ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1364 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 27261 - 27280 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27261 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และเขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และเขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี และเขตประกอบการเสรีเหมราชชลบุรี ในท้องที่ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เนื้อที่ประมาณ ๒๒ ไร่ ๑ งาน ๑๘.๗ ตารางวา ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
27262 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย ในท้องที่ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรา ๓๖/๑ แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
27263 | รายงานผลการจัดการฝึกซ้อมการบรรเทาภัยพิบัติ ARF DiREx 2013 | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดการฝึกซ้อมการบรรเทาภัยพิบัติ ASEAN Regional Forum Disaster Relief Exercise : ARF DIREx 2013 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) และ Mr. Kim Bong-hyun, Deputy Minister for Multilateral and Global Affairs ของสาธารณรัฐเกาหลี ได้เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการฝึกซ้อมการบรรเทาภัยพิบัติ ARF DiREx 2013 เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีผู้เข้าร่วมการฝึกซ้อมฯ มีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๖๕๙ คน โดยเป็นผู้เข้าร่วมจากประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) ๒๓ ประเทศ จำนวน ๕๗๖ คน หน่วยงานและองค์การระหว่างประเทศ จำนวน ๔๔ คน และจากประเทศไทย จำนวน ๑,๐๓๙ คน โดยมีพิธีปิดการฝึกซ้อมฯ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๒. การฝึกซ้อมการบรรเทาภัยพิบัติ ARF DiREx 2013 ประกอบด้วย การฝึกซ้อมบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) เป็นการบรรยายให้ความรู้ โดยวิทยากรกำหนดหัวข้อการบรรยายให้ความรู้แก่ผู้รับการฝึกซ้อมที่เกี่ยวข้องด้านความร่วมมือในการบริหารจัดการภัยพิบัติทั้งในระดับประเทศ ระหว่างประเทศ การดำเนินการช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรม รูปแบบการฝึกซ้อมบนโต๊ะ เน้นการถกแถลง การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การพัฒนากรอบความร่วมมือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการประสานงานในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการฝึกภาคสนาม (Field Training Exercises : FTX) ๓. ปัญหาและอุปสรรค ประเทศต่าง ๆ ไม่มีความเข้าใจในโครงสร้างการบริหารจัดการของประเทศไทย การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายด้านการบริหารจัดการสาธารณภัยเป็นไปด้วยความยากลำบาก และขาดประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะทหารและพลเรือน
|
||||||||||||||||||||||||
27264 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมใหญ่สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ 11 | ทก | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยซึ่งมอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมใหญ่สหภาพไปรษณีย์แห่งเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ ๑๑ ระหว่างวันที่ ๓-๗ กันยายน ๒๕๕๖ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ๑.๒ หากมีการลงนามในกรรมสารสุดท้ายของสหภาพฯ มอบอำนาจให้แก่หัวหน้าคณะหรือรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยลงนามในกรรมสารสุดท้ายดังกล่าว ๒. หากคณะผู้แทนไทยจะลงนามรับรองกรรมสารสุดท้ายหรือมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมความตกลงใด ๆ ในระหว่างการประชุมซึ่งก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะผู้แทนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมาตราดังกล่าว รวมทั้งต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ (เรื่อง การทำความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่าง ๆ) ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติเรื่องการติดต่อทำความตกลงกับต่างประเทศ การทำอนุสัญญา และสนธิสัญญาต่าง ๆ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการลงนามความตกลงทุกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและตามข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ |
||||||||||||||||||||||||
27265 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2555 เรื่อง การขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การขยายระยะเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้) โดยขอแก้ไขหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามมาตรการชดเชยส่วนต่างเบี้ยประกันภัยสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิม มอบหมายให้กระทรวงการคลังเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เป็น มอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยให้เป็นผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27266 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 8 ฉบับ | กษ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยางพะไล เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยหิน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยซับประดู่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเพลียก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยบง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยปราสาทใหญ่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||
