ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 98 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1941 - 1960 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1941 | แผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศจังหวัด เชียงใหม่-ลำพูน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเห็นชอบในหลักการของ (ร่าง) แผน ปฏิบัติการจัดการมลพิษอากาศเชียงใหม่-ลำพูน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไป ปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าวให้มีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนี้ ให้ตรวจสอบสภาพการดำเนิน งานที่มีผลต่อการจัดการมลพิษอากาศในจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูนของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งด้านงบประมาณที่ ได้รับ เป้าหมายและผลการดำเนินการที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยพิจารณาปรับ (ร่าง) แผนปฏิบัติการดังกล่าว ตามข้อมูลที่ได้รับโดยกำหนดขอบเขต วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ กำหนดตัวชี้วัดและแนวทางบูรณา การภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน และกำหนดโครงการและกิจกรรมตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติ การ ฯ เท่าที่จำเป็น ไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการหรือกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่และต้องก่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถตรวจวัดได้ มีมาตรการตรวจสอบ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติ การ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ และ ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ และตระหนักในการมีส่วนร่วมลดมลพิษอากาศในพื้นที่ เพื่อเกิดผลสำเร็จต่อ เนื่องในระยะยาว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ ไปประกอบการปรับปรุง (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ ด้วย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาด้วยว่า การดำเนิน การเกี่ยวกับปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม ควรดำเนินการในเชิงรุกดูแลป้องกันมิให้เกิดปัญหามากกว่าที่จะ ดำเนินการแบบตั้งรับเพื่อแก้ไขฟื้นฟูหลังจากเกิดปัญหาแล้วเพราะการแก้ไขปัญหาจะทำให้เกิดภาระและสิ้น เปลืองงบประมาณค่าใช้จ่ายมากกว่า และยากที่จะแก้ไขให้สภาพธรรมชาติกลับคืนดังเดิมได้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาด้วยว่าควรนำเอาหลักการที่ว่า "ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา" (Polluter Pay Principle-PPP) มาใช้ในการดำเนินการได้มากน้อยเพียงใดด้วย |
||||||||||||||||||
1942 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2547 | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบ ร้อยแล้วทั้งสิ้นรวม 14 เรื่อง ดังนี้ (1) รายงานการประชุมฯ ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 (2) แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตควบคุมมล พิษ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี (3) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อ อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ เพื่ออุตสาหกรรมเคมี เพื่ออุตสาหกรรมแคลเซียมคาร์ไบด์ หรือเพื่อทำปูนขาวสำหรับ อุตสาหกรรมฟอกหนัง หรืออุตสาหกรรมน้ำตาล ประทานบัตรที่ 24947/14628 ของบริษัท สิรินิธิ จำกัด (บริษัท สายจำรัสปูนขาวรับช่วงการทำเหมือง) ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (4) ราย งานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่ไพโรฟิลไลต์ ประทานบัตร ที่ 19983/13628 ของนายชำนาญ ตันกูล ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (5) การบริจาคเงิน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ EANET (6) การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรง งานปูนซีเมนต์ที่ใช้ของเสียเป็นเชื้อเพลิงหรือเป็นวัตถุดิบในการผลิต (7) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำ เสียเทศบาลตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต (8) การกำหนดมาตรฐานค่าความทึบแสงจากปล่องปล่อยทิ้งอากาศ เสียของโรงสีข้าวที่ใช้หม้อไอน้ำ (9) คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมขออนุมัติทบทวนการปรับแก้ไขระเบียบ คณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดลล้อมเพื่อการใช้จ่ายเงินสำหรับการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในกรณีฉุกเฉิน (10) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (11) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาท่าอากาศยาน เชียงใหม่ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (12) การบังคับใช้มาตรฐานมลพิษจากยานพาหนะ ใหม่ สำหรับรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก ระดับที่ 6 และรถยนต์เบนซิน ระดับที่ 7 (13) แต่งตั้งและปรับปรุงคณะ อนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และ (14) ศาลปกครองชั้นต้นแจ้งผลการพิจารณา คดีหมายเลขดำที่ 304/2544
