ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 99 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1961 - 1980 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1961 | ขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน (โครงการพัฒนาศักยภาพ แหล่งท่องเที่ยวกลุ่มน้ำตกห้วยแก้ว ดอยสุเทพ-ปุย) | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการพัฒนาศักย ภาพแหล่งท่องเที่ยวกลุ่มน้ำตกห้วยแก้ว ดอยสุเทพ-ปุย จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2548 โดยให้ใช้จ่ายจาก งบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วในปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 |
||||||||||||||||||
1962 | รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานโครงการช้างลาดตระเวนป่า ระยะที่ 2 และขอขยายระยะเวลาในการดำเนินงานออกไปอีก 6 เดือน (ตุลาคม 2547 - มีนาคม 2548) | ทส | 28/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมอุทยาน
แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินโครงการช้างลาดตระเวนป่า โดยใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 21,000,000 บาท ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ต่อเนื่องปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ต่อไปในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 อีก 6 เดือน (ตุลาคม 2547-มีนาคม 2548) โดยจัดทำราย ละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2548 และทำความตกลงเพิ่มเติมกับกระทรวงการ คลังและสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
1963 | การเช่าที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (สถานที่ตั้งกรมทรัพยากรน้ำ) | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ขออนุมัติงบ
ประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 เป็นค่าเช่าที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นสถานที่ ตั้งกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 1,655,352 บาท และอนุมัติงบประมาณค่าเช่าที่ดินดังกล่าวในปีต่อ ๆ ไปตามที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้กำหนดไว้ (อัตราค่าเช่าที่ดินรายปีอัตราร้อยละ 2 ของมูลค่าที่ดินที่ทางราชการประเมินในขณะนั้น) |
||||||||||||||||||
1964 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2547 | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุม
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ ให้การรับรองเรียบร้อยแล้วในการประชุม ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2547 โดยมีมติคณะกรรม การ ฯ ทั้งสิ้นรวม 15 เรื่อง ประกอบด้วย (1) เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ฯ แทนรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ ฯ ซึ่งติดภารกิจ มีเรื่องแจ้งรวม 3 เรื่อง ได้แก่เรื่อง การนำมติการประชุมคณะ กรรมการ ฯ ครั้งที่ 3/2547 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 นำเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2547 และคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2547 เรื่อง ให้ตั้งคณะอนุกรรมการภาย ใต้คณะกรรมการ ฯ เพื่อพิจารณาดูแลเรื่องมลพิษทางสายตาในกรุงเทพ ฯ โดยเฉพาะจากป้ายโฆษณาต่าง ๆ และเรื่อง ให้กระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและโครงสร้างป้ายโฆษณา (2) เรื่องรายงานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2547 เพื่อให้คณะกรรมการ ฯ ให้การรับรอง (3) เรื่องสืบเนื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง ได้แก่ การขอผ่อนผัน การใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อกิจการเหมืองแร่ กรณี บริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) บริเวณเขา วง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เรื่องเพื่อพิจารณา 8 เรื่อง ได้แก่ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณ ภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้น ทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ระหว่างสถานีศรีราชา ถึง สถานีฉะเชิงเทรา ของการรถไฟแห่งประเทศ ไทย รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษ ตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระ บุรี การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ชำนาญการและคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ การกำหนดมาตรฐานการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมง สะพานปลา และแพปลา การ กำหนดมาตรฐานความสั่นสะเทือนโดยทั่วไปที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารและส่วนต่างๆ ของอาคาร และ แผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง และ (4) เรื่องเพื่อทราบ 4 เรื่อง ได้แก่ รายงานผลการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับ จังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ผลการดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์ การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผลการดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2546 และ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย
|
||||||||||||||||||
1965 | การขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2545 กรณีมีหนี้สินผูกพันเกิน 2 ปีงบประมาณ | ทส | 21/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2545 จำนวน 43,580,734 บาท จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2548 ได้เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการเบิกจ่ายให้แล้ว เสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2548 หากเบิกจ่ายไม่ทัน ก็ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป และถ้ามีความจำเป็น ต้องเบิกจ่าย ให้เจียดจ่ายจากปีงบประมาณที่ได้รับแจ้งหนี้ตามนัยหนังสือกระทรวงการคลัง ที่ กค 0514/ 21740 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2548 เรื่อง การเบิกค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปี |
||||||||||||||||||
1966 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 11 ราย) | ทส | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งประธาน
กรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (14 กันยายน 2547) เป็นต้นไป ประกอบด้วย นายระเฑียร ศรีมงคล เป็นประธานกรรมการ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ นายวิชัย แหลมวิไล นายอรรถชัย บุรกรรมโกวิท นายประวิช สารกิจปรีชา นายชยานนท์ กฤตยาเชวง นายเธียรชัย ณ นคร พันเอก(พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายปานเทพ รัตนากร นายสุพจน์ เฟื่องฟูพงศ์ เป็นกรรมการ และนายโสภณ ดำนุ้ย เป็นกรรมการและเลขานุการ |
||||||||||||||||||
1967 | การลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรม | ทส | 14/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมเสนอกรณีมีการลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรม อำเภอ ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเก็บรวบรวมกากของเสียอันตราย ทั้งหมด และดินที่ปนเปื้อนไปกำจัดหรือทำลาย ด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยเร่งด่วน ให้ดำเนินการสอบ สวนและหาผู้รับผิดชอบกับกรณีดังกล่าว และดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ มีการอนุญาตให้นำกากของเสียที่เป็นอันตรายจากอุตสาหกรรมมาทดลองกำจัดในเตาเผา หรือวิธีการ อื่น เว้นแต่จะกำหนดระยะเวลา และปริมาณของเสียที่เป็นอันตรายที่จะนำไปทดลองกำจัดให้เหมาะสม และชัดเจน ให้มีการจัดทำระบบบัญชีและระบบกำกับและติดตามกากของเสียที่เป็นอันตรายจากอุตสาห กรรม รวมทั้งออกกฎระเบียบเกี่ยวกับระบบเอกสารกำกับการขนส่งกากของเสียที่เป็นอันตรายจาก อุตสาหกรรมให้มีความเข้มงวดมากขึ้น และให้จังหวัดนครราชสีมาขยายผลการสืบสวนสอบสวน เพื่อ ให้ได้ตัวผู้จ้างวานกลุ่มบุคคลที่ลักลอบเข้ามาดำเนินการดังกล่าว มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป และ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดิน น้ำ ใต้ดิน และน้ำผิวดินในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน |
||||||||||||||||||
1968 | ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า | ทส | 07/09/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) ประธานกรรมการ
อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า เสนอขอถอนเรื่อง ปรับปรุงองค์ประกอบในคณะกรรม การอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า คืนไปได้ |
||||||||||||||||||
1969 | ขออนุมัติในหลักการโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ | ทส | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
มาตรการ/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ ซึ่งได้แก่ มาตรการ แก้ไขตามแผนระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย งานขุดลอกลำน้ำเดิม พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ รวม 8 โครงการ และมาตรการแก้ไขตามแผนระยะต่อไป ประกอบด้วย งานขุดขยายคลองข่าช่วงอ้อมเมือง เพื่อให้สามารถผันน้ำได้มากขึ้น พร้อมก่อสร้างอาคารประกอบ และเปิดขยายช่องสะพานบนถนนสาย ที่ขวางการไหลของน้ำอีก 7 แห่ง โดยเฉพาะถนนศรีรัตน์และทางหลวงหมายเลข 3150 รวมทั้งขยาย คลองข่าช่วงสุดท้ายลงสู่ทะเลพร้อมอาคารประกอบเพิ่มเติม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับไปประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนปรับรูปแบบและราย ละเอียดของการดำเนินการต่าง ๆ ให้มีขนาด เทคนิค วิธีการ และวงเงินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมเท่าที่ จำเป็น เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลอย่างแท้จริง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณสนับสนุนในภาพรวมทั้งหมดต่อ ไป ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญกับการพิจารณาจัดสรรวงเงินค่าใช้จ่ายให้กับการดำเนิน การเรื่องนี้ในลำดับต้น โดยหากไม่สามารถใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีปกติของหน่วยงานได้ ก็ให้ พิจารณางบประมาณแหล่งอื่นเพิ่มเติมด้วย |
