ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 143 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 2841 - 2860 จากข้อมูลทั้งหมด 10242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2841 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน 2550) | มท | 10/04/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่
ภาคเหนือตอนบน ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 9 เมษายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 59 จังหวัด 537 อำเภอ 57 กิ่งอำเภอ 3,206 ตำบล 24,483 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด 155 อำเภอ 10 กิ่งอำเภอ 889 ตำบล 6,093 หมู่บ้าน ราษฎรประสบ ภัย 494,026 ครัวเรือน 1,717,302 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 241 อำเภอ 38 กิ่งอำเภอ 1,655 ตำบล 14,718 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,247,692 ครัวเรือน 5,253,517 คน ภาคกลาง 6 จังหวัด 34 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 167 ตำบล 1,103 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 109,550 ครัวเรือน 409,554 คน ภาค ตะวันออก 8 จังหวัด 48 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 211 ตำบล 1,152 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 92,513 ครัวเรือน 338,361 หมู่บ้าน และภาคใต้ 9 จังหวัด 59 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 284 ตำบล 1,417 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 72,203 ครัวเรือน 251,470 คน รวมจำนวนราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน 2,015,984 ครัวเรือน 7,970,204 คน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 123,201 ไร่ (จำนวน 15 จังหวัด) สำหรับสถานการณ์มลพิษหมอกควัน ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 9 เมษายน 2550 มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษ หมอกควัน รวม 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน (120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 14 มีนาคม 2550 ที่อำเภอเชียงใหม่ (โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย) จังหวัดเชียงใหม่ วัดได้สูงสุดที่ 382.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และ ณ วันที่ 9 เมษายน 2550 ปริมาณฝุ่นละอองเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ในจังหวัดลำปางเข้าสู่ภาวะปกติ พื้นที่จังหวัดเชียง ใหม่เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ยังสูงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนข้อมูลการเกิด จุดไฟไหม้ (Hot spot) รายวัน ระหว่างวันที่ 1-8 เมษายน 2550 พบจุดไฟไหม้ รวม 17 จังหวัด
|
||||||||||||||||||
2842 | รายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความคืบหน้าการตรวจสอบหาสาเหตุ
กรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปได้ดังนี้ ผลการ ตรวจสอบการเดินท่อของบริษัท เค ที เอ็มเอสจี จำกัด (โรงงานผงชูรส) ณ ตำบลบางเสด็จ อำเภอป่าโมก จังหวัด อ่างทอง โดยวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (ว.ส.ท.) พบว่า ภายในท่อเดียวกันสามารถ ทำงานได้ทั้ง 2 ลักษณะ คือ เป็นทั้งท่อน้ำดี และท่อปล่อยน้ำเสีย ซึ่งทางบริษัท ฯ จะทำการรื้อถอนท่อขนาดเส้น ผ่าศูนย์กลาง 10 นิ้ว ที่ฝั่งอยู่ใต้ดินออกทั้งหมด และจะวางท่อน้ำดีขึ้นใหม่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว ภาย ในบริเวณที่ดินของบริษัท ฯ ด้านริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูบจากปั้มหอยโข่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใช้งานชั่วคราวไป พลางก่อน โดยจะเริ่มเดินท่อน้ำลอยบนดินตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2550 ให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ รวมทั้งจะ ขุดรื้อท่อน้ำที่ฝั่งอยู่ใต้ดินทั้งหมดตั้งแต่บริเวณบริษัท ฯ ถึงแม่น้ำเจ้าพระยาและวางท่อน้ำดีอย่างถาวรโดยจะติดตั้ง ในลักษณะเดินลอยบนดิน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2550 สำหรับกรณี ที่ประชาชนผู้เลี้ยงปลาในกระชังสงสัยว่า บริษัท ฯ ได้แอบปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาจนเป็นเหตุให้ปลาใน กระชังตาย นั้น เห็นว่ากรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเอกสาร และรายงานต่าง ๆ ของบริษัท ฯ ได้ ซึ่งบริษัท ฯ ตกลงว่าจะส่งมอบข้อมูลกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้ง หมดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2549 ถึงช่วงเกิดเหตุปลาตาย (วันที่ 11 มีนาคม 2550) ให้แก่คณะตรวจสอบ ข้อเท็จจริงจังหวัดอ่างทอง ภายในวันจันทร์ที่ 2 เมษายน 2550 และส่งมอบให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ฯ ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์ผลข้อมูลให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน นับแต่วันที่ได้รับเอกสาร
|
||||||||||||||||||
2843 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2550) | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่
