ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 96 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1901 - 1920 จากข้อมูลทั้งหมด 2154 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1901 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 3 | ทส | 18/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 มกราคม 2548- วันที่ 16 มกราคม 2548 โดยการดำเนินการเก็บศพผู้เสียชีวิต ยังมีการค้นพบศพผู้เสียชีวิตอยู่เป็นระยะ และ ดำเนินการค้นหาศพผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่มีประชาชนมาแจ้งไว้ว่าอาจจะมีศพผู้เสียชีวิตติดค้างอยู่ ส่วนการเก็บ สิ่งปรักหักพัง การกู้ซากรถและอื่น ๆ จังหวัดพังงาได้ดำเนินการเก็บสิ่งปรักหักพัง และเก็บกู้ซากรถและอื่น ๆ ในพื้นที่ถนนเพชรเกษม บริเวณตรอกและซอยต่าง ๆ จนสิ้นสุดบริเวณที่ประสบภัยและช่วยเหลือผู้ประกอบ การเก็บกวาดสิ่งปรักหักพังบริเวณอาคารที่พัก โรงแรม รวมทั้งหาดทรายตลอดแนว ในด้านการตรวจสอบ พิสูจน์ศพและเก็บศพไว้รอญาติ เนื่องจากยังมีศพที่รอการพิสูจน์เป็นจำนวนมาก จึงยังให้วัดย่านยาวเป็นศูนย์ ประสานงานหลัก ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาเคลื่อนย้าย ศพบางส่วนไปที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนการประเมินความเสียหายเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2548) มีพื้นที่ที่ประสบภัยและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งสิ้น 6 อำเภอ โดยอำเภอตะกั่วป่าได้รับความ เสียหายมากที่สุด 3 ตำบล 17 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,749 ครัวเรือน จำนวน 8,916 คน ด้านเกษตรกร มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น นาข้าว 28 ไร่ พืชไร่ 9 ไร่ และพืชสวน 5,848 ไร่ ด้านการประกอบธุรกิจ มีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น แผงลอย 509 ราย ร้านค้า 106 ราย ร้านอาหาร 215 ราย และโรงแรม 98 ราย และด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น ท่าเทียบเรือ 53 แห่ง สะพาน คสล. 7 แห่ง สะพานไม้ 1 แห่ง ท่อลอดเหลี่ยม คสล. 2 แห่ง ถนน/ท่อระบบน้ำ 22 แห่ง พนังกั้นน้ำ/เขื่อน 2 แห่ง ไฟฟ้า 30 วงจร ประปา 11 แห่ง โทรศัพท์ 5 ชุมสาย และทางเท้าคอนกรีตบล็อก 2 แห่ง สำหรับการช่วยเหลือ ทางจังหวัดพังงา เหล่ากาชาดจังหวัดพังงา และ มูลนิธิต่าง ๆ ได้ให้การช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งการช่วยเหลือด้านที่ พัก ได้แก่ การจัดหาที่พักชั่วคราว และการสร้างบ้านพักถาวร นอกจากนี้ ยังได้มีการสำรวจและประเมิน ความเสียหายและการฟื้นฟูด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1902 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 11 ราย) | ทส | 18/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้
ทรงคุณวุฒิอื่นในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติชุดใหม่ แทนชุดเก่าที่ดำรงตำแหน่งมาครบ กำหนดสองปีตามวาระ ดังนี้ นางรตยา จันทรเพียร ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นางสาวพิไล พูลสวัสดิ์ ผู้ แทนมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก นางพรเพ็ญ พยัคฆาภรณ์ ผู้แทนมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย นาย สุรพล ดวงแข ผู้แทนมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายปาน เทพ รัตนากร ผู้แทนสมาคมส่งเสริมการอนุรักษ์และเพาะเลี้ยงจระเข้แห่งประเทศไทย นายสุวิทย์ ยอดมณี ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ ประกอบด้วย นายคณวัฒน์ วศินสังวร นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นายอุทิศ กุฏอินทร์ นายฉัตรชัย รัตโนภาส และนายชวาล ทัฬหิ กรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (18 มกราคม 2548) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
1903 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 2 | ทส | 11/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติ
งานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 2 โดยผลการติดตามผู้สูญหายและเก็บศพผู้เสียชีวิต ในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า ยังมีการค้นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยตั้งแต่วันที่ 4-10 มกราคม 2548 พบศพผู้เสียชีวิต เพิ่ม 55 ศพ ส่วนการตรวจสอบพิสูจน์ศพและเก็บศพไว้รอญาติ ได้ให้วัดย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นศูนย์ประสานงานหลัก โดยมีสาธารณสุขจังหวัดพังงา และผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ เป็นผู้รับผิด ชอบร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กระทรวงยุติธรรม ในด้านการป้องกันโรคระบาด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ให้คำแนะ นำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องการในกำจัดขยะติดเชื้อทำให้สามารถกำจัดขยะติดเชื้อได้อย่างเหมาะสม สำหรับการ ให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการประสานงานระหว่างศูนย์ ฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ ดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ การก่อสร้างที่พักอาศัยชั่วคราว สามารถดำเนินการเป็นไปตามกำหนด คาดว่า จะแล้วเสร็จ 2,329 หน่วย การก่อสร้างบ้านพักถาวร ได้มีการหารือที่จะนำที่ดินสาธารณประจำหมู่บ้าน ที่ดิน ราชพัสดุ และที่ดินของเอกชนที่บริจาคมาดำเนินการก่อสร้างบ้านพักถาวรดังกล่าว การจัดหาน้ำสะอาด ได้มี การสำรวจความเสียหายของบ่อบาดาล และความเสียหายของระบบประปาบาดาล และดำเนินการขุดเจาะน้ำ บาดาลที่บ้านบางเนียง และที่ข้างโรงเรียนบ้านปากวีป รวมทั้งได้นำน้ำไปแจกจ่ายในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัย อยู่หนาแน่น การสำรวจและประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการประชุมเพื่อ หารือในเรื่องการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ได้รบผลกระทบจากภัยพิบัติภาคใต้ เมื่อวันที่ 6 และ 10 มกราคม 2548 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำผลการประชุมสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1904 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา | ทส | 04/01/2548 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติ
งานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547-3 มกราคม 2548 กรณี เกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดคลื่นยักษ์มีผล กระทบและสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของไทย ประกอบด้วย จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในเบื้องต้นได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา เพื่อช่วยเหลือผู้ ประสบภัยดังกล่าว สำหรับการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต สูญหายและเก็บศพผู้เสียชีวิต พื้นที่เสียหายส่วนใหญ่อยู่ใน 3 อำเภอ ได้แก่ คุระบุรี ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง มีจำนวนผู้เสียชีวืตในจังหวัดพังงาจำนวน 4,004 คน ผู้บาดเจ็บ 5,597 คน ผู้สูญหาย 2,665 คน โดยสาธารณสุขจังหวัดพังงา และโรงพยาบาลในเขตพื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบใน การตรวจสอบ พิสูจน์ศพและเก็บศพ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ และการป้องกันโรคระบาด การให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น การให้ความช่วยเหลือนักท่อง เที่ยวและส่งกลับ การฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า โทรศัพท์ ประปา ซ่อมแซมและสร้างถนนการสำรวจเพื่อ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ ตลอดจนการสำรวจและ ประเมินผลกระทบความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยผลการสำรวจเบื้องต้น พบว่าชายหาดและท้อง ทะเลทั่วไปมีเศษขยะ ดวัสดุและสิ่งก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้มีการจัดเก็บเศษขยะ และทำความสะอาดต่าง ๆ แล้ว ส่วนปะการังบางพื้นที่ที่มีปะการังน้ำตื้นเสียหายประมาณ 5-10% สำหรับพื้นที่ ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ตลอดจนพื้นที่หลังป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ได้รับผลกระทบและความเสียหายเล็กน้อย
|
|||||||||||||||||||||
1905 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน [ครั้งที่ 8 (เดือนพฤศจิกายน 2547)] | ทส | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 8 เดือนพฤศจิกายน 2547 โดยผลการตรวจวัดค่าความทึบแสงของฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตในโรงโม่ บดและย่อยหินรอบที่ 7 เมื่อวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2547 จำนวน 16 แห่ง พบว่า มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตร ฐานทุกแห่ง โดยค่าสูงสุดของฝุ่นละอองเท่ากับร้อยละ 16.3 (มาตรฐานความทึบแสงของฝุ่นละอองเท่ากับ ร้อยละ 20) ส่วนการตรวจสอบฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลาน พบว่า ระดับของฝุ่นขนาด เล็กบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนทั่วไป มีจำนวนวันที่ฝุ่นขนาดเล็กมีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินมาตรฐาน จำนวน 1 วัน และค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 122.6 มคก/ลบ.