ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1269 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25361 - 25380 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25361 | การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเรื่อง การประเมินผลสำเร็จของรัฐบาล และให้ทุกส่วนราชการรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ ความคาดหมายของประชาชน ประกอบด้วย (๑) ปัญหารากหญ้า เช่น ปัญหาปากท้อง ปัญหาความสงบเรียบร้อย ปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ (๒) วาระแห่งชาติ เช่น การมีธรรมาภิบาล การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน การปฏิรูปด้านต่าง ๆ การสร้างความปรองดอง ๑.๒ การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗ สามารถขับเคลื่อนโดย (๑) แผนและยุทธศาสตร์ เช่น ยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางทะเล แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แผนป้องกันการทุจริตระยะที่ ๒ (๒) กระทรวงต่าง ๆ และ (๓) มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งตามนโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน มีกฎหมายที่ต้องขับเคลื่อน จำนวน ๖๓ ฉบับ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการเร่งเสนอร่างกฎหมายตามนโยบายรัฐบาล และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งตรวจพิจารณาร่างกฎหมายให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ๓. ในกรณีการนำเสนอร่างกฎหมายที่เป็นนโยบายรัฐบาลต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามร่างกฎหมายชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยว่า ร่างกฎหมายนั้นเป็นกฎหมายตามนโยบายรัฐบาลด้านใด เพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้ดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายนั้นอย่างรวดเร็ว ๔. ให้ส่วนราชการเสนอร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลได้ โดยให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่ไม่อยู่ในนโยบายรัฐบาลหลังร่างกฎหมายที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ๕. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายรับไปพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยค้ำประกันและจำนองตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดยให้เชิญผู้แทนธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย หากต้องมีการปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว ให้ดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25362 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงศึกษาธิการ) | ศธ | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๔ คณะ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๒ คณะกรรมการพิจารณายกเว้นอากรนำเข้าสื่อ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการศึกษา ๑.๓ คณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน ๑.๔ คณะกรรมการอำนวยการโครงการวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ ๒. กรณีส่วนราชการใดเห็นควรให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25363 | การเข้าร่วมประชุมว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) ครั้งที่ 21 ณ เมืองบาเซิล สมาพันธรัฐสวิส | นร | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองบาเซิล สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๔-๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยมีประเทศสมาชิกยุโรปเข้าร่วมประชุม จำนวน ๕๗ ประเทศ และมีประเทศที่อยู่นอกภูมิภาคยุโรปเข้าร่วมการประชุมด้วย เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย เป็นต้น ในส่วนของไทยในฐานะประเทศหุ้นส่วนเพื่อความร่วมมือได้เข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นประเทศเดียวในอาเซียนและเอเชีย จึงมีบทบาทในการเชื่อม OSCE กับอาเซียนและการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum : ARF) โดยหัวข้อในการประชุมครั้งนี้ คือ ความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายทั้งในและนอกภูมิภาคในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ ได้มีโอกาสพบปะหารือทวิภาคีกับผู้นำและผู้แทนประเทศต่าง ๆ เช่น ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบอสเนียเฮอร์เซโกวีนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรกี และเลขาธิการ OSCE เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลก นอกจากนี้ ได้หารือกับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับบทบาทของไทยในการต่อต้านโรคระบาด และในโอกาสที่ไทยจะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีสาธารณสุขในกรอบ ASEAN+3 ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ นี้ รวมทั้งได้ร่วมกิจกรรมโครงการ “ในหลวงในดวงใจ King of Heart” ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบิร์น เมืองโลซาน สมาพันธรัฐสวิส ร่วมกับชุมชนไทยในภูมิภาคยุโรป เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีการจุดเทียนชัยถวายพระพรร่วมกับชาวไทยในภาคพื้นยุโรปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
