ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1408 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28141 - 28160 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28141 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประชาชนแจ้งเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ [๔ ช่องทาง ได้แก่ ช่องทางสายด่วนของรัฐบาล ๑๑๑๑ ช่องทางตู้ ปณ.๑๑๑๑/ไปรษณีย์/โทรสาร ช่องทางเว็บไซต์ (www.1111.go.th) และช่องทางจุดบริการประชาชน ๑๑๑๑] รวมทั้งสิ้น ๒๖,๘๗๕ ครั้ง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์มากที่สุด ได้แก่ เรื่องขอให้ซ่อมแซมไฟฟ้ากับขยายและติดตั้งปรับปรุงระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า รองลงมาคือ เหตุเดือดร้อนรำคาญ และการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐกรณีคัดค้านเนื้อหาของร่างกฎหมายที่แก้ไขวาระการดำรงตำแหน่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ดำรงตำแหน่งคราวละ ๕ ปี ตามลำดับ ๒. หน่วยงานที่ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์มากที่สุด ๓ ลำดับแรก ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รองลงมาคือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม ตามลำดับ รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ รองลงมาคือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตามลำดับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร รองลงมาคือ จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ตามลำดับ ๓. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นเรียงตามลำดับประเภทเรื่องที่มีการร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นมากที่สุด ๑๐ ลำดับแรก ได้แก่ สาธารณูปโภค ๓,๒๕๓ เรื่อง สังคมเสื่อมโทรม ๒,๒๕๔ เรื่อง การแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ ๒,๒๐๘ เรื่อง สวัสดิการสงเคราะห์ ๘๘๘ เรื่อง การกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ๘๑๙ เรื่อง ร้องเรียนการให้บริการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ๘๑๙ เรื่อง การประพฤติตนไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ๗๘๐ เรื่อง การใช้อำนาจของหน่วยงานของรัฐ ๖๓๙ เรื่อง การพนัน ๕๓๔ เรื่อง และการเกษตร ๔๕๕ เรื่อง |
||||||||||||||||||||||||
28142 | รายงานสรุปการดำเนินงานของ กฟผ. เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤติพลังงานกรณีการหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ | พน | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปการดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤติพลังงานกรณีผู้ผลิตก๊าซแหล่งยาดานาของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (ก๊าซฯ ตะวันตก) แจ้งหยุดจ่ายก๊าซฯ ให้กับ กฟผ. ตั้งแต่ เวลา ๐๐.๐๐ น. วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ ถึง เวลา ๒๔.๐๐ น. ของวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเตรียมการรองรับสถานการณ์สำหรับวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ โดยมีการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าไว้ที่ ๒๖,๖๐๐ เมกะวัตต์ หลังจากการหยุดจ่ายก๊าซฯ ด้านตะวันตก ส่งผลให้โรงไฟฟ้าไม่สามารถเดินเครื่องได้บางส่วน ทำให้กำลังผลิตพร้อมจ่ายเหลือเพียง ๒๗,๐๖๗ เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตสำรองเพียง ๔๖๗ เมกะวัตต์ ซึ่งต่ำกว่าปกติที่ กฟผ. รักษาไว้ที่ประมาณ ๑,๒๐๐ เมกะวัตต์ แต่จากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะมาจากภาคการผลิต หรือ Supply side ที่ช่วยกันผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และภาคการใช้ไฟฟ้า หรือ Demand side ที่ช่วยกันลดการใช้ไฟฟ้าลง ทำให้มีกำลังผลิตสำรองเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๖๘๗.๗ เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในระดับที่มีความมั่นคงเพียงพอ ๒. สำหรับวันที่ ๙ และ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๖ มีการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าไว้ที่ ๒๕,๙๕๐ เมกะวัตต์ ในขณะที่กำลังผลิตพร้อมจ่ายเท่าเดิมอยู่ที่ ๒๗,๐๖๗ เมกะวัตต์ ทำให้มีกำลังผลิตสำรองเหลือ ๑,๑๑๗ เมกะวัตต์ แต่จากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในลักษณะเดียวกันกับวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖ ทำให้มีกำลังผลิตสำรองเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๔๗๔.๒ เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในระดับที่มีความมั่นคงเพียงพอ
|
||||||||||||||||||||||||
28143 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนอง แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ค่าใช้จ่ายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเอง เป็นจำนวนเงิน ๗,๗๐๗,๖๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ เป็นจำนวนเงิน ๒,๑๘๒,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย กรมการปกครอง สำนักบริหารการทะเบียน เป็นจำนวนเงิน ๔๖๙,๘๐๐ บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำนวนเงิน ๗๔๐,๗๐๐ บาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๔๓,๑๐๐ บาท บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นจำนวนเงิน ๖๒๘,๕๐๐ บาท และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ โดยการปรับแผนการใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ ทั้งนี้ หากพิจารณาตรวจสอบแล้วมีไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