ภาคเหนือตอนบน ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 2 เมษายน 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 61 จังหวัด 543 อำเภอ 53 กิ่งอำเภอ 3,233 ตำบล 25,128 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 17 จังหวัด 151 อำเภอ 10 กิ่งอำเภอ 882 ตำบล 5,963 หมู่บ้าน ราษฎรประสบ ภัย 486,289 ครัวเรือน 1,687,710 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 238 อำเภอ 34 กิ่งอำเภอ 1,608 ตำบล 15,004 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,506,588 ครัวเรือน 6,323,293 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 46 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 199 ตำบล 1,246 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 122,874 ครัวเรือน 440,627 คน ภาค ตะวันออก 8 จังหวัด 49 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 245 ตำบล 1,383 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 110,144 ครัวเรือน 404,792 คน และภาคใต้ 9 จังหวัด 59 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 299 ตำบล 1,532 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 87,785 ครัวเรือน 367,361 คน พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 122,241 ไร่ (จำนวน 13 จังหวัด) สำหรับ สถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-2 เมษายน 2550 โดยเกิด สถานการณ์มลพิษหมอกควันปกคลุมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนใน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียง ราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ พบปริมาณฝุ่นละอองขนาด เล็กกว่า 10 ไมครอนสูงเกินค่ามาตรฐาน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในการนี้กระทรวงมหาดไทยได้ จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันจังหวัด เพื่อเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันและ การช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดพร้อมทั้งและขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาหญ้า วัสดุ ขยะในทุกพื้นที่ และให้จังหวัดระดมสรรพกำลังในพื้นที่ทั้งในด้านเจ้าหน้าที่ เครื่องและอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน เพื่อ ปฏิบัติการทั่วไปในพื้นที่ราบ/ชุมชนและพื้นที่ป่าไม้บนภูเขาสูง โดยเฉพาะการลดจุดไฟไหม้ และรายงานสถาน การณ์มลพิษหมอกควันจุดไฟไหม้ (Hot Spot) และผลการดำเนินงานให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ภาคเหนือ ทำเนียบรัฐบาลทราบประจำวัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
|
||||||||||||||||||
2844 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งนนทรี อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด พ.ศ. ... | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลทุ่งนนทรี อำเภอเขาสมิง จังหวัด ตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ใน ท้องที่ตำบลทุ่งนนทรี อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด บางส่วน ประมาณ 102 ไร่ 25 ตารางวา เพื่อมอบให้กรม พัฒนาที่ดินใช้เป็นสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดตราด และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2845 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับ พลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัดนคร ศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วม กัน ในท้องที่ตำบลควนทอง อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา เพื่อมอบให้กรมที่ดินนำไปจัดหาผลประโยชน์ ตามมาตรา 10 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2846 | ขอให้คณะรัฐมนตรีทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็นชอบ
ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (20 มิถุนายน 2549) ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี ชุดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เป็น อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยถอนร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และมอบให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจการบริหารการพัฒนา และยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการบริหารการพัฒนาพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ เกี่ยวกับกรณีขอให้มีคณะกรรมการเพื่อเชื่อมโยงภารกิจขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับภารกิจของส่วนภูมิภาค ควรพิจารณากำหนดขอบเขตภารกิจให้ครบถ้วนและชัดเจนก่อน ขอจัดตั้ง โดยดำเนินการภายใต้กรอบของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ องค์ ประกอบของคณะกรรมการ อำนาจหน้าที่และความเชื่อมโยงอย่างครอบคลุม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดัง กล่าว ควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดเมื่อสามารถใช้องค์กรเป็นเครื่องมือบริหารจัดการและบูรณาการกิจกรรมพัฒนา และปัญหาต่าง ๆ ได้ทุเลาลงแล้ว สำหรับรูปแบบแนวทางการบริหารการพัฒนา นอกจากคณะกรรมการแล้ว ไม่สม ควรมีการจัดตั้งองค์กรอื่นใดขึ้นอีก นอกจากนี้องค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่ควรให้มีผู้ทรง คุณวุฒิเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ พิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