|
||||||||||||||||||
1943 | แต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางอรอนงค์ มณีกาญจน์) | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้ง นาง
อรอนงค์ มณีกาญจน์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 ตุลาคม 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||
1944 | สรุปการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกัน ผลการดำเนินการและมาตรการติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่าจำพวกนก | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยาน
แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานสรุปการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกัน ผลการดำเนินการ และมาตรการติดตามเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกในสัตว์ป่าจำพวกนก ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดนกทั้งในและนอกเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และเก็บตัวอย่างนกในธรรมชาติในกลุ่มนกน้ำ นกทุ่ง และนกบ้าน-นกในเมือง ในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และสุพรรณบุรี เพื่อตรวจหาเชื้อไข้หวัดนก และได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อควบ คุมโรคไข้หวัดนกสำหรับผู้เลี้ยงนกสวยงามในประเทศ โดยทำการสุ่มเก็บตัวอย่างจากนกเลี้ยงสวยงามของ ผู้เลี้ยง และนกที่อาศัยอยู่ตามแหล่งธรรมชาติ และเก็บตัวอย่างน้ำจากแหล่งธรรมชาติ (บริเวณเดียวกับที่ เก็บตัวอย่างนก) เพื่อตรวจพิสูจน์หาเชื้อโรคไข้หวัดนก รวมทั้งได้มีการเก็บตัวอย่างนกอพยพในพื้นที่ 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย (ทะเลสาบเชียงแสน) จังหวัดพะเยา (กว๊านพะเยา) จังหวัดนคร สวรรค์ (บึงบอระเพ็ด) จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี (วัดไผ่ล้อม) จังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ (เขาสามร้อยยอด) จังหวัดสงขลา (ทะเลสาบสงขลา) จังหวัดพัทลุง (ทะเลน้อย) และจังหวัดชลบุรี ถึงเพชรบุรี (อ่าวไทยตอนใน) นอกจากนี้ยังได้จัดทำแผนการป้องกันและควบคุมการระบาดของเชื้อไข้หวัด นกในสัตว์ป่า ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2552 ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะ กรรมการพิจารณาแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก อันมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็น ประธานกรรมการ |
||||||||||||||||||
1945 | การติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่สังกะสี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | ทส | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลการติดตามตรวจสอบผลกระทบ
สิ่งแวดล้อม โครงการเหมืองแร่สังกะสี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อหาสาเหตุของแหล่งที่มา พบว่า สารแคด เมี่ยมอาจปนเปื้อนมากับตะกอนแขวนลอยในน้ำทิ้งที่ระบายออกจากโครงการเหมืองแร่สังกะสี ของบริษัท ผา แดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ตากไมนิ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบและ แก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เข้าไปตรวจสอบการดำเนินการของ เหมืองแร่สังกะสีทั้ง 2 แห่ง พบว่า บริษัทผาแดงอินดัสทรี ฯ ยังไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน ฯ ซึ่ง โครงการอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำผิวดินและตะกอนท้องน้ำบริเวณห้วยแม่กุและอยู่ระหว่างทำ Post auditing ในส่วนของกระบวนการลอยแร่ และในการก่อสร้างอาคารกรองตะกอนดินทราย ไม่เป็นไปตาม แบบที่เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ ฯ นอกจากนี้ ระบบบ่อดักตะกอนที่รองรับน้ำฝนที่ไหลผ่านหน้าเหมือง มีขนาดเล็กกว่าที่ระบุไว้ในรายงาน ฯ ถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตร และยังไม่ได้จัดสร้างบ่อดักตะกอนบ่อที่ 7 ตามที่กำหนดไว้ในรายงาน ฯ ทั้งนี้ จากการไม่ปฏิบัติตามมาตรการในรายงาน ฯ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติ โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ขอความร่วมมือกระทรวงอุตสาห กรรมพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ต่อโครงการเหมืองแร่สังกะสีของ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี ฯ เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2547 ในส่วนของโครงการเหมืองแร่สังกะสี ของบริษัท ตาก ไมนิ่ง ฯ พบว่า ปัจจุบันโครงการหยุดดำเนินการทำเหมือง และได้ดำเนินการตามมาตรการเพิ่มเติมเสร็จสิ้น แล้ว นอกจากนี้ บริษัท ตากไมนิ่ง ฯ ยังอยู่ระหว่างคัดเลือกที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อติดตามตรวจสอบคุณ ภาพน้ำและดินตะกอนบริเวณห้วยปาปุง โดยรับรองว่าจะไม่ปล่อยน้ำจากโครงการสู่ห้วยปาปุงและห้วยแม่ตาว อีกต่อไป
|
||||||||||||||||||
1946 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ครั้งที่ 2 | ทส | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธาน
กรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้รายงานสรุปความก้าวหน้าผลการ ดำเนินงานการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ครั้งที่ 2 โดยผลการดำเนินงานระหว่าง เดือนมีนาคม 2547 ถึงเดือนสิงหาคม 2547 รวมจำนวน 3,047 คดี ผู้ต้องหา 1,052 คน ไม้ของกลาง 6,790 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่ถูกบุกรุกรวม 31,454-3-91 ไร่ และดำเนินคดีสำคัญและคดีรายใหญ่รวม 18 คดี ทั้งนี้ กรม ป่าไม้ ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ทส 1616.2/7381 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2547 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อหยุดยั้งมิให้เกิดการทุจริตหรือเป็นช่องทางให้กลุ่มบุคคลผู้กระทำผิด หรือผู้แสวงหาประโยชน์จากไม้ของกลาง ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายไม้ของกลางระหว่างคดี หรือคดีถึงที่สุดแล้วก็ตาม นอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้ว การขายให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ต้องได้รับความเห็นชอบจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนทุกกรณี
|
||||||||||||||||||
1947 | สรุปผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ | ทส | 05/10/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการจัดการน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 10 มีนาคม-30 กันยายน 2547 สรุปดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการยื่นฟ้องคดีอาญากิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีกับพวกในข้อหาฉ้อโกง ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ระหว่าง การไต่สวนมูลฟ้องของศาล และให้มีหนังสือเพื่อปรึกษาคดีเกี่ยวกับการดำเนินคดีข้าราชการประจำหรืออดีต ข้าราชการประจำไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งสำนักงานอัยสูงสุดแจ้งว่า พนักงานอัยการไม่อาจเข้าร่วม ให้คำปรึกษาได้ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อการใช้ดุลยพินิจในการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการเมื่อ ได้รับสำนวนการสืบสวนในเรื่องเดียวกัน กรมควบคุมมลพิษจึงต้องดำเนินการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวเอง และ สำนักงานอัยการสูงสุดได้มอบหมายพนักงานอัยการยื่นฟ้องกิจการร่วมค้า ฯ ต่อศาลแพ่งเรื่องนิติกรรมเป็น โมฆะเพื่อเรียกเงินคืนตามหลักกฎหมายเรื่องลาภมิควรได้ มีจำนวนทุนทรัพย์ 17,045,889,431.40 บาท และ 121,343,887.19 เหรียญสหรัฐ โดยศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำร้องของกิจการร่วมค้า ฯ พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และ ให้กรมควบคุมมลพิษฟ้องคดีแพ่งกับกลุ่มธนาคารผู้ค้ำประกันต่อศาลแพ่งเรียกให้ชำระหนี้ตามหนังสือสัญญา ค้ำประกัน จำนวน 2,203,408,730.50 บาท และ 19,794,781.16 เหรียญสหรัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการ พิจารณาของศาลแพ่ง ในการนี้ กิจการร่วมค้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กรมควบคุมมลพิษแต่งตั้ง อนุญาโตตุลาการฝ่ายกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ยื่นคำคัดค้านต่อคำร้องดังกล่าวแล้ว นอก จากนี้ ให้กรมควบคุมมลพิษว่าจ้างกลุ่มที่ปรึกษาปฏิบัติงานสำรวจและตรวจสอบการออกแบบ และการก่อ สร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งวิเคราะห์และจัด ทำทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการดำเนินโครงการออกแบบรวมก่อสร้าง ฯ โดยกลุ่มที่ปรึกษา ฯ ได้ประชา สัมพันธ์ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้อง และนำกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนมาใช้ในการ พิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม โดยนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณา และจัดทำแผนปฏิบัติการ สำหรับ การดำเนินการตามทางเลือกดังกล่าว ทั้งนี้ กลุ่มที่ปรึกษา ฯ มีกำหนดที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน เดือนธันวาคม 2547
|
||||||||||||||||||
1948 | ขออนุมัติเงินงบประมาณประเภทเงินราชการลับ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่เหลือ จ่ายไปตั้งจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ประเภทเงินราชการลับ ในวงเงิน 5,000,000 บาท สำหรับการจัดทำงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติ ฯ เสนอขอรับการจัดสรรเงินราชการลับดังกล่าวไปที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และเนื่อง จากเป็นระยะใกล้สิ้นปีงบประมาณ หากไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวได้ทัน ก็ให้สำนักงานปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ขอกันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันต่อกระทรวงการคลังต่อไป |
||||||||||||||||||