28144 | การเสนอชื่อผู้สมัครของไทยเข้ารับการเลือกตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO | อก | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอชื่อ หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักเลขาธิการขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization-UNIDO) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ๒. อนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้ หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO อย่างเป็นทางการ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานการสนับสนุนให้ หม่อมราชวงศ์พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ เข้ารับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของ UNIDO |
||||||||||||||||||||||||
28145 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ ๓ แทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ค่าใช้จ่ายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการเอง เป็นจำนวนเงิน ๑๐,๙๒๑,๗๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ เป็นจำนวนเงิน ๑,๖๙๗,๕๐๐ บาท ประกอบด้วย กรมการปกครอง สำนักบริหารการทะเบียน เป็นจำนวนเงิน ๔๓๘,๗๐๐ บาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นจำนวนเงิน ๕๓๖,๔๐๐ บาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นจำนวนเงิน ๔๐,๘๐๐ บาท บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน ๗๐,๑๐๐ บาท บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นจำนวนเงิน ๔๑๑,๕๐๐ บาท และกรมประชาสัมพันธ์ เป็นจำนวนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ โดยการปรับแผนการใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ ทั้งนี้ หากพิจารณาตรวจสอบแล้วมีไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
28146 | โครงการโชห่วยช่วยชาติ "ร้านถูกใจ" | พณ | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ใช้เงินงบประมาณคงเหลือจากวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม จำนวน ๑๙๔.๗๑ ล้านบาท (งบอุดหนุน ๑๐๐.๗๒ ล้านบาท และงบดำเนินงาน ๙๓.๙๙ ล้านบาท) เพื่อเป็นงบดำเนินงานในการบริหารจัดการโครงการโชห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ศูนย์สั่งซื้อสินค้า (Call Center) ในระยะ ๓ เดือนแรก เพื่อจัดระบบการสั่งซื้อสินค้าของร้านถูกใจก่อนส่งมอบให้ภาคเอกชนที่ดำเนินการศูนย์กระจายสินค้าดำเนินการต่อไป ๑.๒ การจัดหาสินค้าที่จำเป็นในราคาต่ำกว่าราคาตลาดให้แก่ศูนย์กระจายสินค้าเพื่อจำหน่ายให้ร้านถูกใจ ๑.๓ การเชื่อมโยงสินค้าทางการเกษตรและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ให้มีจำหน่ายในร้านถูกใจเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ๑.๔ พัฒนาระบบสารสนเทศการบริหารร้านถูกใจและระบบบัญชี และบุคลากรในการติดตามดูแลศูนย์กระจายสินค้าและร้านถูกใจส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ๑.๕ พัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ร้านถูกใจ ๑.๖ การบริหารจัดการโครงการ “ร้านถูกใจ” ให้มีสินค้าจำหน่ายอย่างต่อเนื่องและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์บูรณาการการดำเนินโครงการโชห่วยช่วยชาติ “ร้านถูกใจ” ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงพัฒนาระบบการบริหารจัดการของร้านถูกใจให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดหา การกระจายและการสั่งซื้อสินค้า ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำแผนการดำเนินงานให้ชัดเจน ปรับปรุงและสร้างระบบในการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ทำให้จำนวนร้านถูกใจลดลง การพัฒนาระบบบริหารจัดการเพื่อส่งผ่านให้เอกชนดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การพิจารณาช่องทางและระบบการกระจายสินค้าที่จะส่งผ่านให้ภาคเอกชนดำเนินการให้มีความครอบคลุมมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับความสามารถในการกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลเพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งของร้านค้าและจูงใจให้ร้านค้าที่มีศักยภาพเข้าร่วมโครงการฯ ได้มากขึ้น การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สมาชิกร้านค้ารายเดิมและรายใหม่ต่อแผนการบริหารจัดการในการดำเนินโครงการฯ ระยะยาว รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามปัญหาและให้คำแนะนำในการบริหารจัดการร้านค้าสมาชิกเพื่อให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินโครงการฯ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินโครงการด้วย (กำหนดระยะเวลา ๖ เดือน) |
||||||||||||||||||||||||
