คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรม
การ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การตลาด โดยมีองค์ประกอบคณะกรรมการดังนี้ นายสาโรช คัชมาตย์
เป็นประธานกรรมการ  นายนิรันดร์ จงวุฒิเวศย์  เป็นรองประธานกรรมการ  นายสุชัย ภูพิชญ์พงษ์  นายเฉลิมชัย
รัตนจันท นายธวัชชัย ฟักอังกูร รศ.สุพิณ เกชาคุปต์  นายสุชาติ สังข์เกษม  นายอนันต์ ศิริภัสราภรณ์  นายสมโชค
มีไชยโย นายพงษ์ศักดิ์ กว้างสุขสถิตย์ นายเชวง สุวรรณรัตน์ นายอภิวัฒน์ วังวิวัฒน์ นายวัชร บุญชูเศรษฐ์ และนาย
ปรีชา ฐานะพันธ์ เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชุดใหม่ จำนวน 14 ราย โดยมีนายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นประธานกรรม
การ  ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย นายพชร ยุติธรรมดำรง นายศิวะ แสงมณี พล.ท.วิโรจน์
บัวจรูญ นายสมเจตน์ เตรคุพ นายสมพร ใช้บางยาง  พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร  นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล  นาย
ประพันธ์ ฟักเทศ นายสุรพล กาจนะจิตรา นายเสงี่ยม สันทัด  นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์  นายทรงศักดิ์ แพเจริญ
และนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไป  ยกเว้น
กรณีนายพชร ยุติธรรมดำรง  ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไป  แต่ไม่ก่อนวันที่
คณะรัฐมนตรีมีมติ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการการไฟฟ้านครหลวงชุดใหม่ จำนวน 14 ราย โดยมีนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ เป็นประธานกรรมการ
นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา  พลเอกอภิชัย ไวรักษ์สัตว์  นายอนุชา โมกขะเวส  นายบุญชัย  โสวรรณวณิชกุล
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ นายสมนึก สงวนสิน  นายปภัสร์ วิไลจิตต์  นายชัยฤกษ์ ดิษฐ
อำนาจ  นายเกรียงไกร เธียรนุกูล  นายวิจิตร วิชัยสาร  พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  และนายชวลิต เศรษฐเมธีกุล
เป็นกรรมการ  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ  (28  พฤศจิกายน  2549)  เป็นต้นไป  ยกเว้นกรณีนาย
ณัฐจักร  ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา  ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไป  แต่ไม่ก่อนวันที่
คณะรัฐมนตรีมีมติ

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย สถานการณ์ภัยหนาว อัคคีภัย
และไฟป่า ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-27 พฤศจิกายน
2549 มีพื้นที่ประสบภัย รวม 47 จังหวัด 439 อำเภอ 40 กิ่งอำเภอ 16  เขต  3,035  ตำบล  20,425  หมู่บ้าน
ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 5,176,597 คน 1,420,056 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต  296  คน  บ้านเรือนเสียหาย
ทั้งหลัง 645 หลัง เสียหายบางส่วน 36,735 หลัง ถนน 10,040 สาย สะพาน 663 แห่ง  ท่อระบายน้ำ 1,065
แห่ง ทำนบ/ฝาย/เหมือง 777 แห่ง  พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย  6,046,111  ไร่  บ่อปลา/กุ้ง 60,244
บ่อ วัด/โรงเรียน 1,374 แห่ง  ฯลฯ  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 6,946,825,521 บาท  (ไม่รวมทรัพย์สินและ
บ้านเรือนของประชาชน)  สถานการณ์ปัจจุบัน  ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2549  ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์
อุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่  จังหวัดพิจิตร  นครสวรรค์ลพบุรี  สระบุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  สุพรรณบุรี
นครปฐม  ปทุมธานี  และนนทบุรี  ใน  37  อำเภอ  360  ตำบล  2,750  หมู่บ้าน  ราษฎรยังมีความเดือดร้อน
635,795 คน 224,659 ครัวเรือน ส่วนสถานการณ์ภัยหนาว ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2549 มีพื้นที่ประสบภัย
หนาว 9 จังหวัด 73 อำเภอ  8  กิ่งอำเภอ  413  ตำบล4,622 หมู่บ้าน  ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 156,826
คน 61,311 ครัวเรือน ได้แก่ จังหวัดยะเยา เชียงรายเชียงใหม่  แพร่  ลำปาง  สุโขทัย  อุตรดิตถ์  ขอนแก่น  และ
หนองบัวลำภู สำหรับการป้องกันและระงับอัคคีภัย และไฟป่า ในช่วงฤดูแล้ง โดยในส่วนของการเตรียมการป้อง
กันและระงับอัคคีภัยและไฟป่าในช่วงฤดูแล้ง    ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและระงับอัคคีภัยในช่วง
ฤดูแล้ง   ปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย    และแผนปฏิบัติการป้องกันและระงับอัคคีภัยให้เป็นปัจจุบันใช้ปฏิบัติได้
จริง  รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการในการป้องกัน และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้
ประชาชนระมัดระวังการประกอบกิจการที่อาจทำให้เกิดอัคคีภัย เป็นต้น  ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 1-27 พฤศจิกายน
2549 ได้รับรายงานการเกิดอัคคีภัย 73 ครั้ง ในพื้นที่ 23 จังหวัด  53 อำเภอ  56  ตำบล  73  หมู่บ้าน  มูลค่า
ความเสียหายเบื้องต้น 18,823,245 บาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตรสำหรับผู้ประสบภัยธรรมชาติ ในพื้นที่จังหวัด
น่าน และจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2549 มีสาระสำคัญคือ ขยายกำหนดเวลาการต้องมีบัตร
ใหม่หรือเปลี่ยนบัตรแก่ผู้ถือบัตรซึ่งมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน  ในท้องที่ประสบภัยธรรมชาติ  ในพื้นที่  2  จังหวัด
ได้แก่  จังหวัดน่าน และจังหวัดเชียงราย  โดยให้ยื่นคำขอภายในกำหนดระยะเวลา 120 วัน  (วันที่ 19 สิงหาคม
2549  ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2549)  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชุดใหม่ จำนวน 14 ราย โดยมีนายพงศ์โพยม วาศภูติ เป็นประธานกรรม
การ  ส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย นายพชร ยุติธรรมดำรง นายศิวะ แสงมณี พล.ท.วิโรจน์
บัวจรูญ นายสมเจตน์ เตรคุพ นายสมพร ใช้บางยาง  พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร  นายพรสิทธิ์ ศรีอรทัยกุล  นาย
ประพันธ์ ฟักเทศ นายสุรพล กาจนะจิตรา นายเสงี่ยม สันทัด  นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์  นายทรงศักดิ์ แพเจริญ
และนายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (28 พฤศจิกายน 2549) เป็นต้นไป  ยกเว้น
กรณีนายพชร ยุติธรรมดำรง  ให้มีผลตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการเป็นต้นไป  แต่ไม่ก่อนวันที่
คณะรัฐมนตรีมีมติ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่
ธรณีสงฆ์วัดเทพลีลา ในท้องที่แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง และแขวงหัวหมาก  เขตบางกะปิ  กรุงเทพมหา
นคร ให้แก่กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ
แจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร มีบัตรใหม่ หรือเปลี่ยนบัตร สำหรับผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่ จังหวัด
จันทบุรี กำแพงเพชร พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร  นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรี
อยุธยา  สุพรรณบุรี  ปทุมธานี  นนทบุรี  ปราจีนบุรี  อุดรธานี  เชียงใหม่  และกรุงเทพมหานคร   เมื่อวันที่ 11
ตุลาคม 2549  มีสาระสำคัญคือ ขยายกำหนดเวลาการขอมีบัตร มีบัตรใหม่หรือเปลี่ยนบัตรแก่ผู้ถือบัตรซึ่งมีชื่อ
อยู่ในทะเบียนบ้าน ในท้องที่ประสบภัยธรรมชาติ ในพื้นที่ 18 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี กำแพงเพชร  พิษณุ
โลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  สุพรรณบุรี  ปทุมธานี
นนทบุรี ปราจีนบุรี อุดรธานี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร (เขตลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก และบางบอน)
โดยให้ยื่นคำขอภายในกำหนดระยะเวลา 120 วัน  (วันที่ 11 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2550)  และ
ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-20 พฤศจิกายน 2549  มีพื้นที่ประสบภัยรวม  47  จังหวัด 439
อำเภอ  40  กิ่งอำเภอ  16  เขต  2,650  ตำบล 16,093 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4,315,438 คน
1,225,625 ครัวเรือน  มีผู้เสียชีวิต 290 คน  บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 12,957 หลัง
