ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 93 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1841 - 1860 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1841 | ขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณซื้อเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 30 ฟุต | ทส | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
รับทราบผลการตรวจสอบข้อมูลและความจำเป็นในการใช้งานเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 30 ฟุต ปรากฏว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสามารถสนธิกำลังจากหน่วยงานอื่นที่มีเรือตรวจการณ์ ในลักษณะเดียวกันเพื่อปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่จำเป็นต้องจัดซื้อเรือตรวจการณ์ลำใหม่จึงขอยกเลิกข้อเสนอ ตามหนังสือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด่วนที่สุด ที่ ทส 0502/1907 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2548 และอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบลงทุน รายการเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 60 ฟุต จำนวน 1 ลำ วงเงิน 8 ล้านบาท และเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 40 ฟุต จำนวน 1 ลำ วงเงิน 3 ล้านบาท ของกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วงเงินรวม 11 ล้านบาท ไปเป็นงบอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ราย การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 11 ล้านบาท ดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 และให้ดำเนินการต่อไป ได้ ทั้งนี้ ให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1842 | แต่งตั้งกรรมการอื่นทดแทนในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 3 ราย) | ทส | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรม
การอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์แทนกรรมการอื่นที่ลาออก จำนวน 3 ราย ประกอบ ด้วย พลโท อรชุนพิบูลนครินทร์ นางสาวจันทรวิภา ธนะโสภณ และนายสงคราม ธรรมมิญช ตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ เสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1843 | สรุปผลและรายละเอียดผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายภายใต้คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ประธานคณะกรรม
การอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยราย งานความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิในส่วนของผลการดำเนินงาน และการเบิกจ่ายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 เรื่อง การสำรวจ ศึกษา และวิจัยเร่งด่วน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ประกอบด้วย การสำรวจข้อมูลและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (วงเงินงบประมาณ 25 ล้านบาท) เบิกจ่ายไปแล้ว 10.20 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินงาน ร้อยละ 60 และการสำรวจ วิจัย และพัฒนาเพื่อฟื้นฟู บูรณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (วงเงินงบประมาณ 75 ล้านบาท) เบิกจ่ายไปแล้ว 21.38 ล้าน บาท โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินงาน ร้อยละ 60 และผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 เรื่อง มาตรการหลักการจัดการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ/กิจ กรรม ตามมาตรการดังกล่าวในระยะเร่งด่วน จากสำนักงบประมาณรวมทั้งสิ้น 694.22 ล้านบาท เบิกจ่าย งบประมาณไปแล้ว 185.62 ล้านบาท และส่งคืนสำนักงบประมาณ 67.44 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้า ในการดำเนินงาน ร้อยละ 20-100
|
||||||||||||||||||||||||
1844 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ครั้งที่ 7/2548 และ ครั้งที่ 8/2548) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2548 และครั้งที่ 8/2548 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2548 และ18 กรกฎา คม 2548 ตามลำดับ ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 8/2548 และครั้งที่ 9/2548 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 และวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ตาม ลำดับ โดยมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 7/2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 15 เรื่อง และมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 8/2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 20 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
1845 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
1846 | การขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการปรับปรุงองค์
ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แทนศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และปรับปรุง องค์ประกอบคณะกรรมการ ฯ จากจำนวน 41 คน ลดลงเหลือ 21 คน ทั้งนี้ ให้เพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1847 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (โครงการ ฯ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
1848 | โครงการพัฒนาน้ำบาดาลขี้นมาใช้แก้ไขวิกฤตน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก | ทส | 23/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครง
การพัฒนาบ่อน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤติน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาค ตะวันออกโดยให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปลี่ยนแผนการดำเนินการพัฒนาบ่อน้ำบาดาล ในระยะที่ 2 และ 3 จากการเจาะบ่อน้ำบาดาลแนวนอน เป็นการเจาะบ่อน้ำบาดาลแนวตั้งเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำตามแผนงานดังกล่าวและทันตามระยะเวลาที่กำหนด โดยการปรับลดจำนวนการเจาะ บ่อน้ำบาดาลแนวนอนลง และให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 428 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤติน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคม อุตสาหกรรมภาคตะวันออก สำหรับบ่อน้ำบาดาลที่ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และสามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ โดยให้ทางจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรีเป็นเจ้าของเรื่องประสานกับบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากร น้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) การประปาส่วนภูมิภาค การนิคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวข้องดำเนินการประสานท่อประปาเพื่อนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์โครงการให้ ประชาชนทราบด้วย ทั้งนี้ ให้ขอตกลงรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1849 | การลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน | ทส | 16/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างข้อตกลง
ว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน (Agreement on the Establishment of the ASEAN Centre for Biodiversity : ACB) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวในนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||
1850 | ร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร [ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | ทส | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 เพื่อให้การทำสวนป่าครอบคลุมถึงไม้ทุกประเภท และให้นำที่ดินที่มีใบอนุญาตให้แผ้วถางป่าตามกฎหมาย ว่าด้วยป่าไม้เฉพาะ เพื่อการทำสวนป่ามาขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า รวมทั้งยกเว้นค่าภาคหลวง ค่าบำรุงป่า และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับไม้ที่ได้มาจาก การทำสวนป่า และยกเว้นให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนำเคลื่อนที่บรรดาของป่าตามกฎ หมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมายวาด้วยป่าสงวนแห่งชาติเฉพาะ ถ่านไม้ เปลือกไม้ ยางไม้ หน่อไม้ หวาย ครั่ง รวงผึ้ง น้ำผึ้ง ขึ้ผึ้ง กล้วยไม้ และเห็ด ในสวนป่าสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสียค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1851 | ผลการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ สมัยที่ 1 | ทส | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||
ค ณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการ
ประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 1 (First Meeting of the Conference of the Parties to the Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants) ซึ่ง จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-6 พฤษภาคม 2548 ณ เมือง Punta del Este ประเทศอุรุกวัย โดยมีอธิบดีกรม ควบคุมมลพิษ เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม สำหรับสาระสำคัญของการประชุมได้มีการพิจารณา ถึงมาตรการต่าง ๆ ที่เสนอในที่ประชุมดังนี้ มาตรการในการลดหรือเลิกการปลดปล่อยจากการผลิตโดย จงใจและการใช้ ที่ประชุมรัฐภาคีมีมติรับรองรูปแบบการขอขึ้นทะเบียนสารดีดีที และแบบฟอร์มการแจ้ง การผลิตและการใช้สารดีดีที รวมทั้งรับรองร่างแนวทางด้านเทคนิคที่ดีที่สุด (Best Available Techniques : BAT) และแนวทางการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด (Best Environmental Practioes : BEP) ตาม มาตรการในการลดหรือเลิกการปลดปล่อยจากการผลิตโดยไม่จงใจ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ภาคีสมาชิก นำร่างดังกล่าวไปใช้พัฒนาแผนปฏิบัติการระดับชาติตามความเหมาะสม และให้สำนักเลขาธิการ ฯ สนับ สนุนด้านงบประมาณในกิจกรรมการสร้างความตระหนัก การเผยแพร่ข้อมูลในระดับภูมิภาค ภูมิภาค ย่อย และระดับชาติ และกระตุ้นให้ประเทศทั้งที่เป็นภาคีสมาชิกและที่ไม่เป็นภาคีสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐภาคียังได้ย้ำให้ภาคีสมาชิกให้ความสำคัญกับแนวทางด้านเทคนิคของอนุ สัญญาบาเซล ฯ ในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมจากสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน และได้ให้การ รับรองร่างขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนสารมลพิษที่ตกค้างยาว นาน (POPs Review Committee : POPRC) โดยให้จัดตั้ง POPRC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 31 คนจาก 5 ภูมิภาค คือ แอฟริกา 8 คน เอเชียและแปซิฟิก 8 คน ยุโรปกลางและตะวันออก 3 คน ละตินอเมริกาและ แคริบเบียน 5 คน ยุโรปตะวันตกและอื่น ๆ 7 คน โดยให้ประเทศที่เข้าร่วมใน POPRC เสนอชื่อผู้แทน ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2548 โดยให้มีการหมุนเวียนกรรมการทุก ๆ 2 ปี และจัดการประชุมอย่างน้อย ปีละครั้ง ส่วนข้อหารือเกี่ยวกับสถานที่ตั้งสำนักเลขาธิการขออนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ ที่ประชุมรัฐภาคี เห็นชอบให้มีการลงคะแนนเสียง และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สมาพันธรัฐสวิสเป็นที่ตั้งสำนักเลขาธิการขอ อนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1852 | รายงานการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ผลการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับในการรองรับพันธกรณีของพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ) | ทส | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมสนธิสัญญา
และกฎหมาย รายงานผลการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อ บังคับในการรับรองพันธกรณีของพิธีสารคาร์ตาเฮน่าว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2547 ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการประสานกระทรวงต่าง ๆ ให้พิจารณากฎหมาย/ข้อบังคับ ของแต่ละกระทรวงว่าครอบคลุมเนื้อหาของพิธีสาร ฯ หรือไม่ นั้น หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาเรื่อง ดังกล่าวแล้ว สรุปว่า กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพียงพอที่จะรองรับพันธกรณี ตามพิธีสาร ฯ ได้ ดังนั้น ขั้นตอนการภาคยานุวัตพิธีสาร ฯ จึงไม่ต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรค 2
|
||||||||||||||||||||||||
1853 | การดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง | ทส | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง สรุปได้ดังนี้ กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติ การตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง (พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2551) โดยแผนปฏิบัติการ ฯ ประกอบด้วย 30 โครงการ/กิจกรรม ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การรองรับข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษ จากหมอกควันข้ามแดน (2) การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตร (3) การจัดการขยะมูลฝอยชุมชน (4) การจัดการไฟป่า (5) การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน (6) การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ และ (7) การใช้มาตรการทางด้านกฎหมาย วงเงิน 4,928.42 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงาน ได้ร่วมประชุมหารือเรื่องการ ดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2548 เพื่อปรับปรุงแผนงานและแนวทางการ ดำเนินมาตรการให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งที่ประชุมมีมติในประเด็นต่าง ๆ อาทิ เห็นชอบให้ ปรับเปลี่ยนเป้าหมายของแผนแม่บทฯ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกระทรวงพลังงาน ยุทธศาสตร์การพัฒนา พลังงานทดแทน โดยเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนจากร้อยละ 0.5 ของความต้องการใช้พลังงานในปี พ.ศ. 2545 เป็นร้อยละ 8 ของความต้องการใช้พลังงานในปี พ.ศ. 2545 ทั้งนี้ การพิจารณาใช้ประโยชน์ชีวมวลในส่วนของ เศษวัสดุเหลือใช้ในพื้นที่เกษตรกรรม ให้ใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตรก่อน แล้วจึงนำส่วนที่เหลือไปส่งเสริมใน การผลิตพลังงานชีวมวล และปรับแผนการดำเนินงานยุทธศาสตร์ที่ 2 การจัดการเศษวัสดุเหลือใช้จากภาคการ เกษตร โครงการสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอดการเผา จากเดิมกำหนดให้ภาครัฐให้การสนับสนุนงบประมาณ ในการจัดเตรียมเครื่องจักรอุปกรณ์การเกษตรปลอดการเผาให้กับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ 12 จังหวัด จำนวน 76 กลุ่ม ภายในปี พ.ศ. 2548-2551 เปลี่ยนเป็นกำหนดแผนการส่งเสริมการสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลอด การผาในพื้นที่เป้าหมาย 12 จังหวัด จำนวน 100 กลุ่ม ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร 600,000 ไร่ ภายในปี พ.ศ. 2549-2551 จำนวน 24, 30 และ 46 กลุ่ม ตามลำดับ โดยจัดให้มีศูนย์เครื่องจักรกลการเกษตรปลอด การเผาให้บริการไถกลบตอซังฟางข้าว เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1854 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2548 | ทส | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบ ร้อยแล้ว ทั้งสิ้นรวม 9 เรื่อง ประกอบด้วย (1) เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ การกำหนดมาตรการเพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและเอกชนดำเนินการเพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ให้แก่กรมควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินโครงการนักรบสิ่งแวดล้อม ความเห็นต่อรายงานขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติไทรน้อย - โรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ปรับ เปลี่ยนแนวท่อบางส่วน) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประเมินผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเชิงพื้นที่ (2) เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ การปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และนโยบายการใช้ประโยชน์แร่ไพฟิลไลต์ (3) เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียน บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ขยายพื้นที่ใช้ประโยชน์นอกเหนือจากประทานบัตรที่ได้ รับอนุญาต การควบคุมมลพิษบริเวณพื้นที่หน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี และคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
