ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1411 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 28201 - 28220 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28201 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงคมนาคม) (นายสมชาย พิพุธวัฒน์) | คค | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย พิพุธวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28202 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ คือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่ง ของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชานิเทศศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28203 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวขนิษฐา สุดกังวาล และนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา สุทธปรีดา) | นร10 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้
๑. นางสาวขนิษฐา สุดกังวาล ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) ๒. นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา สุทธปรีดา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28204 | หนังสือแลกเปลี่ยนรับรองการปรับแก้ไขความคลาดเคลื่อนภายใต้ภาคผนวก 2 ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย - นิวซีแลนด์ | พณ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letters) รับรองการปรับแก้ไขความคลาดเคลื่อนภายใต้ภาคผนวก ๒ ของความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCER) มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขความคลาดเคลื่อนของการพิมพ์กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rule : PSR) ภายใต้ภาคผนวก ๒ ของความตกลงฯ รวม ๑๓ แห่ง สำหรับสินค้าทั้งหมด ๒๙ รายการ โดยความคลาดเคลื่อนทั้งหมดมีสาเหตุมาจากการพิมพ์ผิด แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ ได้แก่ การพิมพ์เลขพิกัดอัตราศุลกากรผิด จำนวน ๘ รายการ การพิมพ์ตก จำนวน ๑๗ รายการ และการพิมพ์ผิด จำนวน ๔ รายการ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับเรื่องนี้ไปตรวจสอบรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ชัดเจนถูกต้อง แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28205 | สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 | ทก | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำนวน ๓๙.๘๒ ล้านคน ประกอบด้วย ผู้มีงานทำ ๓๙.๕๕ ล้านคน ผู้ว่างงาน ๑.๙๑ แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล ๘.๒ หมื่นคน ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔ จำนวน ๔.๐ หมื่นคน (จาก ๓๙.๗๘ ล้านคน เป็น ๓๙.๘๒ ล้านคน) ๒. ผู้มีงานทำ จำนวน ๓๙.๕๕ ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔ จำนวน ๖.๐ หมื่นคน (จาก ๓๙.๔๙ ล้านคน เป็น ๓๙.๕๕ ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๒ ทั้งนี้ ผู้ทำงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผู้ทำงานสาขาการก่อสร้าง ๔.๓ แสนคน สาขาการผลิต ๓.๘ แสนคน สาขาการบริหารราชการการป้องกันประเทศ ๑.๗ แสนคน สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า ๔.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย ๔.๐ หมื่นคน สาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ ๔.๐ หมื่นคน สำหรับผู้ทำงานลดลง ได้แก่ ผู้ทำงานภาคเกษตรกรรม ๔.๙ แสนคน รองลงมาเป็น ในสาขาที่พักแรมและการบริการด้านอาหาร ๓.๓ แสนคน สาขาการศึกษา ๑.๘ แสนคน สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และรถจักรยานยนต์ ๑.๐ แสนคน ๓. ผู้ว่างงานทั่วประเทศ จำนวน ๑.๙๑ แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ ๐.๕ ของกำลังแรงงานรวม (เพิ่มขึ้น ๑.๙ หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๔) ประกอบด้วย ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ๖.๖ หมื่นคน อีกส่วนหนึ่งเป็นผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน ๑.๒๕ แสนคน โดยเป็นผู้ว่างงานที่มาจากภาคการผลิต ๗.๑ หมื่นคน ภาคการบริการและการค้า ๓.๓ หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม ๒.๑ หมื่นคน เป็นผู้ว่างงานที่มีการศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา จำนวน ๖.๖ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ๕.๑ หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ๔.๐ หมื่นคน ระดับประถมศึกษา ๒.๗ หมื่นคน และไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา ๗.๐ พันคน ทั้งนี้ ผู้ว่างงานส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๘.๖ หมื่นคน ภาคกลาง ๔.๓ หมื่นคน ภาคใต้ ๒.๘ หมื่นคน ภาคเหนือ ๑.๗ หมื่นคน และกรุงเทพมหานคร ๑.