ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 99 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1961 - 1980 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1961 | การแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำประปาจังหวัดลำพูน | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำประปาจังหวัดลำพูนแบบบูรณาการ ได้แก่ การจัดทำ ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำดื่ม โดยวิธี Reverse Osmosis (R.O.) และการเจาะสำรวจข้อ มูลทางอุทกธรณีวิทยาและจัดหาบ่อน้ำบาดาลที่ไม่มีปัญหาฟลูออไรด์เกินมาตรฐาน และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นว่า ปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำบริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะมีการนำน้ำบาดาลมาใช้เพื่อการบริโภคมากขึ้น ทั้งนี้ ทางวิชาการพบว่า ค่ามาตรฐานฟลูออไรด์ใน น้ำบริโภคปริมาณ 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตรเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท โดยปรับลด ค่ามาตรฐาน ฟลูออไรด์จากไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัม/ลิตร เป็นไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัม/ลิตร ส่วนการนำระบบ ปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำดื่ม โดยวิธี R.O. มาใช้ ควรมีมาตรการด้านการบำรุงรักษาระบบ ที่ดีในระดับหมู่บ้าน ตลอดจนมีระบบบำบัดน้ำทิ้งเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและสะสมในแหล่งน้ำหรือพื้น ดินบริเวณใกล้เคียง และควรตรวจหาปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำบริโภคอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจ สอบคุณภาพของระบบดังกล่าว และในระยะยาวควรพัฒนาเครื่องกรองฟลูออไรด์โดยใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อ เป็นการประหยัดทางเศรษฐกิจและลดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จากการประชุมทันตแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ (พ.ศ. 2546) ได้ข้อสรุปว่า ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย คือ 0.11% เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่มีฟลูออไรด์สูงในธรรมชาติ และพบว่า เด็กปฐมวัยกินยาสีฟันขณะ แปรงฟันถึงร้อยละ 47 การเพิ่มปริมาณสูงสุดของฟลูออไรด์ในยาสีฟันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันตกกระโดย เฉพาะในพื้นที่ฟลูออไรด์สูง ไปประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินการอนุมัติ ในวงเงินรวม 38,420,700 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและการประปาส่วนภูมิภาค) ปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ที่ได้รับมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากยังไม่เพียงพอให้ใช้งบประมาณราย จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1962 | ผลการประชุม GCSS 8/GMEF 5 และผลการประชุม CSD 12 | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอสรุปผลการ
ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 8 และการ ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 5 (The 8th Special Session of the Governing Council-GCSS8/ The 5th Global Ministerial Environment Forum-GMEF 5) โดยการประชุมระดับรัฐมนตรีได้พิจารณา ประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการติดตามผลการดำเนินงาน ตามผลการประชุมสุดยอดโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ ยั่งยืน (World Summit on Sustainable Development-WSSD) ในประเด็นเรื่องน้ำ สุขาภิบาล และการตั้ง ถิ่นฐานมนุษย์ ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการ ได้พิจารณาประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมด้านการ ประเมิน ติดตาม ตรวจสอบ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ผลการประชุมระหว่างรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการ ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การ ฯ และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโลก การบริหารงานด้านสิ่งแวด ล้อมระดับนานาชาติ การดำเนินงานตามข้อมติของการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การ ฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 และการประชุม WSSD และสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน สมัยที่ 12 (The 12th Session of the Commission on Sustainable Development-CSD12) เป็นการประชุม Review Session ในรอบ 2 ปีแรก ตามแผนการดำเนินงานที่ CSD 11 กำหนด มีวัตถุประสงค์เพื่อ ทบทวนความสำเร็จและอุปสรรคของการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals-MDGs) และแผนปฏิบัติการโจฮันเนสเบอร์ก (Johannesburg Plan of Implementation-JPOI) ในเรื่องน้ำ สุขาภิบาล และการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ MDGs และ JPOI |
||||||||||||||||||||||||