2847 | ร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอฯ (รวม 81 อำเภอ) | มท | 03/04/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติดังนี้
อนุมัติหลักการให้ยกฐานะกิ่งอำเภอตั้งเป็นอำเภอเฉพาะกลุ่มที่ 1 กิ่งอำเภอที่มีศักยภาพสูงจำนวน 20 แห่ง ตาม ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ คือ ให้ยกฐานะเฉพาะกิ่งอำเภอที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัด ตั้งอำเภอตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2547 ซึ่งกิ่งอำเภอจำนวน 81 แห่ง ที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอมีอยู่เพียง 14 แห่ง ที่อยู่ในเกณฑ์การจัดตั้งอำเภอ คือ กิ่งอำเภอบางเสาธง กิ่งอำเภอสามร้อยยอด กิ่ง อำเภอนาตาล กิ่งอำเภอเอราวัณ กิ่งอำเภอกุดรัง กิ่งอำเภอพระทองคำ กิ่งอำเภอวังสมบูรณ์ กิ่งอำเภอภูเพียง กิ่งอำเภอเขวาสินรินทร์ กิ่งอำเภอรัตนวาปี กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ กิ่งอำเภอศรีณรงค์ กิ่งอำเภอพนมดงรัก และกิ่ง อำเภอโนนนารายณ์ รวมทั้งยกฐานะกิ่งอำเภอ 6 แห่ง ได้แก่ กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ กิ่งอำเภอเกาะช้าง กิ่งอำเภอ เกาะกูด กิ่งอำเภอภูซาง กิ่งอำเภอโคกสูง และกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา ขึ้นเป็นอำเภอรวมเป็น 20 แห่ง และอนุมัติ หลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอ ฯ (รวม 81 อำเภอ) และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีการตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขปรับปรุงเป็นยกฐานะกิ่งอำเภอขึ้นเป็นอำเภอรวม 20 แห่ง ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ สำหรับเรื่องอัตรากำลังและงบ ประมาณ ให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกลี่ยอัตรากำลัง โดยไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังขึ้นใหม่ และสำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายงบประมาณที่ได้รับไปดำเนินการ |
||||||||||||||||||
2848 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี พ.ศ. .... | มท | 27/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาล สายเชื่อมระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงเทศบาลสายเชื่อม ระหว่างถนนมิตรไมตรีกับถนนเลียบวารี ในท้องที่แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงหนองจอก และแขวงโคกแฝด เขตหนอง จอก กรุงเทพมหานคร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีที่มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราช บัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 บัญญัติให้ทางหลวงมี 5 ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่น ดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน แต่การที่ร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงมหาด ไทยเสนอมานี้ใช้ถ้อยคำว่า ทางหลวงเทศบาล จึงอาจไม่สอดคล้องกับมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ไป ประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2849 | รายงานผลการประสานการดำเนินการกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 27/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการประชุมคณะกรรมการประสานการ
ดำเนินการกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งที่ 2/ 2550 เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2550 เพื่อติดตามสถานการณ์มลภาวะในแม่น้ำเจ้าพระยา การตรวจสอบพิสูจน์หา สาเหตุ การช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน และแนวทางการให้ความช่วยเหลือ เกษตรกรเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ สรุปได้ดังนี้ ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำจนถึงวันที่ 24 มีนาคม 2550 โดยกรม ควบคุมมลพิษ พบว่า คุณภาพน้ำตั้งแต่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงท่าน้ำนนทบุรี อยู่ในเกณฑ์ มีค่าออกซิเจนละลายน้ำ 2.5-3.7 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยเฉพาะบริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทร มวลน้ำเสียที่ไหลมา จากอ่างทองกลับฟื้นฟูคุณภาพดีขึ้นแล้ว และไม่มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ส่วนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคต้องมี การปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนนำไปใช้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาเร่งด่วนเฉพาะหน้า จังหวัดอ่างทองได้จ่ายเงิน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลาในกระชังเสียหาย จำนวน 90 ราย 6,647 ตารางเมตร เป็นเงิน 1,708,279 บาท และ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้จ่ายเงินช่วยเหลือ จำนวน 130 ราย 6,896.50 ตารางเมตร เป็นเงิน 1,772,339 บาท ด้านการตรวจสอบพิสูจน์หาสาเหตุ ได้มีการวิเคราะห์แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เบื้องต้นเพื่อหาสาเหตุการ ตายของปลา โดยกรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรม 4 โรง ของรองอธิบดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรม (นายอดิศร นภาวรานนท์) ด้านแนวทางการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังเพิ่ม เติมเป็นกรณีพิเศษ ในส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรจากเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวง การคลัง ฯ และจากเงินงบกลาง ฯ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2550 สามารถดำเนินการได้