25364 | โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา | มท | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำแนวคิดและการออกแบบเบื้องต้นโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งในลักษณะเป็นสะพานยกสูงเหนือระดับน้ำท่วมสูงสุดเพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรรองรับการเดินทางด้วยจักรยาน (Bike Lane) การชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา การพักผ่อนหย่อนใจ การออกกำลังกาย และการจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพและนันทนาการ โดยระยะแรกจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม ๗ จนถึงบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ระยะทางประมาณ ๗ กิโลเมตร โดยสะพานแต่ละฝั่งจะมีความกว้างประมาณ ๑๙.๕ เมตร ยกสูงกว่าระดับน้ำประมาณ ๒.๘ เมตร และในระยะต่อไปจะขยายการดำเนินโครงการ โดยให้เริ่มตั้งแต่บริเวณสะพานพระนั่งเกล้าจนถึงบริเวณสะพานพระราม ๓ ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ยึดหลักการที่จะให้ประชาชนส่วนใหญ่ทุกเพศวัยได้เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการดำเนินโครงการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และให้หลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่โครงการเป็นเส้นทางสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยจัดตั้งคณะทำงานขึ้นโดยมีผู้แทนกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) และจัดทำรายละเอียดของการออกแบบและการก่อสร้าง รวมทั้งการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ โครงสร้างของโครงการดังกล่าวจะต้องมีศักยภาพในการรองรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
25365 | โครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน และหอประชุมกองทัพบก | นร05 | 09/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก (พลตรี จาตุรนต์ จารุเสน) รายงานว่า โครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน (พิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า) เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์โดยนำไม้มีค่ามาตกแต่งภายใน มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์จากไม้มีค่าที่อยู่ในการกำกับดูแลของทางราชการ ใช้เป็นที่จัดแสดงผลงานเกี่ยวกับศิลปกรรม จิตรกรรม หัตถกรรม และประติมากรรม ซึ่งเป็นผลงานของช่างคนไทยที่สืบทอดงานศิลป์ ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกของพระบรมวงศานุวงศ์หรือแขกของรัฐบาล และเป็นแหล่งการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทยของนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โครงการมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ (รวม ๔ ปี) ส่วนหอประชุมกองทัพบกจะใช้เป็นสถานที่ประชุมของกองทัพบกและส่วนราชการต่าง ๆ มีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ (รวม ๓ ปี) โดยทั้งสองโครงการดังกล่าวจะใช้พื้นที่ดำเนินการรวมประมาณ ๑๙ ไร่ ๑ งาน ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินโครงการบริหารจัดการไม้มีค่าเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ และให้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ส่งมอบไม้มีค่าที่อยู่ในความครอบครองและการดำเนินคดีความสิ้นสุดและให้แปรรูปเพื่อนำมาใช้ในโครงการได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้ประสานกับกระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำไม้พะยูงที่อยู่ในความครอบครองของกรมเจ้าท่ามาใช้ประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ในการประดับตกแต่งอาคารให้ดำเนินการโดยประณีตเพื่อให้อาคารมีความวิจิตรงดงาม มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย เหมาะสมที่จะเป็นมรดกของชาติให้แก่ชนรุ่นหลังสืบไป
|
||||||||||||||||||||||||
25366 | การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2557 | นร05 | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เห็นชอบให้มีการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ ในวันอังคารที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||
25367 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย) (1. นางศิริรัตน์ จิตต์เสรี ฯลฯ) | อก | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางศิริรัตน์ จิตต์เสรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายเสรี อติภัทธะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
25368 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ , พันโท เอนก ยมจินดา) | ยธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. พันโท เอนก ยมจินดา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
25369 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายไพโรจน์ อาจรักษา) | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไพโรจน์ อาจรักษา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