1963 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน ครั้งที่ 4 (เดือนกรกฎาคม 2547) โดยผลการ ตรวจวัดค่าความทึบแสงของฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตในโรงโม่บดและย่อยหินในพื้นที่ตำบลหน้าพระ ลานและพื้นที่ข้างเคียง จำนวน 32 แห่ง พบว่า มีค่าเกินมาตรฐาน จำนวน 3 แห่ง ส่วนการตรวจสอบสถาน การณ์ฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนในบรรยากาศบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน พบว่า แนวโน้มค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นขนาดเล็กในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลานมีค่าลดลง แต่ยังคงมีค่าเกินมาตรฐาน โดย ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดเท่ากับ 201.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กเท่ากับ 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจวัดฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระ ลานและพื้นที่ข้างเคียงเพิ่มเติมอีก 6 จุด ได้แก่ บริเวณโรงเรียนเขารวก วัดถ้ำศรีวิไล วัดซับชะอม โรงเรียน บ้านคุ้งเขาเขียว วัดหน้าพระลาน และบ้านราษฎรในหมู่ที่ 5 พบระดับฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน 2 จุด คือ บริเวณวัดหน้าพระลาน และบริเวณบ้านราษฎรในหมู่ที่ 5 และจากการตรวจสอบระดับเสียงและความสั่น สะเทือนของโรงโม่บดและย่อยหิน 3 แห่ง และเหมืองหิน 5 แห่ง พบว่า ระดับเสียงเฉลี่ย 8 และ 24 ชั่วโมง และค่าความสั่นสะเทือนจากกิจกรรมการระเบิดหิน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน |
||||||||||||||||||||||||
1964 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 7 และการประชุมภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮน่าว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ 1 | ทส | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสาน งานกลางอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (National Focal Point) และพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพของประเทศไทย และปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของหน่วยรับผิด ชอบให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ รวมทั้งปรับปรุงกลไกการอนุวัติอนุสัญญ ฯ ให้มีประสิทธิภาพ โดยเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการระดับชาติ และจัดตั้งคณะกรรมการความ หลากหลายทางชีวภาพในแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานอนุวัตอนุสัญญาว่าด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ กับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งอนุวัตอนุสัญญา ฯ พร้อมทั้งเห็นชอบในแผน งาน/โครงการตลอดจนงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินงานตามโปรแกรมงานกลยุทธและ การริเริ่มของอนุสัญญา ฯ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานในปีงบประ มาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 141.5 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 95.5 ล้านบาท นอก จากนี้ ให้ประเทศไทยให้ภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ฯ ก่อนการประชุมภาคีพิธีสาร ฯ สมัยที่ 2 ที่จะมีขึ้นในปีพ.ศ. 2548 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการดำเนินงานให้สอดคล้องกับพิธี สาร ฯ ดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ ให้ใช้อัตรากำลังที่มีอยู่เดิมหรือ ใช้วิธีเกลี่ยอัตรากำลังจากหน่วยงานอื่นภายในส่วนราชการเดียวกัน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้นำ เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อขอรับการจัดสรรตำแหน่ง และอัตรากำลัง หรืออาจใช้วิธีจ้างพนักงานราชการ ตามความเห็นของ คปร. โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานกลางไปก่อนจนกว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จะมี ความพร้อมและสร้างบุคลากรรวมทั้งองค์กรมารองรับได้ ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงาน/โครงการ ในการดำเนินงานตามโปรแกรมงานกลยุทธ์ และการริเริ่มของอนุสัญญา ฯ และการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการ เทคโนโลยี สมัยที่ 10 และคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับ ขั้นตอนการภาคยานุวัติพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดประชุมหารือร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดของพิธีสารดังกล่าว รวมไปถึงเรื่องขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในการ ภาคยานุวัติว่า จะต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 224 วรรค 2 หรือไม่ เพื่อนำผลเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และให้รับความเห็นและ ข้อสังเกตของประการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1965 | โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชินีนาถ | ทส | 10/08/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการหมู่บ้าน
ป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชินีนาถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ บริหารจัดการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งเพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้และฟื้นฟู สภาพป่าไม้ และเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันดูแล เฝ้าระวัง ป้องกัน รักษาและใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่าง ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในพื้นที่หมู่บ้านที่อยู่ติดเขตและในเขตพื้นที่ป่าไม้ทุกแห่ง
|
||||||||||||||||||||||||
1966 | การแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแนว
ทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลและหลักเกณฑ์การผ่อนผัน ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำแผน แก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2547 โดยผ่อนผัน ให้สำหรับผู้ใช้น้ำบาดาลที่ระบบประปาเข้าไม่ถึง และให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการประปานคร หลวง (กปน.) เร่งขยายระบบประปา หากมีระบบประปาเข้าถึงให้ยุติการใช้น้ำบาดาลต่อไป กับให้ยกเลิกการ ใช้น้ำบาดาลทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อการอุตสาหกรรมทั้งหมดในเขตที่มีระบบประปาเข้าถึง ส่วนการ ใช้น้ำบาดาลในภาคอุตสาหกรรมเพื่อเป็นวัตถุดิบและในขบวนการผลิตของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดย เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมฟอกย้อมและแผ่นเหล็กเคลือบ ให้แต่ละโรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจัดทำเอก สารรายละเอียดขั้นตอนการผลิตที่ได้รับผลกระทบพร้อมแผนการลดการใช้น้ำบาดาลมาประกอบการพิจารณา ผ่อนผันเป็นราย ๆ ไป สำหรับอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ ที่มีระบบประปาเข้าถึงจะไม่อนุญาตให้ใช้น้ำบาดาล ยกเว้นหากสามารถพิสูจน์ได้ว่าในแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำในขบวนการผลิต หรือใช้เป็นวัตถุดิบที่ได้รับ ผลกระทบให้จัดทำเอกสารแสดงรายละเอียดถึงขบวนการผลิตและหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ พร้อมแผน ลดการใช้น้ำบาดาลเป็นกรณี ๆ เพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินมาตรการเสริม แผนการลดการใช้น้ำบาดาล ฯ ได้แก่ มาตรการด้านการป้องกันและตรวจสอบการกระทำผิดพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ เก็บค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล สำหรับมาตรการระยะ ยาวจะสนับสนุนการดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อทดแทนน้ำบาดาลโดยจัดหาน้ำที่มีปริมาณและคุณภาพในราคาที่ เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำประปาซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการผลิต รวมถึงราคาค่าน้ำที่เป็นธรรม อันเป็นการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในลักษณะบูรณาการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระยะเวลาผ่อนผันการใช้น้ำบาดาลให้ชัดเจน ในส่วน ของ กปน. และ กปภ. ต้องเร่งดำเนินการขยายระบบประปาให้ทั่วถึง รวมทั้งยกเลิกการใช้น้ำบาดาลมาเป็นน้ำ ดิบในระบบประปาในส่วนที่ยังคงดำเนินการอยู่ให้หมดโดยเร็วที่สุดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1967 | ผลการดำเนินงานของศูนย์บริการประชาชนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในรอบ 7 เดือน (ตุลาคม 2546 - เมษายน 2547) | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
งานของศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรอบ 7 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-เมษายน 2547 โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ศูนย์บริการ ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 251 เรื่อง จำแนกเรื่องร้องเรียนออกเป็น เรื่องร้องเรียนที่ไม่ต้องการการแก้ไข ได้แก่ เรื่องร้องเรียนที่เสนอแนะ ข้อคิดเห็น/ ข้อเสนอแนะ จำนวน 14 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนที่ต้องดำเนินการแก้ไข จำนวน 237 เรื่อง โดยเรื่องร้องเรียน เมื่อจำแนกตามประเภทปัญหาสามารถจำแนกออกเป็น 12 ประเภท ได้แก่ ร้องเรียนการบุกรุกภูเขาและป่าไม้ จำนวน 53 เรื่อง ร้องเรียนการบุกรุกที่ดินทำกิน/รุกลำน้ำสาธารณะ จำนวน 45 เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมเจ้า หน้าที่ เช่น ทุจริต ใช้อำนาจมิชอบ ฯลฯ จำนวน 44 เรื่อง ร้องเรียนกลิ่นเหม็น จำนวน 25 เรื่อง ร้องเรียนเรื่อง มลภาวะทางน้ำ จำนวน 18 เรื่อง ร้องเรียนเรื่องน้ำอุปโภค บริโภค น้ำบาดาล จำนวน 14 เรื่อง ร้องเรียนฝุ่น/ เขม่าควัน จำนวน 12 เรื่อง ร้องเรียนของเสียอันตราย จำนวน 8 เรื่อง ร้องเรียนการลักลอบล่าสัตว์ป่า/ค้าสัตว์/ มีครอบครอง จำนวน 7 เรื่อง ร้องเรียนเสียงดังรบกวน จำนวน 4 เรื่อง ร้องเรียนขยะสิ่งปฏิกูล จำนวน 3 เรื่อง และเรื่องอื่น ๆ เช่น ปัญหาการบริหารจัดการ การให้ข้อมูล การขอข้อมูล จำนวน 48 เรื่อง ทั้งนี้ ในส่วนของ ผลการแก้ไขเรื่องร้องเรียนที่ต้องดำเนินการแก้ไข จำนวน 237 เรื่อง หน่วยงานในสังกัดแก้ไขแล้วเสร็จ จำนวน 37 เรื่อง ส่วนที่เหลืออีก จำนวน 200 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข |
||||||||||||||||||||||||
1968 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้องที่ตำบลแม่สรวย ตำบลแม่พริก ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย ตำบลธารทอง ตำบลทรายขาว ตำบลสันกลาง ตำบลป่าหุ่ง ตำบลม่วงคำ ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน ตำบลสันสลี ตำบลเวียง ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่างิ้วตำบลหัวฝาย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และตำบลป่าแฝก ตำบลเจริญราษฎร์ ตำบลศรีถ้อย ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง และป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลทุ่งฮั้ว ตำบลวังเหนือ ตำบลวังใต้ ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ และตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง และป่าแม่ต้ำ ป่าแม่นาเรือ ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่ ตำบลท่าจำปี ตำบลบ้านต๊ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา บางส่วน ในท้องที่ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้องที่ตำบลแม่ สรวย ตำบลแม่พริก ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย ตำบลธารทอง ตำบลทรายขาว ตำบล สันกลาง ตำบลป่าหุ่ง ตำบลม่วงคำ ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน ตำบลสันสลี ตำบลเวียง ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่างิ้ว ตำบลหัวฝาย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และตำบลป่าแฝก ตำบลเจริญราษฎร์ ตำบลศรีถ้อย ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุน วัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง และป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลทุ่งฮั้ว ตำบลวังเหนือ ตำบลวังใต้ ตำบล ร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ และตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง และป่าแม่ต้ำ ป่าแม่นาเรือ ใน ท้องที่ตำบลบ้านใหม่ ตำบลท่าจำปี ตำบลบ้านต๊ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบล แม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา บางส่วน ในท้องที่ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้อง ที่ตำบลต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดพะเยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1969 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 (จำนวน 8 เรื่อง) | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว รวม 8 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม รายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 3/2547 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2547 การ ปรับปรุง การกำหนดประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 3 ฝั่งตะวันออก ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ไทรน้อย- โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย ลำปาง-เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด การพิจารณาทบทวนอายุการใช้งานที่เหมาะ สมของรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่มิเตอร์) และการปรับปรุงคณะกรรมการ/ อนุกรรมการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
1970 | การจัดหาน้ำบาดาลให้ประชาชนตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลของประชาชนเพื่อประชาชน โดยประชาชนมีส่วนร่วม | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ
บาดาล เสนอโครงการจัดหาน้ำบาดาลให้ประชาชนตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลของประชาชน เพื่อประชาชน มีส่วนร่วม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาแหล่งน้ำ โดยก่อสร้างบ่อน้ำบาดาลที่มีคุณภาพตามหลักวิชาการ ออกแบบ ระบบส่งน้ำ และส่วนปรับปรุงคุณภาพน้ำ (ถ้าจำเป็นต้องมี) ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่นอกเขตพื้นที่ชลประทานที่ ขาดแคลนแหล่งน้ำ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก รวมทั้งจัดการ ฝึกอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีในการบำรุงรักษาบ่อบาดาลและระบบส่งน้ำทั้งระบบให้กับประชาชนในพื้นที่ โดย มีเป้าหมายในการจัดหาแหล่งน้ำสะอาด โดยการเจาะบ่อน้ำบาดาล จำนวน 12,000 บ่อต่อปี พร้อมทั้งซ่อม บำรุงรักษาบ่อน้ำบาดาลและเครื่องสูบน้ำบาดาล ระบบประปา โดยประชาชนมีส่วนร่วม นอกจากนี้ ยังได้เสนอ หลักเกณฑ์การให้บริการเรื่อง การให้ความช่วยเหลือองค์กรของรัฐและเอกชนในการประกอบกิจการน้ำบาดาล ตามคำสั่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ที่ 245/2547
|
||||||||||||||||||||||||
1971 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การ
สวนพฤกษศาสตร์ โดยให้กรรมการอื่นที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในคณะกรรมการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง และ เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้แต่งตั้ง นายธีระ สูตะบุตร เป็นประธาน กรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ นายธวัชชัย สันติสุข นายพงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ นายปานศุข ศรีโพธิ์เจริญ นายสมโภชน์ นันทพงษ์ และนางสาวสุภาภรณ์ ปิติพร เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (27 กรกฎาคม 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||
1972 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546 | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานการ
จัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยเนื้อหาที่สำคัญเช่น บทที่ 1 กระบวนการทางการเมืองและสิ่ง แวดล้อมเป็นการนำเสนอความเป็นมาของการเมืองไทย ประกอบด้วย กระบวนการทางเมืองกับการบริหาร จัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมโดยกระบวนการอื่น ข้อจำกัดของการบริหารจัดการสิ่ง แวดล้อม โดยกระบวนการทางการเมือง และกระบวนการทางการเมืองและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ของไทย บทที่ 2 การปฏิรูประบบราชการ ประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม เป็นการนำเสนอระบบบริหารราชการแผ่นดินของไทยและแนวทางปฏิรูประบบราชการ ประกอบ ด้วย องค์กรหลักของการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในช่วงการปฏิรูประบบราชการ ซึ่งมีการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ กลไกในการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการ กำหนด วิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ตลอดจนประชาชนจะได้อะไรจากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ บทที่ 3 การกระจายอำนาจการจัดการสิ่งแวดล้อมไปสู่ท้องถิ่น เป็นการนำเสนอ การบริหารจัดการบ้านเมืองและแนวทางการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 สถาน การณ์การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และปัญหาของการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1973 | ความร่วมมือไทย-พม่า ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำ | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