||||||||||||||||||
1970 | รายงานผลปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี | ทส | 31/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติการ
เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณหน้าพระลานจังหวัดสระบุรี ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2547 สรุปดังนี้ (1) การ ตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม ดำเนินคดีเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ของผู้ประกอบการเหมืองหินและ โรงงานปูนซีเมนต์ โดยได้สั่งการ กำชับ เร่งรัด ประสานงานให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยป้อง กันรักษาป่าที่ สบ 2 (ลำพญากลาง) เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมทั้งคณะพนักงานเจ้า หน้าที่ตำรวจป่าไม้ และฝ่ายปกครอง ออกปฏิบัติการตรวจสอบ ตรวจค้น สืบสวน สอบสวน จับกุม ดำเนิน คดีกับผู้ลักลอบทำเหมืองหินบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ไดรับอนุญาตให้แผ้วถางป่า ฯ ตามกฎหมาย ถึง ปัจจุบันมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 14 ราย และตรวจพบผู้กระทำความผิดใหม่อีก 2 ราย (2) การตรวจสอบ ควบคุม การดำเนินกิจการของโรงงานโม่ บด และย่อยหิน ได้สั่งการและกำชับให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายอุตสาหกรรม พื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ร่วมกับนายอำเภอท้องที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจสอบประทานบัตรเหมืองหินทุกแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีประทานบัตรถูกต้อง และให้ผู้ประกอบกิจ การเหมืองจัดทำแผนการจัดการหน้าเหมือง พัฒนาหน้าเหมืองให้เป็นแบบขั้นบันไดทุกแห่ง และพบว่ามีการทำ เหมืองหินในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยโดยใช้คนห้อยโหนเจาะระเบิดหน้าผา ได้สั่งหยุดกิจการไปแล้ว 13 แห่ง นอก จากนี้ ได้ควบคุมการใช้วัตถุระเบิดในกิจการเหมืองหินให้เป็นไปตามกฎหมาย ตรวจสอบการขนย้าย ปริมาณ อย่างเคร่งครัด ในส่วนของการตรวจสอบ ควบคุมกิจการของโรงโม่ บด และย่อยหิน ได้สั่งระงับการเดินเครื่อง จักร และแก้ไขปรับปรุง โดยระงับการเดินเครื่องจักรบางส่วนให้แก้ไขปรับปรุงโรงงานเพื่อกำจัดฝุ่นละออง (3) การเฝ้าระวังรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ประสาน งาน และขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีโครงการตรวจสุขภาพพนักงานโรงงานโม่ บด และย่อยหิน มีโรงงานโม่ บด และย่อยหิน เข้าร่วมโครงการแล้ว 19 แห่ง จัดให้มีโครงการตรวจสุขภาพประชา ชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน ฯ ตรวจสภาพแรงงานในสถานประกอบการโรงงาน ฯ และอบรมให้ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานและการคุ้มครองแรงงาน |
||||||||||||||||||
1971 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน | ทส | 24/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (ฝ่าย
การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน และรับทราบและเห็นชอบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาข้อเสนอของสภาที่ปรึกษา ฯ ในเรื่องดังกล่าว และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยให้รายงานผลการดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรค (หากมี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประสบปัญหาและอุปสรรคจนไม่สามารถดำเนินการต่อ ไปได้ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ด้วย ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ รับประเด็น อภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่า จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดดำเนินการปรับ แผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับความเห็นของสภาที่ปรึกษา ฯ จึงเห็นควรมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการระบบบำบัด น้ำเสียให้เกิดประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืนเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหา รือเพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการ วางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีเงื่อนไขเวลาและสามารถ เชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดและท้องถิ่น แล้วสรุปผลเสนอคณะรัฐมนตรี ทราบภายใน 