ม. และตำรวจภูธรตำบลหน้า พระลาน ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้ลักลอบทำเหมืองหินโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วง เดือนเมษายนถึงตุลาคม 2547 จำนวน 19 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด 2 คดี และ มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวต่อสู้คดี จำนวน 17 คดี ซึ่งผลการดำเนินการสถานการณ์ฝุ่นละอองใน บรรยากาศในพื้นที่ตำบลหน้าพระลานมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีการควบคุมและแก้ไขปัญหา อย่างเคร่งครัด และมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เช่น การตรวจสอบฝุ่นละอองจากแหล่ง กำเนิดประเภทต่าง ๆ การตรวจสอบแปลงประทานบัตรและเหมืองหินที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย เป็นต้น ในการนี้ กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองใน พื้นที่หน้าพระลาน ครั้งที่ 3/2547 พร้อมทั้งจะจัดแถลงข่าวผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2547 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยุติการรายงาน เรื่องดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ได้ |
|||||||||||||||||||||
1906 | รายงานผลการดำเนินงานศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | ทส | 28/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
งานศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2546-กันยายน 2547 ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 697 เรื่อง ผ่าน 18 ช่องทาง โดยช่องทาง ที่ประชาชนนิยมร้องเรียนมากที่สุด คือ การร้องเรียนผ่านทางเว็บไซด์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ 197 เรื่อง รองลงมา คือ ร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC) 158 เรื่อง และเมื่อพิจารณา จากเรื่องร้องเรียนที่ได้รับ พบว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับเรื่องร้องเรียนมากที่สุด 191 เรื่อง รองลงมา คือ กรมควบคุมมลพิษ 165 เรื่อง และสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ฯ 126 เรื่อง ทั้งนี้ ปัญหาที่ประชาชนนิยมร้องเรียนมาก ได้แก่ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกที่ ดินของรัฐ เป็นต้น รองลงมา ได้แก่ ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสีย ขยะมูลฝอย เสียงดังรบกวน อากาศเป็นพิษ เป็นต้น ปัญหาการบริหารจัดการ และปัญหาน้ำหรือการใช้ประโยชน์จากน้ำ ส่วนพื้นที่ที่ประชาชนแจ้งเรื่องร้อง เรียนมากที่สุดอยู่ในภาคกลาง โดยกรุงเทพ ฯ เป็นจังหวัดที่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด รองลงมา คือ ภาค เหนือ โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด และภาคใต้ โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับเรื่อง ร้องเรียนมากที่สุด สำหรับการดำเนินงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หน่วย งานได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนของประชาชนได้แล้วเสร็จ 250 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 36 ของเรื่องร้องเรียนที่ได้ รับทั้งหมด ส่วนเรื่องร้องเรียนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินการเช่น ปัญหาเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก/ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มักเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล/มวล ชนในพื้นที่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวพันกับกฎ ระเบียบ ข้อกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรี มากมาย และความไม่ชัดเจนในอำนาจหน้าที่ของผู้มีส่วนรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||
1907 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณการเข้าร่วมจัดงาน World Expo 2005 Aichi ณ ประเทศญี่ปุ่น | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอก่อหนี้ผูกพัน
ข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - พ.ศ. 2549 เพื่อดำเนินการจัดนิทรรศการและบริหารจัดการอาคารแสดง นิทรรศการไทยในงาน World Expo 2005 ณ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น วงเงิน 200 ล้านบาท โดยเบิกจ่าย จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 78,876,500 บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 79,633,600 บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 41,489,900 บาท |
