ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1261 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 25201 - 25220 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25201 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และ ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) | กค | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) มีสาระสำคัญเพื่อให้แนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) เป็นที่รับรู้ของประชาชนโดยทั่วกัน เนื่องจากแนวทางปฏิบัติในการจัดหาพัสดุฯ ดังกล่าว มีผลกระทบต่อบุคคลภายนอกที่ประสงค์จะทำธุรกรรมกับส่วนราชการด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
25202 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีการพิจารณาแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และการเร่งรัดการใช้งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๕ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม เสนอประเด็น กล่าวถ้อยแถลง และแสดงท่าทีของไทยในการประชุมต่าง ๆ ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส และได้ทำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม รวมทั้งมาตรการการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเคร่งครัด ๒. เรื่องหรือโครงการที่สำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การจัดทำแผนการเจรจาและจัดทำความตกลงฯ ล่วงหน้า ๖ เดือน ได้มีแผนงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓ เรื่อง อาทิ การประชุม The 20th Session of the conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change (COP20) การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ การประชุม The Meeting of the ASEAN Working Group เป็นต้น ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้แก่ การพิจารณาทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก และการส่งบุคลากรไปศึกษาข้อมูลเทคนิคการฝังท่อลงไปในท่อน้ำเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง ๒.๓ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้แก่ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ได้ และการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๔ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้แก่ การกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาขยะ การกำจัดน้ำเสียจากโรงงาน และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ และการจัดทำแผนการจัดตั้งโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศและแนวทางบูรณาการการบริหารจัดการอย่างครบวงจร ๒.๕ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้มีการพิจารณาจัดทำข้อมูลการให้บริการประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบ ๒.๖ การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ได้แก่ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การค้า เศรษฐกิจ หรือเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายที่จำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
25203 | ผลการประชุมหารือประเด็นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมหารือประเด็นเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการจากที่ประชุมต่อไป ดังนี้
๑. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๑ แก้ไขปัญหาการเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารของรถแท็กซี่สาธารณะ และไกด์นำเที่ยวที่ไม่มีใบอนุญาต ๑.๒ จัดการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำโดยเร่งด่วน ๑.๓ ให้คณะกรรมการติดตามต่าง ๆ ทั้ง ๓ คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล และคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไปบูรณาการการทำงานร่วมกัน ๑.๔ ให้เร่งรัดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยในระยะแรกให้เร่งดำเนินการลงทุนพัฒนาในพื้นที่ของทางราชการไปก่อน ๑.๕ ให้มีการบูรณาการศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐให้ทันสมัยและสอดคล้องกัน ๑.๖ ให้หน่วยงานต่าง ๆ สร้างความเข้าใจในเรื่องของการปรองดอง และปฏิรูป ซึ่งเป็นไปตามหลักของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๑.๗ ให้รองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องดำเนินการและสร้างความเข้าใจในการปรับปรุงและออกกฎหมายด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๘ ฉบับ ๑.๘ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดหาพื้นที่สำหรับการค้าขายทั้งพื้นที่ค้าขายทางน้ำและทางบกเพื่อสร้างอาชีพให้ประชาชน ๑.๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงและจัดการด้านความปลอดภัยในการใช้ทางจักรยานให้มากขึ้น ๑.๑๐ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมกล้วยไม้ของไทย ๑.๑๑ ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการแก้ไขปัญหาการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar cell) ๑.๑๒ ให้จัดการแก้ไขปัญหาการใช้แร่ใยหินและวางแผนการจัดหาวัสดุทดแทนในระยะยาว ๒. ให้กระทรวงพลังงานหาแนวทางในการดำเนินการเปิดประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ครั้งที่ ๒๑ โดยให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ เหมาะสม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ทั้งในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ (Production Sharing Contract : PSC) และระบบสัมปทาน ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการลดปริมาณสต็อกยางพาราของไทย อาทิ การปรับปรุงสนามกีฬาต่าง ๆ โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติในประเทศ และการเร่งรัดการเจรจาจำหน่ายยางให้ประเทศคู่ค้าสำคัญ ๔. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสำรวจคุณภาพและระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ๕. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ผู้มีรายได้น้อยอย่างทั่วถึง อาทิ การซ่อมแซมถนน และการสร้างงานในชุมชน เป็นต้น ๖. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิต โดยเฉพาะภาคการเกษตรรายย่อย ๗. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนในการปรับขึ้นค่าบริการรถโดยสารสาธารณะ ๘. ให้กระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการเรื่องการพัฒนารถไฟระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น ในเส้นทางที่ได้มีการหารือในเบื้องต้นแล้วให้ได้ข้อยุติ เช่น เส้นทาง Lower East-West Corridor เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
