ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 97 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1921 - 1940 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1921 | การดำเนินงานแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน และการจัดการของเสียจากเรือ | ทส | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่าย การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเกี่ยวกับการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้าย ของเสียอันตรายข้ามแดนและการจัดการของเสียจากเรือ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ โดยเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องพัฒนาระบบประกันภัย และหลักประกันทางการเงินอื่นที่ให้ความคุ้มครองเสียหายที่เกิดจากการขน ส่งเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน เพื่อรองรับการดำเนินงานเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดนตาม อนุสัญญาบาเซล และให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากร ตรวจสอบการขนส่งของเสียบริเวณหน้าด่านขา เข้าและขาออกตามชายแดนระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจมีการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายโดย การขนส่งทางบกผ่านจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยให้เกิดความรัดกุมยิ่งขึ้น และให้กระทรวงคมนาคม ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการ ป้องกันมลพิษจากเรือ ค.ศ. 1973 และพิธีสาร ค.ศ. 1978 (MARPOL 73/78) ด้านเทคนิควิชาการ ระบบ รองรับการจัดการของเสียจากเรือ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมอาศัย อำนาจตามความในพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดระเบียบ ข้อปฏิบัติ หรือหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อป้องกันมลพิษและลดปัญหามลพิษทางน้ำจากเรืออื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่าย ตามหลักเกณฑ์การควบคุมของอนุสัญญา MARPOL 73/78
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1922 | มาตรการแก้ไขปัญหาไฟป่า ปี 2548 | ทส | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมาตรการ
แก้ไขปัญหาไฟป่า ปี พ.ศ. 2548 และให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความร่วมมือในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้อง ดังนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศจังหวัด กำหนดเขตควบคุมไฟป่า และกำหนดระเบียบ และ มาตรการควบคุมไฟป่าในพื้นที่เขตควบคุมไฟป่า รวมทั้งกำกับดูแลให้มีการดำเนินการไปตามมาตรการที่ กำหนด และออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการไฟป่าระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน เพื่อให้ทุก ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในทุกระดับได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาไฟป่า ตลอดจนจัดทำแผนระดมพลดับไฟป่าใน สถานการณ์รุนแรงและวิกฤติ เพื่อบูรณาการกำลังพลและทรัพยากรของทุกภาคส่วนมาช่วยในการดับไฟ ป่า ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการส่งเสริมเกษตรกรให้ใช้ประโยชน์จากเศษสิ่งเหลือทางการ เกษตรแทนการเผา เช่น การนำไปทำปุ๋ยหมัก ทำแท่งเชื้อเพลิง หรือทำสิ่งประดิษฐ์ และเร่งดำเนินการจัด ทำฝนหลวงในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง และกรมทางหลวง ชนบท กำหนดมาตรการป้องกันการเกิดไฟป่าจากริมทางหลวงทุกสาย ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬา ดำเนินการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้ไฟในพื้นที่ป่าไม้ ให้กระทรวงกลาโหมสนับสนุน กำลังพลและอากาศยานในการดับไฟป่า และให้กระทรวงศึกษาธิการสอดแทรกความรู้เรื่องการป้องกัน ไฟป่าลงในหลักสูตรการเรียนการสอนทุกระดับของกระทรวง และประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน นักศึกษา ในทุกระดับการศึกษาช่วยกันรณรงค์ป้องกันไฟป่า ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องเบี้ยเลี้ยงสำหรับผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่าให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1923 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (แนวทางการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ) | ทส | 23/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการดำเนินการ
ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายการเกษตรทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เกี่ยวกับการมีระบบแก้ไขและป้องกันภัยน้ำเสียในชุมชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำแบบบ่อดักไขมัน เพื่อให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปเผยแพร่ รณรงค์ ให้ประชาชนในพื้นที่จัดทำบ่อดักไขมัน รวมทั้งจะเสนอให้มีการปรับแก้กฎหมายหรือข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้มีผล บังคับใช้กับบ้านเรือนที่พักอาศัยที่จะก่อสร้างใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เทค โนโลยีสะอาดและการผลิตที่สะอาด เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการจัดการสิ่งแวดล้อมของกิจกรรมต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมชุมชนด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1924 | การบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ EANET | ทส | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ของเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Acid Deposition Moni toring Network in East Asia) หรือ EANET ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548-2550 เฉพาะค่าใช้จ่ายของสำนัก งานเลขานุการ (Secretariat) ปีละ 4,720 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ และตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นต้น ไป สนับสนุนค่าใช้จ่ายของสำนักงานเลขานุการ (Secretariat) และศูนย์เครือข่าย (Network Center) ปีละ 11,800 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ แต่เนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 มิได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีรองรับไว้ ประกอบกับวงเงินดังกล่าวเป็นจำนวนไม่มากนัก ให้กรมควบคุมมลพิษพิจารณาปรับแผนการใช้ จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 หรือใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่มีเหลือจ่ายมาดำเนินการต่อไป สำหรับการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนิน งานของ EANET ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นต้นไป ให้กรมควบคุมมลพิษเสนอขอตั้งงบประมาณราย จ่ายประจำปีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1925 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 10 ราย) | ทส | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ แทนกรรมการชุดเดิม จำนวน 10 ท่าน ดังนี้ นายฉัตรชัย รัตโนภาส อธิบดี กรมป่าไม้ นายพยุง นพสุวรรณ ผู้ทรงคุณวุฒิ มล.อนุพร เกษมสันต์ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายพีระเดช มีนสุข ผู้ทรง คุณวุฒิ นายวิเชียร กีรตินิจกาล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นาย เฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายไมตรี ดวงสวัสดิ์ อธิบดีกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายวีระชัย ณ นคร ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ นายธวัชชัย สันติ สุข ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายนิวัติ เรืองพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 พฤศจิกา ยน 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1926 | การแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (รศ.คุณหญิงสุชาดา ศรีเพ็ญ) | ทส | 16/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง
รศ.คุณหญิงสุชาดา ศรีเพ็ญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ โดยให้มีผล ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 พฤศจิกายน 2547) เป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1927 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (นางนิศากร โฆษิตรัตน์) | ทส | 09/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่ง
ตั้ง นางนิศากร โฆษิตรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ (นักบริหาร 10) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1928 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ในท้องที่ตำบลลำแก่น และตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | ทส | 02/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกาขยายอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ในท้องที่ตำบลลำแก่น และตำบลท้าย เหมืองอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาด ท้ายเหมืองในท้องที่ตำบลลำแก่น และตำบลท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติเพิ่มเติมและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1929 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินการ กรณีการลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตราย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา | ทส | 02/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้า