1949 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ (วาระสำคัญของรัฐบาล) (Agenda based) | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการ พิจารณา และผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม พื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเห็นว่า การบริหาร จัดการระบบระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ควรจัดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรม การร่วมในการบริหารจัดการน้ำท่วมและการระบายน้ำบริเวณโดยรอบสนามบินและพื้นที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรม ชลประทานเป็นฝ่ายเลขานุการ และมีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้น ที่ร่วมดำเนินการพัฒนาระบบระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วมทุกขั้นตอน ตลอดจนร่วมในการเฝ้าระวังและ บริหารจัดการน้ำหลากอย่างต่อเนื่อง โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองประกาศเขตผังเมือง รวมออกมาเพื่อควบคุมการใช้ที่ดินและกำหนดทางระบายน้ำสายหลัก สายรอง และบริเวณทางน้ำหลาก เพื่อ มิให้เกิดปัญหาเรื่องระบบระบายน้ำและระบบป้องกันนำท่วม และควรจัดให้มีการประชุมหารือคณะกรรมการ ร่วมเพื่อหาแนวทางการบริหารจัดการระบายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม โดยร่วมกับสำนักการระบายน้ำของ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดกรุงเทพมหานคร กรม ชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานท่าอากาศยาน ฯ และตัวแทนประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 เรื่อง ขั้นตอนการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ต่อไป
|
||||||||||||||||||
1950 | ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน (โครงการพัฒนาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวกลุ่มน้ำตกห้วยแก้ว ดอยสุเทพ-ปุย) | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาศักย ภาพแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มน้ำตกห้วยแก้ว ดอยสุเทพ-ปุย จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 โดยให้ใช้จ่ายจาก งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 |
||||||||||||||||||
1951 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการช้างลาดตระเวนป่า ระยะที่ 2 และขอขยายระยะเวลาในการดำเนินงานออกไปอีก 6 เดือน (ตุลาคม 2547 - มีนาคม 2548) | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมอุทยาน
แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการช้างลาดตระเวนป่า โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 21,000,000 บาท ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ต่อเนื่องปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 อีก 6 เดือน (ตุลาคม 2547-มีนาคม 2548) โดยจัดทำราย ละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2548 และทำความตกลงเพิ่มเติมกับกระทรวงการ คลังและสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
1952 | การเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (สถานที่ตั้งกรมทรัพยากรน้ำ) | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ขออนุมัติงบ
ประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 เป็นค่าเช่าที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นสถานที่ ตั้งกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 1,655,352 บาท และอนุมัติงบประมาณค่าเช่าที่ดินดังกล่าวในปีต่อ ๆ ไปตามที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้กำหนดไว้ (อัตราค่าเช่าที่ดินรายปีอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าที่ดินที่ทางราชการประเมินในขณะนั้น) |
||||||||||||||||||
1953 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2547 | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุม
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ ให้การรับรองเรียบร้อยแล้วในการประชุม ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2547 โดยมีมติคณะกรรม การ ฯ ทั้งสิ้นรวม 15 เรื่อง ประกอบด้วย (1) เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ฯ แทนรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ ฯ ซึ่งติดภารกิจ มีเรื่องแจ้งรวม 3 เรื่อง ได้แก่เรื่อง การนำมติการประชุมคณะ กรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2547 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2547 และคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 เรื่อง ให้ตั้งคณะอนุกรรมการภาย ใต้คณะกรรมการ ฯ เพื่อพิจารณาดูแลเรื่องมลพิษทางสายตาในกรุงเทพ ฯ โดยเฉพาะจากป้ายโฆษณาต่าง ๆ และเรื่อง ให้กระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและโครงสร้างป้ายโฆษณา (2) เรื่องรายงานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 เพื่อให้คณะกรรมการ ฯ ให้การรับรอง (3) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ การขอผ่อนผัน การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) บริเวณเขา วง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เรื่องเพื่อพิจารณา 8 เรื่อง ได้แก่ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณ ภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้น ทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ระหว่างสถานีศรีราชา ถึง สถานีฉะเชิงเทรา ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระ บุรี การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการและคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ การกำหนดมาตรฐานการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา และแพปลา การ กำหนดมาตรฐานความสั่นสะเทือนโดยทั่วไปที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารและส่วนต่างๆ ของอาคาร และ แผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง และ (4) เรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง ได้แก่ รายงานผลการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับ จังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์ การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2546 และ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||
1954 | การขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2545 กรณีมีหนี้สินผูกพันเกิน 2 ปีงบประมาณ | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2545 จำนวน 43,580,734 บาท จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2548 ได้เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้ว เสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2548 หากเบิกจ่ายไม่ทัน ก็ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป และถ้ามีความจำเป็น ต้องเบิกจ่าย ให้เจียดจ่ายจากปีงบประมาณที่ได้รับแจ้งหนี้ตามนัยหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0514/ 21740 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2548 เรื่อง การเบิกค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปี |
||||||||||||||||||
1955 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 11 ราย) | ทส | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งประธาน
กรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (14 กันยายน 2547) เป็นต้นไป ประกอบด้วย นายระเฑียร ศรีมงคล เป็นประธานกรรมการ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ นายวิชัย แหลมวิไล นายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท นายประวิช สารกิจปรีชา นายชยานนท์ กฤตยาเชวง นายเธียรชัย ณ นคร พันเอก(พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายปานเทพ รัตนากร นายสุพจน์ เฟื่องฟูพงศ์ เป็นกรรมการ และนายโสภณ ดำนุ้ย เป็นกรรมการและเลขานุการ |
||||||||||||||||||
1956 | การลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรม | ทส | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมเสนอกรณีมีการลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรม อำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเก็บรวบรวมกากของเสียอันตราย ทั้งหมด และดินที่ปนเปื้อนไปกำจัดหรือทำลาย ด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยเร่งด่วน ให้ดำเนินการสอบ สวนและหาผู้รับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว และดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ มีการอนุญาตให้นำกากของเสียที่เป็นอันตรายจากอุตสาหกรรมมาทดลองกำจัดในเตาเผา หรือวิธีการ อื่น เว้นแต่จะกำหนดระยะเวลา และปริมาณของเสียที่เป็นอันตรายที่จะนำไปทดลองกำจัดให้เหมาะสม และชัดเจน ให้มีการจัดทำระบบบัญชีและระบบกำกับและติดตามกากของเสียที่เป็นอันตรายจากอุตสาห กรรม รวมทั้งออกกฎระเบียบเกี่ยวกับระบบเอกสารกำกับการขนส่งกากของเสียที่เป็นอันตรายจาก อุตสาหกรรมให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และให้จังหวัดนครราชสีมาขยายผลการสืบสวนสอบสวน เพื่อ ให้ได้ตัวผู้จ้างวานกลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้ามาดำเนินการดังกล่าว มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดิน น้ำ ใต้ดิน และน้ำผิวดินในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน |
||||||||||||||||||
1957 | ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า | ทส | 07/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า เสนอขอถอนเรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรม การอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า คืนไปได้ |
||||||||||||||||||
1958 | ขออนุมัติในหลักการโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ | ทส | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