๗ หมื่นคน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28206 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28207 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. .... | สผ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. .... ว่า คณะกรรมาธิการได้แก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติตามคำอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวาระที่หนึ่ง ขั้นรับหลักการ โดยคณะกรรมาธิการได้แก้ไขเพิ่มเติมชื่อร่างพระราชบัญญัติ เป็นความว่า "ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. ...." และคณะกรรมาธิการเห็นควรให้มีการปรับปรุงแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้มีความเหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ ดังนี้ ๑.๑ หลักการ ให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ๑.๒ เหตุผล โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้รัฐสภาประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ทำหน้าที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีภารกิจในด้านการตรากฎหมาย การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และการให้ความเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประชาชน รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นภารกิจที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ดังนั้น เพื่อตอบแทนคุณงามความดีและความเสียสละแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาซึ่งสมาชิกภาพได้สิ้นสุดลง สมควรให้มีกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาดังกล่าว ๒. ให้นำหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยแล้ว เป็นหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28208 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 1/2556 | กค | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กนร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบการตรวจสอบการบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link) (โครงการ ARL) ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดย สตง. ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการหาข้อสรุปเกี่ยวกับการรับภาระการลงทุนของโครงการ ARL ทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนเงิน ๑๘,๗๐๐ ล้านบาท ด้านระบบการเดินรถไฟฟ้าและเครื่องกล จำนวนเงิน ๑๑,๗๐๐ ล้านบาท และเรื่องความชัดเจนของการโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการ ARL ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทยกับบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ว่าควรมีการเร่งรัดการดำเนินการและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็ว ๒. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) หารือกับบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด (บอท.) พิจารณาแนวทางการสนับสนุนทางการเงินแก่ บอท. ในการย้ายสถานประกอบการไปยังสถานที่ที่มีความเหมาะสม และให้ บอท. มอบพื้นที่ในความครอบครองให้กระทรวงการคลังบริหารเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางพัฒนาที่ดินดังกล่าว ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาที่เหมาะสมต่อไป ๓. ที่ประชุมเห็นชอบแผนกรอบระยะเวลาและกรอบการดำเนินงานของ กนร. และให้ สคร. ประสานงานกับกระทรวงเจ้าสังกัดเพื่อประสานงานในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจนต่อไป ๔. ที่ประชุมรับทราบแนวทางจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) ของรัฐวิสาหกิจ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกระดมทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาความเหมาะสมในการจัดตั้งกองทุนรวมฯ ของรัฐวิสาหกิจ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาความคุ้มค่าทางการเงินในการระดมทุนผ่านกองทุนรวมดังกล่าว ๕. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการยกเลิกโครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย ตามที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เสนอ และเห็นชอบในหลักการให้ ปณท ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ซึ่งจะเป็นกลไกเชื่อมต่อโครงการด้านโลจิสติกส์ และผู้ประกอบการภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ พัฒนาความสามารถในการแข่งขันให้แก่บริษัทขนส่งของไทย และรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สำหรับการจัดตั้งบริษัทในเครือเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการคลัง และ ปณท ร่วมกันพิจารณาศึกษาและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของ กนร. เกี่ยวกับประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็นต้น เพื่อมิให้มีการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมาย บทบาทและความสัมพันธ์ระหว่าง ปณท และบริษัทในเครือ รวมถึงการบริหารจัดการบริษัทในเครือของ ปณท รายละเอียดแผนการลงทุนที่ประกอบด้วยประมาณการเงินลงทุน รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ ต้นทุนในการดำเนินงาน โดยเฉพาะด้าน IT และแผนการ Outsourcing ของบริษัทในเครือตามแผนธุรกิจ รูปแบบ แนวทาง และรายละเอียดของการใช้ทรัพย์สินร่วมกันระหว่าง ปณท และบริษัทในเครือ รวมทั้งแผนงานและรายละเอียดของการบริหารจัดการบุคลากรที่ชัดเจนของบริษัทในเครือ ตลอดจนแนวทางการบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28209 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการจ้างเหมาก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดระยอง ศาลจังหวัดพังงา และศาลจังหวัดพิษณุโลก | ศย | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณการจ้างเหมาก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดระยอง ศาลจังหวัดพังงา และศาลจังหวัดพิษณุโลก เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่จะดำเนินการจริง และเนื่องจากการก่อสร้างดังกล่าวมีค่าควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งต้องขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณให้สอดคล้องกัน จึงอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในคราวเดียวกัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดระยอง ขนาด ๑๔ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๘ ๒. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพังงา ขนาด ๑๔ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘ ๓. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิษณุโลก ขนาด ๑๔ บัลลังก์ ๑ หลัง พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28210 | ผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ 2555 (1 ตุลาคม 2554 - 30 กันยายน 2555) | สธ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๔-๓๐ กันยายน ๒๕๕๕) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ และให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป สรุปได้ ดังนี้
๑. ความครอบคลุมการมีหลักประกันสุขภาพ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๕ ประชากรผู้มีสิทธิประกันสุขภาพทั้งประเทศ จำนวน ๖๔.๕๙ ล้านคน มีผู้มาลงทะเบียนสิทธิ จำนวน ๖๔.๕๓ ล้านคน โดยมีประชากรที่ยังไม่ลงทะเบียนสิทธิ จำนวน ๖๕,๑๑๓ คน ประชากรสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ๔๘.๖๒ ล้านคน ลงทะเบียนกับหน่วยบริการของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ ๙๐.๑๗ มีหน่วยบริการคู่สัญญา ๘๕๕ แห่ง รัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ ๕.๐๘ แห่ง หน่วยบริการคู่สัญญา ๘๓ แห่ง และเอกชน ร้อยละ ๔.๗๕ หน่วยบริการคู่สัญญา ๒๒๗ แห่ง ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นคลินิกชุมชนอบอุ่น ร้อยละ ๘๑.๓๐ ๒. การเข้าถึงบริการ โดยการใช้บริการทางการแพทย์เฉพาะผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประกอบด้วย การใช้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน ๑๖๓.๘๒ ล้านครั้ง อัตราการใช้บริการต่อประชากรฯ เท่ากับ ๓.๓๗ ครั้ง/คน/ปี การใช้บริการผู้ป่วยใน จำนวน ๕.๖๐ ล้านครั้ง/๒๓.๐๙ ล้านวัน อัตราการใช้บริการต่อประชากรฯ เท่ากับ ๐.๑๑๕ ครั้ง/คน/ปี ผู้รับบริการอุบัติเหตุฉุกเฉินและค่าใช้จ่ายสูง จำนวน ๒,๒๑๕,๐๗๙ ราย และ ๓๘๘,๔๙๓ ราย การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ มีคนพิการในระบบหลักประกันฯ จดทะเบียน ๑,๐๗๔,๖๐๗ คน ได้รับบริการฟื้นฟูฯ ๔๑๐,๗๗๓ คน/๑,๔๔๙,๗๖๗ ครั้ง และได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ฯ ๔๕,๕๓๑ คน/๔๗,๘๓๙ ชิ้น การเข้าถึงยา มีผู้ป่วยเข้าถึงยาบัญชี จ (๒) เป็นรายการยาจำเป็นที่มีราคาสูงมาก จำนวน ๘,๓๗๓ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๕๔.๗๘ (เป้าหมาย ๕,๙๘๘ คน) เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖๕.๕๓ จากปีที่ผ่านมา เป็นต้น ๓. การควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข หน่วยบริการที่ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน Hospital Accreditation (HA) จำนวน ๑,๐๓๘ แห่ง ได้รับการรับรองคุณภาพ HA ร้อยละ ๓๘.๑๕ รับรองคุณภาพชั้น ๒ ร้อยละ ๔๕.๕๗ ๔. การคุ้มครองสิทธิ การให้บริการประชาชนเพื่อช่วยเหลือผู้มีสิทธิและผู้ให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพฯ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสอบถามข้อมูล ร้อยละ ๙๘.๒๗ เรื่องร้องเรียนได้รับการตอบสนองภายใน ๓๐ วันทำการ ร้อยละ ๙๗.๐๔ และเรื่องร้องทุกข์ดำเนินการแล้วเสร็จ ร้อยละ ๙๖.๙๕ ประสานหาเตียงผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ๔,๕๓๘ ราย จ่ายชดเชยกรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการใช้บริการฯ (ตามมาตรา ๔๑) จำนวน ๘๓๔ ราย เป็นเงิน ๙๘.๕๘ ล้านบาท ด้านผู้ให้บริการได้รับชดเชย จำนวน ๕๑๑ ราย เป็นเงิน ๔.๕๐ ล้านบาท ๕. การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคี ด้านเครือข่ายองค์กรประชาชน มีหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ๔๓ แห่ง รับเรื่องร้องเรียน ๔๖๓ เรื่อง/เครือข่ายองค์กรคนพิการ ด้านการสนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีพื้นที่ดำเนินการ ๗,๗๑๘ แห่ง (ร้อยละ ๙๙.