3 เดือน และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเวียนซักซ้อมความเข้าใจขั้นตอนการ ดำเนินการตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2543 ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2546 และวันที่ 18 พฤษภาคม 2547 เรื่อง แนวทางการจัดทำ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการในเรื่องที่สภาที่ปรึกษา ฯ ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ ต่อคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวง กรม และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดตามประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับประเด็นอภิปรายดังกล่าวไปดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
1972 | การแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำประปาจังหวัดลำพูน | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำประปาจังหวัดลำพูนแบบบูรณาการ ได้แก่ การจัดทำ ระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำดื่ม โดยวิธี Reverse Osmosis (R.O.) และการเจาะสำรวจข้อ มูลทางอุทกธรณีวิทยาและจัดหาบ่อน้ำบาดาลที่ไม่มีปัญหาฟลูออไรด์เกินมาตรฐาน และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นว่า ปัญหาฟลูออไรด์ในน้ำบริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะมีการนำน้ำบาดาลมาใช้เพื่อการบริโภคมากขึ้น ทั้งนี้ ทางวิชาการพบว่า ค่ามาตรฐานฟลูออไรด์ใน น้ำบริโภคปริมาณ 0.7 มิลลิกรัมต่อลิตรเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการแก้ไขประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องน้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท โดยปรับลด ค่ามาตรฐาน ฟลูออไรด์จากไม่เกิน 1.5 มิลลิกรัม/ลิตร เป็นไม่เกิน 0.7 มิลลิกรัม/ลิตร ส่วนการนำระบบ ปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ได้มาตรฐานน้ำดื่ม โดยวิธี R.O. มาใช้ ควรมีมาตรการด้านการบำรุงรักษาระบบ ที่ดีในระดับหมู่บ้าน ตลอดจนมีระบบบำบัดน้ำทิ้งเพื่อป้องกันการปนเปื้อนและสะสมในแหล่งน้ำหรือพื้น ดินบริเวณใกล้เคียง และควรตรวจหาปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำบริโภคอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจ สอบคุณภาพของระบบดังกล่าว และในระยะยาวควรพัฒนาเครื่องกรองฟลูออไรด์โดยใช้วัสดุธรรมชาติเพื่อ เป็นการประหยัดทางเศรษฐกิจและลดปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ จากการประชุมทันตแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญ (พ.ศ. 2546) ได้ข้อสรุปว่า ปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย คือ 0.11% เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่มีฟลูออไรด์สูงในธรรมชาติ และพบว่า เด็กปฐมวัยกินยาสีฟันขณะ แปรงฟันถึงร้อยละ 47 การเพิ่มปริมาณสูงสุดของฟลูออไรด์ในยาสีฟันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันตกกระโดย เฉพาะในพื้นที่ฟลูออไรด์สูง ไปประกอบการดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณในการดำเนินการอนุมัติ ในวงเงินรวม 38,420,700 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง (กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและการประปาส่วนภูมิภาค) ปรับแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ที่ได้รับมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากยังไม่เพียงพอให้ใช้งบประมาณราย จ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2547 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการ พัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยให้ขอตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||
1973 | ผลการประชุม GCSS 8/GMEF 5 และผลการประชุม CSD 12 | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอสรุปผลการ
ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 8 และการ ประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 5 (The 8th Special Session of the Governing Council-GCSS8/ The 5th Global Ministerial Environment Forum-GMEF 5) โดยการประชุมระดับรัฐมนตรีได้พิจารณา ประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการติดตามผลการดำเนินงาน ตามผลการประชุมสุดยอดโลกว่าด้วยการพัฒนาที่ ยั่งยืน (World Summit on Sustainable Development-WSSD) ในประเด็นเรื่องน้ำ สุขาภิบาล และการตั้ง ถิ่นฐานมนุษย์ ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการ ได้พิจารณาประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมด้านการ ประเมิน ติดตาม ตรวจสอบ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ผลการประชุมระหว่างรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการ ประชุมคณะมนตรีประศาสน์การ ฯ และการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมโลก การบริหารงานด้านสิ่งแวด ล้อมระดับนานาชาติ การดำเนินงานตามข้อมติของการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การ ฯ สมัยพิเศษ ครั้งที่ 7 และการประชุม WSSD และสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน สมัยที่ 12 (The 12th Session of the Commission on Sustainable Development-CSD12) เป็นการประชุม Review Session ในรอบ 2 ปีแรก ตามแผนการดำเนินงานที่ CSD 11 กำหนด มีวัตถุประสงค์เพื่อ ทบทวนความสำเร็จและอุปสรรคของการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals-MDGs) และแผนปฏิบัติการโจฮันเนสเบอร์ก (Johannesburg Plan of Implementation-JPOI) ในเรื่องน้ำ สุขาภิบาล และการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ MDGs และ JPOI |
||||||||||||||||||
1974 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน | ทส | 17/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน ครั้งที่ 4 (เดือนกรกฎาคม 2547) โดยผลการ ตรวจวัดค่าความทึบแสงของฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตในโรงโม่บดและย่อยหินในพื้นที่ตำบลหน้าพระ ลานและพื้นที่ข้างเคียง จำนวน 32 แห่ง พบว่า มีค่าเกินมาตรฐาน จำนวน 3 แห่ง ส่วนการตรวจสอบสถาน การณ์ฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนในบรรยากาศบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน พบว่า แนวโน้มค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของฝุ่นขนาดเล็กในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลานมีค่าลดลง แต่ยังคงมีค่าเกินมาตรฐาน โดย ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดเท่ากับ 201.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กเท่ากับ 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตรวจวัดฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระ ลานและพื้นที่ข้างเคียงเพิ่มเติมอีก 6 จุด ได้แก่ บริเวณโรงเรียนเขารวก วัดถ้ำศรีวิไล วัดซับชะอม โรงเรียน บ้านคุ้งเขาเขียว วัดหน้าพระลาน และบ้านราษฎรในหมู่ที่ 5 พบระดับฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน 2 จุด คือ บริเวณวัดหน้าพระลาน และบริเวณบ้านราษฎรในหมู่ที่ 5 และจากการตรวจสอบระดับเสียงและความสั่น สะเทือนของโรงโม่บดและย่อยหิน 3 แห่ง และเหมืองหิน 5 แห่ง พบว่า ระดับเสียงเฉลี่ย 8 และ 24 ชั่วโมง และค่าความสั่นสะเทือนจากกิจกรรมการระเบิดหิน อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน |
||||||||||||||||||
1975 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 7 และการประชุมภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮน่าว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ 1 | ทส | 10/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสาน งานกลางอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (National Focal Point) และพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพของประเทศไทย และปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากำลังของหน่วยรับผิด ชอบให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ รวมทั้งปรับปรุงกลไกการอนุวัติอนุสัญญ ฯ ให้มีประสิทธิภาพ โดยเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการระดับชาติ และจัดตั้งคณะกรรมการความ หลากหลายทางชีวภาพในแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานอนุวัตอนุสัญญาว่าด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ กับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งอนุวัตอนุสัญญา ฯ พร้อมทั้งเห็นชอบในแผน งาน/โครงการตลอดจนงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินงานตามโปรแกรมงานกลยุทธและ การริเริ่มของอนุสัญญา ฯ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานในปีงบประ มาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 141.5 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 95.5 ล้านบาท นอก จากนี้ ให้ประเทศไทยให้ภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ฯ ก่อนการประชุมภาคีพิธีสาร ฯ สมัยที่ 2 ที่จะมีขึ้นในปีพ.ศ. 2548 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการดำเนินงานให้สอดคล้องกับพิธี สาร ฯ ดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ ให้ใช้อัตรากำลังที่มีอยู่เดิมหรือ ใช้วิธีเกลี่ยอัตรากำลังจากหน่วยงานอื่นภายในส่วนราชการเดียวกัน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้นำ เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อขอรับการจัดสรรตำแหน่ง และอัตรากำลัง หรืออาจใช้วิธีจ้างพนักงานราชการ ตามความเห็นของ คปร. โดยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานกลางไปก่อนจนกว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จะมี ความพร้อมและสร้างบุคลากรรวมทั้งองค์กรมารองรับได้ ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ในส่วนของค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงาน/โครงการ ในการดำเนินงานตามโปรแกรมงานกลยุทธ์ และการริเริ่มของอนุสัญญา ฯ และการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการ เทคโนโลยี สมัยที่ 10 และคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ สำหรับ ขั้นตอนการภาคยานุวัติพิธีสารคาร์ตาเฮน่า ฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ จัดประชุมหารือร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณารายละเอียดของพิธีสารดังกล่าว รวมไปถึงเรื่องขั้นตอนที่เกี่ยวข้องในการ ภาคยานุวัติว่า จะต้องนำเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 224 วรรค 2 หรือไม่ เพื่อนำผลเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และให้รับความเห็นและ ข้อสังเกตของประการของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1976 | โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชินีนาถ | ทส | 10/08/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการหมู่บ้าน
ป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชินีนาถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ บริหารจัดการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ รวมทั้งเพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้และฟื้นฟู สภาพป่าไม้ และเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันดูแล เฝ้าระวัง ป้องกัน รักษาและใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่าง ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในพื้นที่หมู่บ้านที่อยู่ติดเขตและในเขตพื้นที่ป่าไม้ทุกแห่ง
|
||||||||||||||||||
1977 | การแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแนว
ทางการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลและหลักเกณฑ์การผ่อนผัน ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำแผน แก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2547 โดยผ่อนผัน ให้สำหรับผู้ใช้น้ำบาดาลที่ระบบประปาเข้าไม่ถึง และให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และการประปานคร หลวง (กปน.) เร่งขยายระบบประปา หากมีระบบประปาเข้าถึงให้ยุติการใช้น้ำบาดาลต่อไป กับให้ยกเลิกการ ใช้น้ำบาดาลทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อการอุตสาหกรรมทั้งหมดในเขตที่มีระบบประปาเข้าถึง ส่วนการ ใช้น้ำบาดาลในภาคอุตสาหกรรมเพื่อเป็นวัตถุดิบและในขบวนการผลิตของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดย เฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมฟอกย้อมและแผ่นเหล็กเคลือบ ให้แต่ละโรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจัดทำเอก สารรายละเอียดขั้นตอนการผลิตที่ได้รับผลกระทบพร้อมแผนการลดการใช้น้ำบาดาลมาประกอบการพิจารณา ผ่อนผันเป็นราย ๆ ไป สำหรับอุตสาหกรรมประเภทอื่น ๆ ที่มีระบบประปาเข้าถึงจะไม่อนุญาตให้ใช้น้ำบาดาล ยกเว้นหากสามารถพิสูจน์ได้ว่าในแต่ละโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำในขบวนการผลิต หรือใช้เป็นวัตถุดิบที่ได้รับ ผลกระทบให้จัดทำเอกสารแสดงรายละเอียดถึงขบวนการผลิตและหลักฐานยืนยันทางวิทยาศาสตร์ พร้อมแผน ลดการใช้น้ำบาดาลเป็นกรณี ๆ เพื่อพิจารณาต่อไป รวมทั้งให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินมาตรการเสริม แผนการลดการใช้น้ำบาดาล ฯ ได้แก่ มาตรการด้านการป้องกันและตรวจสอบการกระทำผิดพระราชบัญญัติ น้ำบาดาล พ.ศ. 2520 และมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ เก็บค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล สำหรับมาตรการระยะ ยาวจะสนับสนุนการดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อทดแทนน้ำบาดาลโดยจัดหาน้ำที่มีปริมาณและคุณภาพในราคาที่ เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำประปาซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการผลิต รวมถึงราคาค่าน้ำที่เป็นธรรม อันเป็นการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำบาดาลในลักษณะบูรณาการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดระยะเวลาผ่อนผันการใช้น้ำบาดาลให้ชัดเจน ในส่วน ของ กปน. และ กปภ. ต้องเร่งดำเนินการขยายระบบประปาให้ทั่วถึง รวมทั้งยกเลิกการใช้น้ำบาดาลมาเป็นน้ำ ดิบในระบบประปาในส่วนที่ยังคงดำเนินการอยู่ให้หมดโดยเร็วที่สุดด้วย
|
||||||||||||||||||
1978 | ผลการดำเนินงานของศูนย์บริการประชาชนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในรอบ 7 เดือน (ตุลาคม 2546 - เมษายน 2547) | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
งานของศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรอบ 7 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2546-เมษายน 2547 โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ศูนย์บริการ ฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนรวมทั้งสิ้น 251 เรื่อง จำแนกเรื่องร้องเรียนออกเป็น เรื่องร้องเรียนที่ไม่ต้องการการแก้ไข ได้แก่ เรื่องร้องเรียนที่เสนอแนะ ข้อคิดเห็น/ ข้อเสนอแนะ จำนวน 14 เรื่อง และเรื่องร้องเรียนที่ต้องดำเนินการแก้ไข จำนวน 237 เรื่อง โดยเรื่องร้องเรียน เมื่อจำแนกตามประเภทปัญหาสามารถจำแนกออกเป็น 12 ประเภท ได้แก่ ร้องเรียนการบุกรุกภูเขาและป่าไม้ จำนวน 53 เรื่อง ร้องเรียนการบุกรุกที่ดินทำกิน/รุกลำน้ำสาธารณะ จำนวน 45 เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมเจ้า หน้าที่ เช่น ทุจริต ใช้อำนาจมิชอบ ฯลฯ จำนวน 44 เรื่อง ร้องเรียนกลิ่นเหม็น จำนวน 25 เรื่อง ร้องเรียนเรื่อง มลภาวะทางน้ำ จำนวน 18 เรื่อง ร้องเรียนเรื่องน้ำอุปโภค บริโภค น้ำบาดาล จำนวน 14 เรื่อง ร้องเรียนฝุ่น/ เขม่าควัน จำนวน 12 เรื่อง ร้องเรียนของเสียอันตราย จำนวน 8 เรื่อง ร้องเรียนการลักลอบล่าสัตว์ป่า/ค้าสัตว์/ มีครอบครอง จำนวน 7 เรื่อง ร้องเรียนเสียงดังรบกวน จำนวน 4 เรื่อง ร้องเรียนขยะสิ่งปฏิกูล จำนวน 3 เรื่อง และเรื่องอื่น ๆ เช่น ปัญหาการบริหารจัดการ การให้ข้อมูล การขอข้อมูล จำนวน 48 เรื่อง ทั้งนี้ ในส่วนของ ผลการแก้ไขเรื่องร้องเรียนที่ต้องดำเนินการแก้ไข จำนวน 237 เรื่อง หน่วยงานในสังกัดแก้ไขแล้วเสร็จ จำนวน 37 เรื่อง ส่วนที่เหลืออีก จำนวน 200 เรื่อง อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข |
||||||||||||||||||
1979 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้องที่ตำบลแม่สรวย ตำบลแม่พริก ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย ตำบลธารทอง ตำบลทรายขาว ตำบลสันกลาง ตำบลป่าหุ่ง ตำบลม่วงคำ ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน ตำบลสันสลี ตำบลเวียง ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่างิ้วตำบลหัวฝาย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และตำบลป่าแฝก ตำบลเจริญราษฎร์ ตำบลศรีถ้อย ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง และป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลทุ่งฮั้ว ตำบลวังเหนือ ตำบลวังใต้ ตำบลร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ และตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง และป่าแม่ต้ำ ป่าแม่นาเรือ ในท้องที่ตำบลบ้านใหม่ ตำบลท่าจำปี ตำบลบ้านต๊ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบลแม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา บางส่วน ในท้องที่ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้องที่ตำบลแม่ สรวย ตำบลแม่พริก ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย ตำบลธารทอง ตำบลทรายขาว ตำบล สันกลาง ตำบลป่าหุ่ง ตำบลม่วงคำ ตำบลแม่เย็น อำเภอพาน ตำบลสันสลี ตำบลเวียง ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่างิ้ว ตำบลหัวฝาย อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย และตำบลป่าแฝก ตำบลเจริญราษฎร์ ตำบลศรีถ้อย ตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุน วัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง และป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ในท้องที่ตำบลทุ่งฮั้ว ตำบลวังเหนือ ตำบลวังใต้ ตำบล ร่องเคาะ อำเภอวังเหนือ และตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง และป่าแม่ต้ำ ป่าแม่นาเรือ ใน ท้องที่ตำบลบ้านใหม่ ตำบลท่าจำปี ตำบลบ้านต๊ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบล แม่นาเรือ อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา บางส่วน ในท้องที่ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ในท้อง ที่ตำบลต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดพะเยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
1980 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 (จำนวน 8 เรื่อง) | ทส | 27/07/2547 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว รวม 8 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม รายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 3/2547 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2547 การ ปรับปรุง การกำหนดประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ 3 ฝั่งตะวันออก ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ไทรน้อย- โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย ลำปาง-เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด การพิจารณาทบทวนอายุการใช้งานที่เหมาะ สมของรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (รถแท็กซี่มิเตอร์) และการปรับปรุงคณะกรรมการ/ อนุกรรมการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
|