ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1265 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25281 - 25300 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25281 | การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัตืความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จำนวน ๑๗ คน ประกอบด้วยอัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานคณะกรรมการ และนายชัชชม อรรฆภิญญ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้สอดคล้องกับสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาของภูมิภาคอาเซียน และมีหน้าที่ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ ของร่างกฎหมายฯ ต่อผู้เกี่ยวข้องจนกว่าจะเสร็จสิ้นการพิจารณาของรัฐสภา และให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยดำเนินการภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวได้ตามความเหมาะสม ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25282 | การแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๑๔๙/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ และเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย โดยแต่งตั้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นกรรมการ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ มี ดังนี้ ๑.๑ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประธานคณะกรรมการ ๑.๒ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กรรมการ ๑.๓ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กรรมการ ๑.๔ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กรรมการ ๑.๕ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ ๑.๖ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรรมการ ๑.๗ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กรรมการ ๑.๘ อธิบดีกรมศุลกากร กรรมการ ๑.๙ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กรรมการ ๑.๑๐ ผู้บัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๑.๑๑ ผู้อำนวยการบริหาร สถาบันฝึกอบรมระหว่างประเทศ กรรมการ/เลขานุการ ว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25283 | การตรวจสอบคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๑ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโดอีนแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๑.๔ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๑.๕ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑.๖ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑.๗ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๑.๘ คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๑.๙ คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ๑.๑๐ คณะกรรมการอำนวยการยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ๑.๑๑ คณะกรรมการบริหารยุทธศาสตร์สุขภาพดีวิถีชีวิตไทย ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25284 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน ๔๙ คณะ จากจำนวน ๕๒ คณะ เนื่องจากคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง และคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ด้านการพัฒนาชุมชน เป็นคณะกรรมการตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๙๑/๒๕๕๗ (เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระดับสูงระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย และคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายไทย ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) ส่วนคณะกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนให้ยุบรวมกับคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
25285 | ผลการตรวจสอบคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) | กก | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องคงอยู่ ๑.๑.๑ คณะกรรมการบริหารโครงการเงินสนับสนุนจากการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อการพัฒนากีฬาของชาติ ๑.๑.๒ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ ๑๓ ๑.๑.๓ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ ๒๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๑.๑.๔ คณะกรรมการอำนวยการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ครั้งที่ ๑ ๑.๑.๕ คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงในประเทศไทย ๑.๑.๖ คณะกรรมการวิชาชีพท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Professional Board : NTPB) ๑.๑.๗ คณะกรรมการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพการท่องเที่ยว (Tourism Professional Certification Board : TPCB) ๑.๒ คณะกรรมการที่ขอปรับปรุงองค์ประกอบ ๑.๒.๑ คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงในประเทศไทย ขอปรับปรุงองค์ประกอบในส่วนของประธานกรรมการ และรองประธานกรรมการ ๑.๒.๒ คณะกรรมการวิชาชีพท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Professional Board : NTPB) ขอยกเลิกองค์ประกอบในส่วนของคณะกรรมการ รายชื่อลำดับที่ ๒๐ นางสาวมาลียา เครือตราชู ลำดับที่ ๒๑ นางพัชรี นนทศักดิ์ และลำดับที่ ๒๒ นางสาวพรชณิตช์ แก้วเนตร เนื่องจากทั้งสามลำดับ เป็นรายชื่อที่ชี้เฉพาะตัวบุคคล ซึ่งองค์ประกอบรายชื่อคณะกรรมการควรเป็นลักษณะหน่วยงานหรือองค์กร อีกทั้งรายชื่อทั้งสามลำดับได้สังกัดอยู่ในหน่วยงาน ลำดับที่ ๕ (กระทรวงศึกษาธิการ) อยู่แล้ว จึงเห็นควรยกเลิกองค์ประกอบรายชื่อทั้งสามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25286 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ ธันวาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25287 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นางกนกทิพย์ รชตะนันทน์) | นร08 | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางกนกทิพย์ รชตะนันทน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
25288 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย) (1. นายจรูญ นราคร ฯลฯ) | วธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายจรูญ นราคร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายดำรงค์ ทองสม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายกฤษณา คงคะจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