ถนน 7,405 สาย สะพาน 490 แห่ง  ท่อระบายน้ำ 428 แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง  561  แห่ง  พื้นที่การเกษตร
คาดว่าจะเสียหาย 6,046,111 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 46,248 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,331 แห่ง  ฯลฯ  มูลค่าความเสียหาย
เบื้องต้น 6,433,461,892 บาท  (ไม่รวมทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชน)  สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน  ณ
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 12 จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดพิจิตร  นครสวรรค์
สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี  สระบุรี  สุพรรณบุรี  ปทุมธานี  นนทบุรี  นครปฐม   และกรุงเทพ
มหานคร ใน 49 อำเภอ 11 เขต 482 ตำบล 3,650 หมู่บ้าน  ราษฎรเดือดร้อน  858,533  คน  294,427  ครัว
เรือนส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย   กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ได้ดำเนินการ
ช่วยเหลือโดยระดมกำลังเครื่องจักรกล เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม  เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคาว  พร้อมเจ้าหน้าที่
เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย  รวมทั้งสนับสนุนถุงยังชีพ  และจ่ายเงินค่าจัดการศพ  รายละ  15,000  บาท
และมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยที่จังหวัด
สุพรรณบุรี นครปฐม และนนทบุรี

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางดวงขวัญ  จารุดุล
ให้ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิก 10 วช.) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่
17  กุมภาพันธ์  2549  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า
ด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินใน
บริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาลสายถนนรอบ รฟม. และถนนประชาอุทิศ พ.ศ. 2549  มีสาระ
สำคัญคือ  กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงเทศบาลสายถนนรอบ  รฟม.  และถนน
ประชาอุทิศ ในท้องที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง และแขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นางดวงขวัญ  จารุดุล
ให้ดำรงตำแหน่งสถาปนิกใหญ่ (สถาปนิก 10 วช.) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่
17  กุมภาพันธ์  2549  ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า
ด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-13 พฤศจิกายน 2549  มีพื้นที่ประสบภัยรวม  47  จังหวัด 390
อำเภอ 32 กิ่งอำเภอ 16 เขต  2,648 ตำบล  16,085  หมู่บ้าน  ราษฎรได้รับความเดือดร้อน  4,296,017  คน
1,217,693 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 254 คน  บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง  เสียหายบางส่วน 12,015 หลัง
ถนน 7,375 สาย สะพาน 490 แห่ง  ท่อระบายน้ำ 428 แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง  561  แห่ง  พื้นที่การเกษตร
คาดว่าจะเสียหาย 6,046,111 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 44,276 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,335 แห่ง  ฯลฯ  มูลค่าความเสียหาย
เบื้องต้น  6,432,561,892  บาท (ไม่รวมทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชน) สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ณ
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย  15  จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดพิษณุโลก  พิจิตร
นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี  สระบุรี   สุพรรณบุรี   ปทุมธานี
นนทบุรี  นครปฐม   และกรุงเทพมหานคร   ส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย  อาทิ  กรมชล
ประทาน  ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือในฤดูฝนปี 2549  ทั่วประเทศ   พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์และ
แก้ไขปัญหาอุทกภัย ณ ที่ว่าการอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหาการระบาย
น้ำในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี  นนทบุรี  นครปฐม  และกรุงเทพมหานคร  ด้านกรม
ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยระดมกำลังเครื่องจักรกล  เรือท้องแบน
รถผลิตน้ำดื่ม  เต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว  และถุงยังชีพ รวมทั้งจ่ายเงินค่าจัดการศพให้รายละ  15,000  บาท
และเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549  นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยและเร่งรัด
ให้ความช่วยเหลือในพื้นที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม  และอำเภอสองพี่น้อง  จังหวัดสุพรรณบุรี  และมอบถุง
ยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัย  นอกจากนี้  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  (นายบัญญัติ จันทน์เสนะ)  ได้
เป็นประธาน ฯ ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย  วาตภัย  และดิน
ถล่ม ปี 2549 ณ กระทรวงมหาดไทย  โดยได้แจ้งให้จังหวัดที่ประสบอุทกภัย  47  จังหวัด เร่งรัดการให้ความช่วย
เหลือประชาชนผู้ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยให้แล้วเสร็จภายใน  3  เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน
2549 โดยยึดหลักการทำงานที่โปร่งใสเป็นธรรม ประหยัด มีประสิทธิภาพ เป็นต้น

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้
ดังนี้  สถานการณ์อุทกภัย  ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-6  พฤศจิกายน  2549  มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวม 47
จังหวัด 372 อำเภอ 32 กิ่งอำเภอ 16 เขต  2,578  ตำบล  15,459  หมู่บ้าน  ราษฎรเดือดร้อน 4,220,329
คน 1,191,934 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 211 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 10,336
หลัง ถนน 6,978 สาย สะพาน 479 แห่ง  ท่อระบายน้ำ 396 แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง 547 แห่ง  พื้นที่ทาง
การเกษตร 3,388,995 ไร่ บ่อปลา/กุ้ง 40,249 บ่อ วัด/โรงเรียน 1,336 แห่ง ฯลฯ มูลค่าความเสียหายเบื้อง
ต้น  6,270,626,360  บาท  (ไม่รวมทรัพย์สินและบ้านเรือนของประชาชน)  สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน  ณ
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 15 จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดพิษณุโลก  พิจิตร
นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี  สระบุรี  สุพรรณบุรี  ปทุมธานี
นนทบุรี  นครปฐม  และกรุงเทพมหานคร   สำหรับการให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย  กรมชล
ประทาน ได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ  ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธาร
ณภัยได้นำเครื่องจักร เรือท้องแบน รถผลิตน้ำดื่ม และเต็นท์ยกพื้นพักอาศัยชั่วคราว เข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้
ประสบอุทกภัย รวมทั้งจ่ายเงินค่าจัดการศพ และจัดส่งถุงยังชีพ ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าขาวม้า  ผ้าถุง  รองเท้า
ยาง ไปสนับสนุนจังหวัดที่ประสบภัย เป็นต้น

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ ให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 58 ราย ส่วนอีก  2  ราย คือลำดับ
ที่ 12 นายนเรศ จิตสุจริตวงศ์  และลำดับที่ 39 นายสุรพล ภาษิตนิรันดร์  กระทรวงมหาดไทยจะได้มีคำสั่งแต่งตั้ง
ให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดี  (นักบริหาร 9)  กรมการปกครอง  และให้นายพิพัฒน์ วงศาโรจน์  ตำแหน่งผู้ว่าราช
การจังหวัด (นักปกครอง 10) จังหวัดพิษณุโลก ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก  1  ปี  (ครั้งที่ 1)  ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม
2549 เป็นต้นไป  ส่วนกรณีการแต่งตั้ง นายพระนาย สุวรรณรัฐ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 สำนักงานปลัด
กระทรวง   อนุมัติในหลักการให้ได้รับเงินเดือนในอันดับและขั้นที่ได้รับอยู่เดิม  และให้คณะกรรมการพิจารณาเงิน
เดือนแห่งชาติพิจารณากำหนดให้นายพระนายฯ ได้รับเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนรายเดือนเท่ากับอัตรา
ที่ได้รับอยู่เดิม

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความ
ช่วยเหลือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-30 ตุลาคม 2549  มีพื้นที่ประสบภัย รวม
47 จังหวัด 337 อำเภอ 24 กิ่งอำเภอ 2,216 ตำบล 13,261 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 3,681,518
คน 1,065,436 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต  159  คน  บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง  54  หลัง  เสียหายบางส่วน 9,137
หลัง ถนน 5,241 สาย สะพาน 326 แห่ง ท่อระบายน้ำ 396 แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง 508 แห่ง  พื้นที่ทางการ
เกษตร 3,007,431 ไร่  บ่อปลา/กุ้ง 35,152 บ่อ  วัด/โรงเรียน  1,132  แห่ง  ฯลฯ  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น
377,675,751 บาท (ไม่รวมทรัพย์สิน บ้านเรือนและความเสียหายด้านการเกษตร) สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
ณ  วันที่ 30 ตุลาคม 2549  ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย  15  จังหวัด  ได้แก่  จังหวัดพิษณุโลก  สุโขทัย
พิจิตร นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี  สระบุรี  สุพรรณบุรี  ปทุม
ธานี นนทบุรี  และกรุงเทพมหานคร  ส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย อาทิ กรมป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัย  ได้ดำเนินการช่วยเหลือโดยระดมกำลังเครื่องจักรกล  เรือท้องแบน  และจัดส่งถุงยังชีพ  ข้าว
สารอาหารแห้ง เข้าช่วยเหลือผู้ที่ประสบอุทกภัย และจ่ายเงินค่าจัดการศพ 79 ราย  รายละ  15,000  บาท กรณี
เป็นหัวหน้าครอบครัว รายละ 40,000 บาท เป็นเงิน  2,060,000  บาท  รวมทั้งจ่ายเงินช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ
ให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยเป็นเงิน 314,762,324 บาท เป็นต้น และเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2549 พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมุฏราชกุมาร  เสด็จไปทรงเยี่ยมราษฎรที่
ประสบอุทกภัยน้ำท่วม  พร้อมประทานถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบภัยที่อำเภอโพธิ์ทอง  และอำเภอป่าโมก
จังหวัดอ่างทอง   ทั้งนี้  ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือและ
บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัย  รวมทั้งให้เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่โดยเร็วเพื่อ
ป้องกันน้ำเน่าเสียและการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ เช่นโรคฉี่หนู โรคน้ำกัดเท้า เป็นต้น

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม-23 ตุลาคม 2549 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 47 จังหวัด 331 อำเภอ
24  กิ่งอำเภอ  2,193  ตำบล  12,776  หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 3,527,766 คน 1,014,086 ครัว
เรือน มีผู้เสียชีวิต 125 คน สูญหาย 1 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 54 หลัง เสียหายบางส่วน 9,208 หลัง ถนน
4,691 สาย  สะพาน 317 แห่ง  ท่อระบายน้ำ  395  แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง  507  แห่ง  พื้นที่ทางการเกษตร
2,754,599 ไร่  บ่อปลา/กุ้ง 30,529 บ่อ  วัด 532 แห่ง  โรงเรียน  492  แห่ง  ฯลฯ  มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น
334,450,595 บาท  (ไม่รวมความเสียหายทรัพย์สิน/บ้านเรือนของประชาชนและความเสียหายด้านการเกษตร)
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน  ณ วันที่ 23 ตุลาคม 2549  ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 16 จังหวัด  ได้แก่
พิษณุโลก สุโขทัย  พิจิตร  นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง  พระนครศรีอยุธยา  ลพบุรี  สระบุรี
สุพรรณบุรี  ปทุมธานี  นนทบุรี  ปราจีนบุรี  และกรุงเทพมหานคร   ส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบ
อุทกภัย  กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย  และมอบให้โครงการชลประทานใน
เขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาทุกโครงการเป็นหน่วยงานรับแจ้งเรื่องร้องทุกข์ของเกษตรกรเกี่ยวกับพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์
และประมงที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย   รวมทั้งสนับสนุนในเขตพื้นที่ชลประทานให้มีการทำนาปรัง  2  ครั้ง
หลังจากน้ำลด   และเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2549  พระเจ้าหลานเธอ  พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาเสด็จเยี่ยมราษฎรที่
ประสบอุทกภัยและติดตาม "โครงการนำร่องช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้วัดเป็นศูนย์กลาง" ในพื้นที่อำเภออินทร์
บุรี และอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมกับประทานถุงยังชีพแก่ผู้พิการ คนชรา และประทานนมผงเด็กอ่อน เป็น
ต้น  นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน  14  จังหวัดภาคใต้  รวมทั้งเพชรบุรี  และประจวบคีรีขันธ์  เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์
อุทกภัย วาตภัยและดินถล่มที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง นายวิชัย ธรรมชอบ เป็นเลขานุ
การรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้ง นายสมัชชา  โพธิ์ถาวร เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกา
ว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 11 จำนวน 1 ราย คือ นายพงศ์โพยม วาศภูติ ดำรงตำแหน่งปลัด
กระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง  และระดับ 10  จำนวน 5 ราย คือ นายสาโรช คัชมาตย์ ดำรง
ตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดกระทรวง  นายสมพร ใช้บางยาง ดำรงตำแหน่งอธิบดี
(นักบริหาร 10) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10)
กรมที่ดิน  นายพีรพล  ไตรทศาวิทย์  ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  (นักบริหาร 10)  สำนักงานปลัดกระทรวง
และนายสมชาย  ชุ่มรัตน์  ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  (นักบริหาร 10)  สำนักงานปลัดกระทรวง  ตั้งแต่วันที่
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ  แต่งตั้งเป็นต้นไป  ทั้งนี้  ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและ
การประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่
27 สิงหาคม-16 ตุลาคม 2549 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 46 จังหวัด 290 อำเภอ  19  กิ่งอำเภอ  1,729  ตำบล
9,601 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,452,563 คน  638,966 ครัวเรือน  มีผู้เสียชีวิต  56  คน  สูญ
หาย 2 คน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 44 หลัง เสียหายบางส่วน 8,005 หลั ง ถนน 3,347 สาย  สะพาน 263
แห่ง ท่อระบาย้ำ 385 แห่ง  ทำนบ/ฝาย/เหมือง 463 แห่ง  พื้นที่ทางการเกษตร 1,836,418 ไร่  บ่อปลา/กุ้ง
19,559 บ่อ วัด/โรงเรียน 466 แห่ง ฯลฯ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 305,289,193 บาท  (ไม่รวมทรัพย์สิน
และบ้านเรือนของราษฎร)  สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน  ณ  วันที่ 16 ตุลาคม 2549  ยังมีพื้นที่ที่ยังคงมีสถาน
การณ์อุทกภัย 16 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก  สุโขทัย  พิจิตร  นครสวรรค์  ชัยนาท  อุทัยธานี  สิงห์บุรี  อ่างทอง
พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี ปทุมธานี นนทบุรี  ปราจีนบุรี  และกรุงเทพมหานคร  ส่วนการ
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ
ภัย ได้ระดมกำลังเครื่องจักรกล ยานพาหนะ  เครื่องมือ  อุปกรณ์  และเจ้าหน้าที่ของศูนย์เขตต่าง ๆ เข้าไปช่วย
เหลือและฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย   รวมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบอุทกภัยเร่งช่วยเหลือ
ประชาชนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม  เป็นต้น  นอกจากนี้ ได้แจ้งกำชับให้ผู้ว่าราชการ
จังหวัดเพชรบุรี  ประจวบคีรีขันธ์  และ 14 จังหวัดภาคใต้  เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น
เนื่องจากในช่วงกลางเดือนตุลาคม เป็นต้นไป จนถึงกลางเดือนมกราคม จะเป็นช่วงฤดูมรสุมของภาคใต้