25204 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 - 31 กรกฎาคม 2558 | กค | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินตามมาตรการฯ ที่เกิดขึ้นจริงโดยผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินตามมาตรการฯ ดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการฯ ให้มีความชัดเจนโดยเร็ว โดยในการพิจารณาควรได้มีการศึกษาความคุ้มค่าและความเหมาะสมในการดำเนินการเปรียบเทียบกับวิธีการที่ดำเนินการในปัจจุบันโดยเฉพาะประเด็นความครอบคลุมประชาชนที่รับบริการและภาระทางการเงินของภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณาแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนตามมาตรการใหม่ ทั้งในส่วนของรถโดยสารประจำทางและรถไฟให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ใช้บริการที่มีรายได้น้อย และเป็นภาระงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยอาจพิจารณาการให้ความช่วยเหลือในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การจัดทำบัตรโดยสารให้สิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเพื่อใช้บริการรถโดยสารประจำทางและรถไฟโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นต้น ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25205 | ขออนุมัติร่างบันทึกผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ 6 | พณ | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครั้งที่ ๖ เป็นกรอบในการหารือ โดยร่างบันทึกผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการร่วมกันไว้ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะแก้ไข พัฒนาและ/หรือผลักดันให้เกิดความคืบหน้า เพื่อประโยชน์ของการดำเนินความสัมพันธ์ โดยมีประเด็นสำคัญที่จะมีการหยิบยกขึ้นหารือระหว่างการประชุม ได้แก่ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-ลาว การอำนวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และความร่วมมือภาคเอกชน เป็นต้น ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกผลการประชุมฯ ในส่วนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินความสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์และคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะหน่วยงานในพื้นที่ชายแดนติดกัน เพื่อให้ทราบปัญหาและความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง โดยให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงคลังข้อมูลการค้าระหว่างกันเพื่อสร้างโอกาสให้เกิดการขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลความร่วมมือระหว่างกันเพื่อนำไปสู่การขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25206 | การเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เอกสารนำเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monuments, Sites, and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก เพื่อดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และตามแนวทางการอนุวัตตามอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention) ๒. ให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) นำเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monuments, Sites, and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส |
|||||||||||||||||||||||||||
25207 | การเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี (Phuphrabat Historical Park) เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๒. เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) นำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส |
|||||||||||||||||||||||||||
25208 | แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ | นร | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อให้การปฏิบัติและการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอแผนงาน โครงการ และงบประมาณค่าใช้จ่ายต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติในชุดนั้น ๆ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และในกรณีที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง โดยผ่านสำนักราชเลขาธิการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
25209 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | สผ | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ส่งรายงานคณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การเปิดให้สัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ และรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สภาปฏิรูปแห่งชาติ เรื่อง การเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ ๒๑ และแนวทางการบริหารจัดการพลังงานปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน รวม ๒ ฉบับ พร้อมความเห็นและข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามมติที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ วันอังคารที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ ๒. มอบให้กระทรวงพลังงานรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25210 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขถ้อยคำในส่วนเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25211 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรี (วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558) | นร | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในวันอังคารที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีมีภารกิจสำคัญในการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ จังหวัดน่าน และเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง ณ จังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น จึงเห็นควรให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๗/๒๕๕๘ จากวันอังคารที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ไปเป็นวันพุธที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
25212 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ และ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องประสานกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดและเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับด้วย นั้น เนื่องจากธนาคารกลางยุโรปได้เริ่มใช้มาตรการด้านการเงิน (Quantitative Easing : QE) โดยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมากผ่านการซื้อพันธบัตรของรัฐบาล จึงมีแนวโน้มที่เงินทุนจำนวนมากจะเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยด้วย ประกอบกับบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มเกินดุลมากกว่าปีก่อนอันเป็นผลจากมูลค่าการนำเข้าน้ำมันที่ลดลง ส่งผลให้เกิดความผันผวนต่ออัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจของไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออก จึงให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและกำหนดมาตรการการเงินการคลังเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ๑.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะรายการที่ยังมีราคาค่อนข้างสูง และกำหนดมาตรการในการดูแลระดับราคา รวมทั้งการแจ้งเตือนผู้ประกอบการ เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลักในภาคการขนส่งลดลง จึงให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และให้ดูแลราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนพลังงาน ๑.๓ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ติดตาม ตรวจสอบ และเร่งดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ในวงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ แต่ปัจจุบันการเบิกจ่ายวงเงินสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำ ๑.๔ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ (๑) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนเครื่องมือและปัจจัยการผลิต ตลอดจนแนวทางการพักชำระหนี้เกษตรกร แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไปด้วย และ (๒) การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีรายได้น้อย คนจนเมือง และผู้ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคม โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการลดผลกระทบของผู้ประกอบการรายย่อยที่ใช้พื้นที่ทางสาธารณะทำการค้าขายอยู่เดิม และจัดหาพื้นที่สำหรับประกอบอาชีพ และเสนอแผนการดำเนินงานดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว โดยให้คำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ขาดแคลนเงินเพื่อใช้ในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้ทุกหน่วยงานที่จะจัดทำโครงการที่เป็นการให้ความช่วยเหลือหรือให้การอุดหนุนแก่ประชาชนเฉพาะกลุ่มระบุวัตถุประสงค์ของโครงการ ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ให้มีความสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ทั้งนี้ ให้เน้นการช่วยเหลือผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส เด็ก ผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้ทั่วถึงและเป็นหลักก่อน และให้คำนึงถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของงบประมาณด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาดำเนินโครงการเพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่บัณฑิตที่จบการศึกษาใหม่ เช่น การจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะความรู้ที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานทั้งภายในประเทศ ในภูมิภาค และในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการเร่งนำตัวผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์และสะเทือนขวัญต่อประชาชนให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและดำเนินคดีตามกฎหมายได้โดยเร็ว ๓. ด้านการต่างประเทศ เนื่องจากในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นปีครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ จึงให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนในการเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสนี้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ และให้พิจารณาจัดโครงการหรือกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การออกตราไปรษณียากร (แสตมป์) ที่ระลึก การจัดแสดงแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม การจัดการแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียด้วย ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปดำเนินการประสานกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับผลการดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา โดยให้สรุปประเด็นที่เพิ่มเติมจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และจัดทำเอกสารเสนอในที่ประชุมร่วมระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนไปในทุก ๆ ไตรมาส นั้น ให้ทุกส่วนราชการและจังหวัดเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยโครงการที่ดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้ลงนามในสัญญาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ และให้พิจารณาการจ้างงานประชาชนในพื้นที่เป็นลำดับแรกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ ๕.๒ ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ) และสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการกำหนดวงเงินการจัดสรรงบประมาณให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้มีความเหมาะสม และกำหนดมาตรการจูงใจในการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเวลาที่กำหนด รวมทั้งให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดจัดทำรายงานการใช้จ่ายงบประมาณที่แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าด้วย ๕.๓ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปพิจารณากำหนดอัตรากำลังตำรวจท่องเที่ยวและงบประมาณให้มีความเพียงพอต่อการดูแล การให้ความช่วยเหลือ การอำนวยความสะดวก และให้ความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๕.๔ ให้ทุกส่วนราชการที่มีภารกิจให้บริการประชาชนร่วมกันพิจารณาเปิดศูนย์บริการสาธารณะแบบครบวงจรที่ครอบคลุมการให้บริการหลากหลายแก่ประชาชนในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกและสามารถใช้บริการหลังเวลาเลิกงาน หรือในวันหยุดราชการได้ เช่น ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งให้มีการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนด้วย ๕.๕ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการสร้างการรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร รวมทั้งชี้แจงประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องโดยไม่ตอบโต้ให้เกิดความขัดแย้ง นั้น ให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ ที่มีความคืบหน้าและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชน โดยในวาระแรกให้เผยแพร่การทำงานของศูนย์บริการจัดหางานของกระทรวงแรงงานที่เปิดให้ผู้ว่างงานสามารถเข้าไปหางานที่ต้องการได้อย่างสะดวก รวมทั้งให้นายจ้างสามารถเข้าไปหาแรงงานตามที่ต้องการได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
25213 | การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | พณ | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย สถานการณ์การคุ้มครองศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นในปัจจุบัน การคุ้มครองภายใต้ระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา การดำเนินการของกรมทรัพย์สินทางปัญญาภายใต้ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และปัญหากรณีที่มีการนำศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยไปใช้ประโยชน์โดยต่างชาติ ๑.๒ เห็นชอบกับความเห็นแนวทางการดำเนินการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยดำเนินการต่อไป ในส่วนของการคุ้มครองศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้านศิลปวัฒนธรรม ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านพันธุ์พืช และด้านทรัพย์สินทางปัญญา การแก้ไขปัญหากรณีที่มีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมไทยไปใช้ประโยชน์โดยต่างชาติ และการเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยในสาขาที่ไทยมีศักยภาพและอยู่ในความสนใจของต่างชาติ ตลอดจนมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน หรือมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สามารถพัฒนาและต่อยอดไปสู่สินค้าอุตสาหกรรม ๒. ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ได้แก่ ด้านศิลปวัฒนธรรม (กระทรวงวัฒนธรรม) ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น (กระทรวงสาธารณสุข) ด้านพันธุ์พืช (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (กระทรวงพาณิชย์) เร่งดำเนินการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้เป็นรูปธรรม เช่น การขึ้นทะเบียนปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องต่าง ๆ พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้ชัดเจน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงาน โครงการต่อคณะรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกฎหมายเฉพาะ (sui generis) ที่คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ครอบคลุมภารกิจของทุกหน่วยงาน รวมทั้งผลักดันเรื่องดังกล่าวในเวทีองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ให้มีผลผูกพันระหว่างประเทศและเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรเป็นเจ้าภาพหลักในการหารือร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทราบถึงปัญหา อุปสรรคการดำเนินงานที่ผ่านมา และเพื่อร่วมกันกำหนดขอบเขตและแนวทางในการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้สามารถลดระยะเวลา ขั้นตอนและกระบวนการทำงาน ตลอดจนความซ้ำซ้อนของงาน รวมทั้งการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันในการจัดทำฐานข้อมูลการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยในภาพรวมของประเทศ และการเผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพในการจัดสรรงบประมาณด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25214 | ขออนุมัติจ่ายชดเชยราษฎรผู้ได้รับผลกระทบโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ | กค | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐและสำนักงบประมาณเสนอความเห็นเกี่ยวกับการจ่ายชดเชยราษฎรผู้ได้รับผลกระทบโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ว่า ทางกระทรวงการคลังควรจะดำเนินการเจรจาต่อรองให้ค่าชดเชยในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงการคลังชี้แจงว่า ข้อเสนอของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เป็นผลการเจรจากับประชาชนในพื้นที่มาเป็นระยะเวลาอันยาวนานแล้ว และโดยคำนวณค่าชดเชยซึ่งเทียบเคียงกับการชดเชยในโครงการอื่น ๆ ของรัฐ และได้พยายามเจรจาต่อรองจนถึงที่สุดแล้ว ประกอบกับการดำเนินการโครงการดังกล่าวเพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ๒. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวงเงินการจ่ายค่าชดเชยเพื่อเยียวยาให้แก่ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ในวงเงินทั้งสิ้น ๗๕๘,๔๑๓,๓๑๗ บาท โดยภาพรวมของอัตราค่าชดเชยหลัก ได้แก่ ค่าตอบแทนจากการสูญเสียที่ดินไร่ละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท (ราษฎรลดข้อเรียกร้องลงจากเดิมไร่ละ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท) และเมื่อรวมค่าผลอาสินสำหรับต้นไม้หลัก คือ ต้นยางตามหลักเกณฑ์แล้ว เป็นค่าชดเชยไร่ละ ๑,๓๑๒,๕๐๐ บาท (ไม่รวมผลอาสินต้นไม้ผลอื่นและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีเพียงบางราย) รวมเป็นเงินค่าชดเชยทั้งสิ้น ๗๕๘,๔๑๓,๓๑๗ บาท ราษฎรในพื้นที่โครงการเดิมยินดีเข้าร่วมโครงการ จำนวน ๒๘ ราย เป็นพื้นที่โครงการทั้งสิ้น ๕๗๔-๐-๐๓ ไร่ จำนวน ๔๑ แปลง ๒.๒ อนุมัติในหลักการให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหาการจัดหาพื้นที่ดำเนินโครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่เพื่อการจ่ายเงินชดเชยตามหลักเกณฑ์และวงเงินดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||