1855 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเบริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียงในท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยขวาง และเกาะใกล้เคียง ในท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบล คลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญ คือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกำหนดบริเวณที่ดินป่าวังด้วน ป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียง ในท้องที่ตำบล ห้วยทราย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และกำหนดให้บริเวณที่ดินป่าวังด้วนและป่าห้วยยาง และเกาะใกล้เคียง ใน ท้องที่ตำบลห้วยทราย ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นอุทยานแห่งชาติ และให้นำขึ้น ทูล้าเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าทับซ้อน กับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาต่าง ๆ ไปดำเนินการโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1856 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1857 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1858 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบาย
และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2547 โดยสถาน การณ์การเปลี่ยนแปลงในส่วนของพื้นที่เกิดไฟป่าลดลง การใช้ทรัพยากรแร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ ส่วนทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัด บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหายจากแรงคลื่น และตะกอนทรายทับถมเป็น จำนวนมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นฟูจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปริมาณสัตว์น้ำเค็มที่จับจากธรรมชาติมีแนว โน้มค่อนข้างคงที่ การใช้ประโยชน์จากแหล่งธรรมชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จำเป็น จะต้องมีการสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ ส่วนปัญหาสิ่งแวดล้อมจากคุณภาพน้ำ อากาศ เสียง และขยะ การแก้ไข จะต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานเพื่อ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการปรับ ปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อม การปรับปรุงระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การสร้างแรงจูงใจในการจัด การสิ่งแวดล้อม : เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ข้อตกลงระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญในรอบปี ได้แก่ สถาน การณ์น้ำ ภัยพิบัติจากปัญหาอุทกภัยและดินถล่ม การอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า มรดกไทยสู่มรดกโลก และ สิ่งแวดล้อมศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||
1859 | การพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤตน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดำเนินการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และนิคมอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ภาค ตะวันออกตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลขึ้นใช้เป็นแหล่งน้ำดิบเสริม เพื่อการอุตสาหกรรมในภาค ตะวันออกเป็นเงิน 428,000,000 บาท โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ใช้วิธีตกลงราคา หรือวิธีพิเศษได้ตามความ จำเป็น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง กรมชลประทาน การนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย การประปาส่วนภูมิภาค บริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก ร่วมกัน ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
1860 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย - จีน | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมระหว่างไทย-จีน โดยสาระสำคัญ ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตกลงที่จะร่วมมือกันดำเนินงานทางด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะส่งเสริม ความร่วมมือในการป้องกันสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และส่ง เสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของทั้งสองฝ่ายให้กว้างขวางและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือ ดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ครอบคลุมถึง (แต่ไม่จำกัดเฉพาะ) กิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การอนุรักษ์ระบบนิเวศ การ ควบคุมมลภาวะอากาศ และมลภาวะน้ำ การจัดการกากของเสียสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ทั้งสอง ฝ่าย ได้ตกลงที่จะตั้งผู้ประสานงานในระดับผู้บริหารระดับสูง เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและประเมินความก้าว หน้าในการดำเนินงาน ตลอดจนแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยที่บันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับนี้จะไม่มีผล ผูกพันทางกฎหมาย และจะมีผลทันทีหลังจากการลงนาม และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว โดยให้กระทรวง การต่างประเทศมอบอำนาจในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ฯ แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม
|