ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 93 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1841 - 1860 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1841 | รายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ผลการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับในการรองรับพันธกรณีของพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ) | ทส | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมสนธิสัญญา
และกฎหมาย รายงานผลการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อ บังคับในการรับรองพันธกรณีของพิธีสารคาร์ตาเฮน่าว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2547 ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานกระทรวงต่าง ๆ ให้พิจารณากฎหมาย/ข้อบังคับ ของแต่ละกระทรวงว่าครอบคลุมเนื้อหาของพิธีสาร ฯ หรือไม่ นั้น หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเรื่อง ดังกล่าวแล้ว สรุปว่า กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพียงพอที่จะรองรับพันธกรณี ตามพิธีสาร ฯ ได้ ดังนั้น ขั้นตอนการภาคยานุวัตพิธีสาร ฯ จึงไม่ต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรค 2
|
||||||||||||||||||||||||
1842 | การดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง | ทส | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง สรุปได้ดังนี้ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติ การตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง (พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2551) โดยแผนปฏิบัติการ ฯ ประกอบด้วย 30 โครงการ/กิจกรรม ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การรองรับข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษ จากหมอกควันข้ามแดน (2) การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตร (3) การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (4) การจัดการไฟป่า (5) การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน (6) การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ และ (7) การใช้มาตรการทางด้านกฎหมาย วงเงิน 4,928.42 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงาน ได้ร่วมประชุมหารือเรื่องการ ดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2548 เพื่อปรับปรุงแผนงานและแนวทางการ ดำเนินมาตรการให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ประชุมมีมติในประเด็นต่าง ๆ อาทิ เห็นชอบให้ ปรับเปลี่ยนเป้าหมายของแผนแม่บทฯ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงพลังงาน ยุทธศาสตร์การพัฒนา พลังงานทดแทน โดยเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 ของความต้องการใช้พลังงานในปี พ.ศ. 2545 เป็นร้อยละ 8 ของความต้องการใช้พลังงานในปี พ.ศ. 2545 ทั้งนี้ การพิจารณาใช้ประโยชน์ชีวมวลในส่วนของ เศษวัสดุเหลือใช้ในพื้นที่เกษตรกรรม ให้ใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตรก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปส่งเสริมใน การผลิตพลังงานชีวมวล และปรับแผนการดำเนินงานยุทธศาสตร์ที่ 2 การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการ เกษตร โครงการสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา จากเดิมกำหนดให้ภาครัฐให้การสนับสนุนงบประมาณ ในการจัดเตรียมเครื่องจักรอุปกรณ์การเกษตรปลอดการเผาให้กับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ 12 จังหวัด จำนวน 76 กลุ่ม ภายในปี พ.ศ. 2548-2551 เปลี่ยนเป็นกำหนดแผนการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอด การผาในพื้นที่เป้าหมาย 12 จังหวัด จำนวน 100 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร 600,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ. 2549-2551 จำนวน 24, 30 และ 46 กลุ่ม ตามลำดับ โดยจัดให้มีศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรปลอด การเผาให้บริการไถกลบตอซังฟางข้าว เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1843 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2548 | ทส | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบ ร้อยแล้ว ทั้งสิ้นรวม 9 เรื่อง ประกอบด้วย (1) เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ การกำหนดมาตรการเพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชนดำเนินการเพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ให้แก่กรมควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินโครงการนักรบสิ่งแวดล้อม ความเห็นต่อรายงานขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย - โรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ปรับ เปลี่ยนแนวท่อบางส่วน) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ (2) เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และนโยบายการใช้ประโยชน์แร่ไพฟิลไลต์ (3) เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียน บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ขยายพื้นที่ใช้ประโยชน์นอกเหนือจากประทานบัตรที่ได้ รับอนุญาต การควบคุมมลพิษบริเวณพื้นที่หน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี และคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