ผลการดำเนินการกรณีการลักลอบฝังกลบกากของเสียที่เป็นอันตราย ที่ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัด นครราชสีมา โดยความคืบหน้าการสำรวจการปนเปื้อนในดิน จากการติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในดิน บริเวณพื้นที่เกิดเหตุ พบการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ประมาณ 20,400 ตารางเมตร ในระดับ ความลึก 1 เมตร โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้แจ้งผลสำรวจให้กระทรวงอุตสาหกรรม ทราบด้วยแล้ว ในส่วนของการขนย้ายดินปนเปื้อน บริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด มหาชน (GENCO) ได้ทำการปาดหน้าดินบริเวณที่เกิดเหตุที่ระดับความลึกประมาณ 20 - 100 เซนติเมตร และ ได้ขนย้ายดินปนเปื้อนไปทำการปรับเสถียรที่โรงงานจังหวัดระยอง ก่อนนำไปฝังกลบที่บ่อฝังกลบ จังหวัดราช บุรี โดยได้ขนย้ายดินไปกำจัด 5,108 ตัน สำหรับการตรวจสอบคุณภาพน้ำในบ่อบาดาลบริเวณชุมชนที่อยู่โดย รอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งผลการตรวจสอบที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2547 พบว่า คุณ ภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ ยังไม่พบการปนเปื้อนในแหล่งน้ำใต้ดิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1930 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (นายสนอง จันทนินทร) | ทส | 02/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่ง
ตั้งนายสนอง จันทนินทร ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1931 | รายงานผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 (CITES CoP 13) | ทส | 02/11/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ รับทราบรายงาน
ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 13 (CITES CoP13) โดยผลการประชุมสรุปดังนี้ ในส่วนข้อเสนอของประเทศไทย ที่ประชุมเห็นชอบให้เลื่อน บัญชีโลมาอิระวดี (Orcaella brevirostris) จากบัญชี 2 (ยังคงอนุรักษ์บางส่วน แต่อนุญาตให้ซื้อ/ขายได้ โดย มีการควบคุม) ของอนุสัญญา เป็นบัญชี 1 (ห้ามซื้อห้ามขาย ให้อนุรักษ์และใช้ศึกษาทางวิชาการได้) ให้ถอด หยก (Euphorbia lacteal) ในบัญชี 2 ที่ได้จากการขยายพันธุ์เทียมออกจากบัญชีอนุสัญญา ให้ถอดโป๊ยเซียน (Euphorbia milii) ที่ได้จากการขยายพันธุ์เทียมออกจากบัญชีอนุสัญญา ให้กล้วยไม้ลูกผสม 4 สกุล คือ สกุล แวนด้า สกุลฟาแลนนอปซิส สกุลเดนโดรเบียม และสกุลซิมบิเดียม ยกออกจากบัญชีแนบท้ายอนุสัญญา ฯ ให้เลื่อนกล้วยไม้ฟ้ามุ่ย (Vanda crerulea) จากบัญชี 1 เป็นบัญชี 2 นอกจากนี้ การประชุมได้พิจารณาข้อ เสนอของประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าหลายชนิด เช่น เต่านา ตะพาบน้ำ จระเข้แม่น้ำไนล์ ช้าง และแอฟริกา ฯลฯ ซึ่งบางชนิดมีผลกระทบกับการอนุรักษ์และการค้าชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่มีอยู่ ในประเทศไทย สำหรับการดำเนินการตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่ได้ประกาศไว้ในการเปิดประชุม CITES CoP13 ได้แก่ การแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีอาเซียน (ASEAN Statement) ในระหว่างการประชุม CITES CoP13 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 เพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกันในความร่วมมือที่ครอบคลุมถึงประเด็น ต่าง ๆ อาทิเช่น ด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การติดตามตรวจสอบการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า การแลก เปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจัยสำคัญของเครือข่าย เป็นต้น การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมการป้องกันธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครนายก การลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์ สัตว์ป่าและพืชป่าระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาเอก ชน และการประชุม CITES CoP14 ซึ่งจะจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2550 ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเห็นชอบให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ ดำเนินการให้เป็นไปตามผลการประชุม ฯ และเพื่อสร้างเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันและ ปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งดำเนิน การจัดทำแผนปฏิบัติการให้เป็นไปตามแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐมนตรีอาเซียน (ASEAN Statement on CITES) ในระหว่างการประชุม CITES CoP13 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1932 | ผลการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัม ฯ สมัยที่ 1 | ทส | 26/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
รัฐภาคีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัม ฯ สมัยที่ 1 (First Meeting of the Conference of the Parties to the Rotter dam Convention on the Prior Informed Consent Procedure for Certain Hazardous Chemicals and Pestici des in International Trade) ระหว่างวันที่ 20-24 กันยายน 2547 ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมประชุม ในครั้งนี้ โดยผลการประชุมสรุปดังนี้ ที่ประชุมได้มีมติรับรองการเพิ่มเติมรายชื่อสารเคมีในกระบวนการแจ้งข้อ มูลสารเคมีล่วงหน้า 14 ชนิด ไว้ในภาคผนวก III ตามข้อ 8 ของอนุสัญญา ฯ คือ binapracyl; toxaphene; ethylene dichloride; ethylene oxide; monocrotophos; DNOC and its salts; dustable powder formula tions containing specific amounts of benomyl, carbofuran, and thiram; actinolite, anthophyllite, amosite and tremolite asbestos; tetraethyl and tetramethyl lead; parathion; 2,4,5-T; pentachloro phenol; dinoseb and dinoseb salts; และ methyl parathion ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548 และได้กำหนดภูมิภาค PIC 7 ภูมิภาค คือ แอฟริกา เอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน ตะวัน ออกใกล้ อเมริกาเหนือ และแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อใช้กำหนดการเพิ่มเติมรายชื่อสารเคมีต้องห้าม หรือ สารเคมีที่ถูกจำกัดการใช้อย่างเข้มงวด โดยประเทศภาคีสมาชิกอย่างน้อย 2 ประเทศ จาก 2 ภูมิภาค ตามข้อ 5(5) ของอนุสัญญาเท่านั้น นอกจากนี้ ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาทบทวนสารเคมี ประกอบด้วยสมาชิก 31 คน จาก 5 ภูมิภาค โดยจะดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และจะหมุนเวียนทุก 2 ปี ในการนี้ไทยได้เสนอที่จะ เข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการฯ คณะแรก โดยดำรงตำแหน่งดังกล่าว 2 ปี และเห็นชอบให้สมาพันธ รัฐสวิสร่วมกับสาธารณรัฐอิตาลี เป็นสถานที่ตั้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญารอตเตอร์ดัม ฯ โดยมอบหมาย ให้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ร่วมกันดำเนินงาน และได้ร้องขอให้สำนักเลขาธิการ ฯ ประสานกิจกรรมในระดับภูมิภาคโดยผ่านองค์กรที่มี อยู่ และจัดเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมวางแผนการใช้งบประมาณ โดยสำนักเลขาธิการ ฯ จะได้นำเสนอราย งานความก้าวหน้าในการประชุมรัฐภาคี สมัยที่ 2 ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1933 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการน้ำบาดาล พ.ศ. .... | ทส | 26/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการน้ำบาดาล พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมคำขอใบอนุญาตเจาะน้ำบาดาลและใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1934 | รายงานผลการสร้างงานและสร้างอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการสร้าง
งานและสร้างอาชีพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดปัตตานี นราธิวาส และยะลา) สรุปได้ดังนี้ ปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2547 ได้มีการจ้างงานท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อดำเนินงานภายใต้แผนงาน/ โครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลและทำความสะอาด บ้านปลา มีการจ้างแรงงาน 2,033 คน วงเงินการจ้าง 3,858,000 บาท โครงการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ ประโยชน์ไม้เสม็ดและพันธุ์ไม้ป่าพรุแบบครบวงจร มีการจ้างแรงงาน 62 คน วงเงินการจ้าง 3,789,000 บาท โครงการส่งเสริมการพัฒนาวัดและมัสยิดเป็นศูนย์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมชุมชน มีการจ้างแรงงาน 30 คน วงเงิน การจ้าง 504,000 บาท โครงการนำร่องพัฒนาการมีส่วนร่วมเพื่อการจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการจ้างแรงงาน 1,671 คน วงเงินการจ้าง 7,326,400 บาท และโครงการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่าง 5 ลุ่มน้ำ (ลุ่มน้ำสายบุรี/โกลก/ปัตตานี/ บางพระ/เทพา) มีการจ้างแรงงาน 1 คน วงเงินการจ้าง 35,520 บาท รวมการจ้างงานทั้งสิ้น 3,797 คน วงเงินการจ้าง 15,512,920 บาท แยกเป็น จังหวัดปัตตานี 1,971 คน วงเงินการจ้าง 7,317,098 บาท จังหวัดนราธิวาส 1,544 คน วงเงินการจ้าง 7,024,742 บาท และจังหวัดยะลา 282 คน วงเงินการจ้าง 1,171,080 บาท สำหรับแผนงาน/โครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครง การส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์ไม้เสม็ดและพันธุ์ไม้ป่าพรุ โครงการส่งเสริมการพัฒนาวัดและมัสยิด เป็นศูนย์ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมชุมชน (ต่อเนื่อง) โครงการจัดทำระบบการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอยในวัด และมัสยิด โครงการสร้างความพร้อมในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน โครงการจัดการทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภายใต้ตอนล่าง 5 ลุ่มน้ำ (ลุ่มน้ำสายบุรี/โกลก/ปัตตานี/บางพระ/เทพา) และโครงการศึกษาผลกระทบจากการบริหารจัดการลุ่มน้ำปัตตานี อยู่ระหว่างการเตรียมการในการดำเนิน การขออนุมัติงบประมาณ และกำหนดแผนปฏิบัติงานตลอดจนการจ้างแรงงานท้องถิ่นต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1935 | โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าวงศ์กวางในเชิงพาณิชย์ | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4.2 (เดิม)
(ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าวงศ์กวางในเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อสาธิตส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ป่าวงศ์กวางเป็นอาชีพให้แก่ประชาชน ถ่ายทอดความรู้และ เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการฟาร์ม เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าให้แก่ประชาชน เพิ่มรายได้และปรับปรุงคุณภาพ ชีวิตให้แก่ประชาชนและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชน โดย ดำเนินการในพื้นที่ของสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเชิงดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ สถานี วิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และ ฟาร์มเกษตรกรในพื้นที่ที่กำหนดแห่งละ 10 ราย มีระยะเวลาดำเนินการ รวม 5 ปี (ปี พ.ศ. 2548-2552) ทั้งนี้ ให้รับความเห็นบางประเด็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของ โครงการให้ชัดเจน รวมถึงชนิดพันธุ์ อายุสัตว์ และจำนวนกวางที่จะเลี้ยงในหน่วยงานของรัฐ และฟาร์มเกษตร กร ผลผลิตที่จะได้ จำนวนกวางที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี และการสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับการถ่ายทอดองค์ ความรู้และเทคโนโลยีการจัดฟาร์มและการเพาะเลี้ยงกวางเชิงพาณิชย์จากภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จใน ธุรกิจการเพาะเลี้ยงกวาง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณที่จะใช้ดำเนิน การจำนวน 44,791,635 บาท นั้น ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และมอบให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ คณะทำงานการปฏิรูปผลิตผลการเกษตรรับไปจัดทำโครงการที่จะสนับสนุนการเพาะเลี้ยงกวางให้เป็นอาชีพ อย่างจริงจังให้เป็นโครงการที่ครอบคลุมอย่างเป็นระบบทั้งด้านการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ การตลาด ระบบ สินเชื่อ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณา ให้การสนับสนุนการดำเนินตามโครงการด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นไม่สามารถดำเนินการได้เอง ก็ให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1936 | ขออนุมัติจัดประชุม Sub regional Environmental Policy Dialogue: SEPD ครั้งที่ 2 | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เป็นเจ้าภาพ จัดประชุมหารือในระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Sub regional Environmental Policy Dialogue : SEPD) ครั้งที่ 2 ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 ณ โรงแรมสยามซิตี้ กรุงเทพ ฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1937 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงาน ตามโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชินีนาถ | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การดำเนินงานตามโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรม ราชินีนาถ โดยได้จัดทำร่างแผนปฏิบัติการโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ตามแนวพระราชดำริ ฯ ปี พ.ศ. 2548 -2551 เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางการปฏิบัติงานตามโครงการ ฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำ ลายป่าไม้และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ รวมทั้งให้ประชาชนร่วมกันดูแล เฝ้าระวัง ป้องกัน รักษา และใช้ประโยชน์จากป่า ไม้อย่างยั่งยืน และเพื่อให้สอดคล้องตามแนวพระราชดำริ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย ประกอบด้วย หมู่บ้านที่อยู่ ติดเขตและในเขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำนวน 2,348 หมู่บ้าน ใน 63 จังหวัด หมู่บ้านที่ อยู่ติดเขตและในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และป่าตามมติคณะ รัฐมนตรี จำนวน 7,600 หมู่บ้าน ใน 67 จังหวัด และหมู่บ้านที่อยู่ติดเขตและในเขตพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะ รัฐมนตรีจำนวน 918 หมู่บ้าน ใน 23 จังหวัด ระยะเวลาดำเนินงาน 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-2551 วงเงินที่ใช้ ดำเนินงานทั้งสิ้น 1,510.12 ล้านบาท แยกเป็น ระยะแรก ปี พ.ศ. 2548 วงเงิน 302.36 ล้านบาท และระยะที่ สอง ปี พ.ศ. 2549-2551 วงเงิน 1,207.76 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้กำหนดพื้นที่หมู่บ้านต้นแบบตามโครงการ ฯ แล้ว คือ หมู่บ้านห้วยปลาหลด หมู่ที่ 8 ตำบลด่านแม่ละเมา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งได้จัดเตรียมความ พร้อมของพื้นที่สำหรับการเปิดตัวโครงการในวันที่ 18 ตุลาคม 2547 |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1938 | ขอรายงานเหตุการณ์หินถล่มและดินไหล ที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากร
ธรณี รายงานเหตุการณ์หินถล่มบริเวณใกล้เขาบ้านทุ่ง ที่บ้านห้วยส้มไฟ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2547 ทำให้บ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวเสียหาย 12 หลังคา เรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย และในวันเดียวกันได้เกิดเหตุการณ์ดินไหลเข้าไปในพื้นที่บ้าน อ่าวนาง หมู่ที่ 2 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2547 แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต และ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายวันทำให้หินปูนบนภูเขาแตก หัก และทำให้ชั้นดินอุ้มน้ำไม่ไหวเกิดการเลื่อนไหลลงมา ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการ การปลูกสร้าง สิ่งก่อสร้างไม่ให้อยู่ใกล้หน้าผาหรือภูเขามากเกินไป รวมทั้งเร่งดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยที่ เกิดจากหินถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น เพื่อออก ประกาศแจ้งเตือนภัยต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1939 | ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงราย และเรื่อง แผนงาน/โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยเชิงบูรณาการจังหวัดเชียงราย | ทส | 19/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอให้กรมทรัพยากร
น้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เชิงบูรณาการจังหวัดเชียงราย โดยสร้างอ่างเก็บน้ำ จำนวน 47 แห่ง สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อ ดำเนินการโครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายจากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อไป ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการที่จะดำเนินการในปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามปกติ โดย ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในเขตตรวจราช การที่ 1 พิจารณากำกับดูแลและติดตามการดำเนินการแผนงาน/โครงการทั้งหมดในภาพรวม สำหรับ โครงการคันกั้นแม่น้ำลาวฝั่งซ้าย โครงการกั้นแม่น้ำลาวฝั่งขวา โครงการพนังกั้นแม่น้ำลาว และโครงการ ปรับปรุงช่องระบายทรายฝายชัยสมบัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ เสนอ เป็นโครงการที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติ (28 กันยายน 2547) เห็นชอบให้กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการ โครงการต่าง ๆ และใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2548 งบกลางราย การค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (59,000 ล้าน บาท) วงเงินรวม 35 ล้านบาทไว้แล้ว จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ประสานการดำเนินงานตาม มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1940 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน (ครั้งที่ 5 เดือนสิงหาคม 2547) | ทส | 12/10/2547 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 5 เดือน สิงหาคม 2547 โดยผลการตรวจวัดค่าความทึบแสงของฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตในโรงโม่บดและย่อย หิน เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2547 พบโรงโม่ ฯ 3 แห่ง ได้แก่ โรงโม่หินบริษัท ส.ศิลาเพิ่มพูล จำกัด โรงโม่หินดาว หน้าพระลาน และโรงโม่หินไกรสิน มีค่าการระบายฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน จึงสั่งระงับการเดินเครื่องจักร และให้ปรับปรุงแก้ไขภายใน 15 วัน ส่วนการตรวจสอบประทานบัตรเหมืองหินพบการทำเหมืองหินในลักษณะ ที่ไม่ปลอดภัยโดยใช้คนห้อยโหนเจาะระเบิดหน้าผาซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง จึงได้สั่งหยุดกิจการ 13 แห่ง สำหรับการติดตามตรวจสอบสถานการณ์ฝุ่นขนาดเล็กในบรรยากาศบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน เดือน สิงหาคม 2547 มีจำนวนวันที่ฝุ่นขนาดเล็กสูงเกินมาตรฐาน 11 วัน โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดอยู่ในช่วง 179.6 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กเท่ากับ 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) และจาก การตรวจวัดฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลานและพื้นที่ข้างเคียง พบฝุ่นละอองรวมเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินมาตรฐาน 1 ครั้ง บริเวณโรงเรียนบ้านคุ้งเขาเขียว ค่าเฉลี่ยอยู่ในช่วง 82-506 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์ เมตร ส่วนฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมงมีค่าสูงเกินมาตรฐาน 4 ครั้งบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน ค่าเฉลี่ยอยู่ ในช่วง75-236 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มาตรฐานฝุ่นละอองรวมและฝุ่นขนาดเล็กเท่ากับ 330 และ 120 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ) นอกจากนี้ ยังมีผลการจับกุมผู้กระทำผิดที่ลักลอบระเบิดหินและบุกรุก ป่าไม่ รวม 17 ราย และจากการสืบสวนสอบสวนเร่งรัดดำเนินคดีสามารถจับตัวผู้กระทำผิดและดำเนินคดีแล้ว 10 คดี |