ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 92 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1821 - 1840 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1821 | การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (ระหว่างวันที่ 2 - 4 กันยายน 2548) | ทส | 20/12/2548 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยว
กับผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (Second Ministerial Meeting on Managing Water Resources in Southeast Asia) ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่าง วันที่ 2-4 กันยายน 2548 โดยมีรัฐมนตรีและ/หรือผู้แทนรัฐมนตรีจากประเทศในภูมิภาคเข้าร่วมประชุม จำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียด นาม ในการนี้รัฐมนตรีได้เน้นถึงพันธกิจที่มีตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ในแถลงการณ์เชียงใหม่ แถลงการณ์แห่ง สหัสวรรษ การประชุมสุดยอดโลกด้านการพัฒนาแบบยั่งยืนรวมทั้งแผนงานโยฮันเนสเบิรก์โดยเน้นย้ำเรื่อง การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการรักษาความสมดุลย์ของสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วน ร่วมจากทุกฝ่ายในการพัฒนาทรัพยากรน้ำ การจัดหาเครื่องมือเพื่อบรรลุแผนการดำเนินการบริหารจัด การน้ำแบบผสมผสาน และการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ รัฐมนตรีได้บรรลุ ข้อตกลงที่จะปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานรวม 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบผสมผสาน (IWRM) ทั้งในระดับนานาชาติและระดับ ท้องถิ่น/ภูมิภาค การจัดการน้ำและสุขาภิบาลสำหรับทุกคน การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความมั่นคง ด้านอาหาร ความมั่นคงด้านน้ำ
|
||||||||||||||||||
1822 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 22/11/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) รับเรื่อง การขอทบทวนมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับการครอบ ครอง ดูแล บำรุงรักษา การใช้ประโยชน์ และการสั่งใช้เฮลิคอปเตอร์ให้เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็น และภารกิจที่ต้องปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหากจำเป็นต้องแก้ไข หรือให้มีกฎระเบียบที่เกี่ยว ข้องประการใดให้พิจารณาด้วย ทั้งนี้ ในหลักการควรกำหนดให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงของทั้งกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจสั่งใช้เครื่องบินปีกตรึง (fix wing) และเฮลิคอปเตอร์ข้ามกระทรวงกันเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติราชการได้ แล้วให้นำข้อยุติดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
1823 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบลทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้านโหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว) | ทส | 22/11/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบลทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้าน โหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบล ทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้านโหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะเยา อำเภอ เมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติน้ำตกทราย ขาว) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1824 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริหารจัดการอุทยานและสัตว์ป่าระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐเคนยา | ทส | 08/11/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริหารจัดการอุทยานและสัตว์ป่าระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธาณรัฐเคนยา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||
1825 | การประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรของเอเปค ครั้งที่ 2 | ทส | 01/11/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการประชุม
ระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับมหาสมุทรของเอเปค ครั้งที่ 2 ที่ประชุมได้เห็นชอบกับแผนปฏิบัติการบาหลี (Bali Plan of Action) ซึ่งประกอบด้วยแนวทางการปฏิบัติตั้งแต่ปี 2549-2552 โดยมีแนวทางหลัก 3 ประการ คือ การสร้าง ความมั่นใจร่วมกันในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่งยืน การใช้ประโยชน์จาก ทะเลเพื่อผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาชุมชนชายฝั่งทะเลอย่างยั่ง ยืน รวมทั้ง ได้เห็นชอบกับแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี (Joint Ministerial Statement) ซึ่งได้จัดลำดับความ สำคัญประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทะเลและมหาสมุทร ในการแสวงหาความร่วมมือของภูมิภาค โดยเฉพาะที่ เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรและการประมงของโลกโดยกำหนดประเด็นสำคัญในการสร้างความร่วมมือไว้ ๔ เรื่อง คือ 1) การรักษาความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรทะเลและมหาสมุทรกับการเติบโตทาง เศรษฐกิจ 2) การสร้างความมั่นใจร่วมกันในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่ง ยืน 3) การใช้ประโยชน์จากทะเลเพื่อผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และ 4) การส่งเสริมสนับสนุนการ พัฒนาชุมชนชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน สำหรับผลการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย สารัตถะในแผนปฏิบัติ การบาหลี และแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบแล้วมีความสอดคล้องกับการดำเนินงานใน