1844 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเบริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียงในท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยขวาง และเกาะใกล้เคียง ในท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบล คลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ คือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกำหนดบริเวณที่ดินป่าวังด้วน ป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียง ในท้องที่ตำบล ห้วยทราย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และกำหนดให้บริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียง ใน ท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นอุทยานแห่งชาติ และให้นำขึ้น ทูล้าเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าทับซ้อน กับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาต่าง ๆ ไปดำเนินการโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1845 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1846 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1847 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบาย
และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 โดยสถาน การณ์การเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่เกิดไฟป่าลดลง การใช้ทรัพยากรแร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ ส่วนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัด บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหายจากแรงคลื่น และตะกอนทรายทับถมเป็น จำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นฟูจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปริมาณสัตว์น้ำเค็มที่จับจากธรรมชาติมีแนว โน้มค่อนข้างคงที่ การใช้ประโยชน์จากแหล่งธรรมชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จำเป็น จะต้องมีการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมจากคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และขยะ การแก้ไข จะต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานเพื่อ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการปรับ ปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การสร้างแรงจูงใจในการจัด การสิ่งแวดล้อม : เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญในรอบปี ได้แก่ สถาน การณ์น้ำ ภัยพิบัติจากปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม การอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า มรดกไทยสู่มรดกโลก และ สิ่งแวดล้อมศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||
1848 | การพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤตน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ภาค ตะวันออกตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขึ้นใช้เป็นแหล่งน้ำดิบเสริม เพื่อการอุตสาหกรรมในภาค ตะวันออกเป็นเงิน 428,000,000 บาท โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ใช้วิธีตกลงราคา หรือวิธีพิเศษได้ตามความ จำเป็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย การประปาส่วนภูมิภาค บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ร่วมกัน ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
1849 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย - จีน | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย-จีน โดยสาระสำคัญ ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตกลงที่จะร่วมมือกันดำเนินงานทางด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะส่งเสริม ความร่วมมือในการป้องกันสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และส่ง เสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของทั้งสองฝ่ายให้กว้างขวางและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือ ดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ครอบคลุมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) กิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การอนุรักษ์ระบบนิเวศ การ ควบคุมมลภาวะอากาศ และมลภาวะน้ำ การจัดการกากของเสียสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ทั้งสอง ฝ่าย ได้ตกลงที่จะตั้งผู้ประสานงานในระดับผู้บริหารระดับสูง เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและประเมินความก้าว หน้าในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่บันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับนี้จะไม่มีผล ผูกพันทางกฎหมาย และจะมีผลทันทีหลังจากการลงนาม และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว โดยให้กระทรวง การต่างประเทศมอบอำนาจในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ฯ แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
1850 | รายงานความคืบหน้ามาตรการป้องกันและแก้ไขการจัดเก็บสินค้าอันตรายบริเวณท่าเรือคลองเตย | ทส | 21/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้า