๒๕) ครอบคลุมประชากร ๕๖.๖๖ ล้านคน ด้านองค์กรวิชาชีพร่วมมือกับชมรมผู้บริหารการพยาบาล มีหน่วยบริการเข้าร่วมกิจกรรมมิตรภาพบำบัดมากกว่า ๓๕๐ แห่ง และร่วมมือกับสมาคมพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอกพัฒนาหน่วยบริการตติยภูมิ ๕๕ แห่ง ๖. การบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีการเบิกจ่ายงบกองทุนฯ รวม ๑๐๗,๘๑๔,๑๑๒,๖๖๙ บาท (ร้อยละ ๙๙.๙๙ จากงบประมาณที่ได้รับ ๑๐๗,๘๑๔,๑๑๕,๔๐๐ บาท) ๗. โครงการริเริ่มหรือพัฒนาระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าและปัญหาอุปสรรค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้พัฒนาโครงการที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงบริการได้ทั่วถึงเท่าเทียมมากขึ้น เช่น เพิ่มคุณภาพของระบบ “๓๐ บาทรักษาทุกโรค” การบูรณาการระบบบริการเจ็บป่วยฉุกเฉิน การปรับแก้หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชยเบื้องต้นตามมาตรา ๔๑ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28211 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 2/2556 | นร11 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมอบหมายให้นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษา กยอ. รับไปพิจารณาดำเนินการจัดตั้งกลไกเพื่อดำเนินการศึกษาในประเด็นที่ กยอ. ควรให้ความสำคัญ ประกอบด้วย การจัดทำ Zoning ภาคเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการใช้ประโยชน์ของพื้นที่อย่างเหมาะสมในเชิงลึก โดยประสานงานกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย การเตรียมความพร้อมด้านแหล่งพลังงานเพื่อรองรับปริมาณการใช้พลังงานในอนาคต โดยประสานงานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การเตรียมความพร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะ ๕-๑๐ ปีอย่างยั่งยืน การจัดเตรียมพื้นที่โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศในอนาคต และการให้ความสำคัญกับแหล่งเงินกู้ภายในประเทศเพื่อรองรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และหนี้สาธารณะของญี่ปุ่นที่มีความผันผวนในระยะยาว และนำผลการดำเนินงานเสนอ กยอ. ต่อไป ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการของแผนงานโครงการพัฒนาทางหลวงเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนและการสร้างอนาคตประเทศ เพื่อเป็นกรอบทิศทางสำหรับการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน จำนวน ๑๐ โครงการ วงเงินรวม ๔,๙๐๐ ล้านบาท โดยให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า บางโครงการมีความซ้ำซ้อนกับโครงการที่เสนอในร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... และโครงการส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งทางถนนเฉพาะจุด โดยยังไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างระบบเพื่อการพัฒนาการขนส่งต่อเนื่อง (Multimodal Transport) และการปรับรูปแบบการขนส่งไปสู่ระบบราง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการพัฒนาทางหลวงฯ ไปพิจารณาเพื่อประกอบการดำเนินการ ๓. ที่ประชุมรับทราบสรุปผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด ของคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์และบริหารทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด (อยอ.) โดยให้ อยอ. รับไปดำเนินการจัดทำและเสนอยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการน้ำ ลุ่มน้ำตะวันออก ๙ จังหวัด เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศให้ กยอ. พิจารณาเสนอต่อคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และจัดทำรายละเอียดโครงการเร่งด่วนเพื่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาในพื้นที่ลุ่มน้ำตะวันออก กลุ่มที่ ๑ และ ๒ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อขอรับการสนับสนุนจากโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (วงเงิน ๓๔๐,๐๐๐ ล้านบาท) ต่อ กบอ. พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๔. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดย ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ มีผู้ประกอบการที่เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิตและเปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๗๕๔ ราย มีผู้ประกอบการที่ปิดกิจการและย้ายออกไปจากนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม จำนวน ๘๕ ราย จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น ๘๓๙ ราย และให้ กนอ. รายงานความคืบหน้าฯ ให้ กยอ. ทราบต่อไป นอกจากนี้ ได้สนับสนุนการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาลเพื่อชดเชยการลงทุนปรับปรุงระบบป้องกันน้ำท่วมของนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบตามขั้นตอน ๕. ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาการจัดทำกรอบยุทธศาสตร์การบริหารจัดการกากของเสียและมลพิษทั้งระบบของประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมให้ครอบคลุมทั้งระบบ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28212 | โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2555/56 | พณ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินการ ข้อเท็จจริง และความเห็นในการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๕/๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๕/๕๖ ปริมาณการรับจำนำ ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕-๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ รวมทั้งสิ้น ๘,๙๖๖,๐๘๒ ตัน แยกเป็น ลานมัน ๕,๕๖๗,๐๑๑ ตัน และโรงแป้ง ๓,๓๙๙,๐๗๒ ตัน คิดเป็นร้อยละ ๖๒ และ ๓๘ ตามลำดับ โดยออกใบประทวนให้เกษตรกร ๓๒๗,๒๕๐ ใบ แยกเป็น ลานมัน ๑๕๑,๗๔๔ ใบ โรงแป้ง ๑๗๕,๕๐๖ ใบ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว (ณ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๖) ๑๒๓,๗๔๘ สัญญา จำนวนเงิน ๑๖,๙๓๓.๑๓ ล้านบาท ทั้งนี้ คงเหลือปริมาณที่รับจำนำได้ตั้งแต่วันที่ ๒๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๐๓๓,๙๑๘ ตัน จากเป้าหมายรับจำนำหัวมันสด ๑๐ ล้านตัน โดยปริมาณการรับจำนำตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เฉลี่ยวันละ ๐.๑๕-๐.๒ ล้านตัน และในช่วง ๑๐ วันสุดท้ายก่อนสิ้นโครงการฯ (วันที่ ๒๒-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖) คาดว่าจะมีปริมาณมันสำปะหลังที่เข้าสู่โครงการฯ ประมาณ ๒.๐ ล้านตัน ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายรับจำนำ ดังนั้น เพื่อให้การรับจำนำเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสามารถดำเนินการได้ครบกำหนดระยะเวลาโครงการฯ จึงได้กำหนดปริมาณโควตารับจำนำให้แก่จุดรับจำนำรวม ๐.๙๖ ล้านตัน ๑.๒ จากกรณีการชุมนุมกดดันเพื่อเรียกร้องให้พิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ออกไปอีก ๑-๒ เดือน เพื่อให้ครอบคลุมปริมาณผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๖ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ พบว่า ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังส่วนใหญ่ได้ออกสู่ตลาดไปแล้วประมาณร้อยละ ๗๒ คิดเป็นปริมาณผลผลิต ๑๙.๒๓ ล้านตัน จึงยังคงมีปริมาณผลผลิตที่ยังคงเหลือจำนวนไม่มาก และแนวโน้มราคาตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดู ประกอบกับตลาดส่งออกยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมเอทานอลยังคงมีความต้องการดูดซับมันสำปะหลัง เพื่อผลิตเอทานอลในปริมาณที่สูงขึ้น ดังนั้น หากผลักดันให้อุตสาหกรรมเอทานอลดูดซับมันสำปะหลังมากขึ้นจะเป็นการสร้างความมั่นใจและเป็นทางเลือกในการจำหน่ายผลผลิตให้กับเกษตรกร จึงเห็นควรยืนยันกำหนดเป้าหมายรับจำนำที่ ๑๐ ล้านตัน และกำหนดสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำปี ๒๕๕๕/๕๖ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งดำเนินการระบายผลผลิตมันสำปะหลังและการประสานหารือกับกระทรวงพลังงานในการขยายปริมาณระบายมันสำปะหลังเพื่อนำไปผลิตเอทานอลให้เพิ่มมากขึ้น และกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดมันสำปะหลังในฤดูกาลต่อไป ให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อมิให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28213 | รายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 | นร11 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ประธานกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวม ในระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ มีผู้ประกอบการ SMEs แจ้งปัญหาและขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่ภาครัฐและภาคเอกชนเปิดให้บริการ รวมทั้งสิ้น ๒๓๐ ราย ปัญหาที่ได้รับแจ้ง จำนวน ๖๒๑ เรื่อง โดยผู้ประกอบการ SMEs ระบุความต้องการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐทั้งสิ้น ๓๓๕ เรื่อง จำแนกเป็น ความต้องการด้านสินเชื่อ ๑๓๗ เรื่อง ด้านแรงงาน ๘๕ เรื่อง ด้านภาษี ๖๐ เรื่อง ด้านต้นทุนการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต ๒๔ เรื่อง และด้านอื่น ๆ ๒๑ เรื่อง ๒. ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ รอบที่ ๒ (๘ กุมภาพันธ์-๑ มีนาคม ๒๕๕๖) ๒.๑ มีผู้ประกอบการ SMEs แจ้งปัญหาและความต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ จำนวน ๑๔๗ ราย ๑๘๘ ความต้องการ ส่วนใหญ่เป็นความต้องการด้านสินเชื่อ รองลงมาคือ ด้านแรงงาน และด้านต้นทุนการผลิตและประสิทธิภาพการผลิต ๒.๒ คณะอนุกรรมการวิเคราะห์ปัญหาและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ได้พิจารณาผลวิเคราะห์ความสอดคล้องระหว่างความต้องการช่วยเหลือของผู้ประกอบการ SMEs มาตรการความช่วยเหลือของภาครัฐที่กำลังดำเนินในปัจจุบันเป็นรายกรณี โดยมีมติให้หน่วยงานรับผิดชอบรับไปพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นรายกรณี และรายงานให้คณะอนุกรรมการฯ ทราบทุก ๒ สัปดาห์ ๓. ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือ รอบที่ ๓ (๒-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖) ๓.๑ มีผู้ประกอบการ SMEs ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ จำนวน ๕๖ ราย ๑๒๙ ความต้องการ จำแนกเป็น ความต้องการด้านภาษี ความต้องการด้านสินเชื่อ และด้านอื่น ๆ เช่น การจัดหาช่องทางการตลาด การจัดหาพลังงานทดแทน และการพัฒนาระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ ๓.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะทำงานกลั่นกรองเรื่องที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เสนอขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ อยู่ระหว่างการวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการขอรับความช่วยเหลือของผู้ประกอบการในเบื้องต้น ก่อนนำเสนอคณะทำงานกลั่นกรองฯ และคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ปัญหาฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยคาดว่าจะจัดประชุมประมาณปลายสัปดาห์ที่ ๔ ของเดือนมีนาคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28214 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองแทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | ลต | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดระนองแทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28215 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 ครั้งที่ 2 | พณ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบวงเงินของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ครั้งที่ ๒ ในวงเงิน ๑๐๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินจากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ และพิจารณาปริมาณและวงเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖) ที่อนุมัติให้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ที่ยังคงเหลืออยู่ และเงินที่ได้จากการระบายข้าวของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ตั้งแต่ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ เป็นต้นไป เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับดำเนินโครงการรับจำนำข้าวฯ ๒. สำหรับการดำเนินงานตามกรอบ ชนิด ราคา ปริมาณ ระยะเวลา วิธีการรับจำนำ หลักเกณฑ์ เงื่อนไขโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ครั้งที่ ๒ ให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และให้รายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป เมื่อมีการรับรองผลการประชุมแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28216 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดพานิชรัตนานุกูล ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ให้แก่กรมการบินพลเรือน พ.ศ. .... | พศ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดพานิชรัตนานุกูล ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ให้แก่กรมการบินพลเรือน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดพานิชรัตนานุกูล ตำบลเหนือคลอง อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ให้แก่กรมการบินพลเรือน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28217 | แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร12 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ๗๖ จังหวัด แผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด และคำของบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยมีโครงการที่สมควรได้รับการสนับสนุน เป็นงบประมาณกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด จำนวน ๓๐๐ โครงการ รวม ๘,๗๙๔,๔๖๖,๘๕๗ บาท และโครงการที่สมควรได้รับการสนับสนุน เป็นงบประมาณจังหวัด ๗๖ จังหวัด จำนวน ๒,๒๙๒ โครงการ รวม ๒๒,๒๔๐,๒๗๑,๙๗๒ บาท ทั้งนี้ กรณีที่มีการพิจารณาต้นทุนต่อหน่วยของโครงการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้วยังมีงบประมาณเหลืออยู่ ให้นำโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรมาพิจารณาสนับสนุนเพิ่มเติมตามลำดับความสำคัญหรือที่สำรองไว้ในกรณีที่มีการแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติม สำหรับโครงการที่ดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือเอกชนตามที่ปรากฏในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้จังหวัดหรือกลุ่มจังหวัดประสานขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ก.น.จ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28218 | ผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง | นร11 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ความเห็นของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่โครงการที่มีความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ในกรอบวงเงิน ๑๐๐ ล้านบาท ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง (จังหวัดฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว และปราจีนบุรี) รวม ๕ จังหวัด โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และจัดส่งให้สำนักงบประมาณโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งให้รับความเห็นดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป ๑.