28147 | การแต่งตั้งข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวรังสิมา จารุภา) | นร10 | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวรังสิมา จารุภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28148 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (จำนวน 17 คน 1. นายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ฯลฯ) | ศธ | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๑๗ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุรัฐ ศิลปอนันต์ ประธานกรรมการ ๒. นายแสวง บุญมากาศ กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน ๓. นายนุชากร มาศฉมาดล กรรมการผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๔. นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ๕. นายมีชัย วีระไวทยะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายวินัย รอดจ่าย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. นายสมยศ มีเทศน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๘. นายสมหมาย ปาริจฉัตต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๙. นายสุนันท์ เทพศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๐. นายชลอ กองสุทธิ์ใจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๑. นายปราโมทย์ แก้วสุข กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๒. นายสุกรี เจริญสุข กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๓. นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๔. นางบุญศรี พานะจิตต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๕. นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๖. นายวุฒิสาร ตันไชย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑๗. พระพรหมดิลก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||
28149 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นายพงษ์เทพ จารุอำพรพรรณ ฯลฯ) | อก | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพงษ์เทพ จารุอำพรพรรณ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวีรนันท์ นีลดานุวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายหทัย อู่ไทย ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายปณิธาน จินดาภู ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายอุฤทธิ์ ศรีหนองโคตร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
28150 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพาสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
28151 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมชาย หาญหิรัญ และนายสุรพงษ์ เชียงทอง) | อก | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสมชาย หาญหิรัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ๒. นายสุรพงษ์ เชียงทอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
28152 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรีในงานพระราชพิธี รัฐพิธี และโอกาสสำคัญต่าง ๆ | นร | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรีในงานพระราชพิธี รัฐพิธี และโอกาสสำคัญต่าง ๆ) จากเดิม ที่สมควรจัดให้รัฐมนตรีอย่างน้อย ๓-๔ ท่าน ได้หมุนเวียนในฐานะผู้แทนของคณะรัฐมนตรีเป็นผลัดเวรเฝ้าฯ ในงานพระราชพิธี รัฐพิธีต่าง ๆ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หรือผู้แทนส่วนพระองค์ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธาน ตลอดจนพิธีการต้อนรับพระราชอาคันตุกะที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ครั้งละไม่น้อยกว่า ๓ ท่าน เป็น จัดให้มีรัฐมนตรีจำนวน ๕ ท่าน เป็นผลัดเวรเฝ้าฯ ในงานพระราชพิธี รัฐพิธีต่าง ๆ ฯลฯ โดยให้หัวหน้าผลัดเวรเฝ้าฯ จัดให้มีรัฐมนตรีไปร่วมในผลัดเวรครั้งละไม่น้อยกว่า ๓ ท่าน ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28153 | ร่างเอกสารแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ว่าด้วยผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคงติมอร์ - เลสเต | กต | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ว่าด้วยผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและความมั่นคงติมอร์-เลสเต ในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖ โดยร่างเอกสารแถลงข่าวร่วมฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับผู้นำและเจ้าหน้าที่ระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้า ๑.๒ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนของไทยในติมอร์ฯ ในสาขาที่ไทยมีความสนใจ ได้แก่ พลังงาน ประมง การก่อสร้าง และการท่องเที่ยว ๑.๓ ส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงาน โดยทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาพลังงานระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรแร่ธาตุของติมอร์-เลสเต เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และเห็นพ้องสนับสนุนการลงทุนของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในติมอร์ฯ ๑.๔ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาและการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบันการศึกษาของไทยกับติมอร์ฯ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรและนักศึกษาระหว่างกัน ๑.๕ ไทยยินดีสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการกับติมอร์ฯ เพื่อช่วยเหลือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยอาศัยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ๑.๖ ยืนยันหลักการของไทยที่จะสนับสนุนติมอร์ฯ เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ในขณะที่ฝ่ายติมอร์ฯ แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนไทยในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่สอดคล้องกับนโยบายและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
28154 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายจำนง แก้วชะฎา) | ทก | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจำนง แก้วชะฎา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28155 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางดารณี เลศะวานิช) | กก | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนางดารณี เลศะวานิช ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
