราคาตลาดประมาณแผงละ ๑๕-๒๐ บาท เนื้อสุกรชำแหละ จำหน่ายต่ำกว่าราคาตลาดประมาณกิโลกรัมละ ๑๕-๒๕ บาท เนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ จำหน่ายต่ำกว่าราคาตลาดร้อยละ ๑๐-๕๐ และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน ฯลฯ จำหน่ายต่ำกว่าราคาตลาดร้อยละ ๒๐-๔๐ โดยมีผู้ให้ความสนใจซื้อสินค้าประมาณ ๙๘,๔๗๔ คน มูลค่าการจำหน่ายประมาณ ๓๔.๗๑ ล้านบาท สามารถลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ ๑๔.๖๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้ร้องขอให้นำสินค้าไปจำหน่ายยังจุดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในสถานที่จำหน่ายเดิมและสถานที่ใหม่ เนื่องจากสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปซื้อสินค้า รวมทั้งสินค้าที่ได้นำไปจำหน่ายมีราคาต่ำกว่าราคาตลาดประมาณร้อยละ ๒๐-๔๐ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28100 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 23/04/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนางฮินา รับบานี คาร์ห รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ไทย-ปากีสถาน ระหว่างวันที่ ๙-๑๒ มกราคม ๒๕๕๖ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้เข้าพบนายราชา เปอร์เวซ อัซรอฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน และนางฮินา รับบานี คาร์ห รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน และได้หารือในประเด็นด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ด้านการทหารและความมั่นคง ด้านการศึกษาและความมั่นคงระหว่างประชาชน รวมทั้งความร่วมมือในกรอบภูมิภาคและพหุภาคี นอกจากนี้ ยังได้พบปะข้าราชการระดับสูงและภาคเอกชนชั้นนำของไทยและปากีสถาน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวสุนทรพจน์เน้นย้ำถึงความสำคัญในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันเพื่อนำไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ๒. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลการเยือนที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำขึ้น ๒.๑ เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ได้แก่ ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้เพิ่มมากขึ้น โดยไทยสามารถใช้ปากีสถานเป็นประตูการค้าสู่อัฟกานิสถาน ตะวันออกกลาง เอเชียกลางและจีน การจัดทำความตกลงการค้าเสรี ซึ่งไทยเสนอให้มีการหารือรายละเอียดในเรื่องนี้ในกรอบคณะกรรมการร่วมด้านการค้า (Joint Trade Committee) การจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมเพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยและปากีสถาน การให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในปากีสถาน โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เหมืองพลอยและอุตสาหกรรมอัญมณี และอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ๒.๒ ความร่วมมือด้านวิชาการ ได้แก่ ความร่วมมือด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งไทยจะมอบทุนการศึกษาและจัดการฝึกอบรม รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการพัฒนากับปากีสถาน โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการเสริมสร้างขีดความสามารถในสาขาต่าง ๆ เช่น อัญมณี การท่องเที่ยว การเกษตร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือสาขาอื่น ๆ ที่ไทยกับปากีสถานเห็นชอบร่วมกัน ๒.๓ ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้แก่ การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในเอเชีย การพิจารณาจัด road show หรือนิทรรศการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยในปากีสถาน และการสนับสนุนให้โรงพยาบาลชั้นนำของไทยแต่งตั้งสำนักงานตัวแทนในปากีสถาน ๒.๔ ความมั่นคงและการทหาร ได้แก่ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมเฉพาะเรื่องอื่น ๆ ในช่วงต้นปี ๒๕๕๖ ๒.๕ ความร่วมมือในระดับภูมิภาคและพหุภาคี ได้แก่ การยกระดับความร่วมมือภายใต้กรอบสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Association of Southeast Asian Nations : ASEAN) การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) และองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation : OIC) และกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) การสนับสนุนปากีสถานในการสมัครเป็นประเทศคู่เจรจา (full dialogue partner) ของอาเซียน การขอรับการสนับสนุนจากปากีสถานในการสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ รวมทั้งการขอความร่วมมือจากปากีสถานเพื่อพิจารณาให้ถ้อยคำเกี่ยวกับประเทศไทยในแถลงการณ์ของที่ประชุมสุดยอด OIC ครั้งที่ ๑๒ ที่กรุงไคโร ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และสอดคล้องกับความเป็นจริง
|
.....