ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1268 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25341 - 25360 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25341 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มให้แก่กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เพิ่มวงเงินจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Population Fund : UNFPA) จากปีละ ๙๖,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นปีละ ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้งบประมาณหมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25342 | ร่างข้อตกลงการก่อสร้างสำหรับโครงการศูนย์การแพทย์แผนไทย - จีน | สธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างข้อตกลงการก่อสร้างสำหรับโครงการศูนย์การแพทย์แผนไทย-จีน ในราชอาณาจักรไทย โดยรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แสดงเจตจำนงสนับสนุนการก่อสร้างอาคารโครงการศูนย์การแพทย์แผนไทย-จีน ให้แก่ประเทศไทย ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๗ และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขทำความตกลงกับฝ่ายจีนให้ชัดเจนว่าการก่อสร้างศูนย์การแพทย์แผนไทย-จีน เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายจีน ส่วนการบริหารจัดการ การลงทุน และการให้บริการทางการแพทย์ภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายไทยทั้งหมด |
||||||||||||||||||||||||
25343 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2015) และแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย | นร12 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2015) และแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย และเห็นชอบให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยผลการจัดอันดับ Doing Business 2015 ประเทศไทยได้รับการจัดเป็นประเทศที่มีความง่ายในการเข้ามาประกอบธุรกิจในอันดับที่ ๒๖ จาก ๑๘๙ ประเทศ ดีขึ้นจากปี ๒๐๑๔ จำนวน ๒ อันดับ ซึ่งการจัดอันดับใช้วิธีการที่เรียกว่า “Distance to Frontier (DTF)” คือ พิจารณาจากระยะห่างของผลการพัฒนาประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานของหน่วยงานรัฐในแต่ละตัวชี้วัดย่อยเทียบกับประเทศที่มีแนวปฏิบัติที่ดีเลิศ (Best Practices) สำหรับแนวทางการดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม ๑๕ หน่วยงาน ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการให้เป็นผลสำเร็จ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. พัฒนางานบริการภาครัฐในรูปแบบการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) ให้ครอบคลุมงานบริการและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบให้การปรับปรุงบริการให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. ศึกษาแนวทางการพัฒนานวัตกรรมการบริการในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐไทย ๒. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอเพิ่มเติมว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ได้จัดอันดับความโปร่งใสของประเทศต่าง ๆ (โดยพิจารณาจากปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน) ปรากฏว่า ในปี ๒๕๕๖ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ ๑๐๒ จาก ๑๗๕ ประเทศ (๓๕ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน) และในปี ๒๕๕๗ ประเทศไทยอยู่ในอันดับ ๘๕ จาก ๑๗๕ ประเทศ (๓๘ คะแนน จาก ๑๐๐ คะแนน) ซึ่งเป็นอันดับที่ ๓ ของกลุ่มประเทศอาเซียน (รองจากประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย ตามลำดับ) |
||||||||||||||||||||||||
25344 | รายงานผลการดำเนินการโครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - 2556 | ศธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ มีความเห็นว่า โครงการพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๕๖ เป็นโครงการที่ดีที่สุด (The best) ของการส่งเสริมและพัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ เนื่องจากเป็นโครงการสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่อย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาคณาจารย์และนักวิจัยในสถาบันอุดมศึกษา ประกอบกับผู้รับทุนส่วนมากมีผลงานวิจัยต่อเนื่องหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้ว และปัจจุบันอาจารย์ที่เคยรับทุนโครงการนี้ส่วนมากยังคงทำงานวิจัยอยู่อย่างต่อเนื่อง และสามารถนำผลงานวิจัยจากโครงการนี้ไปใช้ในการเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการได้ อย่างไรก็ตามจากผลการดำเนินงานโครงการพบว่า ยังเกิดช่องว่างของศักยภาพและความพร้อมระหว่างสถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่และสถาบันอุดมศึกษาของรัฐชั้นนำ จะเห็นได้ว่าสถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่และสถาบันอุดมศึกษาขนาดเล็กยังมีปัญหาด้านการวิจัย ควรจะนำผลการวิเคราะห์ดังกล่าวไปใช้ประกอบการดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ควรมีการจัดสรรทุนให้แก่สถาบันอุดมศึกษากลุ่มใหม่และสถาบันอุดมศึกษาขนาดเล็ก เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการวิจัยให้สามารถแข่งขันกับสถาบันอุดมศึกษาของรัฐต่อไปได้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาควรมีการสนับสนุนงบประมาณโครงการนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป ๒. กระทรวงศึกษาธิการมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการศึกษาแนวทางการพัฒนานักวิจัยให้เกิดความครอบคลุมทั้งระบบเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งของประเทศ ตั้งแต่การพัฒนาศักยภาพการทำงานวิจัยของอาจารย์รุ่นใหม่ การเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยของอาจารย์รุ่นกลาง และการสนับสนุนทุนวิจัยสำหรับนักวิจัยอาวุโส การส่งเสริมและพัฒนานักวิจัยเพื่อยกระดับผลงานตีพิมพ์ด้านการวิจัยของประเทศ การส่งเสริมและพัฒนานักวิจัยภาคอุตสาหกรรม การส่งเสริมและพัฒนานักวิจัยชุมชนท้องถิ่น เพื่อนำผลการศึกษาดังกล่าวมาเป็นแนวทางประกอบการดำเนินการโครงการในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25345 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นางพรรณี สถาวโรดม)] | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นางพรรณี สถาวโรดม ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25346 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์)] | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25347 | การดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. 2552 | นร11 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นว่าการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญต่อการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม และจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จึงเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา ดังนี้ ๑.