27267 | การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 (สำนักงานผู้แทนการค้าไทย) | นร04 | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ให้แก่ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย จำนวน ๔ คน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายธีระพงษ์ วัฒนวงษ์ภิญโญ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ประธานผู้แทนการค้าไทย (นายโอฬาร ไชยประวัติ) ๒. นายอภิชาติ ธนานันท์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระดับสูง ๒ ส่วนวางแผนด้านนโยบายและความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายพิเชษฐ สถิรชวาล) ๓. พันเอก ธนาธิป สว่างแสง นายทหารปฏิบัติการ สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวรวีร์ มะกูดี) ๔. ดาบตำรวจ บริบูรณ์ บัวผัน ผู้บังคับหมู่งานศูนย์ควบคุมจราจรทางด่วน ๒ กองกับการ ๒ กองบังคับการตำรวจจราจร ข้าราชการผู้ไปช่วยปฏิบัติราชการให้แก่ผู้แทนการค้าไทย (นายวรวีร์ มะกูดี)
|
||||||||||||||||||||||||
27268 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27269 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อก่อสร้างโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากชายแดนไทย - สหภาพพม่า มายังสถานีควบคุมก๊าซที่ BVW01 | พน | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันการใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ระยะทางโดยประมาณ ๒๘๗ เมตร เพื่อดำเนินการโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากชายแดนไทย-สหภาพพม่า มายังสถานีควบคุมก๊าซที่ BVW01 ในพื้นที่หมู่ ๑ บ้านอีต่อง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (บมจ. ปตท.) ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติในอนาคตของ บมจ. ปตท. ควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ หรือพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ที่มีความสำคัญทางทรัพยากรธรรมชาติ โดยศึกษาทางเลือกอื่นในการดำเนินโครงการ เพื่อลดผลกระทบต่อทรัพยากรที่อาจไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมหรือทดแทนได้ การให้ความสำคัญต่อการดำเนินการตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมของเมียนมาร์ เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการดำเนินโครงการในเมียนมาร์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทย และป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและภาคประชาสังคมที่มีต่อการลงทุนและการเข้าไปพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติของไทยในเมียนมาร์ที่อาจส่งผลต่อการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับระบบตรวจสอบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการดำเนินโครงการ ทั้งในระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
27270 | การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 8 (The 8th ASEAN Ministerial Meeting on Rural Development and Poverty Eradication - The 8th AMRDPE) | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๘ (The 8th ASEAN Ministerial Meeting on Rural Development and Poverty Eradication-The 8th AMRDPE) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ เมืองยอกยาร์กาต้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๘ (Joint Statement of the 8th AMRDPE) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจนในภูมิภาคอาเซียนและความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ+๓ (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) โดยไม่มีการลงนามแต่อย่างใด มีเนื้อหาที่สำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนงานเสาหลักประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASCC Blueprint) ที่ประชุมฯ สนับสนุนให้มีการทบทวนการดำเนินงานตาม ASCC Blueprint ที่กำลังดำเนินการอยู่ (Ongoing) ซึ่งจะทำให้ความพยายามในการสร้างประชาคมอาเซียนเกิดขึ้นได้ภายในปี ๒๐๑๕ และยังทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนสามารถกำหนดประเด็นการพัฒนาและขจัดความยากจนภายหลังปี ๒๐๑๕ ได้ถูกทิศทาง และเนื่องจากการแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแบบหลากหลายมิติ (Multi Dimensions) ที่ประชุมฯ จึงได้สนับสนุนหลักการพัฒนาแบบองค์รวม (Holistic Response) ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาอย่างใกล้ชิด ๒. การเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนความสำเร็จด้านการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนให้สามารถปรับปรุงสวัสดิการและความเป็นอยู่ของคนยากจนและกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมทั้งได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานพัฒนาอย่างสมดุล (Balanced Development) และการพัฒนาที่ทุกกลุ่มในสังคมได้รับประโยชน์อย่างครอบคลุมทั่วถึง (Inclusive Development) รวมถึงกำหนดให้การลดช่องว่างการพัฒนาภายในอาเซียนเป็นวิสัยทัศน์หลักภายหลังการก่อตั้งประชาคมอาเซียนในปี ๒๐๑๕ แล้ว ๓. แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (๒๐๑๑-๒๐๑๕) ที่ประชุมฯ พึงพอใจต่อความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (Framework Action Plan on Rural Development and Poverty Eradication 2011-2015) ซึ่งมีโครงการที่ดำเนินการโดยประเทศไทย จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนระดับภูมิภาคอาเซียน โครงการบ้านมั่นคง และโครงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขความยากจน ๔. การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนการพัฒนา ที่ประชุมพึงพอใจต่อความสำเร็จจากการจัดประชุมร่วมระหว่างภาครัฐบาลกับองค์กรพัฒนาภาคเอกชนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๒ (The 2nd Forum on Rural Development and Poverty Eradication) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งที่ประชุมดังกล่าวได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและบทเรียนความสำเร็จจากการดำเนินโครงการด้านการเสริมสร้างศักยภาพชุมชนเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ยากจนและกลุ่มผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งได้แสดงความยินดีกับองค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาสังคม (NGOs/CSOs) ที่ได้รับการคัดเลือกจากแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเข้ารับรางวัลผู้นำอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน (The ASEAN Rural Development and Poverty Eradication Leadership Awards) เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดยประเทศไทยได้คัดเลือกมูลนิธิพัฒนาอีสาน (NET Foundation) เข้ารับรางวัลดังกล่าว ๕. ความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ+๓ (สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) ที่ประชุมฯ พึงพอใจต่อความสำเร็จจากการดำเนินโครงการที่ดำเนินงานร่วมกันระหว่างอาเซียนกับกลุ่มประเทศ+๓ จำนวน ๓ โครงการ โดยมีโครงการของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารจัดการที่ดินเพื่อการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่มประเทศอาเซียนและกลุ่มประเทศ+๓ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ รวมถึงบทเรียนความสำเร็จด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน และสามารถนำมาปรับใช้กับบริบทของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีความพึงพอใจต่อแผนงานและโครงการใหม่ (New Initiatives) ที่จะดำเนินงานร่วมกับกลุ่มประเทศ+๓ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน+๓ ครั้งที่ ๖ (6th SOMRDPE+3) โดยประเภทโครงการที่ประเทศไทยจะร่วมดำเนินการ คือ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ๖. การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๙ (The 9th AMRDPE) ที่ประชุมฯ แสดงความขอบคุณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในฐานะที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๙ (The 9th AMRDPE) ที่จะจัดในปี ๒๐๑๕ |
||||||||||||||||||||||||
27271 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี บางส่วน เพื่อมอบหมายให้กรมที่ดินใช้เป็นที่ตั้งสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาเขมราฐ และบ้านพักข้าราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
27272 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ 12 | ศธ | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ครั้งที่ ๑๒ สรุปผลการดำเนินโครงการ ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. ร้อยละของการดำเนินการก่อสร้างทั้งโครงการตามเป้าหมาย ได้แก่ อาคารชั้นใต้ดินและอาคารโรงพยาบาล อาคารศูนย์วิจัย อาคารสถานีไฟฟ้าย่อย งานภายนอกอาคารและงานภูมิสถาปัตยกรรม และหมวดงาน Accessories และ Commissioning ดำเนินการได้ร้อยละ ๑๐๐ ๒. การส่งมอบงาน ตามเงื่อนไขรูปแบบรายละเอียดและสัญญา (As-Built Drawing, Building User Manual & Training) ตามงวดงานที่ ๕๓-๕๖ (งวดสุดท้าย) อยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. จำนวนเงินงบประมาณที่เบิกจ่าย ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๖ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๙๖๙,๑๐๔,๙๒๘.๐๑ บาท
|
||||||||||||||||||||||||
27273 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
27274 | ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553 - 2562 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | มท | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๒ [Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction] ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับรายงานผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติภายใต้แผนปฏิบัติการฯ จากหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการ ดังนี้
๑. แผนงานภาคบังคับ มีหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติภายใต้แผนปฏิบัติการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๕๖๘ แผนงาน/โครงการ ครอบคลุม ๖๖ กิจกรรมหลัก ๒๐ ประเด็นยุทธศาสตร์ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ ด้านการเตรียมความพร้อม ด้านการบริหารจัดการฉุกเฉิน และด้านการจัดการหลังเกิดภัย ๒. แผนงานปกติ หน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรายงานผลการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ รวมจำนวน ๓๙๘ แผนงาน/โครงการ ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว ได้แก่ ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๑๒๒ โครงการ ด้านการเตรียมความพร้อม จำนวน ๑๔๖ โครงการ ด้านการบริหารจัดการฉุกเฉิน จำนวน ๗๗ โครงการ และด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๕๓ โครงการ
|
||||||||||||||||||||||||
27275 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางอัญชลี เต็งประทีป) | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางอัญชลี เต็งประทีป ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27276 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายจุมพล ริมสาคร) | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจุมพล ริมสาคร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