มาตรการ/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ ซึ่งได้แก่ มาตรการ แก้ไขตามแผนระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย งานขุดลอกลำน้ำเดิม พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ รวม 8 โครงการ และมาตรการแก้ไขตามแผนระยะต่อไป ประกอบด้วย งานขุดขยายคลองข่าช่วงอ้อมเมือง เพื่อให้สามารถผันน้ำได้มากขึ้น พร้อมก่อสร้างอาคารประกอบ และเปิดขยายช่องสะพานบนถนนสาย ที่ขวางการไหลของน้ำอีก 7 แห่ง โดยเฉพาะถนนศรีรัตน์และทางหลวงหมายเลข 3150 รวมทั้งขยาย คลองข่าช่วงสุดท้ายลงสู่ทะเลพร้อมอาคารประกอบเพิ่มเติม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับไปประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนปรับรูปแบบและราย ละเอียดของการดำเนินการต่าง ๆ ให้มีขนาด เทคนิค วิธีการ และวงเงินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมเท่าที่ จำเป็น เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลอย่างแท้จริง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณสนับสนุนในภาพรวมทั้งหมดต่อ ไป ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญกับการพิจารณาจัดสรรวงเงินค่าใช้จ่ายให้กับการดำเนิน การเรื่องนี้ในลำดับต้น โดยหากไม่สามารถใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีปกติของหน่วยงานได้ ก็ให้ พิจารณางบประมาณแหล่งอื่นเพิ่มเติมด้วย |
||||||||||||||||||
1959 | รายงานผลปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | ทส | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติการ
เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลานจังหวัดสระบุรี ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2547 สรุปดังนี้ (1) การ ตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม ดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ของผู้ประกอบการเหมืองหินและ โรงงานปูนซีเมนต์ โดยได้สั่งการ กำชับ เร่งรัด ประสานงานให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยป้อง กันรักษาป่าที่ สบ 2 (ลำพญากลาง) เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทั้งคณะพนักงานเจ้า หน้าที่ตำรวจป่าไม้ และฝ่ายปกครอง ออกปฏิบัติการตรวจสอบ ตรวจค้น สืบสวน สอบสวน จับกุม ดำเนิน คดีกับผู้ลักลอบทำเหมืองหินบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ไดรับอนุญาตให้แผ้วถางป่า ฯ ตามกฎหมาย ถึง ปัจจุบันมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 14 ราย และตรวจพบผู้กระทำความผิดใหม่อีก 2 ราย (2) การตรวจสอบ ควบคุม การดำเนินกิจการของโรงงานโม่ บด และย่อยหิน ได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ร่วมกับนายอำเภอท้องที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจสอบประทานบัตรเหมืองหินทุกแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีประทานบัตรถูกต้อง และให้ผู้ประกอบกิจ การเหมืองจัดทำแผนการจัดการหน้าเหมือง พัฒนาหน้าเหมืองให้เป็นแบบขั้นบันไดทุกแห่ง และพบว่ามีการทำ เหมืองหินในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยโดยใช้คนห้อยโหนเจาะระเบิดหน้าผา ได้สั่งหยุดกิจการไปแล้ว 13 แห่ง นอก จากนี้ ได้ควบคุมการใช้วัตถุระเบิดในกิจการเหมืองหินให้เป็นไปตามกฎหมาย ตรวจสอบการขนย้าย ปริมาณ อย่างเคร่งครัด ในส่วนของการตรวจสอบ ควบคุมกิจการของโรงโม่ บด และย่อยหิน ได้สั่งระงับการเดินเครื่อง จักร และแก้ไขปรับปรุง โดยระงับการเดินเครื่องจักรบางส่วนให้แก้ไขปรับปรุงโรงงานเพื่อกำจัดฝุ่นละออง (3) การเฝ้าระวังรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ประสาน งาน และขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีโครงการตรวจสุขภาพพนักงานโรงงานโม่ บด และย่อยหิน มีโรงงานโม่ บด และย่อยหิน เข้าร่วมโครงการแล้ว 19 แห่ง จัดให้มีโครงการตรวจสุขภาพประชา ชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน ฯ ตรวจสภาพแรงงานในสถานประกอบการโรงงาน ฯ และอบรมให้ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานและการคุ้มครองแรงงาน |
||||||||||||||||||
1960 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน | ทส | 24/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน และรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ในเรื่องดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้รายงานผลการดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรค (หากมี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจนไม่สามารถดำเนินการต่อ ไปได้ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด้วย ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดดำเนินการปรับ แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับความเห็นของสภาที่ปรึกษา ฯ จึงเห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการระบบบำบัด น้ำเสียให้เกิดประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืนเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหา รือเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการ วางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีเงื่อนไขเวลาและสามารถ เชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดและท้องถิ่น แล้วสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบภายใน 3 เดือน และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการ ดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 และวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เรื่อง แนวทางการจัดทำ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการในเรื่องที่สภาที่ปรึกษา ฯ ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดตามประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป |