ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 92 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1821 - 1840 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1821 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่วขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ใน ท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาว ฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1822 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว) | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติ ตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำ ปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบล ห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1823 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง) | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมี สาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1824 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (ตุลาคม 2547 - กรกฎาคม 2548) | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ
รายงานผลการดำเนินการลดการใช้พลาสติกและโฟม ระหว่างเดือนตุลาคม 2547-กรกฎาคม 2548 โดยได้ ดำเนินการทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาว ในส่วนของมาตรการระยะสั้น ได้แก่ มาตรการจัดการ พลาสติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช ได้ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟม เข้าไปในอุทยานทั่วประเทศ และประกาศการนำบรรจุภัณฑ์เข้าไปในบริเวณพื้นที่ควบคุมพิเศษในอุทยานแห่ง ชาติ โดยใช้กับอุทยานทั่วประเทศแล้ว จำนวน 148 แห่ง มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์โดยหน่วย งานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดการใช้พลาสติกและโฟมผ่านสื่อสัมพันธ์ต่างๆ อย่างต่อ เนื่อง มาตรการด้านเทคโนโลยี ได้มีการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลพลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 7.21 กิจ การนำวัสดุที่ไม่ต้องการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ และกิจการวัสดุที่ย่อยสลายได้หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรม ชาติทดแทนการใช้พลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 1.28 มาตรการด้าน กฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ลัย ได้เสนอแผนยุทธศาสตร์สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์และของเสียบรรจุภัณฑ์ เสนอแนะการปรับปรุงกฎ หมายเพื่อผลักดันการบังคับใช้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ส่วนมาตรการระยะยาว ได้แก่ การจัดการบรรจุภัณฑ์ พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากพลาสติกใช้แล้ว ส่วนมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้มีการเสนอผลการศึกษาตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม ดังนี้ มาตรการลดของเสียประเภทพลาสติกและโฟมจากแหล่งกำเนิดมูลฝอยที่สำคัญ มาตรการส่งเสริมการนำพลา สติกและโฟมกลับมาใช้ใหม่ มาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ และ มาตรการส่งเสริมด้านการตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม สำหรับแผนการดำเนินการต่อไปจะได้มีการรวบรวมข้อมูลและผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ ฯ ต่าง ๆ วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนิน งาน เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีในรอบ 6 เดือนครั้งต่อไป ตลอดจนประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำ มาตรการ ฯ ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อลดปริมาณขยะและโฟมในสถานที่ต่าง ๆ โดยในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2549 จะดำเนินโครงการลดการใช้พลาสติกและโฟมในแหล่งกำเนิดที่สำคัญ ปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 จะดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของท้องถิ่นในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอย และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จะติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
1825 | การรายงานผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน โดยมีข้อเสนอแนะว่ารัฐ ควรกำหนดเรื่องลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อระดมทรัพยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหา อย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งรัฐ ควรจัดทำแผนการใช้น้ำระดับพื้นที่เพื่อการเกษตรโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนพัฒนาให้มีอ่างเก็บ น้ำกระจายในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ชุมชน ขุดลอกแหล่งเก็บน้ำเดิม พัฒนาระบบชลประทานและคู คลอง ให้ทั่วถึง ส่วนการแก้ไขปัญหามีน้ำหลากท่วมในช่วงฤดูฝนรัฐต้องเร่งศึกษาวางระบบคู คลองให้เป็นโครงข่าย สร้างผนัง กั้นน้ำเสริมคันคลองที่ต่ำและสร้างประตูระบายน้ำ ศึกษาพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นประจำเพื่อปรับปรุงระบบระบาย น้ำให้มีประสิทธิภาพ ขุดลอกลำน้ำที่ตื้นเขิน และพัฒนาแหล่งกักเก็บ ปรับปรุงหนองน้ำธรรมชาติ จัดวาง ระบบการระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง และจัดวางระบบเตือนภัยและการอพยพให้การช่วยเหลือประชาชนใน พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นประจำ สำหรับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ การชะล้างพังทลายของพื้นที่ลาด ชันและดินริมตลิ่ง และการตกตะกอนในแหล่งเก็บน้ำ รัฐควรศึกษาออกกฎหมายให้เจ้าของผู้ครอบครอง หรือ ผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินต้องปลูกไม้ยืนต้นที่รักษาสภาพแวดล้อมอย่างน้อยร้อยละ 10 ของพื้นที่ที่ประชาชนครอบ ครองหรือทำประโยชน์อยู่เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า รวมทั้งเร่งฟื้นฟูและขยายพื้นที่ป่าไม้ทดแทนป่าไม้เสื่อมโทรม จัด ให้มีมาตรการป้องกันการพังทลายของดินอย่างเหมาะสม ปรับปรุงแหล่งเก็บน้ำเดิมของชุมชนและหมู่บ้าน ให้ลดการตื้นเขิน ให้ความรู้ความเข้าใจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเฝ้าระวัง และบริหารจัดการน้ำ ระดับพื้นที่ กำหนดแนวทางให้คนอยู่กับป่าในพื้นที่อย่างเหมาะสม ตลอดจนฟื้นฟูอนุรักษ์แหล่งน้ำให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว
|
||||||||||||||||||||||||
1826 | ถอดถอนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอถอดถอน
นายชนัตร เลาหะวัฒนะ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตามมติที่ประชุมคณะ กรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริหารกิจ การขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
1827 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 9 ราย) | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรรมการอื่น
ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรม ป่าไม้ จำนวน 9 คน ประกอบด้วย พลเอก อุดมชัย องคสิงห พลตรี สิงห์ศึก สิงห์ไพร นายศุวิทย์ เปี่ยมพงศ์ สานต์ นายปริญญา บุญชู นายธนาธิป วิทยะสิรินันท์ นางถนิมศรี สุวรรณรัตน์ นายชูชาติ จันทะวาลย์ นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ และ พลตำรวจตรี ดุสิตสันต์ เถระพัฒน์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (27 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ยกเว้นราย นายปริญญา บุญชู ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมี มติอนุมัติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
1828 | การแก้ไขปัญหาการจ้างลูกจ้างชั่วคราวของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจ้างลูกจ้างชั่วคราวของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช ซึ่งผู้แทนกรมบัญชีกลางชี้แจงว่า การจ้างเหมาเอกชนดำเนินงาน นั้น สามารถจ้างเหมาได้ทั้งการ จ้างเหมาบริษัทหรือหน่วยงานเอกชน และการจ้างเหมาเป็นรายบุคคล สำหรับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่แล้ว จึงสามารถกำหนดให้สัญญาจ้างมีผลย้อนหลังได้ ขึ้นอยู่กับ ความจำเป็นและลักษณะของงานเป็นสำคัญ โดยไม่ต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแต่ประการใด โดยมอบให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) แจ้งซักซ้อมความเข้าใจเรื่อง การจ้างเหมาดังกล่าว ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติทราบและเข้าใจ ให้ถูกต้องโดยทั่วกันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1829 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิตหรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎ
กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซม เลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการ อนุญาตมี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรกลของเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้มี หรือใช้เลื่อยโซ่ยนต์ให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต การที่ผู้ได้รับอนุญาต นำ หรือให้ผู้อื่นนำเลื่อยโซ่ยนต์ของตนออกไปใช้นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราว การค้า หรือมีไว้ ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งเลื่อยโซ่ยนต์การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างกฎ กระทรวงข้อ 5 ข้อ 7 ข้อ 19 ข้อ 24 ข้อ 29 และข้อ 33 สมควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการของเจ้าหน้า ที่ที่เกี่ยวข้องไว้ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1830 | ขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณซื้อเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 30 ฟุต | ทส | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
รับทราบผลการตรวจสอบข้อมูลและความจำเป็นในการใช้งานเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 30 ฟุต ปรากฏว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสามารถสนธิกำลังจากหน่วยงานอื่นที่มีเรือตรวจการณ์ ในลักษณะเดียวกันเพื่อปฏิบัติภารกิจได้โดยไม่จำเป็นต้องจัดซื้อเรือตรวจการณ์ลำใหม่จึงขอยกเลิกข้อเสนอ ตามหนังสือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด่วนที่สุด ที่ ทส 0502/1907 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2548 และอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบลงทุน รายการเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 60 ฟุต จำนวน 1 ลำ วงเงิน 8 ล้านบาท และเรือตรวจการณ์ขนาดความยาวไม่ต่ำกว่า 40 ฟุต จำนวน 1 ลำ วงเงิน 3 ล้านบาท ของกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง วงเงินรวม 11 ล้านบาท ไปเป็นงบอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ราย การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 11 ล้านบาท ดังกล่าวออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 และให้ดำเนินการต่อไป ได้ ทั้งนี้ ให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1831 | แต่งตั้งกรรมการอื่นทดแทนในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 3 ราย) | ทส | 20/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรม
การอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์แทนกรรมการอื่นที่ลาออก จำนวน 3 ราย ประกอบ ด้วย พลโท อรชุนพิบูลนครินทร์ นางสาวจันทรวิภา ธนะโสภณ และนายสงคราม ธรรมมิญช ตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ เสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1832 | สรุปผลและรายละเอียดผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายภายใต้คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ประธานคณะกรรม
การอำนวยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยราย งานความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิในส่วนของผลการดำเนินงาน และการเบิกจ่ายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 เรื่อง การสำรวจ ศึกษา และวิจัยเร่งด่วน เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ประกอบด้วย การสำรวจข้อมูลและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (วงเงินงบประมาณ 25 ล้านบาท) เบิกจ่ายไปแล้ว 10.20 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินงาน ร้อยละ 60 และการสำรวจ วิจัย และพัฒนาเพื่อฟื้นฟู บูรณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (วงเงินงบประมาณ 75 ล้านบาท) เบิกจ่ายไปแล้ว 21.38 ล้าน บาท โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินงาน ร้อยละ 60 และผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 เรื่อง มาตรการหลักการจัดการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และชุมชนพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ/กิจ กรรม ตามมาตรการดังกล่าวในระยะเร่งด่วน จากสำนักงบประมาณรวมทั้งสิ้น 694.22 ล้านบาท เบิกจ่าย งบประมาณไปแล้ว 185.62 ล้านบาท และส่งคืนสำนักงบประมาณ 67.44 ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้า ในการดำเนินงาน ร้อยละ 20-100
|
||||||||||||||||||||||||
1833 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ครั้งที่ 7/2548 และ ครั้งที่ 8/2548) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2548 และครั้งที่ 8/2548 เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2548 และ18 กรกฎา คม 2548 ตามลำดับ ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 8/2548 และครั้งที่ 9/2548 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 และวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ตาม ลำดับ โดยมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 7/2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 15 เรื่อง และมติคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 8/2548 มีจำนวนทั้งสิ้น 20 เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
1834 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
1835 | การขอปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการปรับปรุงองค์
ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา แทนศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และปรับปรุง องค์ประกอบคณะกรรมการ ฯ จากจำนวน 41 คน ลดลงเหลือ 21 คน ทั้งนี้ ให้เพิ่มเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นกรรมการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1836 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (โครงการ ฯ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 06/09/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
การเปลี่ยนแปลงรายการในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำ บาดาล จากโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การ อนามัยโลกเป็นโครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบกระจายน้ำเพื่อรองรับปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ภายในวงเงินงบประมาณ 290,340,000 บาท โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมดำเนินการ และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 313,605,000 บาทในโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลของระบบประปาเพื่อให้ได้มาตรฐาน น้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งให้ปฏิบัติงานในภารกิจเกี่ยวกับการขุดบ่อน้ำบาดาลที่ได้ถ่ายโอน ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว โดยให้ประสานการดำเนินการ และตรวจสอบข้อมูลกับกระทรวง มหาดไทย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับพื้นที่ดำเนินโครงการและประสานกับคณะกรรมการกระจาย อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติ กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ตามความเห็น ของกระทรวงมหาดไทยต่อไป และอนุมัติวงเงินงบประมาณเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ ดังกล่าว จำนวน 3,163,990,000 บาท ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดด้านการเงินกับ สำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งอนุมัติในหลักการเงินงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในส่วนที่ค้างในระยะที่ 1 โดยให้เบิกจ่ายเท่าที่ จ่ายจริง และให้จัดทำแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน แล้วขอตกลงในรายละเอียดกับสำนัก งบประมาณต่อไป และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการจัดหาแหล่งน้ำสำหรับ อุปโภคบริโภคทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
1837 | โครงการพัฒนาน้ำบาดาลขี้นมาใช้แก้ไขวิกฤตน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก | ทส | 23/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอโครง
การพัฒนาบ่อน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤติน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาค ตะวันออกโดยให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปลี่ยนแผนการดำเนินการพัฒนาบ่อน้ำบาดาล ในระยะที่ 2 และ 3 จากการเจาะบ่อน้ำบาดาลแนวนอน เป็นการเจาะบ่อน้ำบาดาลแนวตั้งเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำตามแผนงานดังกล่าวและทันตามระยะเวลาที่กำหนด โดยการปรับลดจำนวนการเจาะ บ่อน้ำบาดาลแนวนอนลง และให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว จำนวน 428 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขวิกฤติน้ำขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่นิคม อุตสาหกรรมภาคตะวันออก สำหรับบ่อน้ำบาดาลที่ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และสามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ โดยให้ทางจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรีเป็นเจ้าของเรื่องประสานกับบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากร น้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) การประปาส่วนภูมิภาค การนิคมอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวข้องดำเนินการประสานท่อประปาเพื่อนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์โครงการให้ ประชาชนทราบด้วย ทั้งนี้ ให้ขอตกลงรายละเอียดด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1838 | การลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน | ทส | 16/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างข้อตกลง
ว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน (Agreement on the Establishment of the ASEAN Centre for Biodiversity : ACB) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวในนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||
1839 | ร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร [ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | ทส | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 เพื่อให้การทำสวนป่าครอบคลุมถึงไม้ทุกประเภท และให้นำที่ดินที่มีใบอนุญาตให้แผ้วถางป่าตามกฎหมาย ว่าด้วยป่าไม้เฉพาะ เพื่อการทำสวนป่ามาขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่า รวมทั้งยกเว้นค่าภาคหลวง ค่าบำรุงป่า และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ สำหรับไม้ที่ได้มาจาก การทำสวนป่า และยกเว้นให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนำเคลื่อนที่บรรดาของป่าตามกฎ หมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมายวาด้วยป่าสงวนแห่งชาติเฉพาะ ถ่านไม้ เปลือกไม้ ยางไม้ หน่อไม้ หวาย ครั่ง รวงผึ้ง น้ำผึ้ง ขึ้ผึ้ง กล้วยไม้ และเห็ด ในสวนป่าสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสียค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1840 | ผลการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ สมัยที่ 1 | ทส | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||
ค ณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการ
ประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 1 (First Meeting of the Conference of the Parties to the Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants) ซึ่ง จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-6 พฤษภาคม 2548 ณ เมือง Punta del Este ประเทศอุรุกวัย โดยมีอธิบดีกรม ควบคุมมลพิษ เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม สำหรับสาระสำคัญของการประชุมได้มีการพิจารณา ถึงมาตรการต่าง ๆ ที่เสนอในที่ประชุมดังนี้ มาตรการในการลดหรือเลิกการปลดปล่อยจากการผลิตโดย จงใจและการใช้ ที่ประชุมรัฐภาคีมีมติรับรองรูปแบบการขอขึ้นทะเบียนสารดีดีที และแบบฟอร์มการแจ้ง การผลิตและการใช้สารดีดีที รวมทั้งรับรองร่างแนวทางด้านเทคนิคที่ดีที่สุด (Best Available Techniques : BAT) และแนวทางการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด (Best Environmental Practioes : BEP) ตาม มาตรการในการลดหรือเลิกการปลดปล่อยจากการผลิตโดยไม่จงใจ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ภาคีสมาชิก นำร่างดังกล่าวไปใช้พัฒนาแผนปฏิบัติการระดับชาติตามความเหมาะสม และให้สำนักเลขาธิการ ฯ สนับ สนุนด้านงบประมาณในกิจกรรมการสร้างความตระหนัก การเผยแพร่ข้อมูลในระดับภูมิภาค ภูมิภาค ย่อย และระดับชาติ และกระตุ้นให้ประเทศทั้งที่เป็นภาคีสมาชิกและที่ไม่เป็นภาคีสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมรัฐภาคียังได้ย้ำให้ภาคีสมาชิกให้ความสำคัญกับแนวทางด้านเทคนิคของอนุ สัญญาบาเซล ฯ ในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสมจากสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน และได้ให้การ รับรองร่างขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนสารมลพิษที่ตกค้างยาว นาน (POPs Review Committee : POPRC) โดยให้จัดตั้ง POPRC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 31 คนจาก 5 ภูมิภาค คือ แอฟริกา 8 คน เอเชียและแปซิฟิก 8 คน ยุโรปกลางและตะวันออก 3 คน ละตินอเมริกาและ แคริบเบียน 5 คน ยุโรปตะวันตกและอื่น ๆ 7 คน โดยให้ประเทศที่เข้าร่วมใน POPRC เสนอชื่อผู้แทน ภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2548 โดยให้มีการหมุนเวียนกรรมการทุก ๆ 2 ปี และจัดการประชุมอย่างน้อย ปีละครั้ง ส่วนข้อหารือเกี่ยวกับสถานที่ตั้งสำนักเลขาธิการขออนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ ที่ประชุมรัฐภาคี เห็นชอบให้มีการลงคะแนนเสียง และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สมาพันธรัฐสวิสเป็นที่ตั้งสำนักเลขาธิการขอ อนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ ต่อไป |
.....