25370 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม และร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวน ของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ) | ตช | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการนำมาตรการที่สำคัญมารวมไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ คือ (๑) มาตรการไกล่เกลี่ยคดีอาญาซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานสอบสวน และ (๒) มาตรการชะลอการฟ้องซึ่งเป็นมาตรการในชั้นของพนักงานอัยการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการไกล่เกลี่ยคดีอาญาในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจที่เกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้ ความผิดลหุโทษ และความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี เนื่องจากเป็นคดีอาญาที่ลักษณะของการกระทำเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรงซึ่งผู้ต้องหาอาจกลับตนเป็นคนดีได้ และผู้เสียหายอาจได้รับการชดเชยเยียวยาตามสมควร อันจะเป็นการนำไปสู่การยอมความและยุติคดีด้วยความสมานฉันท์ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๓. ให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับเป็นฉบับเดียวกัน และให้ใช้ร่างพระราชบัญญัติมาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรมเป็นหลักในการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25371 | การแต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กปร. (นักบริหารสูง) (นายดนุชา สินธวานนท์ , นายลลิต ถนอมสิงห์) | กร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ ดังนี้
๑. นายดนุชา สินธวานนท์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒. นายลลิต ถนอมสิงห์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดำริ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
||||||||||||||||||||||||
25372 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ | เวียน | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ
จากเดิม “ในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะไปประชุมระดับนานาชาติและจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบก่อน และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก” เป็น “ในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการจัดประชุมระดับนานาชาติโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีหรือระดับผู้นำประเทศขึ้นไป ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบก่อน และให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ยกเว้นการประชุมระดับทวิภาคีหรือพหุภาคีภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอยู่ ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพ”
|
||||||||||||||||||||||||
25373 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ โดยที่การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต้องอาศัยกลไกทางกฎหมายเพื่อให้เกิดการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement) จึงเห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เร่งรัดให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับโดยเร็วเพื่อรองรับการดำเนินการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว และให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดตั้งโรงงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีความสนใจเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ให้เน้นโรงงานสำหรับการนำผลิตผลทางการเกษตรมาแปรรูป เช่น โรงงานน้ำตาล เป็นต้น แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) และการเจรจากับบริษัทเอกชนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยาย เพื่อให้สามารถมีรถไฟฟ้าสำหรับให้บริการประชาชนตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยเร็ว ๑.๓ ปัจจุบันมูลค่าการส่งออกสินค้าของประเทศไทยขยายตัวขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ จึงให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาหาแนวทางการนำนวัตกรรมมาใช้ส่งเสริมสินค้าเพื่อการส่งออกเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกและการแข่งขันกับนานาประเทศ รวมทั้งพิจารณาขยายฐานการส่งออกไปสู่ประเทศคู่ค้าใหม่ที่มีศักยภาพด้วย ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการจัดตั้งโรงสีข้าวขนาดกลางในเขตพื้นที่ที่มีการทำนา โดยบริการสีข้าวให้แก่ชาวนาเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการขายข้าวของชาวนานอกเหนือจากการขายเฉพาะข้าวเปลือกเท่านั้น ๑.๕ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคเหนือ ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และมติที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับแนวทางการยกระดับสถาบันการศึกษาทางด้านวิชาชีพ โดยส่งเสริมสถาบันอาชีวศึกษาในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนเครื่องมือประจำวิชาชีพของนักเรียนอาชีวศึกษา จัดทำฐานข้อมูลผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษา และส่งเสริมให้ผู้จบการศึกษาระดับอาชีวศึกษามีงานทำ แล้วรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาทบทวนสถานที่ก่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค โดยอาจก่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือในภาคกลาง หรือขยายพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่มีอยู่เดิมให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ เช่น พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ตั้งอยู่ในเทคโนธานี ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ๓. ด้านการต่างประเทศ ๓.