ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 100 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1981 - 2000 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1981 | การจัดหาน้ำบาดาลให้ประชาชนตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลของประชาชนเพื่อประชาชน โดยประชาชนมีส่วนร่วม | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ
บาดาล เสนอโครงการจัดหาน้ำบาดาลให้ประชาชนตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลของประชาชน เพื่อประชาชน มีส่วนร่วม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาแหล่งน้ำ โดยก่อสร้างบ่อน้ำบาดาลที่มีคุณภาพตามหลักวิชาการ ออกแบบ ระบบส่งน้ำ และส่วนปรับปรุงคุณภาพน้ำ (ถ้าจำเป็นต้องมี) ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่นอกเขตพื้นที่ชลประทานที่ ขาดแคลนแหล่งน้ำ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งจัดการ ฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีในการบำรุงรักษาบ่อบาดาลและระบบส่งน้ำทั้งระบบให้กับประชาชนในพื้นที่ โดย มีเป้าหมายในการจัดหาแหล่งน้ำสะอาด โดยการเจาะบ่อน้ำบาดาล จำนวน 12,000 บ่อต่อปี พร้อมทั้งซ่อม บำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาลและเครื่องสูบน้ำบาดาล ระบบประปา โดยประชาชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ยังได้เสนอ หลักเกณฑ์การให้บริการเรื่อง การให้ความช่วยเหลือองค์กรของรัฐและเอกชนในการประกอบกิจการน้ำบาดาล ตามคำสั่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ 245/2547
|
||||||||||||||||||||||||
1982 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การ
สวนพฤกษศาสตร์ โดยให้กรรมการอื่นที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง และ เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้ง นายธีระ สูตะบุตร เป็นประธาน กรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ นายธวัชชัย สันติสุข นายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ นายปานศุข ศรีโพธิ์เจริญ นายสมโภชน์ นันทพงษ์ และนางสาวสุภาภรณ์ ปิติพร เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (27 กรกฎาคม 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||
1983 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546 | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการ
จัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยเนื้อหาที่สำคัญเช่น บทที่ 1 กระบวนการทางการเมืองและสิ่ง แวดล้อมเป็นการนำเสนอความเป็นมาของการเมืองไทย ประกอบด้วย กระบวนการทางเมืองกับการบริหาร จัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการอื่น ข้อจำกัดของการบริหารจัดการสิ่ง แวดล้อม โดยกระบวนการทางการเมือง และกระบวนการทางการเมืองและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ของไทย บทที่ 2 การปฏิรูประบบราชการ ประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เป็นการนำเสนอระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยและแนวทางปฏิรูประบบราชการ ประกอบ ด้วย องค์กรหลักของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งมีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการ กำหนด วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตลอดจนประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ บทที่ 3 การกระจายอำนาจการจัดการสิ่งแวดล้อมไปสู่ท้องถิ่น เป็นการนำเสนอ การบริหารจัดการบ้านเมืองและแนวทางการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สถาน การณ์การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัญหาของการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1984 | ความร่วมมือไทย-พม่า ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำ | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
หลักการร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือไทย-พม่า ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยหลักการของ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการร่วมเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างพม่า และไทย มีหน้าที่พิจารณาโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ รวม 3 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านบริหาร และ ด้านการเงินทั้งนี้ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำไทย-พม่า ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะประสานและหารือกับ กระทรวงการต่างประเทศก่อนการแต่งตั้ง และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
1985 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และ การอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... คืน ไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1986 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธาน
กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการเพื่อลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย รวม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม โดยดำเนินการใน ระยะเร่งด่วนในพื้นที่คัดเลือก จำนวน 136 หมู่บ้าน งบประมาณรวม 20.4 ล้านบาท และโครงการป้อง กันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย โดยรวบรวมวิเคราะห์โครงการต่าง ๆ ที่จังหวัดที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เสนอมา รวม 51 จังหวัด 578 โครงการ งบประมาณรวม 285.5 ล้านบาท โดยโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย-ดินถล่ม ให้กรมทรัพยากรน้ำ และโครงการป้องกันและมีความเสียหายเนื่อง จากอุทกภัย ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายจากเงินทด รองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการ จังหวัดอยู่แล้ว (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณีตามความเหมาะสม โดยกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการใดที่ มีวงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป และหากกระทรวงมหาดไทย เห็นควรกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมประการใดเพื่อให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างชัดเจนถูกต้อง ก็ให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1987 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้โอนย้าย นายปลอดประสพ สุรัสวดี ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราช การประจำ (นักบริหาร 11) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||