25215 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 เพิ่มเติม | กห | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ เพิ่มเติม คืนไปได้ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25216 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร01 | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25217 | ผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำร้องขอให้ตีความพิกัดอัตราศุลกากรล่วงหน้า และการบังคับใช้กฎหมายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามความตกลงระหว่างประเทศ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และรายงานผลการดำเนินการของกระทรวงการคลังตามที่เสนอว่า ได้มีการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ประชาชนสามารถติดตามขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ได้โดยสะดวกนั้น จะได้จัดทำโครงการต่อไป แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25218 | ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการกำหนดลุ่มน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน แล้วส่งผลการหารือดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงน้ำ การควบคุมการใช้น้ำ การบริหารจัดการน้ำ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การพัฒนา การคุ้มครอง ฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำขาดแคลน การกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในลุ่มน้ำ ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำในระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ รวมทั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลและองค์ประกอบของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ๒.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒.๒ ให้คงแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) และแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ และแผนงาน/โครงการใหม่ หรือมีการปรับปรุงตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ๒.๓ เพิ่มเติม “ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)” เป็นกรรมการในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วย และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามประเมินผลและกองทุนทรัพยากรน้ำ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เร่งรัดการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติงาน รายงาน/วงเงิน และระยะเวลาของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รวมทั้งรายละเอียดของรายการและวงเงินที่จะขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25219 | การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของอาสาสมัครทหารพราน | กห | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับเพิ่มอัตราเงินค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของอาสาสมัครทหารพราน จาก ๑๒๐ บาทต่อคนต่อวัน เป็น ๒๐๐ บาทต่อคนต่อวัน ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดระยะเวลาการทำหน้าที่ เงินเดือนและค่าตอบแทนอย่างอื่น สิทธิประโยชน์ ระเบียบและวินัยของบุคคลเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเงินช่วยเหลือรายเดือนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากเงินช่วยเหลือ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมปรับปรุงวิธีการคำนวณเงินช่วยเหลือโดยให้นำเวลาทำงานทวีคูณมาเป็นองค์ประกอบในการคำนวณ โดยให้แก้ไขอนุบัญญัติที่รองรับต่อร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๒ เพื่อขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง ๒. สำหรับงบประมาณที่ใช้ในการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของอาสาสมัครทหารพราน ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราเงินค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของอาสาสมัครทหารพราน จาก ๑๒๐ บาทต่อคนต่อวัน เป็น ๒๐๐ บาทต่อคนต่อวัน จำนวน ๔๘๔,๙๗๙,๗๖๐ บาท ให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของกองทัพบกและกองทัพเรือในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอก็ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายเงินช่วยเหลือรายเดือน จำนวน ๒๗,๓๖๓,๖๐๐ บาท ให้กระทรวงกลาโหมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
25220 | การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) กับประเทศญี่ปุ่น | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดทำข้อตกลงทวิภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยในการพัฒนากลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) โดยโครงการความร่วมมือทวิภาคี JCM มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ภายใต้ความร่วมมือทวิภาคีนี้ ญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนความรู้ทางเทคนิคและ/หรืองบประมาณบางส่วน (ไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าโครงการ) แก่โครงการที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดจะต้องทำการส่งมอบคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกนี้ในสัดส่วนที่ตกลงกันให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อใช้ประกอบเป็นส่วนหนึ่งในการรายงานผลการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นภายใต้อนุสัญญาประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และมอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินการในรายละเอียดตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่องทางอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ส่วนของการถ่ายทอดเทคโนโลยี ควรมีกรอบข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ของเทคโนโลยีร่วมกัน และควรหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดของสาขาเทคโนโลยี ประเภทของโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการ JCM ควรพิจารณาโครงการที่ประเทศไทยมีความพร้อมและความเหมาะสมที่จะเข้าร่วม เช่น โครงการในภาคพลังงาน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการจัดการของเสีย โดยไม่ควรรวมโครงการด้านป่าไม้ เนื่องจากไม่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งควรมีข้อตกลงในเรื่องลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่อาจจะมีการพัฒนาร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น และในระยะยาว ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของตนเอง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้นำร่างข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคีดังกล่าวจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรมระหว่างกัน รวมทั้งต้องไม่ขัดกับกฎหมายภายในประเทศและไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยให้ทันสมัย เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประโยชน์ในการเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดการด้านป่าไม้และคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยต่อไป |
.....