๑ ให้ส่วนราชการส่งข้อมูลผลการดำเนินการตามบันทึกความตกลง บันทึกความเข้าใจ หรือเอกสารความร่วมมือระหว่างประเทศให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลสำหรับการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ที่มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานเจ้าภาพเตรียมการจัดประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ ๕ ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเตรียมข้อมูลและประเด็นสารัตถะที่จะใช้ในการประชุมให้ครบถ้วนแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายในกลางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และให้กระทรวงพลังงานจัดเตรียมข้อมูลและแนวทางในการหารือกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับผลกระทบที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและราชอาณาจักรกัมพูชาจะได้รับจากการสร้างเขื่อนผลิตพลังงานไฟฟ้ากั้นแม่น้ำโขง ๔. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งจัดลำดับความสำคัญร่างกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบตามแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) จำนวน ๑๖๓ ฉบับ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นและกรอบเวลาให้ชัดเจน แล้วส่งให้กระทรวงยุติธรรมเพื่อรวบรวม และรายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายในสัปดาห์หน้า ๔.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการรวบรวมผลการพิจารณาคดีขององค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น ความมั่นคง ยาเสพติด อาวุธสงคราม โดยให้รวบรวมจำนวนคดีความที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จำนวนคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ และจำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จสิ้น แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำรวจข้อมูลการดำเนินงานตามความรับผิดชอบของทุกส่วนราชการและเชื่อมโยงข้อมูลให้ทุกส่วนราชการสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลการบริหารจัดการน้ำระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งสรุปผลการดำเนินการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการที่ปัจจุบันให้บริษัทจากเอกชนเป็นผู้ประเมิน ซึ่งภาคเอกชนอาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการ เพื่อให้การประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงภารกิจและการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้เป็นที่ยอมรับจากส่วนราชการมากยิ่งขึ้น รายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย ๕.๓ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ให้ทุกส่วนราชการเร่งดำเนินโครงการที่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึงให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗
|
||||||||||||||||||||||||
25374 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
25375 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในของกระทรวงคมนาคม รวม 6 ฉบับ | คค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในของกระทรวงคมนาคม รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงคมนาคมให้เหมาะสมกับภารกิจและบริบทของหน้าที่ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๖ ฉบับดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการบินพลเรือน กระทรวงคมนาคม พ.ศ. .... |
||||||||||||||||||||||||
25376 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2554 - 2556 และการพัฒนาระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๔-๒๕๕๖ โดยในปีบัญชี ๒๕๕๔ ปีบัญชี ๒๕๕๕ และปีบัญชี ๒๕๕๖ มีทุนหมุนเวียนเข้าสู่ระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๘๑ ทุน และ ๙๔ ทุน และ ๙๓ ทุน ตามลำดับ โดยทุนหมุนเวียนในปีบัญชี ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้นจากปีบัญชี ๒๕๕๔ จำนวน ๑๓ ทุน เนื่องจากเป็นทุนหมุนเวียนที่เริ่มเข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีบัญชี ๒๕๕๕ เป็นปีแรก และทุนหมุนเวียนในปีบัญชี ๒๕๕๖ ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๕๕ เนื่องจากยุบเลิกการดำเนินงาน จำนวน ๑ ทุน ทั้งนี้ จากการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน โดยในปีบัญชี ๒๕๕๕ ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๖๑๑๖ คะแนน ปรับเพิ่มขึ้น ๐.๐๖๘๕ คะแนน เมื่อเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๔ ที่ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๕๔๓๑ คะแนน ส่วนในปีบัญชี ๒๕๕๖ ได้คะแนนเฉลี่ย ๓.๔๒๖๒ คะแนน ลดลงจากปีบัญชี ๒๕๕๕ จำนวน ๐.๑๘๕๔ คะแนน เป็นผลกระทบหลังจากการพิจารณากำหนดตัวชี้วัดเพิ่มเติมตามมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งปรากฏว่า ทุนหมุนเวียนส่วนหนึ่งมีการปรับลดคะแนนจากผลรวมด้วยเหตุไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลตามแผนการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนนั้น ๆ ๒. ให้กระทรวงการคลังชะลอการดำเนินการในเรื่องการพัฒนาระบบประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียนไว้ก่อนจนกว่าจะดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ โดยให้วิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน ให้แล้วเสร็จก่อน |
||||||||||||||||||||||||