๑ เห็นชอบโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้อาเซียนของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง ดำเนินการในพื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จังหวัดฉะเชิงเทราโดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางฯ วงเงิน ๓๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบโครงการพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์และสุขภาพวิถีไทย ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางฯ วงเงิน ๑๖.๘๐๔ ล้านบาท ๑.๓ เห็นชอบโครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และแปรรูปปลาสลิดของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนกลาง เพื่อส่งเสริมให้ได้มาตรฐาน OTOP และส่งเสริมการส่งออก ดำเนินการในพื้นที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางฯ วงเงิน ๒๓.๐๐ ล้านบาท ๑.๔ เห็นชอบโครงการพัฒนาด่านชายแดนและปรับปรุงระบบการให้บริการประชาชน ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลางฯ วงเงิน ๓๗.๕๐ ล้านบาท ๒. ความเห็นและข้อสั่งการเพิ่มเติมในพื้นที่ดูงานของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและปราจีนบุรี ๒.๑ จังหวัดสระแก้ว เห็นควรให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองวางระบบ Auto Channel และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะสนับสนุนให้เกิดความรวดเร็วในการให้บริการที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก โดยเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบปกติตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้กรมศุลกากรเสนอของบประมาณการให้บริการที่ต่อเนื่องกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อให้การบริการและการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนเป็นรูปแบบสากล เช่นเดียวกับการบริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเห็นควรให้กรมศุลกากรเร่งจัดหาที่ดิน ออกแบบรายละเอียดเพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาด่านศุลกากร ณ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท รองรับการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor) ๒.๒ จังหวัดปราจีนบุรี กรณีเขื่อนทดน้ำบางปะกง จากการเริ่มใช้งานจริงในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๓ พบว่า เกิดน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมด้านท้ายน้ำในช่วงน้ำขึ้น และการพังทลายของตลิ่งในบริเวณเป็นคุ้งน้ำในช่วงน้ำลง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม มีเพียงการบริหารจัดการเขื่อนทดน้ำเพื่อรักษาระดับน้ำจืดและระดับน้ำทะเล ให้แตกต่างกันน้อยที่สุด ทำให้โครงการไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ จึงเห็นควรมอบหมายกรมชลประทาน โดยการกำกับของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ทำการศึกษาทางด้านชลศาสตร์ อุทกศาสตร์ และธรณีวิทยาของตลิ่ง และ/หรือ การศึกษาออกแบบการก่อสร้างฝายทดน้ำที่บริเวณปากแม่น้ำอีกแห่งหนึ่ง เพื่อลดความแปรปรวนของการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นสาเหตุของการพังทลายของตลิ่งในปัจจุบัน เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ และคุ้มค่ากับเงินที่ได้ลงทุนไปแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28219 | ข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข | สธ | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับข้อเสนอการดำเนินการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านการสาธารณสุข ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายในอัตราที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้ใช้ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ หากมีผู้ใดได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายรวมกับค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานต่ำกว่าค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายที่เคยได้รับอยู่เดิมอย่างมีนัยสำคัญ ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณากำหนดอัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำเพื่อช่วยเหลือในกรณีดังกล่าวเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบมากเกินไป ๑.