|||||||||||||||||||||
1908 | การกำหนดพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเรื่อง การ
กำหนดพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยกรมทรัพยากรธรณีกับการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย ได้ศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดร่วมกันในการกำหนดพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 52 ไร่ ในเขตประทานบัตรที่ 24349/15341 เนื่องจากชั้นหอยมีความหนาไม่แตกต่างจากชั้นหอยที่พบใน พื้นที่อนุรักษ์มากนัก ยังถือได้ว่าเป็นชั้นหอยขมน้ำจืดที่หนาที่สุดในโลก และในพื้นที่ที่เสนอใหม่ยังพบ ความหลากหลายทางชีวภาพโบราณ แสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืดแม่ เมาะอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ขนาดของพื้นที่เพียงพอที่จะพัฒนาเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งและอาคาร พิพิธภัณฑ์ถาวรได้ดี และไม่กระทบกระเทือนต่อแผนการทำเหมืองของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย และสามารถนำทรัพยากรถ่านหินทางด้านตะวันออกของพื้นที่อนุรักษ์มาใช้ประโยชน์ในการผลิต กระแสไฟฟ้าได้ และยังเป็นพื้นที่ที่แยกส่วนชัดเจนระหว่างพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่ทำเหมือง
|
|||||||||||||||||||||
1909 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ) | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แต่งตั้ง นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
1910 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี (ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน) | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การดำเนินงานตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการ แก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำท่าจีน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 กรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการสร้างความ พรัอมในการดำเนินงานระบบบำบัดน้ำเสียให้กับเทศบาลเมืองชัยนาท เทศบาลตำบลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จะดำเนินการต่อเนื่องโดยเพิ่มพื้นที่เทศบาลนคร นครปฐมอีก 1 พื้นที่
|
|||||||||||||||||||||
1911 | ผลการประชุม Sub regional Environmental Policy Dialogue : SEPD ครั้งที่ 2 | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการประชุม
หารือในระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Sub regional Environmental Policy Dialogue : SEPD) เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแผนกลยุทธ์ของ UNEP สำหรับ ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก สำหรับปี พ.ศ. 2548-2550 โดยมีข้อเสนอแนะให้เพิ่มเติมในเรื่องของความยาก จนกับสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การย้ายถิ่นฐานจากชนบทสู่เมือง ความรับผิดชอบร่วม กันในระดับที่แตกต่างกัน ปัญหาการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง ในส่วนของประเด็นปัญหาสิ่ง แวดล้อมที่มีความสำคัญของแต่ละภูมิภาคสำหรับอนุภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประชุมได้เห็นชอบกับ ประเด็นที่มีความสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ การลดขยะ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการใช้ซ้ำ (3R-Reduction, Reuse and Recycle) และของเสียอิเล็กทรอนิกส์ โดยผลการประชุมในครั้งนี้จะเป็นการรวบรวมนโยบาย และแนวทางการดำเนินงานของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมที่สำคัญได้แก่การประชุม The 3rd Session of High Level Open-ended Intergovernmental Working Group on an Intergovern mental Strategic Plan for Technology Support and Capacity Building ในระหว่างวันที่ 2-4 ธันวา คม2547 ณ ประเทศอินโดนีเซีย และการประชุมรัฐมนตรีประศาสน์การ (Governing Council : GC) ใน ระหว่างวันที่ 20-26 กุมภาพันธ์ 2548 ณ กรุงไนไรบี สาธารณรัฐเคนยา |
|||||||||||||||||||||
