สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  โดย ณ วันที่  7  กันยายน  2549  กระทรวงมหาดไทยได้รับราย
งานข้อมูลผลการดำเนินโครงการจาก  75  จังหวัด  ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน  เบิกจ่ายจากธนาคาร
ออมสิน  และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  หมู่บ้าน/ชุมชนได้นำไปดำเนินงานตามโครงการ
รวม 115,537 โครงการ  โดยเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายได้นำไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูป
โภคขั้นพื้นฐานมากเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน  50,530  โครงการ และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน
8,845  โครงการ  โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการ โดยไม่มี
การขอเปลี่ยนแปลง จำนวน 109,964 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 95.18 รวมทั้งสามารถรองรับการแก้ไขปัญหา
ความยากจนโดยตรง จำนวน  54,701  โครงการ คิดเป็นร้อยละ 47.35  และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มี
ความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้
ประสบอุทกภัยดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 14) และสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม
-11  กันยายน  2549  โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย ความก้าวหน้าการจัดสร้างบ้าน
ถาวร  และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  ส่วนสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศ
ต่ำ ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-11 กันยายน 2549  มีพื้นที่ประสบภัย รวม  16  จังหวัด  33  อำเภอ  2  กิ่ง
อำเภอ 113 ตำบล ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก แพร่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์  ลำพูน 
ลำปาง ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร พะเยา จันทบุรี พังงา นครสวรรค์  มีผู้เสียชีวิต  5  คน  จังหวัดลำปาง  2  คน
(อำเภอแม่เมาะ 1 คน  อำเภองาว 1 คน) จังหวัดสุโขทัย 3 คน (อำเภอเมือง ฯ  1  คน  อำเภอสวรรคโลก 2
คน) บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 19 หลัง ความเสียหายด้านอื่น ๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ สำหรับสถานการณ์
ปัจจุบัน ณ วันที่ 11 กันยายน 2549  มีพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว รวม 12 จังหวัด โดยพื้นที่ที่
ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก  พิจิตร  และนครสวรรค์  ซึ่งทางจังหวัดและหน่วย
งานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสามเรือน  อำเภอศรีสำโรง  จังหวัด
สุโขทัย พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วม
กัน ในท้องที่ตำบลสามเรือน อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่  3 งาน  41  ตารางวา  เพื่อ
มอบให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานใช้เป็นที่ตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดสุโขทัย และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ
เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมือง
รวมระนอง  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม  ในท้องที่ตำบลบางนอน  ตำบลเขานิเวศน์
ตำบลบางริ้น ตำบลหาดส้มแป้น และตำบลปากน้ำ  อำเภอเมืองระนอง  จังหวัดระนอง  เพื่อใช้เป็นแนวทางใน
การพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การ
คมนาคมและการขนส่ง  การสาธารณูปโภค  บริการสาธารณะ  และสภาพแวดล้อม   และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมือง
รวมเมืองแก่งคอย จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ....  ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมี
สาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลสองคอน ตำบลบ้านป่า  ตำบลเตาปูน  ตำบลตาล
เดี่ยว ตำบลแก่งคอย อำเภอแก่งคอย และตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี และให้ดำเนิน
การต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณดังนี้ เห็นชอบให้กรมการปกครองจ้างลูกจ้าง
ชั่วคราว  ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550   ต่อเนื่องจากที่ดำเนินการอยู่ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549
จำนวน 7,539 อัตรา  ในวงเงินค่าจ้าง  557,376,988  บาท  โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบประมาณ  พ.ศ. 2548  งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนของ
ประชาชน จำนวน 278,688,494 บาท และจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน
278,688,494  บาท  ตามที่ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติเสนอ   และอนุมัติให้ขยาย
ระยะเวลาเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง  รายการค่าใช้จ่ายในการแก้
ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากจนของประชาชน จำนวน  278,688,494  บาท  ไปจนถึงเดือนมีนาคม
2550 เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณดังกล่าวเป็นค่าจ้างในช่วงเดือนตุลาคม 2549-มีนาคม 2550 ได้ สำหรับ
การจ้างลูกจ้างชั่วคราวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551  ให้ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ
 ประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างและผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาสังคมและความยากจนเชิงบูรณา
การ  เพื่อประกอบการพิจารณาการจ้างลูกจ้างชั่วคราว  แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง  ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการทบทวนปริมาณการจ้างลูกจ้างชั่วคราว
รายชั่วโมงให้เหมาะสมกับภาระงาน ไปพิจารณาด้วย

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน (SML)  โดย ณ วันที่ 1 กันยายน 2549 กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงาน
ข้อมูลผลการดำเนินโครงการจาก  75  จังหวัด  ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน  เบิกจ่ายจากธนาคารออม
สิน  และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  หมู่บ้าน/ชุมชนได้นำไปดำเนินงานตามโครงการ รวม
115,209  โครงการ  โดยเงินงบประมาณที่มีการเบิกจ่ายได้นำไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูปโภค
ขั้นพื้นฐานมากอันดับหนึ่ง จำนวน  50,368  โครงการ  และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน 8,829
โครงการ  โดยโครงการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการ  โดยไม่มีการขอ
เปลี่ยนแปลง จำนวน 109,656 โครงการ  คิดเป็นร้อยละ 95.18  รวมทั้งสามารถรองรับการแก้ไขปัญหาความ
ยากจนโดยตรง จำนวน 54,550 โครงการ  คิดเป็นร้อยละ  47.35  และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มีความ
ก้าวหน้าในการดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 13) และสถานการณ์อุทกภัย  ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-4 กันยายน
2549 โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ  ประกอบด้วย  ความก้าวหน้าการจัดสร้างบ้านถาวร  และการจ่ายเงิน
ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  ส่วนสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม
-4 กันยายน 2549 มีพื้นที่ประสบภัย  รวม 15 จังหวัด  28  อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 91 ตำบล ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่
แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก แพร่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง ตาก  เพชรบูรณ์  พิจิตร  พะเยา  จันทบุรี
และพังงา มีผู้เสียชีวิต 4 คน จังหวัดลำปาง 1 คน (อำเภอแม่เมาะ) จังหวัดสุโขทัย 3 คน (อำเภอเมือง ฯ) บ้านเรือน
เสียหายทั้งหลัง  14  หลัง  (จังหวัดลำพูน)  ความเสียหายด้านอื่น  ๆ  อยู่ระหว่างการสำรวจ  สำหรับสถานการณ์
ปัจจุบัน ณ วันที่ 4 กันยายน 2549  มีพื้นที่ที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว  รวม 10 จังหวัด  โดยพื้นที่ที่ยังคงมี
สถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ จังหวัดลำปาง  ลำพูน  สุโขทัย  พิษณุโลก  และตาก  ซึ่งทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยว
ข้องได้ให้ความช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งรองประธานกรรมการ/รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อ
เอาชนะความยากจนแห่งชาติ (ศตจ.) (เพิ่มเติม) ดังนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเหลือกำกับ
แลงานด้านการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสคนยากจนด้านเกษตรกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ช่วยเหลือกำกับดูแลงานด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชน   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและ
ความมั่นคงของมนุษย์  ช่วยเหลือกำกับดูแลงานด้านการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย  และการจัดระบบการคุ้มครองและ
ประกันทางสังคม ตามยุทธศาสตร์ที่ 4 ของ ศตจ. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ช่วยเหลือกำกับดูแลงานด้าน
การดำเนินงานเศรษฐกิจพอเพียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับรัฐมนตรีช่วย
ว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) รอง ผอ.ศตจ.ช่วยเหลือกำกับดูแลงานด้านการแก้ไขปัญหา
ที่ดินทำกินและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  ช่วยเหลือกำกับดูแลงานด้านการเพิ่มรายได้  ลดรายจ่าย   ขยาย
โอกาสคนยากจนด้านแรงงานและสวัสดิการสังคม

              คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (แบบเดิม-
แบบแถบแม่เหล็ก) ทดแทนบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) โดยให้กระทรวงเทคโนโล
ยีสารสนเทศและการสื่อสารรับไปพิจารณาดำเนินการให้เกิดความชัดเจนภายในเวลา 1 สัปดาห์ พร้อม IC Chip
โดยวิธีพิเศษ เพื่อส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทยไปใช้ดำเนินงานต่อไปภายในเดือนกันยายน 2549 หรือไม่  หาก
ยืนยันว่าสามารถทำได้ให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็วต่อไป แต่หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้แจ้งกระทรวงมหาด
ไทยทราบ  และอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยจัดซื้อบัตรเปล่าแถบแม่เหล็ก จำนวน  1.5  ล้านบัตร  เพื่อใช้ดำเนิน