หลักการร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือไทย-พม่า ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำ โดยหลักการของ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญคือ ให้มีคณะกรรมการร่วมเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างพม่า และไทย มีหน้าที่พิจารณาโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ รวม 3 ด้าน คือ ด้านวิชาการ ด้านบริหาร และ ด้านการเงินทั้งนี้ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำไทย-พม่า ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะประสานและหารือกับ กระทรวงการต่างประเทศก่อนการแต่งตั้ง และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
1974 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และ การอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... คืน ไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1975 | การลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธาน
กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอโครงการเพื่อลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย รวม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม โดยดำเนินการใน ระยะเร่งด่วนในพื้นที่คัดเลือก จำนวน 136 หมู่บ้าน งบประมาณรวม 20.4 ล้านบาท และโครงการป้อง กันและลดความเสียหายเนื่องจากอุทกภัย โดยรวบรวมวิเคราะห์โครงการต่าง ๆ ที่จังหวัดที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม เสนอมา รวม 51 จังหวัด 578 โครงการ งบประมาณรวม 285.5 ล้านบาท โดยโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัย-ดินถล่ม ให้กรมทรัพยากรน้ำ และโครงการป้องกันและมีความเสียหายเนื่อง จากอุทกภัย ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบดำเนิน การร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยงบประมาณค่าใช้จ่ายให้เบิกจ่ายจากเงินทด รองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ซึ่งอยู่ในอำนาจการพิจารณาอนุมัติของผู้ว่าราชการ จังหวัดอยู่แล้ว (วงเงิน 50 ล้านบาท) ภายในวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือเบิกจ่ายจากงบประมาณปกติของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วแต่กรณีตามความเหมาะสม โดยกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการใดที่ มีวงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป และหากกระทรวงมหาดไทย เห็นควรกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวเพิ่มเติมประการใดเพื่อให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินงานได้อย่างชัดเจนถูกต้อง ก็ให้ดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1976 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) | ทส | 20/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้โอนย้าย นายปลอดประสพ สุรัสวดี ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราช การประจำ (นักบริหาร 11) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||
1977 | แผนการจัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ และการจัดการปัญหาน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนการ
จัดการน้ำเสียชุมชนและแผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ ประกอบ เป้าหมายหลักในการทำให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และเป้าหมายรอง คือ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อมสามารถบริหารจัดการน้ำเสียชุมชน ด้วยการพึ่งพาตนเองได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ภายในปี พ.ศ. 2554 และมีการดำเนินการจัดการน้ำเสียชุมชนในชุมชนเมือง 291 พื้นที่ เพื่อควบ คุมปริมาณของเสียให้ระบายออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของที่เกิดขึ้นภายในปี พ.ศ. 2551 และมีการ บริหารจัดการน้ำเสียในชุมชนเมือง 1,130 พื้นที่ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพภายในปี พ.ศ. 2560 สำหรับ รายละเอียดที่จะดำเนินการตามแผนการจัดการน้ำเสียชุมชนให้ศึกษาความเป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน และคำนึงถึง ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะก่อสร้างระบบ รวมทั้งติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการอย่างเป็นรูป ธรรม และต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมต่อ ไป และให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของส่วนราชการไปประกอบการพิจารณาด้วย โดยหากกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นว่ามีส่วนใดที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ปรับแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ไปดำเนินการ ส่วนงบประมาณรายจ่ายที่จะต้องใช้จ่ายในปีต่อไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่าย ประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป สำหรับการจัดการน้ำเสียจากฟาร์มสุกรในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีนโดยที่ ในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวซึ่งมีฟาร์มสุกรขนาดเล็กเป็นจำนวนมากประกอบกับยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อย ลงสู่แม่น้ำลำคลอง ดังนั้น หากรัฐจะสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปดำเนินการปรับ ปรุงซ่อมแซมระบบบำบัดน้ำเสีย เดินระบบ และดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยไม่ครอบคลุมถึงน้ำเสียจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก อาจไม่สามารถแก้ไขต้นตอของ ปัญหาได้อย่างแท้จริงและไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนเท่าที่ควร จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงของสภาพปัญหาในพื้นที่ให้ถูกต้องชัด เจนอีกครั้งหนึ่ง หากเห็นควรดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ลุ่มน้ำดังกล่าวประการใด และจำเป็นต้องใช้ งบประมาณเพิ่มเติมเท่าใด ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1978 | ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (แผนฟื้นคืนธรรมชาติและเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฟื้นคืนธรรมชาติ(พ.ศ. 2548-2552)และการบริหาร
จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นว่าการดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูและอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสมควรจะต้องดำเนินการ จัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบครบวงจรครอบคลุมปัญหาต่าง ๆ อย่างครบถ้วน โดยให้รับความเห็น ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณและประธานนโยบายกรรมการป่าไม้แห่งชาติไป ประกอบการพิจารณาแผนนี้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1979 | ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (แผนฟื้นคืนธรรมชาติ และเรื่อง การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฟื้นคืนธรรมชาติ (พ.ศ. 2548 - 2552) และการบริหารจัดการ
ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือตามที่กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งคณะรัฐมนตรี เห็นว่า การดำเนินการป้องกัน แก้ไข ฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเรื่องที่ สำคัญอย่างยิ่งสมควรจะต้องดำเนินการจัดทำแผนให้ชัดเจน เป็นระบบครบวงจรครอบคลุมปัญหาต่างๆ อย่าง ครบถ้วนโดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำนักงบประมาณและประธานนโยบายกรรมการ ป่าไม้แห่งชาติไปประกอบพิจารณาแผนนี้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1980 | การบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน (วาระสำคัญของรัฐบาล Agenda based) | ทส | 16/07/2547 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่เห็นว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลหลายฉบับได้กำหนดภาระหน้าที่และภารกิจตามกฎหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล หากมีความจำเป็นต้องจัดทำ (ร่าง) กฎหมายการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืนก็สามารถกระทำได้ หากไม่ขัดหรือแย้ง หรือมีผลในการยกเลิกกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการชายฝั่งทะเลที่มีอยู่เดิม และไม่กระทบต่อภาระหน้าที่และการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ตามกฎหมาย โดยในการจัดทำ (ร่าง) กฎหมายดังกล่าว ควรเน้นการส่งเสริมบทบาทของส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันด้วยและสามารถตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 2. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการบริหารจัดการในพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการนี้ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรปรับปรุงวัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ ให้ครอบคลุมทั้งปัญหาในด้านการถูกกัดเซาะและการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะและการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้อย่างยั่งยืน 2.2 เห็นควรให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลและบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทั้งหน่วยราชการส่วนกลาง หน่วยราชการส่วนภูมิภาค และหน่วยราชการส่วนท้องถิ่น โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และการบริหารจัดการพื้นที่ชายฝั่งทะเลของประเทศ สำหรับพื้นที่บริเวณชายหาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหาดที่มีชื่อเสียง และมีความสวยงาม ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ประชาชนโดยทั่วไปมักจะไม่สามารถเข้าไปชมความสวยงามหรือใช้บริเวณชายหาดเหล่านั้นเพื่อการพักผ่อนได้ เพราะมีเอกชนหลายรายดำเนินการแสวงหาประโยชน์จากชายหาดดังกล่าว และดำเนินการในลักษณะกีดกันหรือหวงห้ามประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งๆ ที่เป็นที่สาธารณะหรือเป็นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่เหมาะสมและหรือโดยไม่ถูกต้อง จึงเห็นควรรับปัญหานี้ไปพิจารณาแก้ไขต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก เห็นควรนำผลการศึกษาวิจัยเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการเกี่ยวกับชายฝั่งทะเลต่อไป |