1912 | ขออนุมัติลงนามใน Host Government Agreement ของการจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการและเทคโนโลยี สมัยที่ 10 และการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์ ครั้งที่ 3 | ทส | 21/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอร่าง Host Government Agreement ของการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ วิชาการและเทคโนโลยี สมัยที่ 10 และการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจ ว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผล ประโยชน์ ครั้งที่ 3 โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามใน Host Government Agreement ดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อความของร่างความตกลง Host Government Agreement ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนดำเนินการลงนาม ด้วย โดยเห็นควรให้ตัดข้อความเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิและความคุ้มกันในข้อ 27 ออกทั้งหมด และตัดข้อความ "The privileges and immunities and" ในข้อ 28 ออก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการคัดเลือกภายในประเทศ (locally recruited personnel) จะไม่มีสิทธิได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในการประชุมฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วย เอกสิทธิและความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. 1946 และผู้ที่จะได้รับเอกสิทธิและความคุ้มกันในการประชุม มีเพียงบุคคลที่ระบุไว้ในข้อ 24 ของร่างความตกลง ฯ เท่านั้น |
|||||||||||||||||||||
1913 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ) | ทส | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2547 ที่อนุมัติในหลักการมาตรการ/โครงการป้องกันและแก้ไข ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรีอย่างบูรณาการ เพื่อพิจารณาทบทวนปรับรูปแบบและรายละเอียดของการดำเนิน การต่าง ๆ ให้มีขนาด เทคนิค วิธีการ และวงเงินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เท่าที่จำเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยกรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการประสานและติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของกรมชลประทานในการ พิจารณาปรับรูปแบบของคลองระบายด้วยการลดการก่อสร้างถนนฝั่งซ้ายของคลองให้เหลือเฉพาะเขตคลองเพื่อ การซ่อมบำรุงเท่านั้น เพื่อลดราคาโครงการและยังลดปัญหาทางสังคมได้ด้วย ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาทบ ทวนปรับรูปแบบของกรมชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
1914 | โครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย - ดินถล่ม | ทส | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับโครงการจัดทำระบบ Early Warning สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่ม
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสม และรายละเอียดของโครงการดังกล่าวร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง หาก ผลการพิจารณาเป็นประการใด ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง ปี พ.ศ. 2548 ในวงเงิน 49,979,700 บาท และให้ตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1915 | ผลการดำเนินงานตามโครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่าง | ทส | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมขาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการ
ดำเนินงานตามโครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่าง โดยได้รับมอบ หมายให้ดำเนินงานร่วมกับภาคประชาสังคมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร โครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่าง มีหน้าที่กำกับและบริหารการ ดำเนินงานตามโครงการ ฯ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ประกอบด้วยบุคคลทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดย คณะกรรมการบริหารโครงการฯ ได้กำหนดกรอบแนวทางและหลักเกณฑ์ในการดำเนินกิจกรรมของโครง การ ฯ โดยให้ภาคประชาชนในพื้นที่เป็นผู้เสนอโครงการ/กิจกรรมเพื่อดำเนินงาน และได้แต่งตั้งคณะ ทำงานลุ่มน้ำ 5 คณะ ประกอบด้วย คณะทำงานลุ่มน้ำเทพา-นาทวี ปัตตานี สายบุรี บางนรา และโก- ลก เพื่อดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ลุ่มน้ำ คณะกรรมการบริหารโครงการ ฯ และคณะทำงาน ฯ ได้พิจารณา โครงการนำร่อง และโครงการเร่งด่วนของลุ่มน้ำภาคใต้ตอนล่างตามข้อเสนอของคณะทำงาน ฯ ทั้ง 5 ลุ่มน้ำ พบว่า เป็นโครงการที่ดีและส่วนใหญ่ได้ผ่านเวทีประชาชน โดยที่คณะกรรมการ ฯ ขอให้คณะทำ งาน ฯ ไปเพิ่มเติมรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณ รวมทั้งบางโครงการยังไม่ผ่านเวทีประชาชน ก็ขอให้ไป ผ่านความคิดเห็นของประชาชนก่อน