25289 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 13 ราย) (1. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ฯ) | กต | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน จำนวน ๑๓ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต รัฐคูเวต ๒. นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๓. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ๔. นายนรชิต สิงหเสนี ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายวีรชัย พลาศรัย ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ๖. นายอิทธิพร บุญประคอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ๗. นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และ ไอร์แลนด์เหนือ ๘. นายไกรรวี ศิริกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงตริโปลี รัฐลิเบีย ๙. นายณรงค์ ศศิธร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ๑๐. นายวิทวัส ศรีวิหค ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงาน ปลัดกระทรวง ๑๑. นายศุภร พลมณี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก ๑๒. นายพิศาล มาณวพัฒน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ๑๓. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา
|
|||||||||||||||||||||||||||
25290 | ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
25291 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบประมาณทั้งสิ้น ๒,๕๗๕,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรแล้ว ๑,๖๑๓,๖๗๖.๓๙๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๒.๖๗ มีการลงนามสัญญาแล้ว ๕๙๙,๐๓๗.๐๔๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๓.๒๖ มีการเบิกจ่ายแล้ว ๕๕๐,๔๓๓.๗๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๑.๓๘ ทั้งนี้ แผนการใช้จ่ายงบประมาณไตรมาสที่ ๑ กำหนดไว้เป็นเงิน ๙๓๘,๕๕๒.๓๘๑ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว ๕๕๐,๔๔๓.๗๓๓ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๘.๖๕ ๑.๒ เงินกันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๕๑-๒๕๕๗ รวมทั้งสิ้น ๓๒๕,๘๙๘.๐๗๐ ล้านบาท มีการลงนามสัญญาแล้ว ๑๒๐,๓๖๙.๖๓๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๖.๙๓ มีการเบิกจ่ายแล้ว ๕๒,๔๕๘.๕๙๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๖.๑๐ ๑.๓ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ ๓ เดือน จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติทั้งสิ้น ๒๒,๙๙๙.๗๙๒ ล้านบาท ได้อนุมัติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กรมบัญชีกลางอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๗,๗๑๗.๕๖๔ ล้านบาท และอนุมัติจัดสรรเงินกู้ไทยเข้มแข็งแล้ว จำนวน ๑๓,๕๖๑.๙๙๘ ล้านบาท รวมอนุมัติจัดสรรแล้ว จำนวน ๒๑,๒๗๙.๕๖๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๒.๕๒ ทั้งนี้ ผลการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ณ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ในส่วนของงบกลางฯ มีการลงนามสัญญาแล้ว (ใบสั่งซื้อเหลื่อมปี) จำนวน ๑,๑๔๗.๘๘๓๔ ล้านบาท และเบิกจ่ายงบประมาณแล้ว จำนวน ๑๗.๔๙๘๓ ล้านบาท คงเหลือยังไม่ลงนามสัญญา ๖,๕๕๒.๑๘๒๐ ล้านบาท ในส่วนของเงินสำรองจ่ายงบไทยเข้มแข็ง มีการลงนามสัญญาแล้ว (ใบสั่งซื้อเหลื่อมปี) จำนวน ๖๗.๔๔๗๕ ล้านบาท และเบิกจ่ายงบประมาณแล้ว จำนวน ๑.๔๗๘๔ ล้านบาท รวมเบิกจ่ายแล้วทั้งสิ้น ๑๘.๙๗๖๖ ล้านบาท ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเร่งดำเนินการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการเบิกจ่ายได้ ให้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นต่อสำนักงบประมาณเพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณร่วมกันรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณและความคืบหน้าในการดำเนินโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๑๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
25292 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เรื่อง การแก้ไขปัญหายางพาราตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2557 (โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง) | อก | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ [เรื่อง การแก้ไขปัญหายางพาราตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ (โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง)] ในส่วนของข้อคิดเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับงบประมาณดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ซึ่งเป็นผลการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณและธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยขอแก้ไขเป็นดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นสมควร เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง ภายในกรอบวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๓ ตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง โดยกำหนดให้มีการจ่ายชดเชยดอกเบี้ยเป็นรายเดือน ตามลักษณะการประกอบธุรกรรมของธนาคาร ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๓๐๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จากเงินทุนที่เป็นสภาพคล่องของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ กระบวนการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยในโครงการฯ จะจ่ายเป็นรายเดือนตามที่เกิดขึ้นจริง โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์/กระแสรายวันกับสาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ประสงค์จะรับเงินชดเชยดอกเบี้ย และกระทรวงอุตสาหกรรมจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบปริมาณการเก็บสต็อกยางทุกวันสุดท้ายของเดือน เพื่อพิจารณาอนุมัติการชดเชยดอกเบี้ยในเดือนถัดไป ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะแจ้งข้อมูลรายละเอียดการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยของผู้ประกอบการให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทราบ เพื่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะโอนเงินให้แก่ผู้ประกอบการที่เปิดบัญชีไว้กับสาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลัง [ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)] รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการให้ชัดเจน โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน อาทิ ตั๋วสัญญากู้เงิน ใบเสร็จรับเงินค่าดอกเบี้ย และระยะเวลาที่ผู้ประกอบการยางสามารถยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการฯ เป็นต้น รวมทั้งให้มีระบบการติดตามกำกับดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานโครงการฯ ให้ถูกต้องตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นธรรมต่อไป นอกจากนี้ควรทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้รับทราบถึงกระบวนการ ขั้นตอนและระยะเวลาในการเบิกจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยคืนให้กับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งวางระบบและกำกับดูแลให้การเบิกจ่ายเงินคืนเงินให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นไปอย่างรวดเร็ว ตามกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
25293 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากสหรัฐอเมริกาดำเนินนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนโลก และอาจมีการเก็งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อภาคการส่งออกของไทย จึงให้รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องประสานธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อติดตามสถานการณ์ค่าเงินอย่างใกล้ชิด รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับสถาบันการศึกษาหารือหน่วยงานทางวิชาการดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานของไทยและเผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงพลังงานร่วมกับทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดมาตรการประหยัดพลังงานและแนวทางการใช้พลังงานทดแทนต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในสาขาซ่อมแซมและบำรุงรักษารถไฟฟ้า โดยให้ได้รับการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้เกิดความเชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเตรียมศูนย์ซ่อมบำรุงเพื่อรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๕ ประเทศไทยได้ลงนามในความร่วมมือกับนานาประเทศ โดยจะให้มีการเปิดเสรีทางการค้าและการเชื่อมโยง (Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขนส่งทางบกที่อาจจะส่งผลให้มีการขนส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทยจากประเทศที่มีต้นทุนทางการผลิตต่ำกว่าประเทศไทย จึงให้กระทรวงพาณิชย์และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วย ๑.๖ ให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบข้อมูลการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) และรูปแบบอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา และนำเสนอข้อมูลดังกล่าวพร้อมทั้งแนวทางการระบายข้าวในระยะต่อไปต่อสาธารณชน และตรวจสอบการขายข้าวของบริษัทเอกชนในกรณีที่มีข่าวว่าบริษัทเอกชนบางรายนำข้าวของเวียดนามหรือกัมพูชามาสวมสิทธิขายในโควตาของข้าวไทยด้วย ๑.๗ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ทราบเกี่ยวกับการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ๑.๘ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) โดยในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องกำกับให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้คณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติเร่งดำเนินการขับเคลื่อนกรอบความร่วมมืออาเซียนและเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานต่าง ๆ ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนในแต่ละแผนงานย่อย ให้เร่งดำเนินการต่อไป ๓. ด้านความมั่นคง ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์เครื่อง X-Ray ร่วมกันในงานด้านความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และด่านตรวจตามแนวชายแดน หากพบว่า ยังไม่เพียงพอให้หน่วยงานเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เพื่อพิจารณาต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงคมนาคมจัดให้มีการให้บริการรถโดยสารสาธารณะในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะถนนในช่วงเขาซึ่งมีทางแคบและลาดชันซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และให้ส่วนราชการด้านความมั่นคง เช่น กระทรวงมหาดไทยดูแลควบคุมสถานประกอบการให้ดำเนินกิจการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ๔.๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการดำเนินการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการอันเป็นสาธารณูปโภค เพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน หรือเพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการเก็บกักน้ำ โดยให้ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับ รวมทั้งพิจารณาให้ความเป็นธรรมในการชดเชยหรือเยียวยาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งส่งเสริมการปลูกป่าทดแทน ๔.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายควบคุมในการผลิตสุรากลั่นชุมชนให้ถูกต้องและปลอดภัยยิ่งขึ้น ๔.๕ ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารและภูมิทัศน์บริเวณบ้านพิษณุโลกและบ้านมนังคศิลา เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมและเลี้ยงรับรองบุคคลสำคัญในระดับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาสถานที่เพื่อให้สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานแทนบ้านมนังคศิลา และให้ฝ่ายความมั่นคงทบทวนแนวทางในการชี้แจงทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการบริเวณตลาดมหานาคให้ย้ายสถานที่ขายสินค้าไปยังบริเวณฝั่งตรงข้าม ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดเตรียมพื้นที่ค้าขายเพื่อรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
25294 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ รวม 2 ฉบับ | ยธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเติมให้สถานที่หรือที่เก็บสินค้าของผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง กำหนดประเภทสถานประกอบการที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ ๒. ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง มาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการ |
|||||||||||||||||||||||||||