ด้านการสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งทะเลตามกรอบ นโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดทำระบบข้อมูลและ การสร้างเครือข่ายข้อมูลให้เชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค การกำหนดเขตคุ้มครองและการจัดการ ทรัพยากรทางทะเล การสนับสนุนชุมชนชายฝั่งทะเลให้มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม การสนับสนุนการจัดการชายฝั่งทะเลแบบบูรณาการ การจัดการมลพิษจากแผ่นดินและจากทะเล การ เพาะเลี้ยงชายฝั่งอย่างยั่งยืน และดำเนินการตามข้อปฏิบัติที่ดีด้านการประมงขององค์การอาหารและเกษตร แห่งสหประชาชาติ สำหรับการเตรียมความพร้อมในการจัดการระบบเตือนภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยสึนา มิ ประเทศสมาชิกเอเปคได้ให้ความสำคัญและแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและ เทคโนโลยีในภูมิภาคต่อไป |
||||||||||||||||||
1826 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ และ ตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคริน จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอ ศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ และตำบลสุคิริน จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ขยาย เขตรักษาพันธุ์สัตวป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ตำบลช้าง เผือก อำเภอจะแนะ และตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1827 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2548 | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2548 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง เรียบร้อยแล้วรวม 4 เรื่อง ได้แก่ (1) การกำหนดมาตรฐานการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมง สะพาน ปลา และแพปลา (2) ความเห็นต่อรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าพลังความ ร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ของบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี (3) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการ Environ ment Office House และ Ecocity ในประเทศไทย และ (4) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง จังหวัดปราจีนบุรี
|
||||||||||||||||||
1828 | แผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2548 - 2557 | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2548-2557 มีวัตถุ ประสงค์เพื่อกำหนดระบบการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการคุ้ม ครอง การใช้ประโยชน์ และการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อป้องกันและบำรุงรักษาพื้นที่ธรรมชาติไว้เป็นที่อยู่ อาศัยของสัตว์ป่า เพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมเผยแพร่การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่หา ยาก และใกล้สูญพันธุ์รวมถึงสัตว์ป่าที่สามารถพัฒนาให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาค ส่วนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ป่า รวมทั้งเพื่อให้การ นันทนาการด้านสัตว์ป่าเป็นไปอย่างยั่งยืนสามารถตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศไทย ทั้งนี้ ให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานหลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนใน การดำเนินงานตามแผนดังกล่าว โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรมีการ กำหนดยุทธศาสตร์วางแผนทางด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่อยู่นอกพื้นที่อนุรักษ์ให้ชัดเจน เนื่องจากในบางพื้น ที่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของไทยที่หายากและมีจำนวนน้อย มาก เช่น หนูถ้ำ ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณเขาหินปูน ประกอบกับแผนแม่บท ฯ ที่เสนอ เป็นแผนแม่บทที่มีประโยชน์ ในแง่ของการอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก และสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ เช่น แรด กระซู่ นกแต้วแร้วท้องดำ เป็นต้น ดังนั้น ควรถือปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนแม่บท ฯ อย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
1829 | ขอเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสมชัย เพียรสถาพร) | ทส | 18/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการเปลี่ยน
แปลงผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย มอบหมายให้นายสมชัย เพียรสถาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ ปคร. แทนนายอภิวัฒน์ เศรษฐรักษ์
|
||||||||||||||||||
1830 | แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 10 ราย) | ทส | 18/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรรมการอื่น
ในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. 2497 มาตรา 16(3) และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน 10 ราย โดยให้เริ่มนับวาระการเป็นกรรมการใหม่นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ประกอบด้วย นายระเฑียร ศรี มงคล เป็นประธานกรรมการ นายสุวัช สิงหพันธุ์ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ นายชัยณรงค์ โลหชิต นางสุนีย์ ศรไชยธนะสุข พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี พันเอก (พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน นายประวิช สารกิจปรีชา เป็นกรรมการ และนายโสภณ ดำนุ้ย เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1831 | การปรับปรุงคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอปรับปรุงองค์
ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ มีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ในการ ตัดสินกำหนดแนวนโยบาย ท่าทีและบทบาทของประเทศไทยที่เกี่ยวกับพันธกรณี และโครงการพัฒนาลุ่ม แม่น้ำโขงพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งแผนด้านการเงินที่สอดคล้องกับการพัฒนา ลุ่มน้ำโขง ประสานนโยบาย กำกับและประเมินผล พิจารณาปัญหา/อุปสรรค และกำหนดแนวทางแก้ไข สำหรับการดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมและประสานความร่วมมือกับประเทศภาคี องค์ กร/ประเทศผู้อุปถัมภ์ เสริมสร้างสมรรถนะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้อง ของไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน และให้กรมทรัพยากรน้ำ ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าว สำหรับองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะ มนตรีและคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะมนตรีในคณะกรรมาธิการฯ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการ ฯ รองปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพยากรน้ำในแผ่นดิน ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรม การร่วมในคณะกรรมาธิการฯ และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมในคณะ กรรมาธิการ ฯ |
||||||||||||||||||
1832 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่วขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ใน ท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาว ฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
1833 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว) | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติ ตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำ ปาด และป่าภูสอยดาว ในท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลบ้านโคก ตำบลนาขุม อำเภอบ้านโคก ตำบล ห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1834 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง) | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมี สาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย ในท้องที่ตำบลปง ตำบลควร ตำบลขุนควร อำเภอปง ตำบลบ้านถ้ำ ตำบลหนองหล่ม ตำบลบ้านปิน อำเภอดอกคำใต้ และตำบลสระ ตำบลเชียงม่วน ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติ ดอยภูนาง) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1835 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การลดการใช้พลาสติกและโฟม (ตุลาคม 2547 - กรกฎาคม 2548) | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ
รายงานผลการดำเนินการลดการใช้พลาสติกและโฟม ระหว่างเดือนตุลาคม 2547-กรกฎาคม 2548 โดยได้ ดำเนินการทั้งมาตรการระยะสั้นและมาตรการระยะยาว ในส่วนของมาตรการระยะสั้น ได้แก่ มาตรการจัดการ พลาสติกและโฟมในอุทยานแห่งชาติ และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช ได้ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศห้ามนำภาชนะที่ทำด้วยโฟม เข้าไปในอุทยานทั่วประเทศ และประกาศการนำบรรจุภัณฑ์เข้าไปในบริเวณพื้นที่ควบคุมพิเศษในอุทยานแห่ง ชาติ โดยใช้กับอุทยานทั่วประเทศแล้ว จำนวน 148 แห่ง มาตรการด้านการรณรงค์ประชาสัมพันธ์โดยหน่วย งานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์การลดการใช้พลาสติกและโฟมผ่านสื่อสัมพันธ์ต่างๆ อย่างต่อ เนื่อง มาตรการด้านเทคโนโลยี ได้มีการส่งเสริมกิจการรีไซเคิลพลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 7.21 กิจ การนำวัสดุที่ไม่ต้องการใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ และกิจการวัสดุที่ย่อยสลายได้หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรม ชาติทดแทนการใช้พลาสติกและโฟมในกิจการประเภท 1.28 มาตรการด้าน กฎหมาย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ลัย ได้เสนอแผนยุทธศาสตร์สำหรับการจัดการบรรจุภัณฑ์และของเสียบรรจุภัณฑ์ เสนอแนะการปรับปรุงกฎ หมายเพื่อผลักดันการบังคับใช้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว ส่วนมาตรการระยะยาว ได้แก่ การจัดการบรรจุภัณฑ์ พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ กำหนดผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากพลาสติกใช้แล้ว ส่วนมาตรการด้านเศรษฐศาสตร์ ได้มีการเสนอผลการศึกษาตามมาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟม ดังนี้ มาตรการลดของเสียประเภทพลาสติกและโฟมจากแหล่งกำเนิดมูลฝอยที่สำคัญ มาตรการส่งเสริมการนำพลา สติกและโฟมกลับมาใช้ใหม่ มาตรการลดการใช้พลาสติกและโฟมในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ และ มาตรการส่งเสริมด้านการตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวด ล้อม สำหรับแผนการดำเนินการต่อไปจะได้มีการรวบรวมข้อมูลและผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ ฯ ต่าง ๆ วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนิน งาน เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีในรอบ 6 เดือนครั้งต่อไป ตลอดจนประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำ มาตรการ ฯ ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติเพื่อลดปริมาณขยะและโฟมในสถานที่ต่าง ๆ โดยในปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2549 จะดำเนินโครงการลดการใช้พลาสติกและโฟมในแหล่งกำเนิดที่สำคัญ ปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 จะดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของท้องถิ่นในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอย และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จะติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการทั่วประเทศ
|
||||||||||||||||||
1836 | การรายงานผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การบริหารจัดการลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน โดยมีข้อเสนอแนะว่ารัฐ ควรกำหนดเรื่องลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อระดมทรัพยากรในการป้องกันและแก้ไขปัญหา อย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อการเกษตรในช่วงฤดูแล้งรัฐ ควรจัดทำแผนการใช้น้ำระดับพื้นที่เพื่อการเกษตรโดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนพัฒนาให้มีอ่างเก็บ น้ำกระจายในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ชุมชน ขุดลอกแหล่งเก็บน้ำเดิม พัฒนาระบบชลประทานและคู คลอง ให้ทั่วถึง ส่วนการแก้ไขปัญหามีน้ำหลากท่วมในช่วงฤดูฝนรัฐต้องเร่งศึกษาวางระบบคู คลองให้เป็นโครงข่าย สร้างผนัง กั้นน้ำเสริมคันคลองที่ต่ำและสร้างประตูระบายน้ำ ศึกษาพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นประจำเพื่อปรับปรุงระบบระบาย น้ำให้มีประสิทธิภาพ ขุดลอกลำน้ำที่ตื้นเขิน และพัฒนาแหล่งกักเก็บ ปรับปรุงหนองน้ำธรรมชาติ จัดวาง ระบบการระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง และจัดวางระบบเตือนภัยและการอพยพให้การช่วยเหลือประชาชนใน พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นประจำ สำหรับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ การชะล้างพังทลายของพื้นที่ลาด ชันและดินริมตลิ่ง และการตกตะกอนในแหล่งเก็บน้ำ รัฐควรศึกษาออกกฎหมายให้เจ้าของผู้ครอบครอง หรือ ผู้ใช้ประโยชน์ที่ดินต้องปลูกไม้ยืนต้นที่รักษาสภาพแวดล้อมอย่างน้อยร้อยละ 10 ของพื้นที่ที่ประชาชนครอบ ครองหรือทำประโยชน์อยู่เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่า รวมทั้งเร่งฟื้นฟูและขยายพื้นที่ป่าไม้ทดแทนป่าไม้เสื่อมโทรม จัด ให้มีมาตรการป้องกันการพังทลายของดินอย่างเหมาะสม ปรับปรุงแหล่งเก็บน้ำเดิมของชุมชนและหมู่บ้าน ให้ลดการตื้นเขิน ให้ความรู้ความเข้าใจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเฝ้าระวัง และบริหารจัดการน้ำ ระดับพื้นที่ กำหนดแนวทางให้คนอยู่กับป่าในพื้นที่อย่างเหมาะสม ตลอดจนฟื้นฟูอนุรักษ์แหล่งน้ำให้เป็น แหล่งท่องเที่ยว
|
||||||||||||||||||
1837 | ถอดถอนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 04/10/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอถอดถอน
นายชนัตร เลาหะวัฒนะ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตามมติที่ประชุมคณะ กรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการบริหารกิจ การขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มีมติ
|
||||||||||||||||||
1838 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 9 ราย) | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรรมการอื่น
ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2546 พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรม ป่าไม้ จำนวน 9 คน ประกอบด้วย พลเอก อุดมชัย องคสิงห พลตรี สิงห์ศึก สิงห์ไพร นายศุวิทย์ เปี่ยมพงศ์ สานต์ นายปริญญา บุญชู นายธนาธิป วิทยะสิรินันท์ นางถนิมศรี สุวรรณรัตน์ นายชูชาติ จันทะวาลย์ นางจันทิมา สิริแสงทักษิณ และ พลตำรวจตรี ดุสิตสันต์ เถระพัฒน์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (27 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ยกเว้นราย นายปริญญา บุญชู ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมี มติอนุมัติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
1839 | การแก้ไขปัญหาการจ้างลูกจ้างชั่วคราวของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการจ้างลูกจ้างชั่วคราวของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช ซึ่งผู้แทนกรมบัญชีกลางชี้แจงว่า การจ้างเหมาเอกชนดำเนินงาน นั้น สามารถจ้างเหมาได้ทั้งการ จ้างเหมาบริษัทหรือหน่วยงานเอกชน และการจ้างเหมาเป็นรายบุคคล สำหรับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่แล้ว จึงสามารถกำหนดให้สัญญาจ้างมีผลย้อนหลังได้ ขึ้นอยู่กับ ความจำเป็นและลักษณะของงานเป็นสำคัญ โดยไม่ต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแต่ประการใด โดยมอบให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) แจ้งซักซ้อมความเข้าใจเรื่อง การจ้างเหมาดังกล่าว ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติทราบและเข้าใจ ให้ถูกต้องโดยทั่วกันด้วย
|
||||||||||||||||||
1840 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิตหรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2548 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎ
กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตให้มี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การซ่อมแซม เลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการ อนุญาตมี ผลิต หรือนำเข้าเลื่อยโซ่ยนต์ การเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรกลของเลื่อยโซ่ยนต์ให้มีกำลังเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ให้มี หรือใช้เลื่อยโซ่ยนต์ให้แตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในใบอนุญาต การที่ผู้ได้รับอนุญาต นำ หรือให้ผู้อื่นนำเลื่อยโซ่ยนต์ของตนออกไปใช้นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราว การค้า หรือมีไว้ ในครอบครองเพื่อการค้าซึ่งเลื่อยโซ่ยนต์การซ่อมแซมเลื่อยโซ่ยนต์เป็นธุรกิจเพื่อสินจ้าง และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างกฎ กระทรวงข้อ 5 ข้อ 7 ข้อ 19 ข้อ 24 ข้อ 29 และข้อ 33 สมควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินการของเจ้าหน้า ที่ที่เกี่ยวข้องไว้ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....