๒ สำหรับแหล่งเงินในการดำเนินการเพื่อเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้จ่ายจากเงินบำรุงของโรงพยาบาลก่อน หากไม่เพียงพอให้เสนอขอใช้เงินงบประมาณต่อไป ๒. ระยะต่อไป มอบให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนระบบการจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในภาครัฐพิจารณาถึงความเหมาะสม โดยให้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการประเมินผลการดำเนินการในระยะที่ ๑ โดยให้จัดทำข้อสรุปอย่างรอบด้านและชัดเจน แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับบุคลากรด้านการสาธารณสุขทุกกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28220 | การดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือร้องเรียนที่ยื่นกราบเรียนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 31/03/2556 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินเการกี่ยวกับกรณีที่ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนที่ยื่นกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ระหว่างการปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. สรุปประเด็นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์ และเห็นควรดำเนินการ ๑.๑ เรื่องขอรับการสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดปราจีนบุรี กรณีพัฒนาเส้นทางรถยนต์ เส้นทางรถไฟเป็นรางคู่ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการ กรณีสนับสนุนให้จังหวัดปราจีนบุรีเป็นเขตอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการทำน้ำหอมระเหยจากต้นกฤษณาเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการ กรณีร้องขอให้รักษาผังเมืองรวมที่กำหนดให้พื้นที่ตำบลบางเดชะ อำเภอเมือง เป็นพื้นที่สีขาวแทยงเขียว (พื้นที่อนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม) มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีพิจารณาดำเนินการ ๑.๒ เรื่องขอให้ทบทวนการเปิดด่านถาวรบ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสระแก้ว-สตึงบท จังหวัดบนเตียเมียนเจย โดยเสนอขอให้พิจารณาเปิดด่านถาวรบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว และเรื่องขอให้พิจารณาพื้นที่ในเขตตำบลบ้านไร่เป็นสถานที่จัดตั้ง “สถานีขนถ่ายสินค้าโลจิสติกส์” มอบให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ ๑.๓ เรื่องขอให้ปรับปรุงระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดหาประโยชน์ในทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๓ การยกเลิกคำสั่งส่วนแบ่งรางวัลนำจับความผิดพระราชบัญญัติจราจร และการติดตามเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการ ๑.๔ เรื่องขอให้ปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดปราจีนบุรี และขอให้ช่วยเหลือกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) พิจารณาดำเนินการ ๑.๕ เรื่องขอให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกและโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการ ๑.๖ เรื่องขอให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาของเกษตรกรไร่อ้อยรายย่อยจากการใช้หลักเกณฑ์ของภาครัฐเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ จังหวัดสระแก้ว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการ ๑.๗ เรื่องขอให้ติดตามการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ และเครือข่ายที่ดินแนวใหม่ชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเองแห่งชาติ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาดำเนินการ ๑.๘ เรื่องขอให้ตรวจสอบการขายสินค้าของร้านค้าในโครงการบัตรเครดิตเกษตรกร มอบให้ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรพิจารณาดำเนินการ ๑.๙ เรื่องขอให้ผลักดันโครงการผันน้ำจากเขื่อนพระปรงไปอ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยยาง และโครงการเก็บน้ำห้วยลำสะโตน จังหวัดสระแก้ว มอบให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพิจารณาดำเนินการ ๑.๑๐ เรื่องขอให้ช่วยเหลือจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรที่ไร้ที่ทำกิน มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการ ๑.๑๑ เรื่องขอรับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นและติดตามโครงการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ขอให้ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณตลาดโรงเกลือ ตรวจสอบการประมูลการจัดให้เช่าที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารค้าขายบริเวณตลาดโรงเกลือ และชาวต่างด้าวเปิดร้านปิดทางเดินเข้าออกบ้าน ขอให้ตรวจสอบแก้ไขปัญหากรณีแนวเขตที่ดินของราษฎรกับสนามบินอรัญประเทศ และเรื่องขอให้ผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามายึดครองพื้นที่ทำกิน มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วพิจารณาดำเนินการ ๒. ส่งเรื่องทั้งหมดให้ศูนย์บริการประชาชน (๑๑๑๑) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการประสานกับหน่วยปฏิบัติ และนำเข้าระบบรับเรื่องร้องเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อการติดตามเรื่อง
|
.....