25295 | ข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล 1 จำกัด) | ปช | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอข้อเสนอแนะในการป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการบริหารจัดการท่าเทียบเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กรณีศึกษาท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเทียบเรือ AO โดยบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด และท่าเทียบเรือ B1 โดยบริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินอล ๑ จำกัด) เพื่อป้องกันการทุจริตในเรื่องดังกล่าว ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลัก ร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย กรมศุลกากร กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกันทำการตรวจสอบการให้สัมปทานประกอบกิจการท่าเรือที่อยู่ในการกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งหมด ว่ามีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐ โดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าผู้ประกอบการของแต่ละท่าที่มีพื้นที่และลักษณะทางกายภาพติดต่อกัน จะเป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นหุ้นชุดเดียวกันหรือไม่ แล้วให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด รวมทั้งดำเนินคดีเรียกค่าปรับ หรือค่าเสียหายอันเกิดจากการฉ้อฉลและทุจริตดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ หากพิจารณาเห็นว่าข้อกำหนดในสัญญาข้อใด เป็นผลทำให้รัฐเสียเปรียบและก่อให้เกิดความเสียหาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อสัญญานั้นให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป ๑.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พิจารณาถึงความเป็นไปได้อย่างเหมาะสมที่จะยกเลิกเพิกถอนการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเลที่มีพฤติการณ์ในลักษณะเอาเปรียบรัฐ โดยการฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน รวมทั้ง ให้มีการติดตาม ประเมินผล และวิเคราะห์เปรียบเทียบผลดี ผลเสีย ที่ภาครัฐจะได้รับการให้สิทธิประโยชน์โครงการของผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวด้วย ๑.๓ ให้กรมศุลกากร พิจารณาแก้ไข เพิ่มเติมเกณฑ์อัตราเปรียบเทียบปรับตามประมวลฯ ๑ ๐๖ ๐๓ ๐๑ (๒๒) ของระเบียบกรมศุลกากรที่ ๑๘/๒๕๕๐ ซึ่งใช้ประกอบการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๓๘ โดยเพิ่มโทษปรับให้มีอัตราที่สูงขึ้นและเหมาะสมเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้มีการฝ่าฝืนหรือละเมิดต่อกฎหมาย ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะทั้ง ๓ ข้อ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากรและกรมสรรพากร) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง (ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งกระทรวงคมนาคมแล้ว ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๕/ว(ล) ๒๔๒๘๑ ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากรและกรมสรรพากร) สำนักงานคระกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการประกอบกิจการท่าเรือที่อยู่ในกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทยทั้งหมด ว่ามีการดำเนินการในลักษณะเอาเปรียบรัฐ ฉ้อฉลและทุจริตถ่ายโอนรายได้จากการอาศัยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากการส่งเสริมการลงทุนจริงหรือไม่ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาอย่างเคร่งครัด และหากพิจารณาเห็นว่าข้อกำหนดในสัญญาข้อใดเป็นผลทำให้รัฐเสียเปรียบและก่อให้เกิดความเสียหาย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการแก้ไขข้อสัญญาให้เกิดความเป็นธรรมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
25296 | ข้อเสนอแนะในการจัดเก็บภาษีโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ | ปช | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการศึกษาทั้งระบบอย่างยั่งยืน ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๙ (๑๑) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการระยะสั้น ๑.๑.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการทบทวนและแก้ไขประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเกี่ยวกับโรงเรียนสอนกวดวิชา โดยให้มีการจำแนกประเภทที่ชัดเจนเพื่อเป็นฐานข้อมูลของกระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษี ๑.๑.๒ ให้กระทรวงการคลังพิจารณาจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ และดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวง และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้เหมาะสมสอดคล้อง ๑.๒ มาตรการระยะยาว ๑.๒.๑ รัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมด้านโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพ โดยต้องมุ่งเน้นการขยายให้บริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพและทั่วถึง ปรับเปลี่ยนวิธีการวัดผลการเรียนและการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับอุดมศึกษาเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชา ๑.๒.๒ กระทรวงศึกษาธิการต้องพัฒนาเรื่องระบบการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ และจัดโครงการสอนเสริมโดยจัดหาครูเก่ง ๆ ที่สอนดี พร้อมเผยแพร่การสอนหรือการติวผ่านทางสื่อต่าง ๆ แก่โรงเรียนทั่วประเทศอย่างทั่วถึง ๑.๒.๓ การสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต้องออกข้อสอบให้อยู่ในขอบเขตของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน และควรปรับระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับให้สอดคล้องกับการเรียนในระบบโรงเรียนตามปกติเท่านั้น และในการออกข้อสอบต้องไม่เกินจากหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ๒. รับทราบคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาวของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษีจากโรงเรียนสอนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับติดตามการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานในการจัดการเรื่องการสอนของสถานศึกษาต่าง ๆ ให้มีความทัดเทียมกัน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชาเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนในระดับต่ำ ถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของสถานศึกษาแต่ละแห่งที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
25297 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะ เพื่อให้อัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบโรคศิลปะสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๖ และเหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
25298 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและผู้ประกอบวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
25299 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้ข้อมูลสำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... | คค | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้ข้อมูลสำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดเครื่องหมายและวิธีการแสดงเครื่องหมายบ่งชี้สำหรับรถที่จดทะเบียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
25300 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... | สธ | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรม โดยกำหนดไม่เกินอัตราค่าธรรมเนียมวิชาชีพเภสัชกรรมท้ายพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๓๗ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....