มาตรการป้องกันและแก้ไขการจัดเก็บสินค้าอันตรายบริเวณท่าเรือคลองเตย ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานได้ดังนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ปรับปรุงประกาศการท่าเรือแห่งประเทศไทย เรื่อง วิธีการดำเนินการเก็บวัตถุ อันตราย โดยได้จัดแบ่งกลุ่มสินค้าอันตราย ตามที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization หรือ IMO) ได้กำหนดไว้ในหลักการแบ่งประเภทและชนิดของสินค้าอันตรายตาม International Dangerous Goods Code (IMDG-Code) ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 สินค้าอันตรายประเภทวัตถุระเบิดและ สารกัมมันตรังสี กลุ่มที่ 2 สินค้าอันตรายร้ายแรง ได้แก่ ก๊าซไวไฟ ของเหลวไวไฟ ของแข็งไวไฟ สารที่ลุกไหม้ ได้เอง สารที่เมื่อเปียกน้ำจะเกิดก๊าซไวไฟ สารอ๊อกซิไดซ์ สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ สารที่มีคุณสมบัติติดไฟได้ สารแพร่เชื้อ และสารกัดกร่อนและมีคุณสมบัติเป็นพิษและติดไฟได้ และ/หรือเมื่อเปียกน้ำจะทำให้เกิดก๊าซไวไฟ หรือเป็นตัวเติมออกซิเจน และกลุ่มที่ 3 สินค้าอันตรายนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 มี ระยะเวลาในการฝากเก็บ ณ บริเวณที่ท่าเรือกรุงเทพได้ไม่เกิน 5 วันทำการ นับจากวันเสร็จสิ้นการขนถ่าย ส่วนกรมควบคุมมลพิษได้ร่วมกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และ ประชาชน ประชุมหารือเพื่อจัดทำรูปแบบการบริหารจัดการอุบัติภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตรายในพื้นที่ชุม ชนท่าเรือคลองเตย โดยจัดตั้งคณะทำงานประสานป้องกันและแก้ไขอุบัติภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย และ กำหนดกรอบแผนปฏิบัติการฉุกเฉินจากสารเคมีและวัตถุอันตรายในพื้นที่ชุมชนคลองเตย รวมทั้งการถ่ายทอด เทคโนโลยีด้านการจัดทำแผนปฏิบัติการฉุกเฉินจากสารเคมีให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนเฉพาะ รองรับสาธารณภัยด้านวัตถุอันตรายและสารเคมีของกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล นอกจากนี้ ยังได้ ดำเนินโครงการจัดทำหลักสูตรผู้บัญชาการ ณ ที่เกิดเหตุ และระบบบัญชาการเหตุฉุกเฉินจากสารเคมีเพื่อ เตรียมความพร้อม และเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการและผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในระดับจังหวัด ตลอดจนจัดทำเอกสารวิชาการสนับสนุนในด้านการจัดการอุบัติภัยจากสารเคมี เพื่อเผยแพร่ ความรู้ให้กับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||
1851 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า "กอช." โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมทั้งกำหนดให้สำนักความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นหน่วย งานภายในสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กอช. และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1852 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2548 | ทส | 14/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง เรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 รวมทั้งสิ้น 10 เรื่อง ดังนี้ (1) การพิจารณากระบวนการยกร่างแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550-2554 (แผนบริหารจัด การทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10) (2) การประกาศพื้นที่บริเวณห้วยคลิตี้ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นเขตควบคุมมลพิษ (3) ความเห็นต่อราย งานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงไฟฟ้าสงขลาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา (4) ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการบ้านเอื้ออาทร ศาลายา โครงการบ้านเอื้ออาทรหาดใหญ่ และโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 3/1 และระยะที่ 2 จังหวัดพระ นครศรีอยุธยา ของการเคหะแห่งชาติ (5) ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการขอ ใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บีเพื่อกิจการของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (6) ความเห็นต่อรายงานการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่ดินขาว ของนางอนงค์ ยิ่งเสรี ประทานบัตรที่ 20108/ 13725 ที่ตำบลแม่มอก อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง (7) สรุปผลการประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชา การ และเทคโนโลยี สมัยที่ 10 (SBSTTA-10) และการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเข้าถึงการแบ่งปัน ผลประโยชน์ ครั้งที่ 3 (ABS-3) (8) การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ของรัฐ รัฐ วิสาหกิจ และโครงการร่วมเอกชน (9) ผลการประชุมทางวิชาการ เพื่อหารือข้อกังวล ผลกระทบ และแนวทาง แก้ไขโครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ (สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ) และ (10) การจัดทำแผนการประชุมคณะ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