25377 | รายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน | สธ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ จากผลการศึกษาของคณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหิน สรุปได้ว่า แร่ใยหินทุกชนิด รวมทั้งไครโซไทล์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ซึ่งการก่อโรคมะเร็งของใยหินชนิดไครโซไทล์เกิดขึ้นเช่นเดียวกับสารก่อมะเร็งจากการประกอบอาชีพและจากสิ่งแวดล้อมคือ (๑) ไม่มีระดับความปลอดภัยของการรับสัมผัส (No safe threshold) ของใยหินชนิดไครโซไทล์ และ (๒) การเกิดมะเร็งอันเนื่องจากใยหินชนิดไครโซไทล์มีความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของใยหินที่ได้รับการตอบสนองที่เกิดขึ้นในร่างกาย (dose-response relationship) หรือขึ้นกับระดับความเข้มข้นสะสม (fiber/cc/years) ของใยหินชนิดไครโซไทล์ที่แขวนลอยในอากาศที่ได้รับสัมผัส ยิ่งได้รับสัมผัสมากยิ่งก่อให้เกิดโรคมะเร็งมาก (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.1 fiber/cc/year จึงจะปลอดภัย แต่ทำได้ยาก) สำหรับหลักฐานเชิงประจักษ์ของการก่อมะเร็งเยื่อหุ้มปอดและมะเร็งปอดจากงานวิจัย นั้น งานวิจัยที่มีน้ำหนักมากพบในงานวิจัยกลุ่มคนงานเหมืองแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ รองลงมาคือ กลุ่มคนงานอุตสาหกรรมที่นำใยหินชนิดไครโซไทล์มาใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต และงานวิจัยที่มีน้ำหนักน้อย คือ กลุ่มประชาชนในชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยโดยทั่วไป ๑.๒ คณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงฯ สมาคมการพยาบาลอาชีวอนามัย และสมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทยได้แสดงจุดยืนที่สอดคล้องกับจุดยืนขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และองค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (International Agency Research on Cancer : IARC) ที่เสนอแนะประเทศต่าง ๆ ว่าการควบคุมให้ค่าสัมผัสต่ำกว่ามาตรฐาน 0.1 Fiber/cc/year ทำได้ยาก ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุด คือ ยกเลิกการใช้แร่ใยหิน ดังนั้น จึงมีมติเห็นควรยกเลิกการใช้แร่ใยหินในทุกผลิตภัณฑ์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ ๒. มอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับเรื่องนี้ไปกำกับดูแล โดยให้ตั้งคณะทำงานขึ้น ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาและตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมด เช่น ผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหินทั้งในส่วนของประชาชนทั่วไปและผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ในสถานประกอบการที่ใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ความเหมาะสม คุ้มค่า และเป็นไปได้ในการใช้วัสดุอื่นทดแทนการใช้แร่ใยหิน แนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในกรณีที่มีการห้ามใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ แนวทางและมาตรการในการดำเนินการที่เหมาะสมในการใช้แร่ใยหิน/ยกเลิกการใช้แร่ใยหิน และผลกระทบจากการนำเข้าแร่ใยหิน เป็นต้น และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25378 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงินรวม ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยชำระคืนพันธบัตรที่ครบกำหนดจากเงินงบประมาณเพื่อการชำระหนี้เหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน ๓๙,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย กู้เงินระยะยาว โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๔ ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (BIBOR) จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้น โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) อายุ ๒ เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ จำนวน ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท และได้ดำเนินการประมูลพันธบัตรรัฐบาล จำนวน ๓ รุ่น วงเงินรวม ๓๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ เงินที่ได้จากการจำหน่ายในแต่ละงวดได้นำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นเรียบร้อยแล้ว ๒. กระทรวงการคลังได้ประกาศจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่น ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำประกาศจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาล และประกาศผลการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลทั้ง ๓ รุ่น ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
25379 | ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ เพื่อให้การใช้บังคับมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งกำหนดให้ตำแหน่งตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหารได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหาร ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ เพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนหรือเงินเพิ่มค่าครองชีพของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียมกัน และยึดโยงกันอย่างเหมาะสมต่อไป ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งของตุลาการพระธรรมนูญและอัยการทหาร ให้กระทรวงกลาโหมไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมโดยถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงกลาโหมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามประมาณการค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
25380 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ | 02/12/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาหม่อม อำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการอ่างเก็บน้ำพรุพลีควาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....