๑.๑ ยกเลิกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) และยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๘๕/๒๕๕๗ เรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ๑.๑.๒ เห็นควรให้ใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นกลไกระดับนโยบายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ๑.๑.๓ ให้คณะอนุกรรมการ ๓ คณะ ภายใต้ กบส. ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์อุตสาหกรรม คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเกษตร และคณะอนุกรรมการการเชื่อมโยงข้อมูลแบบบูรณาการสำหรับการนำเข้า การส่งออก และโลจิสติกส์ ทำหน้าที่ต่อไป ๑.๑.๔ นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กบส. หรือมอบหมายรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควร ๑.๒ นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นชอบตามข้อ ๑.๑.๑-๑.๑.๓ และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เป็นรองประธานกรรมการ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เป็นกรรมการ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (นายกรัฐมนตรีเห็นชอบวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ดำเนินการจัดทำคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25348 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ | วท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งนายกิตติชัย วัฒนานิกร เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25349 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจุฬา สุขมานพ และนายไกร ตั้งสง่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้ความเห็นชอบแล้ว เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25350 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสินเพิ่มเติม | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางธนิษฐา วงศ์รวมลาภ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสินเพิ่มเติมอีก ๑ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการเพิ่มเติมดังกล่าวอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการและกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25351 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) (จำนวน 2 คน) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25352 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) (จำนวน 4 ราย) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๔ คน โดยบุคคลในลำดับที่ ๑ และ ๒ เป็นบุคคลในบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ กรรมการอื่น ๒. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร กรรมการอื่น ๓. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต กรรมการอื่น ๔. รองศาสตราจารย์ ชนินทร์ ทินนโชติ กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||
25353 | การบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางการบูรณาการแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด (Area Based) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ส่วนราชการแจ้งแผนงาน/โครงการที่จะลงไปปฏิบัติในพื้นที่ให้จังหวัดทราบโดยด่วน เพื่อให้จังหวัดสามารถบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ นโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และปัญหา/ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ กรณีที่คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) มีมติเห็นสมควรที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพื้นที่ และ/หรือระยะเวลาดำเนินโครงการของส่วนราชการให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด สภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ให้จังหวัดนำเสนอส่วนราชการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป กำหนดให้ส่วนราชการจะต้องแจ้งแผนงาน/โครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้ดำเนินการในพื้นที่ให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัดทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณมีผลใช้บังคับ เพื่อให้เกิดการบูรณาการแผนงาน/โครงการและงบประมาณ ระหว่างส่วนราชการกับพื้นที่ของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ศักยภาพและปัญหาของจังหวัดอย่างจริงจังและการจัดทำโครงการที่เชื่อมโยงสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่กำหนด คณะกรรมการประสานแผนส่วนกลางและจังหวัดควรให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) พิจารณาตั้งเป็นคณะทำงานหรืออนุกรรมการของ ก.น.จ. เพื่อทำหน้าที่ประสานแผนในระดับชาติและกระทรวงสู่พื้นที่จังหวัด/กลุ่มจังหวัดให้ทั้งแผนงาน/แผนงาน/แผนคน สอดคล้องกับศักยภาพ/ปัญหาในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามประเมินผลแผนพัฒนาจังหวัดในทุกระดับเพื่อให้ผลการดำเนินการตามแผนสามารถบรรลุเป้าประสงค์ของการพัฒนาที่วางไว้ในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัด ให้จัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ (Action Plan) กำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และแนวทางการติดตามประเมินผลให้ชัดเจน |
||||||||||||||||||||||||
25354 | การยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ | นร10 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของร่างกฎหมายเพื่อปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการรัฐสภาสามัญ และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการการปรับเงินเดือนข้าราชการ โดยให้ข้าราชการได้รับการปรับเงินเดือนเพิ่ม ๑ ขั้น สำหรับระบบเงินเดือนแบบขั้น หรือร้อยละ ๔ ของอัตราเงินเดือน สำหรับระบบเงินเดือนแบบช่วง ณ วันที่บัญชีเงินเดือนข้าราชการมีผลใช้บังคับ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการได้รับเงินเดือนกรณีข้าราชการได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง โดยให้ข้าราชการผู้ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูง (เงินเดือนตัน) และได้รับค่าตอบแทนพิเศษตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษของข้าราชการและลูกจ้างประจำผู้ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างถึงขั้นสูงหรือใกล้ถึงขั้นสูงของอันดับหรือตำแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม นำค่าตอบแทนพิเศษตามผลการประเมินในรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ มารวมเป็นเงินเดือนตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในกรณีที่อัตราค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวรวมเงินเดือนแล้วมีเศษไม่ถึงสิบบาทให้ปัดเป็นสิบบาท ๑.๔ อนุมัติให้ใช้งบประมาณเพื่อการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวนประมาณ ๒๒,๙๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบบุคลากรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอให้กรมบัญชีกลางพิจารณาจัดสรรงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐ และหากไม่เพียงพอให้ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติรวม ๕ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบัญชีเงินเดือนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ตามแนวทางการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ได้แก่ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๒ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๔ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๕ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