บางโครงการเป็นเรื่องการก่อสร้าง หรือเป็นภารกิจของกรมการขน ส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี ก็ให้ไปปรับแก้ไขด้วย ในส่วนของกำหนดแนวทางการดำเนินงานตามโครง การในระยะต่อไป ให้คณะทำงาน ทั้ง 5 ลุ่มน้ำ ไปจัดทำแผนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาของลุ่มน้ำทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และท้ายน้ำ โดยการมีส่วนร่วมของประชา ชน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการทำงานของคณะกรรมการบริหารโครงการ ฯ และคณะทำงาน ฯ ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณ ให้ดำเนินการพิจารณาจัดทำกรอบการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงาน ตามโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 และได้เสนอแนะให้มีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจนของคณะกรรม การบริหารโครงการ ฯ ประกอบด้วย แผนการจัดประชุมในช่วงระยะเริ่มต้นโครงการ ฯ ควรมีการประชุม อย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง และการเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานในการ ดำเนินงานและประสานงาน เพื่อช่วยการดำเนินงานของกรรมการบริหารโครงการ ฯ ในภาพรวม โดย ให้ทำหน้าที่ในการพัฒนาโครงการ ฯ ประสานงานและช่วยอำนวยการคณะกรรมการบริหารโครงการ ฯ และให้มีคณะทำงานเพื่อการติดตาม นิเทศน์งาน และประชาสัมพันธ์โครงการ ฯ ซึ่งจากการดำเนินงานที่ ผ่านมา ภาคประชาชนมีความกระตือรือล้นในการเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินงานและมีส่วนร่วมในการแสดง ความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการ ฯ ปัญหาเร่งด่วนหรือปัญหาวิกฤตเฉพาะหน้าได้รับการ แก้ไขอย่างทันท่วงที โครงการนำร่องสามารถขยายผลการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่าง เป็นรูปธรรม เมื่อสิ้นสุดโครงการจะได้รับแผนการดำเนนงานของโครงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ ที่เกิดจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ ความร่วมมือและเกิดความรู้สึกในการเป็นเจ้าของโครงการของภาคประชาชนร่วมกับภาครัฐ |
|||||||||||||||||||||
1916 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (จำนวน 3 ราย) | ทส | 14/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เสนอแต่งตั้ง นายสมชัย เพียรสถาพร ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมส่งเสริมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม และนายสุวัช สิงหพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร 10) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ ป่า และพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
1917 | การพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้ง | ทส | 07/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้ง
โดยอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) ดำเนินการพัฒนาและ ปรับปรุงแหล่งน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาภัยแล้งเป็นกรณีเร่งด่วน โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 28,000,000 บาท ประกอบด้วย การพัฒนาบ่อน้ำบาดาล จำนวน 5,000 บ่อ เป็นเงิน 23,000,000 บาท ซ่อมเครื่องสูบน้ำแบบบ่อลึก จำนวน 2,500 เครื่อง เป็นเงิน 2,500,000 บาท และติดตั้งจุดจ่ายน้ำ จำนวน 500 จุด เป็นเงิน 2,500,000 บาท ทั้งนี้ หากไม่เพียงพอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอ ความสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1918 | สรุปสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือ (ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2547) | ทส | 07/12/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากร
น้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล รายงานสถานการณ์ความแห้งแล้งและการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ สถานการณ์ น้ำ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในภาคต่าง ๆ มีปริมาณน้ำไหลเข้ามากกว่าการระบายออก ยกเว้นอ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์มีปริมาณน้ำระบายออกมากกว่าน้ำไหลเข้าวันละ 14.24 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำในแม่น้ำใน ภาคต่าง ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะน้ำน้อยและมีแนวโน้มลดลง ปริมาณน้ำฝน โดยเฉลี่ยทุกภาคไม่มีรายงาน ฝนตก ในด้านพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ประกอบด้วย ภาคเหนือ 