1853 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2548 | ทส | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับมติ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2548 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับ รองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 รวมทั้งสิ้น 6 เรื่อง ดังนี้ (1) ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่ม เติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิดดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานสากุลกรุงเทพ แห่ง ใหม่ จำกัด (บทม.) (2) ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทร ระยะที่ 2 จังหวัดนนทบุรี ของการเคหะแห่งชาติ (3) กรอบทิศทางการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 23 (4) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ในช่วงปี 2548-2549 (4) ความก้าวหน้าการดำเนินการเรื่องการขยายกำหนดเวลาการห้ามเลี้ยงกุ้งกุลาดำในพื้นที่เหนือเขื่อนทดน้ำบางปะ กง ในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และนครนายก (5) การเสนอแต่งตั้งประธานอนุกรรมการวางแผน การจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน แทนประธาน เดิมที่ลาออก (6) เร่งรัดทบทวนกระบวนการและขั้นตอนการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||
1854 | โครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ - น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่ป่าแม่สรอย อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ | ทส | 07/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ เห็นชอบหลักการ
ของโครงการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่เสี่ยงภัยลุ่มน้ำก้อ-น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่ป่าแม่สร้อย อำเภอวัง ชิ้น จังหวัดแพร่ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความรุนแรงของภัยพิบัติธรรมชาติอย่างเร่งด่วนและฟื้นฟูความสมบูรณ์ ของพื้นที่ป่าไม้ในบริเวณดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 45,000 ไร่ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้มีการ จัดทำงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับการดูแลรักษาต้นไม้ที่ปลูก และการดูแลรักษาฝาย เพื่อให้คณะ รัฐมนตรีได้รับทราบถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของโครงการ ฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในคราว เดียวกัน สำหรับการปลูกป่าและการบำรุงรักษาแปลงปลูกป่าในระยะต้น มอบให้ชุมชนในท้องถิ่นและราษฎร เป็นผู้รับผิดชอบภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ เพื่อสร้าง งาน สร้างรายได้ สร้างการมีส่วนร่วม และความรับผิดชอบของราษฎรในพื้นที่ในการรักษาระบบนิเวศน์และ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปประกอบการดำเนินการ สำหรับงบประมาณค่า ใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้ จ่ายงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรแล้วก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบ กลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้ง หนึ่ง ทั้งนี้ ให้พิจารณาเป้าหมายและความสอดคล้องของแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินกับระยะเวลา ที่เหลืออยู่ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 ส่วนที่ 2 การซื้อการจ้าง ข้อ 18-22 เพื่อ ให้สถาบันการศึกษา หน่วยงาน ชุมชนในท้องถิ่น หรือราษฎรได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการในลักษณะการ รับจ้างเหมาได้ โดยวิธีตกลงราคารายละไม่เกิน 200 ไร่ โดยไม่ถือเป็นการแบ่งจ้างด้วยการลดวงเงินที่จะซื้อ หรือจะจ้างในครั้งเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||
1855 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นายวิชัย แหลมวิไล และนายชาตรี ช่วยประสิทธิ์) | ทส | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แต่งตั้ง นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง และนายวิชัย แหลมวิไล ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวด ล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่า ด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1856 | รายงานสรุปผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ครั้งที่ 2 | ทส | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
สรุปผลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง ครั้งที่ 2 ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2548 ดังนี้ สถานการณ์ภัยแล้งของทั้งสองจังหวัดเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ฐานปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดชุมพร ได้ปฏิบัติการจัดทำฝนหลวงอย่างต่อเนื่องในเขตจังหวัดชุมพร และพื้นที่ ต่อเนื่องกับจังหวัดระนองตามสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำให้มีฝนตกทั่วพื้นที่ทุกวัน มีการแจกจ่ายน้ำอุปโภค และบริโภคให้กับประชาชนตลอดเวลาตามที่จะมีประชาชนร้องขอมา ตลอดจนจัดหาเครื่องสูบน้ำให้กับอำเภอ ที่ได้รับความเสียหาย ดำเนินการเจาะบ่อบาดาลแล้วเสร็จในจังหวัดชุมพร จำนวน 20 บ่อ และจังหวัดระนอง จำนวน 10 บ่อ สำหรับการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว จังหวัดชุมพร และระนอง แจ้งให้อำเภอ และหน่วย งานที่เกี่ยวข้องรวบรวมโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งทั้งระบบของจังหวัด โดยใช้งบประมาณจากเงินทดรองราช การตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดย ดำเนินงานเบื้องต้น 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ จัดหาถังน้ำหรือภาชนะเก็บกักน้ำประเภทต่าง ๆ ขุดลอกแหล่งน้ำ ลำห้วย หนองน้ำ และสระน้ำที่ตื้นเขิน ก่อสร้างฝายประชาอาสา ฝายต้นน้ำลำธาร และขุดลอกหน้าฝาย