1988 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1989 | ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (แผนฟื้นคืนธรรมชาติและเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฟื้นคืนธรรมชาติ(พ.ศ. 2548-2552)และการบริหาร
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นว่าการดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูและอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสมควรจะต้องดำเนินการ จัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบครบวงจรครอบคลุมปัญหาต่าง ๆ อย่างครบถ้วน โดยให้รับความเห็น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณและประธานนโยบายกรรมการป่าไม้แห่งชาติไป ประกอบการพิจารณาแผนนี้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1990 | ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (แผนฟื้นคืนธรรมชาติ และเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฟื้นคืนธรรมชาติ (พ.ศ. 2548 - 2552) และการบริหารจัดการ
ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือตามที่กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งคณะรัฐมนตรี เห็นว่า การดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเรื่องที่ สำคัญอย่างยิ่งสมควรจะต้องดำเนินการจัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบครบวงจรครอบคลุมปัญหาต่างๆ อย่าง ครบถ้วนโดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำนักงบประมาณและประธานนโยบายกรรมการ ป่าไม้แห่งชาติไปประกอบพิจารณาแผนนี้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1991 | การบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลหลายฉบับได้กำหนดภาระหน้าที่และภารกิจตามกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล หากมีความจำเป็นต้องจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืนก็สามารถกระทำได้ หากไม่ขัดหรือแย้ง หรือมีผลในการยกเลิกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลที่มีอยู่เดิม และไม่กระทบต่อภาระหน้าที่และการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามกฎหมาย โดยในการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายดังกล่าว ควรเน้นการส่งเสริมบทบาทของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันด้วยและสามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 2. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ ให้ครอบคลุมทั้งปัญหาในด้านการถูกกัดเซาะและการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้อย่างยั่งยืน 2.2 เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทั้งหน่วยราชการส่วนกลาง หน่วยราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ สำหรับพื้นที่บริเวณชายหาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงาม ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ประชาชนโดยทั่วไปมักจะไม่สามารถเข้าไปชมความสวยงามหรือใช้บริเวณชายหาดเหล่านั้นเพื่อการพักผ่อนได้ เพราะมีเอกชนหลายรายดำเนินการแสวงหาประโยชน์จากชายหาดดังกล่าว และดำเนินการในลักษณะกีดกันหรือหวงห้ามประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งๆ ที่เป็นที่สาธารณะหรือเป็นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่เหมาะสมและหรือโดยไม่ถูกต้อง จึงเห็นควรรับปัญหานี้ไปพิจารณาแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นควรนำผลการศึกษาวิจัยเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับชายฝั่งทะเลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1992 | แผนฟื้นคืนธรรมชาติ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนฟื้นคืน
ธรรมชาติ ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2548-2552) รวม 7 แผนงาน 50 โครงการ ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 9 โครงการ แผนงานที่ 2 การป้องกันภัยธรรม ชาติ 9 โครงการ แผนงานที่ 3 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 5 โครงการ แผนงานที่ 4 การฟื้นฟูสิ่ง แวดล้อมมนุษย์แหล่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว 4 โครงการ แผนงานที่ 5 การควบคุมและป้องกันมล พิษ 5 โครงการ แผนงานที่ 6 การมีส่วนร่วม เสริมสร้างศักยภาพและจิตสำนึกของทุกภาคส่วน 7 โครง การ และแผนงานที่ 7 การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและประเมินศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติ 5 โครงการ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเร่งด่วน 35 โครงการ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นคืนธรรมชาติ ประกอบด้วย ด้านทรัพยากรน้ำ 12 โครงการ ด้านทรัพยา กรธรรมชาติและป่าไม้ 11 โครงการ และด้านสิ่งแวดล้อม 15 โครงการ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การ ดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ อย่างยิ่ง ควรดำเนินการจัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบ ครบวงจร ครอบคลุมปัญหาต่าง ๆ อย่างครบ ถ้วนและมีความเชื่อมโยงกันในภาพรวมของประเทศโดยเริ่มพิจารณาปัญหาในแต่ละลุ่มน้ำซึ่งจะต้องครอบ คลุมเรื่องต่าง ๆ เช่น ป่าไม้ ป่าชายเลน ที่ดิน ชายฝั่ง น้ำเสีย ขยะ เป็นต้น และกำหนดแนวทางแก้ไข ปัญหาในแต่ละเรื่องให้สอดคล้องกับแนวนโยบาย จัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการ งบประมาณ ที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด หน่วยงานเจ้าภาพที่รับผิดชอบ รวมทั้งต้องมีมาตรการและแนวทางการดำเนิน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าในระหว่างที่รอการดำเนินการตามแผนที่เสนอ โดยรับความเห็นบางประการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย และ การจัดทำแผน ฯ ดังกล่าว ให้หารือนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ |
||||||||||||||||||||||||
1993 | การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนฟื้นคืน
ธรรมชาติ ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2548-2552) รวม 7 แผนงาน 50 โครงการ ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 9 โครงการ แผนงานที่ 2 การป้องกันภัยธรรม ชาติ 9 โครงการ แผนงานที่ 3 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 5 โครงการ แผนงานที่ 4 การฟื้นฟูสิ่ง แวดล้อมมนุษย์แหล่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว 4 โครงการ แผนงานที่ 5 การควบคุมและป้องกันมล พิษ 5 โครงการ แผนงานที่ 6 การมีส่วนร่วม เสริมสร้างศักยภาพและจิตสำนึกของทุกภาคส่วน 7 โครง การ และแผนงานที่ 7 การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและประเมินศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติ 5 โครงการ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเร่งด่วน 35 โครงการ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนพื้นคืนธรรมชาติ ประกอบด้วย ด้านทรัพยากรน้ำ 12 โครงการ ด้านทรัพยา กรธรรมชาติและป่าไม้ 11 โครงการ และด้านสิ่งแวดล้อม 15 โครงการ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การ ดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ อย่างยิ่ง ควรดำเนินการจัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบ ครบวงจร ครอบคลุมปัญหาต่าง ๆ อย่างครบ ถ้วนและมีความเชื่อมโยงกันในภาพรวมของประเทศโดยเริ่มพิจารณาปัญหาในแต่ละลุ่มน้ำซึ่งจะต้องครอบ คลุมเรื่องต่าง ๆ เช่น ป่าไม้ ป่าชายเลน ที่ดิน ชายฝั่ง น้ำเสีย ขยะ เป็นต้น และกำหนดแนวทางแก้ไข ปัญหาในแต่ละเรื่องให้สอดคล้องกับแนวนโยบาย จัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการ งบประมาณ ที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด หน่วยงานเจ้าภาพที่รับผิดชอบ รวมทั้งต้องมีมาตรการและแนวทางการดำเนิน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าในระหว่างที่รอการดำเนินการตามแผนที่เสนอ โดยรับความเห็นบางประการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย และ การจัดทำแผน ฯ ดังกล่าว ให้หารือนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ |
||||||||||||||||||||||||
1994 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1995 | การพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ รับทราบผล
การดำเนินงานในโครงการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ตามสาระสำคัญของโครงการเร่งรัดการพัฒนา ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 และโครงการภายใต้แผนบูรณาการงบประมาณ การพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 และเห็นชอบให้ขยายเวลาการเบิก จ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2545 งบกลาง ค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับเป็นค่าจ้าง จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและค่าใช้จ่ายของสำนักงานเลขานุการโครงการจัดทำ แผนแม่บท ฯ โดยให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 รวมทั้งเห็นชอบโครงการที่เสนอขอแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายการพัฒนาลุ่ม น้ำทะเลสาบสงขลา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 11 โครงการ ในวงเงิน 87.9 ล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการตามขั้นตอนการขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ เพื่อแก้ไขฟื้นฟูสภาพของลุ่มน้ำให้ดีขึ้นใกล้เคียงกับสภาพเดิมตามธรรมชาติให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็ จะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิต และการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ จึงให้ส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องประสานและร่วมมือในการดำเนินการด้านต่าง ๆ กันอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนของการประกอบ อาชีพของประชาชนที่ไม่ถูกต้อง เช่น การใช้ไซ หรือโพงพางในการจับปลา เป็นต้น ให้คณะกรรมการ พัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ยุติการกระทำดังกล่าว และให้กำหนด ระยะเวลาผ่อนผันให้ชัดเจนหลังจากนั้นจึงให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1996 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 | ทส | 06/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
กฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 โดยมีสาระ สำคัญคือ ให้นำเงินที่ได้จากการเรียกเก็บค่าใช้น้ำบาดาลตามกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติน้ำ บาดาล พ.ศ. 2520 นำส่งเข้ากองทุนพัฒนาน้ำบาดาลในอัตราร้อยละห้าสิบของเงินดังกล่าว และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1997 | ขออนุมัติงบประมาณและก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าปีงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมนานาชาติ CITES CoP13 และ BWCC | ทส | 06/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอของบประมาณ
เพื่อจัดการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 (The 13th Meeting of the Conference of the Parties to CITES-CITES CoP13) ระหว่างวันที่ 2-14 ตุลาคม 2547 ณ กรุงเทพมหานคร และก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าปีงบประมาณ สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ใหญ่สมัชชาการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 3 (The 3rd IUCN World Conservation Congress หรือ Bangkok World Conservation Congress-BWCC) ระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน 2547 สำหรับเรื่องการเงินให้เป็น ไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ให้ดำเนินการได้ในวงเงินรวมทั้งสิ้น จำนวน 238,377,990 บาท ซึ่ง จะเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 80,000,000 บาท ส่วนงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 อีกจำนวน 158,377,990 บาท นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยาน แห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราช บัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1998 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ. .... | ทส | 29/06/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (คกก.5) ที่
มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองซากดึก ดำบรรพ์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนแหล่งซากดึกดำบรรพ์และซากดึกดำบรรพ์ กำหนดมิให้ผู้ใดส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ออกนอกราชอาณาจักร กำหนดเขตสำหรับการดำเนินการสำรวจและ ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแหล่งซากดึกดำบรรพ์หรือซากดึกดำบรรพ์ กำหนดให้มีศูนย์วิจัยซากดึกดำบรรพ์ สถานที่จัด แสดงซากดึกดำบรรพ์ หรือพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา กำหนดให้มีกองทุนบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์ กำหนดให้มี พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปในแหล่งซากดึกดำบรรพ์เพื่อตรวจดูและยึดหรืออายัดซากดึกดำบรรพ์ กำหนด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และกำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนร่างพระราช บัญญัตินี้ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับข้อสังเกต ของ คกก.5 ไปพิจารณาดำเนินการด้วยดังนี้ การกำหนดผู้รับผิดชอบกรณีแหล่งซากดึกดำบรรพ์ที่ชำรุดพังทลาย หรือเสียหาย ไม่ควรให้เป็นภาระของเจ้าของที่ดิน และในการจัดตั้งกองทุนบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์ การ เก็บรักษา และการจ่ายเงินกองทุนบริหารจัดการซากดึกดำบรรพ์ ระเบียบการใช้จ่ายเงินต้องตราเป็นพระราช บัญญัติ และควรเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังเห็นชอบ ส่วนชื่อร่างพระราชบัญญัติ ฯ ควรเปิดกว้างเป็น "พระ ราชบัญญัติซากดึกดำบรรพ์" เพราะหากใช้คำว่า "คุ้มครอง" อาจจะไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของร่างพระราช บัญญัติ ฯ เนื่องจากบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติ ฯ มิได้มีวัตถุประสงค์แค่คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์เท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาและอนุรักษ์ การรักษาสภาพ ความปลอดภัย ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของแหล่งซากดึกดำบรรพ์ การส่งเสริมการศึกษา การเผยแพร่ การจัดแสดง การสำรวจและศึกษาวิจัย และพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาด้วย นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมควรปรับปรุงมาตรา 37(1) และ (2) ของร่างพระราชบัญญัติ ฯ เกี่ยวกับการกำหนดอำนาจหน้าที่พนัก งานเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปตรวจค้นสถานที่ หรือเคหสถานให้ชัดเจน ระหว่างกฎหมายอาญาและการปกครอง อีกทั้งควรชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ของรัฐกับประโยชน์ของปัจเจกชน รวมทั้งกฎหมายที่ออกมาควรลดเรื่อง ทางลบ เช่น การขู่การจับ การตรวจค้น ควรมีการยืดหยุ่น และแยกเกรดของซากดึกดำบรรพ์ที่พบ และพยายาม ให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการอย่างโปร่งใส จะช่วยได้มาก |
||||||||||||||||||||||||
1999 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส | 22/06/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างประกาศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมใน บริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอ หัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเขตควบ คุมมลพิษ และเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
2000 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณจังหวัดพังงา และในบริเวณจังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | ทส | 22/06/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวด ล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง อำเภอเมืองพังงา อำเภอทับปุด และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภออ่าวลึก อำเภอ เมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอเกาะลันตา และอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ กำหนดให้เขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมครอบคลุมพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งทะเลของจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ และกำหนดมาตรการเพื่อการรักษาและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี กำหนดระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ |
.....