27277 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในไตรมาสที่ ๓ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ แต่โดยการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดทั้งจำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ในส่วนของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่เป็นหนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน ๒๗๗,๔๑๒.๑๓ ล้านบาท และอยู่ภายใต้ขอบเขตพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ มาตรา ๑๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๒๔ (๑) ๒. ขั้นตอนในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ๑ แห่ง วงเงิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยการออกพันบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๙ (LB416A) อายุคงเหลือ ๒๘.๐๒ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๘๖,๙๓๖ ล้านบาท โดยประมูลในวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๖ และนำเงินที่ได้จากการประมูลไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะ ฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๔ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๙ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
27278 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2556 | กค | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ที่ครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑ รุ่นอายุ ๑๘๒ วัน จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย งวดที่ ๑/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท และงวดที่ ๒/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามลำดับ กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว ๒. ขั้นตอนในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินฯ ประกอบด้วย ๒.๑ การกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น วงเงินที่ ๑ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ งวดที่ ๑/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ครบกำหนดในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และวงเงินที่ ๒ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ งวดที่ ๒/๑๘๒/๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๒.๒ การออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการประมูลไปชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ (LB196A) จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ (LB326A) จำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลได้จำนวนรวม ๑๗,๗๐๙ ล้านบาท ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ รวมทั้งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวจำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
27279 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 - 2560 เพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ | นร | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมประชาสัมพันธ์เช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ จำนวน ๑ คัน ในลักษณะผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ (สิงหาคม ๒๕๕๖-กันยายน ๒๕๖๐) รวมระยะเวลา ๕ ปี วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๗๖๔,๐๐๐ บาท โดยอัตราค่าเช่ารถยนต์เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนดในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๓๕,๒๘๐ บาทต่อคัน ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากแหล่งเงิน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เงินรายได้ของกรมประชาสัมพันธ์ จำนวน ๔๙๓,๙๒๐ บาท สำหรับค่าเช่า เดือนสิงหาคม ๒๕๕๖-กันยายน ๒๕๕๗ ๒. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ จำนวน ๑,๒๗๐,๐๘๐ บาท โดยให้กรมประชาสัมพันธ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
27280 | การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) | รง | 27/08/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนชื่อภาษาอังกฤษของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ซึ่งมีความหมายไม่ตรงกับชื่อที่เป็นภาษาไทย และในช่วงแรกของแผนการดำเนินงานในส่วนของแรงงานนอกระบบ ควรมีแผนงาน/โครงการด้านการตรวจประเมินความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สามารถนำมาวิเคราะห์ร่วมกับผลทางด้านสุขภาพที่กระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีแผนงาน/โครงการจัดบริการอาชีวอนามัยให้กับกลุ่มแรงงานนอกระบบแบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งกำหนดอำนาจและหน้าที่ในการทำงานของสถาบันฯ ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานของรัฐและสถาบันอื่นที่มีการทำงานในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ เห็นควรจำแนกวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันฯ ให้มีความชัดเจนในแต่ละมาตรา ตลอดจนการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง กรรมการผู้แทนฝ่ายลูกจ้าง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรมีการยุบเลิกบางตำแหน่งในสำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เมื่อมีการโอนภารกิจบางส่วนของสำนักความปลอดภัยแรงงาน ไปเป็นของสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....