ขุด เจาะบ่อบาดาล ซ่อมแซมบ่อบาดาล และเป่าล้างบ่อบาดาล ส่วนข้อเสนอขององค์การบริหารส่วนตำบลของ ทั้งสองจังหวัดที่เสนอขอเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติมนั้น จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2548 นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะนำเอาแผนการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาวไป พิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของโครงการ และจัดทำแผนการแก้ไข ปัญหาภัยแล้งในภาพรวม โดยเน้นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภคให้แล้วเสร็จภายในปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1857 | การห้ามนำไม้สักและสิ่งประดิษฐ์เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดน จังหวัดตาก | ทส | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขยาย
ระยะเวลาประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การห้ามนำไม้สักทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่น ที่ทำด้วยไม้สัก เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดตากเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2547 โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ไม้ทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งที่ทำด้วยไม้ เป็น สินค้าที่ต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจังหวัดตากและจังหวัดกาญจนบุรีเป็นการชั่วคราวต่อ ไปอีก 1 ปี โดยให้ประกาศ ฯ มีผลบังคับใช้ไปจนกว่าประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ต่อไป และตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ให้แก้ไขหลักการตามข้อ เสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้อ 1 เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจากเดิม "... โดยกำหนดเพิ่ม เติมให้ไม้ทุกประเภท รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ ..." แก้ไขเป็น ".. .โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ไม้หวงห้ามประเภท ก. ตาม บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาไม้หวงห้าม พ.ศ. 2530 รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ ..." และโดยที่การดำเนินการเพื่อให้ เป็นไปตามหลักการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอจะต้องออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ฉบับใหม่ โดยยกเลิกประกาศฉบับเดิม จึงให้กระทรวงพาณิชย์รับไปดำเนินการเพื่อออกประกาศ ฯ ให้เป็นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1858 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดชุมพรและจังหวัดระนอง | ทส | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
การแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง สรุปได้ดังนี้ จังหวัดชุมพร มีหมู่บ้านประสบภัยแล้ง 596 หมู่บ้าน 8 อำเภอ 69 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 54,251 ครัวเรือน 243,282 คน พื้นที่การ เกษตรได้รับความเสียหาย 458,757 ไร่ แยกเป็น พื้นที่นา 370 ไร่ พื้นที่ไร่ 302,762 ไร่ และพื้นที่สวน 155,625 ไร่ การให้ความช่วยเหลือ อาทิ จัดตั้งศูนย์ดำเนินการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จัด รถบรรทุกน้ำเพื่อแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร ขุดลอกแหล่งน้ำที่ตื้นเขิน ซ่อมสร้างฝาย/ ทำนบ และเป่าล้างบ่อน้ำบาดาล เป็นต้น สำหรับจังหวัดระนอง มีหมู่บ้านประสบภัยแล้ง 159 หมู่บ้าน 4 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 28 ตำบล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 31,126 ครัวเรือน 102,733 คน การให้ความ ช่วยเหลือ อาทิ จัดตั้งศูนย์ดำเนินการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จัดรถบรรทุกน้ำเพื่อแจกจ่าย น้ำอุปโภคบริโภค เจาะบ่อบาดาลเป่าล้างบ่อน้ำบาดาล รวมทั้งการปฏิบัติการฝนหลวง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1859 | ขออนุมัติเดินทางไปราชการต่างประเทศ | ทส | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการ
เดินทางไปราชการประเทศญี่ปุ่นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 21 -22 เมษายน 2548 เพื่อร่วมงานมหกรรม "The 2005 World Exposition, Aichi, Japan (Aichi Expo)" ซึ่งจัด ขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม-25 กันยายน 2548 โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามลำดับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการ ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1860 | การดำเนินการตามโครงการแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน | ทส | 26/04/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กระทรวงทรัพยา
กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้ดำเนินการสำรวจและขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแทน บริษัทเอกชน และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาในส่วนที่คงค้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 เรื่อง การแก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน และวันที่ 22 มีนาคม 2548 เรื่อง รายงานสถานการณ์การ แก้ไขปัญหาหมู่บ้านภัยแล้งกรณีเร่งด่วน โดยให้ขยายเวลาการดำเนินการดังกล่าวไปอีก 30 วัน
|