25355 | การปรับค่าตอบแทนพนักงานราชการ | นร10 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ให้พนักงานราชการที่ได้รับการจ้างวุฒิการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ที่มีค่าตอบแทนไม่ถึง ๑๓,๒๘๕ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเดือนละ ๒,๐๐๐ บาท แต่เมื่อรวมกับค่าตอบแทนแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ ๑๓,๒๘๕ บาท และกรณีที่รวมกันแล้วมีค่าตอบแทนไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนอีกจนถึงเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้พนักงานราชการกลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ได้รับค่าตอบแทนเพิ่มร้อยละ ๔ โดยให้มีผลใช้บังคับ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ปรับเพดานบัญชีค่าตอบแทนขั้นสูง กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ร้อยละ ๔ และให้มีผลใช้บังคับวันเดียวกับการปรับเพิ่มเพดานเงินเดือนขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบบุคลากร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
25356 | การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับช่วงกำไรสุทธิเกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากเดิมเสียภาษีในอัตราร้อยละ ๒๐ เป็นร้อยละ ๑๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำแผนปฏิรูปภาษีของประเทศทั้งระบบโดยเร็วเพื่อให้สามารถพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของประเทศในภาพรวม รวมทั้งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
25357 | รายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทย | อก | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทย สรุปได้ว่า โครงการเหมืองแร่โพแทชมีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนสูง อีกทั้งในกระบวนการอนุญาตจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้บางโครงการได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการทำเหมืองแร่โพแทชในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ผลดีและประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการนี้ในอนาคต และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการข้างต้นต่อคณะรัฐมนตรีโดยจะต้องมีความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25358 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะ 3 เดือนแรก ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น ๕๙๒,๔๔๓ ล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๕๒๕,๔๖๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณ ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๔๘,๘๙๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๐ ๑.๒ เงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๔๔๔,๔๑๐ ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ก่อหนี้ผูกพันแล้ว จำนวน ๕๔,๙๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๒ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๓,๕๘๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน สูงกว่าการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ๑.๓ ความคืบหน้าในการจัดสรรเงินสำหรับโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือน วงเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ในส่วนของเงินงบกลางที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี วงเงิน ๗,๘๐๐ ล้านบาท จำนวน ๙,๙๙๘ โครงการ สำนักงบประมาณจัดสรรเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยพิจารณาจัดสรรเงินให้กับโครงการที่มีลักษณะเป็นการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารที่ทำการ/อาคารเรียน/อาคารพยาบาล/อาคารบ้านพัก การจัดหาครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รวมถึงการปรับปรุงโครงการพื้นฐานที่เน้นการใช้แรงงานในพื้นที่เป็นหลักในลำดับแรก ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๑๕ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
25359 | มาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอสาระสำคัญของมาตรการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อย (สินเชื่อ Nano-Finance) เพื่อที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๕ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๑๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๕ ลงนามในร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ ๕ แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ (เรื่อง สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance ๑.๒ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓ (๔) และมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ลงนามในร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินอาจคิดได้จากผู้กู้ยืม (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อ Nano-Finance เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายดังกล่าว และให้คิดอัตราดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ ๓๖ ต่อปี ๒. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อมิให้กระทบต่อสถาบันการเงินในความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
25360 | การออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อย | กค | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อยเป็นอำนาจของกระทรวงการคลังที่สามารถดำเนินการได้ และได้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะของประเทศด้วยแล้ว ๒. รับทราบการออกพันธบัตรออมทรัพย์โดยกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อนักลงทุนรายย่อย โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อเสนอขายให้กับนักลงทุนรายย่อย และนิติบุคคลที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไร ประกอบด้วย พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง อายุ ๑๐ ปี วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร อายุ ๕ ปี วงเงิน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะเสนอขายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....