|
||||||||||||||||||
2850 | สรุปสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน | มท | 27/03/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่
ภาคเหนือตอนบน ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้ง ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 ถึงวันที่ 26 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 58 จังหวัด 533 อำเภอ 54 กิ่งอำเภอ 3,188 ตำบล 25,376 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด 143 อำเภอ 10 กิ่งอำเภอ 826 ตำบล 5,188 หมู่บ้าน ราษฎรประสบ ภัย 399,445 ครัวเรือน 1,472,799 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด 255 อำเภอ 35 กิ่งอำเภอ 1,664 ตำบล 16,194 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 1,406,815 ครัวเรือน 5,745,596 คน ภาคกลาง 8 จังหวัด 42 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 198 ตำบล 1,185 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 102,464 ครัวเรือน 362,707 คน ภาค ตะวันออก 7 จังหวัด 40 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ 223 ตำบล 1,188 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 117,210 ครัวเรือน 377,637 คน และภาคใต้ 8 จังหวัด 53 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 277 ตำบล 1,621 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 80,207 ครัวเรือน 279,321 คน สำหรับสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 1-26 มีนาคม 2550 ได้เกิดสถานการณ์มลพิษ หมอกควันปกคลุมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน (120 ไนโครกรัม/ลบ.ม.) และมี แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง โดยสรุปภาพรวมปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยที่จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
|
||||||||||||||||||
2851 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโคกกลอย - ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมือง
รวมชุมชนโคกกลอย-ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบล ท้ายเหมือง ตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง ตำบลโคกกลอย ตำบลหล่อยูง และตำบลท่าอยู่ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา เพื่อให้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้าน การใช้ประโยชน์ ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวด ล้อม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2852 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2550 | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาด
ไทย เรื่อง การกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2550 มีสาระสำคัญ คือ กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2550 โดยให้ถือจำนวนหนึ่ง ร้อยคน สำหรับคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศ และห้าสิบคนสำหรับคนไร้สัญชาติ และให้ส่งคณะ กรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้
|
||||||||||||||||||
2853 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย รวม 3 ฉบับ | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องหมาย
ของผู้อำนวยการดับเพลิงประจำท้องถิ่น เจ้าพนักงานท้องถิ่น นายตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสาดับเพลิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเครื่องหมายของผู้อำนวยการดับเพลิงประจำท้องถิ่น เจ้าพนักงานท้องถิ่น นาย ตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสาสมัคร ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัตรประจำตัวของนายตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสาดับเพลิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบัตรประจำตัวของนายตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสา สมัคร และร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องแบบของนายตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสาดับเพลิง พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ กำหนดเครื่องแบบของนายตรวจ พนักงานดับเพลิง และอาสาสมัคร และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
2854 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน และตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินใน
บริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเคียน และตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวน คืนในท้องที่ตำบลโคกเคียน และตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อประโยชน์ในการขยาย พื้นที่ศูนย์ราชการจังหวัดนราธิวาส ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองนราธิวาส และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อ ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
2855 | โครงการเพื่อการพัฒนาของการประปาส่วนภูมิภาค ปี 2550 | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการเพื่อการพัฒนาของการประปา
ส่วนภูมิภาค (กปภ.) ประจำปี พ.ศ. 2550 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ พิจารณาเห็นชอบแล้ว จำนวน 14 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปา จำนวน 10 โครง การ ประกอบด้วย ประปาพระนครศรีอยุธยา ประปาปทุมธานี ประปาสะเดา ประปาหนองแค ประปาทุ่งสง ประปาเชียงราย ประปาจันดี (จันดีและท่ายาง) ประปายโสธร ประปาท่าเรือ (ภาชี) และประปาพยุหคีรี ระยะ เวลาดำเนินการ 2-3 ปี และโครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอน จำนวน 4 โครงการ ประกอบ ด้วย ประปาหนองบัวแดง ประปาหลังสวน (ละแม) ประปาศรีเชียงใหม่ และประปามุกดาหาร (นิคมคำสร้อย) ระยะเวลาดำเนินการ 1-2 ปี วงเงินลงทุนทั้งสิ้น 2,193.834 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการตามความเห็น ของสำนักงบประมาณที่ให้โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาสมุทรสาคร เป็นโครงการเพื่อการพัฒนา ของ กปภ. ประจำปี พ.ศ. 2550 เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ ทั้งนี้ ให้ กปภ. รับความเห็นและข้อสังเกตเพิ่มเติมของ สำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ในโอกาสต่อไปเห็นควรให้ กปภ. จัดทำแผนการลงทุนล่วงหน้า ระยะปานกลาง 3-5 ปี เพื่อประโยชน์ในการกำหนดวงเงินงบประมาณให้สอดคล้องกับความต้องการ และเป็น ประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานต่อไป รวมทั้งให้ กปภ. จัดทำโครงสร้างอัตราค่าน้ำประปา ที่สะท้อนถึงศักยภาพของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถบริหารการเงินขององค์กรให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น และ ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ กปภ. เพื่อเป็นการลดภาระการจัดสรรเงินอุดหนุนจากภาครัฐ |
||||||||||||||||||
2856 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามถมดินในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงลำปลาทิว แขวงคลองสามประเวศ แขวงทับยาว แขวงขุมทอง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และตำบลราชาเทวะ ตำบลหนองปรือ ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา ตำบลบางเสาธง อำเภอบางพลี ตำบลศีรษะจระเข้น้อย ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ กิ่งอำเภอบางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติอนุมัติ
หลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามถมดินในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวง ลำปลาทิว แขวงคลองสามประเวศ แขวงทับยาว แขวงขุมทอง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และตำบลราชาเทวะ ตำบลหนองปรือ ตำบลบางโฉลง ตำบลบางปลา ตำบลบางเสาธง อำเภอบางพลี ตำบล ศีรษะจระเข้น้อย ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ กิ่งอำเภอบางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดบริเวณห้ามถมดินในพื้นที่บางส่วนในท้องที่แขวงลำปลาทิว แขวงคลองสามประเวศ แขวงทับยาว แขวงขุมทอง แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และตำบลราชาเทวะ ตำบลหนองปรือ ตำบลบาง โฉลง ตำบลบางปลา ตำบลบางเสาธง อำเภอบางพลี ตำบลศีรษะจระเข้น้อย ตำบลศีรษะจระเข้ใหญ่ กิ่งอำเภอ บางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้างและมิให้มีผล กระทบต่อการเป็นพื้นที่รับน้ำ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิ ปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ กรณีกำหนดพื้นที่ซึ่งมีพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และนิคมอุตสาหกรรมบางพลีที่ได้ดำเนินการมาก่อน และยังคงมีพื้นที่บางส่วนที่รอ การพัฒนา ซึ่งหลักเกณฑ์การห้ามถมดินตามร่างกฎกระทรวง ฯ ข้อ 2 เป็นเกณฑ์ที่กำหนดพื้นที่ห้ามถมดินเป็น สัดส่วนกับพื้นที่อาคารคลุมดินเพื่อประโยชน์ในการระบายน้ำ โดยมิได้กำหนดห้ามการถมดินอย่างเด็ดขาด จึงไม่ กระทบต่อพื้นที่ที่รอการพัฒนาในเขตนิคมอุตสาหกรรม ส่วนผลกระทบที่อาจมีต่อการจัดทำระบบชลประทานที่ จำเป็นต้องก่อสร้างถนนบนคันคลองชลประทาน ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกัน พิจารณาว่าควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ทางด้านวิศวกรรม หรือควรจะปรับปรุงหลักเกณฑ์ตามร่างกฎกระทรวง ฯ เพื่อ ให้ความจำเป็นในการถมดินเพื่อการก่อสร้างคลองระบายน้ำ ไม่เป็นการขีดขวางการระบายน้ำจากพื้นที่ตามวัตถุ ประสงค์ของร่างกฎกระทรวง ฯ ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการขัดขวางการก่อสร้างระบบงานชลประทานเพื่อให้มีการ ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
2857 | การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังกรณีสถานการณ์มลภาวะทางน้ำที่เกิดในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 20/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการดำเนินการพิสูจน์หาสาเหตุและ
ปัญหาการช่วยเหลือเยียวยาเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง และข้อเสนอเบื้องต้นการรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อมในระยะต่อไป ซึ่งจากผลการพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุปลาในกระชังของเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงในแม่น้ำเจ้าพระ ยาในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยาตาย อาจมีสาเหตุมาจากเรือบรรทุกน้ำตาลของบริษัทเพรสซิเดน ไรซ์บราวน์ จำกัด ล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง หรืออีกสาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากการ ปล่อยน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม 4 โรงที่ตั้งอยู่บริเวณตำบลโพสะ อำเภอเมือง จำนวน 3 โรง และตำบลบาง เสด็จ อำเภอป่าโมก จำนวน 1 โรง (โรงงานผงชูรส) สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จะจ่ายเงินค่าชดเชยให้ในอัตรา 257 บาท/ตารางเมตร รายละไม่เกิน 80 ตารางเมตร (หรือไม่เกิน 20,560 บาท/ราย) จำนวน 231 ราย เพื่อเป็น การเยียวยาเฉพาะหน้า โดยใช้จากเงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 (งบ 50 ล้านบาท) และได้จัดทำเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ฯ โดยจะใช้จากงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ส่วนข้อเสนอเบื้องต้นการรักษาคุณภาพสิ่งแวด ล้อมในระยะต่อไปจะทำการตรวจสอบระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งปรับปรุงและบังคับใช้กฎ หมายสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เป็นต้น และให้กรมควบคุมมลพิษ ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดทำแผนหลักในการแก้ไขปัญหาภัยน้ำเสียในระบบลุ่มน้ำแบบบูรณาการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยดำเนิน การในลุ่มน้ำที่มีปัญหาภัยน้ำเสียรุนแรงเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ พ.ศ. 2535 เป็นต้น หากไม่มีข้อขัดข้องทางกฎหมายที่ภาครัฐจะจ่ายเงินทดรองจ่ายเพื่อเป็นการบรรเทาความ เดือดร้อนของเกษตรกรตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เจรจาเบื้องต้นไว้ไปก่อน แล้วดำเนินการเรียกร้องเงิน ค่าเสียหายคืนจากผู้กระทำความผิดในภายหลัง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานกระทรวง มหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงบประมาณ เพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรต่อไป โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 30,634,475 บาท แต่หากมีข้อขัดข้องทางกฎหมาย ให้นำเรื่องนี้เสนอคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งโดยด่วน
|
||||||||||||||||||
2858 | การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง | มท | 13/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์
เมืองพี่เมืองน้อง โดยกระทรวงมหาดไทยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมือง น้องระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับเมืองนาคอดกา เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2549 ณ เมืองนาคอดกา ประเทศสหพันธรัฐ รัสเซีย และลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์และความร่วมมือเมืองคู่มิตรระหว่างจังหวัดสกล นคร ราชอาณาจักรไทย และจังหวัดกวางบิงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2549 ณ จังหวัดกวางบินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
||||||||||||||||||
2859 | การขอรับเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคมของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) | มท | 13/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอการจ่ายเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้
บริการเชิงสังคมให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในปี 2548 จำนวน 609.585 ล้านบาท และสำหรับปี 2549 เมื่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองงบการเงินแล้ว ให้ กปภ. ทำความตกลงวงเงินที่จะขอชดเชย กับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้อยู่ในกรอบวงเงิน 963.687 ล้านบาท สำหรับค่าชดเชยการดำเนินการให้ บริการเชิงสังคมของ กปภ. ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้นไป ให้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจตามนโยบายพิเศษของรัฐบาล ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงการคลังนำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
2860 | การแต่งตั้งกรรมการสภาสถาปนิก จำนวน 5 ราย (1. นางดวงขวัญ จารุดุลฯ) | มท | 13/03/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางดวงขวัญ จารุดุล นายสุวิทย์ ดิษยวงศ์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์รุจิโรจน์ อนามบุตร นางสินีนาฏ โสดสถิตย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์อริยา อรุณินท์ เป็นกรรม การในคณะกรรมการสภาสถาปนิก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป
|
.....