28156 | การจัดทำร่างเอกสารถ้อยแถลงร่วมระหว่างมองโกเลียกับประเทศไทยในโอกาสการเดินทางเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารถ้อยแถลงร่วมระหว่างมองโกเลียกับประเทศไทย (Joint Statement between Mongolia and Thailand) ในโอกาสการเดินทางเยือนมองโกเลียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๕๖ โดยร่างเอกสารถ้อยแถลงร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ร่วมและแสดงความมุ่งมั่นของผู้นำทั้งสองฝ่ายที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยมีเนื้อหาระบุถึงการเริ่มมิติใหม่แห่งความสัมพันธ์สองฝ่าย การวางกรอบความร่วมมือในอนาคต การเพิ่มการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง การขยายการค้าและการลงทุน การมีความร่วมมือด้านวิชาการอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มความตระหนักรู้ของสาธารณชนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การกระชับความร่วมมือระดับภูมิภาคและพหุภาคี รวมทั้งทิศทางในอนาคตและการดำเนินการในขั้นต่อไป ๒. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีรับรองเอกสารถ้อยแถลงร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างเอกสารถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
28157 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร (จำนวน 5 คน 1. นายชาญชัย มุสิกนิศากร ฯลฯ) | กค | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักรชุดใหม่เพื่อทดแทนชุดเดิมที่ได้หมดวาระลง จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑.นายชาญชัย มุสิกนิศากร ข้าราชการบำนาญ ๒. นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. นางหิรัญญา สุจินัย ที่ปรึกษาด้านการลงทุน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ๔. นายชัชวาล จันทร์แสงสุก กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการภาษีอากรและมาตรการทางการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๕. นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานคณะกรรมการกฎหมายภาษีอากร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
28158 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (วันที่ 9 - 10 มิถุนายน 2556) | นร05 | 23/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดกำแพงเพชร) รับทราบเกี่ยวกับการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไปที่จังหวัดกำแพงเพชร ในระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นเจ้าภาพหลัก นั้น เนื่องจากตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ปรับปรุงใหม่คาดว่าในช่วงระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ในวาระที่ ๑ จึงขอเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดกำแพงเพชร ไปเป็นวันที่ ๙-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ แทน ทั้งนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) และผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
28159 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 09/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้การจัดที่พักอาศัยของทางราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด นั้น ในการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวควรคำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากบ้านพักข้าราชการให้ได้มากที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดที่พักอาศัยของทางราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด และกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นใดที่ได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นที่ได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ นั้น ควรบัญญัติให้เกิดความชัดเจนถึงการไม่ได้รับสิทธิดังกล่าวเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพนักงานตามกฎหมายอื่นได้โอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นครั้งแรก และโอนมาเป็นข้าราชการตามพระราชกฤษฎีกานี้ในครั้งต่อ ๆ ไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
28160 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งศาล พ.ศ. .... | นร10 | 09/04/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้าม กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสม กรณีมีมลทินหรือมัวหมอง และกรณีต้องรับโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งศาล พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ.ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ เพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ๔ กรณี คือ กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๑๐ (๓) กรณีหย่อนความสามารถ บกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมตามมาตรา ๑๑๐ (๖) กรณีมีมลทินหรือมัวหมองตามมาตรา ๑๑๐ (๗) และกรณีต้องรับโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาล ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษ ปลดออกหรือไล่ออกตามมาตรา ๑๑๐ (๘) ๒. กำหนดให้การสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการตามกฎ ก.พ. นี้ ให้ทำเป็นคำสั่งระบุเหตุแห่งการสั่ง ระบุวันที่จะให้ออกจากราชการ รวมทั้งต้องแจ้งสิทธิและระยะเวลาในการอุทธรณ์ในคำสั่งด้วย
|
.....