การออกบัตรประจำตัวประชาชนไปก่อนจนกว่าจะได้รับบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์  (บัตรเปล่า)
พร้อม IC Chip  จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในส่วนที่ได้รับการจัดสรรไว้
แล้วในวัตถุประสงค์เดียวกันนี้   และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานกระทรวงการคลัง
เพื่อขออนุมัติกันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2549 ดังกล่าวไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีตามความจำเป็นต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราช
บัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนนทรีย์  อำเภอเขาสมิง จังหวัด
ตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหาร
ส่วนตำบลทุ่งนนทรีย์ อำเภอเขาสมิง  จังหวัดตราด  เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็ง
แรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย  การสาธารณสุข  การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม  การผังเมือง  การ
สถาปัตยกรรม  และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม
เมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ใช้
บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลเหนือเมือง ตำบลในเมือง  ตำบลดงลาน  ตำบลรอบเมือง  ตำบลขอนแก่น
อำเภอเมืองร้อยเอ็ด และตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด  เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และ
การดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและ
การขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้าม
ก่อสร้าง ดัดแปลง  หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในท้องที่เขตลาดกระบัง เขตประเวศ กรุง
เทพมหานคร และอำเภอบางพลี กิ่งอำเภอบางเสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....  โดยมีสาระ
สำคัญคือ กำหนดพื้นที่ในท้องที่เขตลาดกระบัง เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร  และอำเภอบางพลี กิ่งอำเภอบาง
เสาธง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นบริเวณห้ามก่อสร้างอาคารชนิดและประเภทตามที่กำหนด รวม
ทั้งการดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด และ
ให้ส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและ
ซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร  (Check Dam)  ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" ครั้งที่ 2
(เดือนเมษายน-มิถุนายน 2549) โดยได้ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธารแล้วเสร็จ 83,638
ฝาย  สำหรับงบประมาณดำเนินการ  ทางจังหวัดได้บูรณาการงบประมาณ  จากงบจังหวัดแบบบูรณาการ  งบ
ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด  งบปกติของส่วนราชการ  งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  งบประมาณรายจ่าย
งบกลาง (รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น)  งบ กปร. และงบจากภาคประชาชนสมทบ รวม
ทั้งสิ้น 586,934,893 บาท ในการนี้ กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนประชาสัมพันธ์โครงการ ฯ โดยให้หน่วย
งานดำเนินการใช้สื่อและงบประมาณที่มีอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง  และตั้ง
งบประมาณรองรับจนถึงปี พ.ศ. 2551 เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานตามโครงการ ฯ ผ่านทางสื่อต่าง ๆ

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินการตั้งตู้
นายก ฯ ทักษิณ รับเรื่องร้องเรียนของประชาชน ในรอบ 2 ปี  2  เดือน โดยภาพรวมของการดำเนินการตั้ง
แต่วันที่ 1 มิถุนายน 2547 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา  2  ปี  2  เดือน  กลุ่มปัญหาที่ได้รับร้องเรียนจาก
ประชาชนผ่านตู้นายก ฯ ทักษิณ หน้าบ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และจากหน้าบ้านพิษณุโลก กทม.  มีดังนี้
กลุ่มปัญหาความเดือดร้อนทั่วไป 8,839 เรื่อง กลุ่มการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่/หน่วยงานของรัฐ 5,761 เรื่อง
กลุ่มเรื่องทั่วไป  4,042  เรื่อง และกลุ่มแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด  2,750  เรื่อง  สำหรับการให้ความ
ช่วยเหลือ/แก้ปัญหาในระดับจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการ  ได้ดำเนินการแก้ไขในบทบาทหน้าที่ไป
แล้ว

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับผลการดำเนินงานโครงการ
พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน  (SML)  โดย ณ วันที่  24  สิงหาคม  2549  กระทรวงมหาดไทยได้รับราย
งานข้อมูลการดำเนินโครงการจาก 75 จังหวัด  ว่าเงินงบประมาณที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้รับโอนแล้วมีการเบิกจ่าย
จากธนาคารออมสิน  และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน  15,236.74  ล้านบาท  รวม
114,648 โครงการ  และได้นำเงินที่เบิกจ่ายไปใช้ในการดำเนินโครงการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมากเป็น
อันดับหนึ่ง จำนวน  50,143  โครงการ และโครงการด้านการเกษตรน้อยที่สุด จำนวน  8,802  โครงการ  โดย