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ภาคกลาง 9 จังหวัด และภาคตะวันออก 8 จังหวัด พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 8,660,193 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 4,440 ล้านบาท ราษฎรเดือดร้อน 5,872,178 คน 1,605,015 ครัวเรือน สำหรับการ ให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์อำนวยการติดตามและแก้ไขภัยแล้ง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อติดตามสถานการณ์และดำเนินการป้องกันแก้ไขวิกฤติการขาดแคลนน้ำ การช่วยเหลือน้ำเพื่อการเกษตร กร รวมทั้งการอุปโภค บริโภค และซ่อมแซมระบบประปาที่ชำรุดทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
1919 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 8 (The 8th Informal ASEAN Ministerial Meeting on the Environment - IAMME#8) และ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 3 (The 3th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting - EMM+3#3) | ทส | 30/11/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
รัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 8 โดยสรุปคือ (1) การประชุมรัฐมนตรี ASEAN ด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคม 2547 ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ มีการพิจารณาประเด็น ด้านมลพิษหมอกควันข้ามแดน มีเพียงกัมพูชา ลาว และฟิลิปปินส์ ที่อยู่ในขั้นตอนการให้ความเห็นชอบการให้ สัตยาบันข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษหมอกควันข้ามแดน และจะนำเสนอ ASEAN Scio-Cultural Community Plan of Action และ Vientiane Action Programme, 2004-2010 ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 10 ที่เวียงจันท์ และให้ประเทศสมาชิกเร่งดำเนินการตามขั้นตอนภายในแต่ละประเทศเกี่ยวกับการลงนามในข้อ ตกลงจัดตั้ง ASEAN Center for Biodiversity และข้อตกลง ASEAN Framework Agreement on Access to, and Fair and Equitable Sharing of Benefits Arising from the Utilization of Biological and Genetic Resource และการประชุม IAMME ครั้งที่ 9 และ EMM+3 ครั้งที่ 4 จะจัดที่ฟิลิปปินส์ พ.ศ. 2548 (2) การประชุมรัฐมนตรี อาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม + 3 ในวันที่ 14 ตุลาคม 2547 คือ มีการทบทวนแนวความร่วมมือหลักใน 10 ด้าน และรับทราบสถานการณ์สิ่งแวดล้อม และการดำเนินการพิทักษ์และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมในประเทศจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี |
|||||||||||||||||||||
1920 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน (ครั้งที่ 7 เดือนตุลาคม 2547) | ทส | 30/11/2547 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน ครั้งที่ 7 (เดือนตุลาคม 2547) โดยการติดตามตรวจสอบ สถานการณ์ฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลาน กรมควบคุมมลพิษ และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 7 จังหวัดสระบุรี ได้ทำการติดตามตรวจสอบ พบว่าระดับฝุ่นขนาดเล็กบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน มีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนบริเวณบ้านราษฎรเลขที่ 146 หมู่ 5 และวัดถ้ำศรีวิไล ตรวจพบฝุ่นละอองมี ค่าเกินมาตรฐาน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ในช่วง 42-193 มคก./ลบ.ม. ตามลำดับ (มาตรฐานเท่ากับ 120 มคก. /ลบ.ม.) สำหรับการตรวจสอบวัตถุระเบิด ของคณะกรรมการตรวจสอบควบคุมดูแลการใช้วัตถุระเบิดในเขตพื้น ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ พบว่ามีการใช้วัตถุระเบิดในพื้นที่หน้าพระลานและพื้นที่ข้างเคียงถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ สำนักงานเทศบาลตำบลหน้าพระลานและองค์การบริหารส่วนตำบลหน้าพระลาน ได้นำรถฉีดพรม น้ำเพื่อลดฝุ่นละอองบนถนนสายหลัก และโรงงานปูนซีเมนต์ 2 แห่ง ในพื้นที่หน้าพระลานได้สนับสนุนรถกวาด และดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดถนนพหลโยธิน ในส่วนของแผนงานในระยะต่อไป กรมควบคุมมลพิษ สำนักงาน สิ่งแวดล้อมภาคที่ 7 จังหวัดสระบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดสระบุรี จะทำการตรวจสอบการ ระบายฝุ่นละอองจากโรงโม่บดและย่อยหิน รวมทั้งระดับเสียงและความสั่นสะเทือนในพื้นที่หน้าพระลาน และ จัดประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่หน้าพระลาน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2547 |
.....