ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1366 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 27301 - 27320 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27301 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 และ 2553 | รง | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนองบดุลและการรับจ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ประจำปี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ในปี ๒๕๕๔ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๔๐๑,๕๘๒,๓๘๙.๑๐ บาท หนี้สินหมุนเวียนรวม ๗๕๓,๓๖๓.๗๖ บาท เงินกองทุนรวม ๔๐๐,๘๒๙,๐๒๕.๓๔ บาท รวมหนี้สินและเงินกองทุน ๔๐๑,๕๘๒,๓๘๙.๑๐ บาท รายได้รวม ๔๐,๐๒๙,๑๙๒.๑๙ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๔๖,๒๑๓,๐๑๘.๐๔ บาท รายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย ๖,๖๔๕,๔๖๑.๕๗ บาท ๒. ปี ๒๕๕๓ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๔๐๘,๑๐๐,๖๓๐.๐๓ บาท หนี้สินหมุนเวียนรวม ๖๑๖,๖๔๓.๑๒ บาท เงินกองทุนรวม ๔๐๗,๔๘๓,๙๘๖.๙๑ บาทรวมหนี้สินและเงินกองทุน ๔๐๘,๑๐๐,๖๓๐.๐๓ บาท รายได้รวม ๔๘,๕๐๙,๕๑๒.๑๓ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๔๓,๓๖๓,๕๔๖.๑๒ บาท รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๕,๑๔๕,๙๖๖.๐๑ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
27302 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกรกฎาคม 2556 | พณ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๐ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๗) ได้แก่ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร รวมทั้งสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ในขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ ๐.๒๑ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๗) จากการลดลงของราคาหมวดผักและผลไม้ และหมวดไข่และผลิตภัณฑ์นมเป็นสำคัญ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ ดัชนีโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีบางรายการสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นและลดลง ประกอบด้วย สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ขณะที่สินค้าและบริการที่มีราคาลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องประกอบอาหาร หมวดอาหารสำเร็จรูป หมวดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
||||||||||||||||||||||||
27303 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิตาลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | อก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิตาลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในทุกระดับระหว่างสองประเทศ ในภาคส่วนอุตสาหกรรม อาหาร การเกษตร แฟชั่น และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ พลังงานสิ้นเปลือง พลังงานทดแทน และเครื่องจักรอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการค้าทวิภาคี การบริการและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง โดยอยู่บนพื้นฐานของสิทธิที่เท่าเทียมกัน ความเป็นหุ้นส่วนและผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้วตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27304 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับใช้ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรมและการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27305 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 (เขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง จำนวน 4 รายการ) | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จากรายการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน ๔ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น ๓๔๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง จำนวน ๑๔ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น ๓๓๙,๒๕๔,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๔,๖๕๔,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบด้วยว่าโครงการดังกล่าวต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการตามแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
27306 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม 2556 | อก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า สถานการณ์การผลิตเหล็ก คาดว่าการผลิตทั้งเหล็กทรงแบนและเหล็กทรงยาวจะขยายตัวขึ้นเล็กน้อย โดยในส่วนของเหล็กแผ่นรีดร้อนการผลิตอาจจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลทางบวกจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด แต่แนวโน้มการผลิตโดยรวมจะขยายตัวเล็กน้อยเนื่องจากราคาในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง จึงเป็นการจูงใจให้ลูกค้านำเข้าเหล็กมาจากต่างประเทศ ๒. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ ๑๐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะปรับลดลงร้อยละ ๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวลดลงร้อยละ ๒๑ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดส่งออกหลักยังไม่ฟื้นตัว และมีสัญญาณการชะลอตัวของการนำเข้าส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแสดงว่าการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคตจะยังไม่เพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
27307 | ผลการเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์และสาธารณรัฐตุรกีอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์และสาธารณรัฐตุรกีอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๓-๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามตารางติดตามผลที่กระทรวงการต่างประเทศจัดทำ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. การเยือนสาธารณรัฐโปแลนด์ ประเด็นติดตาม ได้แก่ การเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ และการเยือนไทยของนาย Lech Walesa อดีตประธานาธิบดีโปแลนด์ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการหารือเชิงยุทธศาสตร์ ครั้งที่ ๑ ความร่วมมือด้านการทหาร อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับรัฐมนตรีกลาโหม การจัดหาอุปกรณ์เรดาร์จากโปแลนด์ การส่งนักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยการทหารของโปแลนด์ เป็นต้น การทำความตกลงว่าด้วยการรักษาข้อมูลลับ การส่งเสริมมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศให้มีความสมดุลมากขึ้น และการส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในโปแลนด์ การส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตไทยในโปแลนด์ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจเอกชน การจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทย การดำเนินการตามความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมตามโครงการ Green Evo ของโปแลนด์ การพิจารณาใช้ถ่านหินลิกไนต์จากโปแลนด์ การลงทุนในการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน (Shale Gas) และความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน การจัดหาอุปกรณ์กู้ภัยจากโปแลนด์ อาทิ รถดับเพลิง การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเกษตร การปรับปรุงคุณภาพดิน และปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ปีก การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม การแลกเสียงสนับสนุนการสมัครสมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สำหรับวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ ของไทย และวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๑๙ ของโปแลนด์ การขอเสียงสนับสนุนจากโปแลนด์สำหรับตำแหน่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๗ รวมทั้งการพิจารณาคำขอของโปแลนด์ในการสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ กลุ่มที่ ๓ และการสมัครเป็นเจ้าภาพกีฬาในโอลิมปิกฤดูหนาว ๒๐๒๒ ๒. การเยือนสาธารณรัฐตุรกี ประเด็นติดตาม ได้แก่ การเชิญนายกรัฐมนตรีตุรกีเยือนไทย การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ตุรกี การมุ่งเป้าหมายการค้า ๒ พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ๒๕๖๑ การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ตุรกี ๖๐ ปี การแลกเปลี่ยนทุนการศึกษา การสนับสนุนทุนการศึกษาให้นักเรียนไทยไปศึกษาต่อที่ตุรกี การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำนครอิซเมียร์และเมืองอันทาเลีย และการเสริมสร้างความร่วมมือภายใต้กรอบแผนปฏิบัติการร่วมไทย-ตุรกี (Joint Plan of Action) ๒๕๕๖-๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||
27308 | โครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า 500,000 บาท ผ่านสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร | กษ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้คงค้างต่ำกว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาท ผ่านสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณการดำเนินโครงการระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๖๘๔.๗๑๔ ล้านบาท จำแนกเป็น ๒.๑ อนุมัติเงินงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๙๖๖.๙๖๐ ล้านบาท เพื่อชดเชยให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่พักหนี้หรือลดภาระหนี้ให้สมาชิก จำนวน ๑,๔๔๕.๘๒๑ ล้านบาท และจัดสรรให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรเป็นเงินอุดหนุนจ่ายขาดเพื่อฟื้นฟูอาชีพแก่สมาชิก จำนวน ๕๒๑.๑๓๙ ล้านบาท ๒.๒ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการโครงการเพื่อจ่ายชดเชยดอกเบี้ย โดยให้กับสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรปีที่ ๒ และปีที่ ๓ ปีละ ๘๕๘.๘๗๗ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๗๑๗.๗๕๔ ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ประสานกับสำนักงบประมาณในการขอตั้งงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27309 | การแปรสภาพกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแปรสภาพกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการหลักทรัพย์ของรัฐในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนกิจการที่จำเป็นและต้องการส่งเสริมจากภาครัฐ ซึ่งจะสามารถช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาตลาดเงินตลาดทุนของประเทศขยายตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นทางเลือกในการออมและการลงทุนให้แก่ประชาชน โดยวิธีการแปรสภาพกองทุน ได้แก่ การขยายอายุกองทุน และปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ รูปแบบ โครงสร้างเงินทุน และข้อกำหนดต่าง ๆ ให้สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรกำหนดนิยามและขอบเขตของการลงทุนเชิงรุก (Active Portfolio Management) ให้มีความชัดเจนเพื่อใช้เป็นกรอบนโยบาย หลักการ และเงื่อนไขที่จะใช้ในการบริหารจัดการหลักทรัพย์ของกองทุนฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาครัฐและผู้ถือหน่วยลงทุนได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว และเมื่อภายหลังกองทุนฯ แปรสภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้พิจารณาช่วงระยะเวลาที่จะจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนทั่วไปเพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระจายช่องทางการออมและการลงทุนแก่ประชาชนให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในการแปรสภาพกองทุนฯ ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ รวมทั้งปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจำหน่ายหุ้นและซื้อหุ้นของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27310 | การจัดทำพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ | พณ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (First Protocol to Amend the Agreement Establishing the ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Area) โดยสาระสำคัญของร่างพิธีสารฯ ได้เพิ่มเติมแนวทางการตรวจสอบความถูกต้องของตารางข้อผูกพันภาษีของแต่ละประเทศภายใต้ความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (Agreement Establishing the ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Area : AANZFTA) แก้ไขข้อบทเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า รวมทั้งแก้ไขระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และนำเสนอร่างพิธีสารฯ ต่อรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในโอกาสแรกต่อไป ๑.๒ อนุมัติการลงนามร่างพิธีสารฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๑.๔ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดในพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงฯ ๑.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกระทรวงการต่างประเทศแจ้งประเทศภาคีความตกลงฯ ว่าไทยพร้อมที่จะให้พิธีสารฯ มีผลผูกพันต่อไปหลังจากที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งมีการปรับลดข้อมูลเท่าที่จำเป็นสำหรับระบุในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เห็นควรมีการตรวจสอบว่าเป็นไปตามหลักการตามกระบวนการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self Certification) ซึ่งมีกำหนดการจัดทำโครงการการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเองรวม (ASEAN-wide Implementation of Self-Certification) ให้แล้วเสร็จภายใน ค.ศ. ๒๐๑๕ ซึ่งปัจจุบันยังเป็นโครงการนำร่อง (Pilot Project) จึงควรมีการพิจารณาระเบียบปฏิบัติดังกล่าวให้มีความสอดคล้องเพื่อรองรับระบบ Self Certification ต่อไปด้วย และควรเร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดทำพิธีสารฯ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินการรองรับในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับภาคเอกชนเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการแก้ไขความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27311 | การยกเว้นการตรวจลงตราให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยไม่เกิน 30 วัน (ผ.30) แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐเอสโตเนีย | กต | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐเอสโตเนียสามารถอยู่ในราชอาณาจักรไทยไม่เกิน ๓๐ วัน (ผ.๓๐) เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและส่งเสริมผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวของไทย ทั้งนี้ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเจรจาเพื่อให้ฝ่ายเอสโตเนียดำเนินการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการของไทยเป็นการต่างตอบแทนให้แล้วเสร็จก่อน ๒. เห็นชอบยกเลิกการให้สิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA ON ARRIVAL) แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของสาธารณรัฐเอสโตเนีย ณ วันที่ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยแก่ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา (ผ.๓๐) แก่ฝ่ายเอสโตเนีย มีผลใช้บังคับ ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองบังคับการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
27312 | ขอความเห็นชอบโครงการความร่วมมืออาเซียน - สหรัฐอเมริกา | กต | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการดำเนินโครงการหุ้นส่วนอาเซียน-สหรัฐฯ ด้านธรรมาภิบาล การพัฒนาที่ยั่งยืนและเท่าเทียม และความมั่นคง (ASEAN-U.S. Partnership for Good Governance, Equitable and Sustainable Development and Security : ASEAN-U.S. PROGRESS) และโครงการความเชื่อมโยงระหว่างกันของอาเซียนผ่านการค้าและการลงทุน (ASEAN Connectivity through Trade and Investment : ACTI) โดยโครงการทั้งสอง เป็นโครงการความช่วยเหลือทางวิชาการที่สหรัฐฯ เสนอเพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพขององค์กรเฉพาะสาขาของอาเซียน ซึ่งอ้างอิงตามกฎบัตรอาเซียนและสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการอาเซียน-สหรัฐฯ และมีเนื้อหาครอบคลุมหลากหลายสาขาภายใต้ ๓ เสาหลักของประชาคมอาเซียน ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อตอบรับข้อเสนอของฝ่ายสหรัฐฯ ที่จะจัดสรรงบประมาณภายใต้องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for International Development : USAID) เป็นระยะเวลา ๕ ปี สำหรับการดำเนินโครงการ ASEAN-U.S. PROGRESS จำนวน ๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโครงการ ACTI จำนวน ๑๖.๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่ารัฐบาลไทยเห็นชอบให้ดำเนินโครงการ ASEAN-U.S. PROGRESS และ ACTI ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการ PROGRESS ควรมีการติดตามรายละเอียดของแผนการดำเนินการในอนาคตอย่างใกล้ชิดบนหลักการของผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งเรื่องความมั่นคงของประเทศ และให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาลด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการโซ่อุปทานสีเขียวและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน สำหรับการดำเนินโครงการ ACTI นั้น ความตกลงด้านการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ไม่ควรเกินกรอบความตกลงที่ไทยได้ทำไว้กับประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ขั้นตอนการจัดทำแผนงานประจำปีภายใต้โครงการ PROGRESS ไทยควรผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกันมีบทบาทอย่างแข็งขันในการกำหนดทิศทางและรายละเอียดของกิจกรรมต่าง ๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันและอย่างเท่าเทียมกันระหว่างอาเซียนและสหรัฐฯ โดยสนับสนุนความร่วมมือเพิ่มเติมใน ๔ ด้าน ได้แก่ สิทธิมนุษยชน การบริหารจัดการเคลื่อนย้ายแรงงานไร้ทักษะ การบริหารจัดการชายแดน และการเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27313 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ) | พน | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27314 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข , พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ) | ยธ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก ประเวศน์ มูลประมุข ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๒. พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
27315 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก | อก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก ในวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๔๑,๕๗๕,๑๔๐ บาท หรือเท่ากับ ๑,๓๘๕,๘๓๘ ดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ในรายการค่าเช่าอาคารสำนักงานต่างประเทศ ส่วนงบประมาณที่เหลือให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ตามสัญญาเช่าต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการทำสัญญาเช่าให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน) กำหนดเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดได้ ในกรณีที่จะย้ายเข้าไปใช้พื้นที่ในอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรฯ/สถานกงสุลใหญ่ฯ (หลังปัจจุบัน) ในอนาคตตามนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดซื้ออาคารสถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดแทนวิธีการเช่าเพื่อใช้เป็นที่ทำการถาวรร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย ณ นครนิวยอร์ก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27316 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก | พณ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๓ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๖๒,๙๖๐,๙๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๑,๙๖๗,๕๒๖ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๒ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงานในต่างประเทศ (ผูกพันใหม่) จำนวน ๒๑๔,๔๓๔ ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ ๖,๘๖๑,๙๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๓ ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการทำสัญญาเช่าให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) กำหนดเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดได้ในกรณีที่จะย้ายเข้าไปใช้พื้นที่ในอาคารที่ทำการคณะผู้แทนถาวรฯ/สถานกงสุลใหญ่ฯ (หลังปัจจุบัน) ในอนาคตตามนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดซื้ออาคารสถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดแทนวิธีการเช่าเพื่อใช้เป็นที่ทำการถาวรร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ของไทย ณ นครนิวยอร์ก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27317 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27318 | การปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 193/2554 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2554 | นร04 | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๓/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๗/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๓/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงโครงสร้างการปฏิบัติงานของ ศปภ. ๑.๑ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผอ.ศปภ.) จากพลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็น พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ผอ.ศปภ.) ๑.๒ ฝ่ายเลขานุการ ศปภ. ให้พลตำรวจตรี เกษม รัตนสุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นเลขานุการ ศปภ. และพลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ศปภ. และให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปภ. มอบหมาย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม รับผิดชอบงานด้านธุรการ ด้านงบประมาณ และด้านบุคลากร รวมทั้งการประสานงานและการบริหารจัดการงานด้านคดีของ ศปภ. ตามที่ ผอ.ศปภ. มอบหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
27319 | ให้ความเห็นชอบต่ออายุการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) | นร | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ต่ออายุการดำรงตำแหน่งของนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งจะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27320 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน (ราชบัณฑิตยสถาน) (นางสาวกนกวลี ชูชัยยะ) | รถ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนางสาวกนกวลี ชูชัยยะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งดำรงตำแหน่งจะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่ราชบัณฑิตยสถานเสนอ
|
.....