โครงการที่มีการเบิกจ่ายดำเนินการตรงตามที่ขออนุมัติโครงการโดยไม่มีการขอเปลี่ยนแปลง จำนวน 109,123
โครงการ คิดเป็นร้อยละ 95.18 รวมทั้งโครงการที่มีการเบิกจ่ายสามารถรองรับการแก้ไขปัญหาความยากจนได้
ตรง จำนวน  54,298  โครงการ  คิดเป็นร้อยละ 47.36  และโครงการที่ดำเนินการส่วนใหญ่มีความก้าวหน้าใน
การดำเนินโครงการในระดับร้อยละ 100

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้
ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 12) และสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความ
กดอากาศต่ำ ระหว่างวันที่  19 - 28  สิงหาคม  2549  โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย
ความก้าวหน้าการสร้างบ้านพักถาวร และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  สำหรับสถานการณ์อุทก
ภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ ระหว่างวันที่ 19 - 28 สิงหาคม 2549 ทำให้มีฝนตกหนักมากในพื้น
ที่ตอนบนของจังหวัดน่าน  ปริมาณฝนสูงสุดที่อำเภอทุ่งช้าง  วัดได้  259  มม.  และเกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่
แม่น้ำน่าน โดยมีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในหลายอำเภอตอนบนของจังหวัดน่าน
รวมทั้งที่จังหวัดเชียงรายมีฝนตกหนักในฟื้นที่อำเภอเชียงแสน แม่สาย และกิ่งอำเภอดอยหลวง ทำให้เกิดน้ำ
ท่วมฉับพลันในพื้นที่บางส่วน และที่จังหวัดสุโขทัยปริมาณน้ำยมที่อำเภอศรีสำโรงและอำเภอเมือง ฯ เอ่อล้น
ตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บางส่วน โดยสถานการณ์อุทกภัยทั้ง 3 จังหวัดคลี่คลายแล้วตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2549
ในการนี้นายกรัฐมนตรีได้ประชุมเพื่อมอบนโยบายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด
น่าน  พร้อมสั่งการให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์  ลิปตพัลลภ) เป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณาจัดสรร
งบประมาณให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ นอกเหนือ
จากงบประมาณปกติที่หน่วยงานได้รับ กับมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายเสริม
ศักดิ์ พงษ์พานิช) รับผิดชอบในเรื่องการปฏิบัติการบรรเทาทุกข์และความเดือดร้อนในพื้นที่ และมอบหมาย
ให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบการสนับสนุนงบประมาณ  กรณีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วย
เหลือผู้ประสบอุทกภัยไม่สามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณทางราชการได้ เป็นต้น

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมือง
รวมจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครสวรรค์ ครอบคลุมพื้นที่
จังหวัดนครสวรรค์ รวมพื้นที่ 9,842 ตารางกิโลเมตร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 (เรื่อง การพิจารณา
ทบทวนแผนงาน/โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด  ตามมติคณะรัฐมนตรีในการ
ประชุมอย่างเป็นทางการนอกสถานที่) ในส่วนของหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์
จำนวน  2  รายการ  (รายการปรับปรุงถนนสาย บร. 3029 บ้านโนนดินแดง-บ้านไทยสามัคคี และรายการ
ปรับปรุงถนนสาย  บร. 3069  บ้านโคกไม้แดง-บ้านศรีสง่า)  จากเดิม  กรมทางหลวงชนบท  เป็น  องค์การ
บริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด  (ครั้งที่ 11)  และรายงานสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกด
อากาศต่ำ ระหว่างวันที่ 13-21 สิงหาคม 2549  โดยในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ  ประกอบด้วย  ความก้าว
หน้าในการจัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราว การจัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) และบ้านพักถาวร รวม
ทั้งการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย  สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ ในช่วง
ระหว่างวันที่ 13-21 สิงหาคม 2549  ได้แก่  สถานการณ์อุทกภัยในช่วงระหว่างวันที่ 13-18 สิงหาคม 2549  มี
ฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง อุบลราชธานี รวม 10 อำเภอ 42 ตำบล
126 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 54,396 คน 12,704 ครัวเรือน ถนนเสียหาย 76 สาย  สะพาน 36 แห่ง  ทำนบ
20 แห่ง ฝาย 8 แห่ง พื้นที่การเกษตร 12,540 ไร่  ท่อระบายน้ำ  28  แห่ง  โรงเรียน  10  แห่ง  วัด  4  แห่ง  มูล
ค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ  93,772,849  บาท   โดยสถานการณ์อุทกภัยเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่วันที่ 18
สิงหาคม  2549  ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 สิงหาคม 2549  มีฝนตกหนักและเกิดอุทก
ภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน และเชียงราย รวม 12 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 39 ตำบล  115  หมู่บ้าน  มีผู้เสียชีวิต  1  ราย
(จังหวัดน่าน) ถนน คอสะพาน ท่อระบายน้ำ เหมือง ฝาย  พื้นที่การเกษตร  และปศุสัตว์ได้รับความเสียหาย  โดย
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือ ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว