ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 96 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1901 - 1920 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1901 | ของบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการเกี่ยวเนื่อง (โครงการพัฒนาพื้นที่หนองเต็ง-จักราช จังหวัดนครราชสีมา และโครงการอุทยานช้าง จังหวัดเชียงใหม่) | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย การต่างประเทศ วัฒนธรรม ท่องเที่ยวและกีฬา) ที่มีมติตามที่สำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (สชน.) เสนอขออนุมัติในหลักการและกรอบวงเงินเพื่อใช้ในการดำเนินการของโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการเกี่ยวเนื่องอีก 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองเต็ง-จักร จังหวัดนครราชสีมา และ โครงการอุทยานช้าง จังหวัดเชียงใหม่ รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,151,927,799 บาท โดยให้รับข้อสังเกตของคณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ ไปดำเนินการด้วยดังนี้ โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และโครงการอุทยานช้าง ควร มีการเตรียมการในเรื่องการบริหารจัดการของโครงการทั้งสองให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการดำเนินการเปิดโครง การในเดือนเมษายน 2548 และควรจัดทำแผนงานการบริหารจัดการในระยะยาวทั้งแผนการบริหารจัดการ โครงการและแผนการบริหารการเงิน เพื่อเสนอภาพรวมให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป สำหรับโครงการ พัฒนาพื้นที่หนองเต็ง-จักราช จังหวัดนครราชสีมา ควรให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่อง เที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) รับผิดชอบดำเนินการ และเมื่อโครงการได้รับอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรี แล้ว ให้ อพท. เร่งรัดดำเนินการในการขอความเห็นชอบ เพื่ออนุญาตการใช้พื้นที่ดำเนินการโครงการจาก กรมป่าไม้ ก่อนเข้าไปใช้พื้นที่เพื่อดำเนินการในรายละเอียดของโครงการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณ รับไปพิจาณาความจำเป็นเหมาะสมของงบประมาณค่าใช้จ่ายในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ประสานกับ สำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1902 | การกำหนดพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบใน 49 จังหวัด | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรณี
รายงานการดำเนินการกำหนดพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (Tsunami) โดยได้ตั้งคณะทำงานด้านธรณีพิบัติภัยหลุมยุบ ทำหน้าที่สำรวจตรวจสอบ ศึกษา วิเคราะห์สภาพ ธรณีวิทยา ธรณีพิบัติภัยที่เกี่ยวข้องกับหลุมยุบทั่วประเทศ และได้ออกประกาศกรมทรัพยากรธรณีเตือนภัยล่วง หน้า เขตพื้นที่เสียงภัยหลุมยุบในพื้นที่ภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน พร้อมแผนที่และรายชื่อพื้นที่เสียงภัย และ ได้ประกาศขอความร่วมมือประชาชนแจ้งข้อมูลที่พบเห็นเกี่ยวกับรอยแตกรอยแยกที่เกิดขึ้นในชั้นหินผ่านทางอิน เทอร์เน็ต สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 และสถานีวิทยุในเครือของกรมประชาสัมพันธ์ สถานี วิทยุในส่วนภูมิภาค จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา ตรัง กระบี่ พังงา และสตูล รวมทั้งออกประกาศกรมทรัพยากร ธรณีเตือนภัยล่วงหน้าเขตพื้นที่เสี่ยงภัยหลุมยุบเพิ่มเติมในพื้นที่ 49 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ได้มีหนังสือ ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดหลุมยุบสูง เพื่อให้ทราบถึงวิธีดำเนินการที่ถูกต้องในการกลบหลุม ยุบ พร้อมทั้งแนะนำข้อปฏิบัติในกรณีที่เกิดเหตุการณ์หลุมยุบเพิ่มเติม และขอความร่วมมือจากจังหวัดพิจารณา ระงับการขุดเจาะน้ำบาดาลเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันการยุบตัวของหลุมยุบเพิ่มเติม และให้จังหวัดพิจารณา ระงับการใช้อาคารเรียนที่ตรวจพบโพรงใต้ดิน ซึ่งอาจเกิดการถล่มได้ เช่น ที่โรงเรียนบ้านกาแนะ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1903 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดพื้นที่และกำหนดมาตรการควบคุมการทำเกลือจากน้ำเกลือใต้ดิน | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2.2 (ฝ่ายการ
เกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมเสนอ ข้อกำหนดโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมการทำเกลือจากน้ำเกลือใต้ดินในภาคตะวันออกเฉียง เหนือ (TOR) โดยจะทำการคาดคะเนผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทำเกลือจากน้ำเกลือใต้ดินในภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครราชสีมา หนองคาย และมหาสารคาม เพื่อ กำหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยกำหนดพื้นที่และลักษณะการดำเนินงานออกเป็น 4 ส่วน คือ (1) พื้นที่วิกฤต (2) พื้นที่ทั่วไป (3) ศึกษาเพื่อพัฒนาเทคนิคและกรรมวิธีการผลิตเกลือจากน้ำเกลือใต้ดิน และ (4) การสำรวจและประเมินความเสี่ยงจากการเกิดหลุมยุบ ระยะเวลาดำเนินการปีงบประมาณ พ.ศ. 2548- 2549 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อรับข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการ กลั่นกรอง ฯ และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ โดยในส่วนของคณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีข้อสังเกตว่า ควรให้มีการกำหนดรายละเอียดในข้อกำหนดโครงการศึกษา ฯ โดยศึกษา ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้นให้ชัดเจน โดยเฉพาะการแพร่กระจายของดินเค็มสู่พื้นที่เกษตรกรรมซึ่งควร กำหนดเขตรัศมีที่จะศึกษาให้เหมาะสม รวมถึงการเกิดปัญหาดินถล่มเนื่องจากโพรงเกลือใต้ดินหรืออาจเกิดจาก ภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ โดยให้คำนึงถึง ว่าวัตถุประสงค์หลักของโครงการ ฯ ควรต้องเป็นไปเพื่อการรักษาทรัพยากรของประเทศมากกว่าประโยชน์ทาง ธุรกิจ และเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 กรกฎาค ม 2534 เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่ และการกำหนดมาตรการควบคุมการทำเกลือจากน้ำเกลือใต้ดิน โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปกำหนดเขตพื้นที่ที่อนุญาตและพื้นที่วิกฤตที่ห้าม สูบน้ำหรือนำน้ำเกลือจากใต้ดิน โดยใช้แผนที่แทนการระบุชื่อหน่วยการปกครอง โดยมีหลักการไม่ขยายพื้นที่ จากที่อนุญาตไว้เดิม และไม่อนุญาตให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เป็นไปตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้ จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้าง ศักยภาพการแข่งขัน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 38.50 ล้านบาท และเสนอขอตั้งงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1904 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาถังน้ำดับไฟป่าใช้กับเฮลิคอปเตอร์ | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ขอถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาถังน้ำดับไฟป่าใช้กับเฮลิคอปเตอร์ คืนไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1905 | การจัดงานมหกรรมน้ำ "น้ำคือชีวิต..." | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการจัดงาน
มหกรรมน้ำ "น้ำคือชีวิต..." โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่เป็นหน่วยงาน หลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ดำเนินการจัดงานและใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ในการดำเนินการ จำนวน 14,270,000 บาท ทั้งนี้ ในการใช้จ่ายงบประมาณในการ จัดงานให้คำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และผลกระทบต่อเป้าหมาย ผลผลิต ตามแผนการปฏิบัติงานและ แผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ที่ได้กำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบ ประมาณด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1906 | รายงานความก้าวหน้าเรื่องดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าเรื่อง ดินถล่ม รอยแยกและหลุมยุบ จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ (Tsunami) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ได้เกิดผลกระทบทางธรณีพิบัติภัยเป็นวงกว้างเช่น หลุมยุบในบริเวณใกล้เขาหินปูน รอย แยกตามชั้นดินและดินถล่มบริเวณไหล่เขา กรมทรัพยากรธรณีได้สำรวจธรณีวิทยา ธรณีฟิสิกส์ พร้อมทั้ง วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและดาวเทียม พบว่า บริเวณเกาะระ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีร่องรอยดิน ถล่มภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์มากกว่า 70 แห่ง และมีแนวโน้มจะเกิดการถล่มของชั้นดิน และชั้นหินอีก จึงกำหนดพื้นที่เกาะระให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังภัยจากดินถล่ม และขอความอนุเคราะห์จังหวัด ชะลอการปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนของประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความลาดชันสูงเป็นการ ชั่วคราวก่อน จนกว่ากรมทรัพยากรธรณีจะได้เข้าไปตรวจสอบในรายละเอียด และจากการสำรวจทางธรณี ฟิสิกส์บริเวณแนวคลองลาวนอน อ่าวอ่าง และเกาะหมู ตำบลราชกรูด อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ไม่ พบรอยเลื่อนในชั้นตะกอนใต้ทะเลแต่อย่างใด ส่วนก๊าซที่ผุดในชั้นดินใต้ท้องทะเล พบว่า เป็นก๊าซมีเทนที่ สามารถติดไฟได้ เกิดการสะสมตัวอยู่ในชั้นโคลนป่าชายเลนเก่า ซึ่งปิดทับด้วยชั้นทรายเมื่อคลื่นยักษ์พาตะ กอนทรายออกไปทำให้ก๊าซมีเทนที่ถูกปิดทับผุดขึ้นมา สำหรับหลุมยุบที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งสิ้น 24 หลุม ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประจำการสำรวจธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ ในจังหวัดทางภาคใต้ จำนวน 10 คณะ เพื่อตรวจสอบหลุมยุบทันทีที่ได้รับการแจ้งพร้อมทั้งให้คำแนะนำแก่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและประชาชนในเบื้องต้นเพื่อลดความกังวลของประชาชนที่เกรงกลัวต่อพิบัติภัยที่อาจเกิด ขึ้นใกล้ตัว นอกจากนี้ ได้ทำการสำรวจโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนกาแนะ อำเภอเมือง จังหวัด สตูล พบว่า รอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับ ความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน โพรงใต้ดินดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของอาคารเรียน จึงแจ้งให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวรพร้อมประกาศและกั้นเขตเป็น พื้นที่อันตราย ส่วนโพรงใต้ดินบริเวณอาคารเรียนโรงเรียนบ้านควน เป็นรอยแตกร้าวของอาคารเรียนที่ เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์กับโพรงใต้ดินที่อยู่ใต้อาคารในระดับความลึกประมาณ 18 เมตรจากผิวดิน ได้แจ้ง ให้จังหวัดสตูลพิจารณาระงับการใช้อาคารเรียนดังกล่าวเป็นการถาวร พร้อมประกาศและกั้นเขตเป็นพื้นที่ อันตราย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1907 | รายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 3 | ทส | 25/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความคืบหน้า
การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัย ครั้งที่ 3 จนถึงวันที่ 24 มกราคม 2548 โดยผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้ส่ง เต็นท์ (Camping Ground) และถุงนอนประมาณ 200 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย ดำเนินการรื้อซากปรักหักพังใน บริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต และอุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระยอง จัดระบบประปา โดยการเจาะบ่อบาดาลใหม่ และติดตั้งระบบประปาบาดาลให้แก่ผู้อพยพที่ศูนย์ที่พักชั่วคราว 5 จุด ณ องค์การ บริหารส่วนตำบลบางม่วง จังหวัดพังงา และร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำการติดตั้งเครื่องวัดแผ่นดิน ไหว รวมทั้งได้ทำความสะอาดบริเวณอุทยานแห่งชาติที่ได้รับความเสียหาย เก็บขยะใต้ท้องทะเล และทำลาย แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคในแหล่งน้ำกักขัง เป็นต้น สำหรับผลการดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินงานตามมาตรการจัดการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ที่ประสบธรณีพิบัติภัยภาคใต้ ได้แก่ การจัดการข้อมูลและประเมินความเสียหาย การจัดการฟื้นฟูชุมชนและสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม การฟื้นฟูพื้น ที่อุทยานแห่งชาติและแหล่งท่องเที่ยว และการแบ่งมอบภารกิจในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจน และมอบให้จุฬา ลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการยกร่างเบื้องต้น เกี่ยวกับแนวคิดในด้านภูมิทัศน์พื้นที่ประสบธรณีพิบัติภัยรุงแรง ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ได้แก่ หาดป่าตอง หาดกมลา ตลอดจนศึกษา สำรวจและวิจัยในด้านอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือและดำเนินการร่วมกับกรมแผนที่ทหารในการบินสำรวจถ่ายภาพทาง อากาศ และจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางออโธสีเชิงเลข เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1908 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2547 | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2547 วันที่ 3 ธันวาคม 2547 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้มีมติรวม 23 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ประธาน ฯ แจ้งต่อที่ประชุม เรื่อง รายงานการประชุม ฯ ครั้งที่ 6/2547 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2547 เรื่องเพื่อพิจารณา 13 เรื่อง ได้แก่ แผนปฎิบัติการตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบ คุมการเผาในที่โล่ง (สืบเนื่อง), การขยายเวลาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในพื้นที่เหนือเขื่อนทดน้ำบางปะกง, ความ เห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเขื่อนแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ (สืบเนื่อง), ความ เห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สถานีเรดาร์และสถานีโทรคมนาคม ของโครงการ RTADS PHASE II บริเวณยอดเขาใหญ่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ของกองทัพอากาศ, ความเห็นต่อรายงาน การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซี เมนต์ ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ที่ตำบลพุกร่างและขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัด สระบุรี, ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการบ้านเอื้ออาทรบางโฉลง ระยะที่ 3/ 1 และ 3/2 โครงการบ้านเอื้ออาทร จังหวัดภูเก็ต และโครงการบ้านเอื้ออาทร 3/1 และระยะที่ 2 จังหวัดฉะ เชิงเทรา ของการเคหะแห่งชาติ, การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดการกากของเสีย, การแต่งตั้งประธานกรรม การผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน 3 คณะ, การปรับปรุงคณะอนุ กรรมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม, การยกเลิกคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการสิ่ง แวดล้อม จำนวน 3 คณะ, การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งการให้สัตยาบันในอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาว นาน และเรื่องเพื่อทราบ 7 เรื่อง ได้แก่ รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติเรื่อง การออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับประเภทและขนาด ของโครงการ หรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม, การติดตามตรวจสอบการ ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม โครงการโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ ของบริษัท ฟินิคซ พัลฟ แอนด์ เพเพอร์ จำกัด (มหาชน), รายงานสถานภาพการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการที่ ได้รับอนุญาต และผ่านความเห็นชอบต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม, รายงานความก้าวหน้า การดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรณีการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ บ้านเอื้ออาทรประชานิเวศน์, การดำเนินงานตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2547 (มกรา คม-มิถุนายน 2547), รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2546, รายงานสถานการณ์มลพิษของ ประเทศไทย พ.ศ. 2546 และเรื่องอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1909 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2547 เรื่อง ความเห็นต่อรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ที่ตำบลพุกร่างและขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2547 เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2547 เรื่อง ความเห็นต่อรายงานประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของ บริษัทปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) ที่ตำบลพุกร่างและขุนโขลง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยที่ประชุม ฯ มีมติเห็นชอบกับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่โครง การเหมืองแร่หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย ฯ ตามความเห็นของคณะอนุ กรรมการพิจารณารายงานการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้น ที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เพื่อการทำเหมืองแร่ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวด ล้อมอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1910 | การให้สัตยาบันในอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบให้ประเทศ
ไทยให้สัตยาบันในอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants : POPs) เพื่อการเป็นภาคีสมาชิกโดยสมบูรณ์ต่อไป โดยให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษทำหน้าที่ศูนย์ประสานงาน (Focal Point) ในการปฏิบัติ ตามพันธกรณีของอนุสัญญา ฯ ต่อไป และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการให้สัตยาบัน ในอนุสัญญา ฯ ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2548
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1911 | สรุปผลการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การฟื้นฟูและการพัฒนาพื้นที่อันเกิดจากธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ช่วยเหลือผู้ประสบภัย การฟื้นฟูและการพัฒนาพื้นที่อันเกิดจากธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้ฝั่งทะเลอัน ดามัน (จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล) สรุปได้ดังนี้ การค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตใน ช่วงระหว่างวันที่ 26-28 ธันวาคม 2547 ได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจำนวน 2,034 คน ที่มาเที่ยวอุทยานแห่ง ชาติซึ่งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน และร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ค้นหา ผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยชีวิตสัตว์น้ำ เช่น โลมา และพะยูน ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอท้ายเหมืองจังหวัดพังงา ในส่วนของการช่วยเหลือและให้ความสงเคราะห์ผู้ประสบ ภัย ได้ดำเนินการในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การแจกจ่ายน้ำสะอาด ติดตั้งชุดประปาสนาม ซ่อมแซมระบบประปา ติดตั้งระบบประปาบาดาล สูบล้างบ่อน้ำตื้น และเป่าล้างบ่อบาดาล รวมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อเฝ้า ระวังและเตือนภัยแผ่นดินไหว และร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและประเมินผล ความเสียหาย สำหรับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำมาตรการการจัดการฟื้นฟูและ พัฒนาพื้นที่ประสบภัย และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและออกแบบ การปรับปรุงผังเมืองสภาพภูมิทัศน์ และการป้องกันคลื่นยักษ์เบื้องต้นในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัด พังงา และภูเก็ต และทำความสะอาดบริเวณชายหาดและพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับความเสียหาย รวมถึงบริเวณ ใต้ทะเล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1912 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 3 | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการ
ปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12 มกราคม 2548- วันที่ 16 มกราคม 2548 โดยการดำเนินการเก็บศพผู้เสียชีวิต ยังมีการค้นพบศพผู้เสียชีวิตอยู่เป็นระยะ และ ดำเนินการค้นหาศพผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่มีประชาชนมาแจ้งไว้ว่าอาจจะมีศพผู้เสียชีวิตติดค้างอยู่ ส่วนการเก็บ สิ่งปรักหักพัง การกู้ซากรถและอื่น ๆ จังหวัดพังงาได้ดำเนินการเก็บสิ่งปรักหักพัง และเก็บกู้ซากรถและอื่น ๆ ในพื้นที่ถนนเพชรเกษม บริเวณตรอกและซอยต่าง ๆ จนสิ้นสุดบริเวณที่ประสบภัยและช่วยเหลือผู้ประกอบ การเก็บกวาดสิ่งปรักหักพังบริเวณอาคารที่พัก โรงแรม รวมทั้งหาดทรายตลอดแนว ในด้านการตรวจสอบ พิสูจน์ศพและเก็บศพไว้รอญาติ เนื่องจากยังมีศพที่รอการพิสูจน์เป็นจำนวนมาก จึงยังให้วัดย่านยาวเป็นศูนย์ ประสานงานหลัก ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการอีกประมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาเคลื่อนย้าย ศพบางส่วนไปที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนการประเมินความเสียหายเบื้องต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 15 มกราคม 2548) มีพื้นที่ที่ประสบภัยและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งสิ้น 6 อำเภอ โดยอำเภอตะกั่วป่าได้รับความ เสียหายมากที่สุด 3 ตำบล 17 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,749 ครัวเรือน จำนวน 8,916 คน ด้านเกษตรกร มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น นาข้าว 28 ไร่ พืชไร่ 9 ไร่ และพืชสวน 5,848 ไร่ ด้านการประกอบธุรกิจ มีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น แผงลอย 509 ราย ร้านค้า 106 ราย ร้านอาหาร 215 ราย และโรงแรม 98 ราย และด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ที่ได้รับความเสียหาย แบ่งออกเป็น ท่าเทียบเรือ 53 แห่ง สะพาน คสล. 7 แห่ง สะพานไม้ 1 แห่ง ท่อลอดเหลี่ยม คสล. 2 แห่ง ถนน/ท่อระบบน้ำ 22 แห่ง พนังกั้นน้ำ/เขื่อน 2 แห่ง ไฟฟ้า 30 วงจร ประปา 11 แห่ง โทรศัพท์ 5 ชุมสาย และทางเท้าคอนกรีตบล็อก 2 แห่ง สำหรับการช่วยเหลือ ทางจังหวัดพังงา เหล่ากาชาดจังหวัดพังงา และ มูลนิธิต่าง ๆ ได้ให้การช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค รวมทั้งการช่วยเหลือด้านที่ พัก ได้แก่ การจัดหาที่พักชั่วคราว และการสร้างบ้านพักถาวร นอกจากนี้ ยังได้มีการสำรวจและประเมิน ความเสียหายและการฟื้นฟูด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1913 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 11 ราย) | ทส | 18/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้
ทรงคุณวุฒิอื่นในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติชุดใหม่ แทนชุดเก่าที่ดำรงตำแหน่งมาครบ กำหนดสองปีตามวาระ ดังนี้ นางรตยา จันทรเพียร ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร นางสาวพิไล พูลสวัสดิ์ ผู้ แทนมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก นางพรเพ็ญ พยัคฆาภรณ์ ผู้แทนมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย นาย สุรพล ดวงแข ผู้แทนมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นายปาน เทพ รัตนากร ผู้แทนสมาคมส่งเสริมการอนุรักษ์และเพาะเลี้ยงจระเข้แห่งประเทศไทย นายสุวิทย์ ยอดมณี ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ ประกอบด้วย นายคณวัฒน์ วศินสังวร นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นายอุทิศ กุฏอินทร์ นายฉัตรชัย รัตโนภาส และนายชวาล ทัฬหิ กรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (18 มกราคม 2548) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1914 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 2 | ทส | 11/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติ
งานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ครั้งที่ 2 โดยผลการติดตามผู้สูญหายและเก็บศพผู้เสียชีวิต ในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า ยังมีการค้นพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยตั้งแต่วันที่ 4-10 มกราคม 2548 พบศพผู้เสียชีวิต เพิ่ม 55 ศพ ส่วนการตรวจสอบพิสูจน์ศพและเก็บศพไว้รอญาติ ได้ให้วัดย่านยาว อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เป็นศูนย์ประสานงานหลัก โดยมีสาธารณสุขจังหวัดพังงา และผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ เป็นผู้รับผิด ชอบร่วมกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กระทรวงยุติธรรม ในด้านการป้องกันโรคระบาด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้ให้คำแนะ นำแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องการในกำจัดขยะติดเชื้อทำให้สามารถกำจัดขยะติดเชื้อได้อย่างเหมาะสม สำหรับการ ให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้มีการประสานงานระหว่างศูนย์ ฯ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ ดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ ได้แก่ การก่อสร้างที่พักอาศัยชั่วคราว สามารถดำเนินการเป็นไปตามกำหนด คาดว่า จะแล้วเสร็จ 2,329 หน่วย การก่อสร้างบ้านพักถาวร ได้มีการหารือที่จะนำที่ดินสาธารณประจำหมู่บ้าน ที่ดิน ราชพัสดุ และที่ดินของเอกชนที่บริจาคมาดำเนินการก่อสร้างบ้านพักถาวรดังกล่าว การจัดหาน้ำสะอาด ได้มี การสำรวจความเสียหายของบ่อบาดาล และความเสียหายของระบบประปาบาดาล และดำเนินการขุดเจาะน้ำ บาดาลที่บ้านบางเนียง และที่ข้างโรงเรียนบ้านปากวีป รวมทั้งได้นำน้ำไปแจกจ่ายในพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัย อยู่หนาแน่น การสำรวจและประเมินความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการประชุมเพื่อ หารือในเรื่องการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่ได้รบผลกระทบจากภัยพิบัติภาคใต้ เมื่อวันที่ 6 และ 10 มกราคม 2548 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำผลการประชุมสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1915 | รายงานผลการปฏิบัติงานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา | ทส | 04/01/2548 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติ
งานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2547-3 มกราคม 2548 กรณี เกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่บริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เกิดคลื่นยักษ์มีผล กระทบและสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของไทย ประกอบด้วย จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ในเบื้องต้นได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ จังหวัดพังงา เพื่อช่วยเหลือผู้ ประสบภัยดังกล่าว สำหรับการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต สูญหายและเก็บศพผู้เสียชีวิต พื้นที่เสียหายส่วนใหญ่อยู่ใน 3 อำเภอ ได้แก่ คุระบุรี ตะกั่วป่า และท้ายเหมือง มีจำนวนผู้เสียชีวืตในจังหวัดพังงาจำนวน 4,004 คน ผู้บาดเจ็บ 5,597 คน ผู้สูญหาย 2,665 คน โดยสาธารณสุขจังหวัดพังงา และโรงพยาบาลในเขตพื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบใน การตรวจสอบ พิสูจน์ศพและเก็บศพ ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ และการป้องกันโรคระบาด การให้ความสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น การให้ความช่วยเหลือนักท่อง เที่ยวและส่งกลับ การฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า โทรศัพท์ ประปา ซ่อมแซมและสร้างถนนการสำรวจเพื่อ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพ ตลอดจนการสำรวจและ ประเมินผลกระทบความเสียหายด้านทรัพยากรธรรมชาติ โดยผลการสำรวจเบื้องต้น พบว่าชายหาดและท้อง ทะเลทั่วไปมีเศษขยะ ดวัสดุและสิ่งก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยในพื้นที่อุทยานแห่งชาติได้มีการจัดเก็บเศษขยะ และทำความสะอาดต่าง ๆ แล้ว ส่วนปะการังบางพื้นที่ที่มีปะการังน้ำตื้นเสียหายประมาณ 5-10% สำหรับพื้นที่ ป่าชายเลนที่สมบูรณ์ตลอดจนพื้นที่หลังป่าชายเลนที่สมบูรณ์ ได้รับผลกระทบและความเสียหายเล็กน้อย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1916 | รายงานความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน [ครั้งที่ 8 (เดือนพฤศจิกายน 2547)] | ทส | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าว
หน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองบริเวณตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ครั้งที่ 8 เดือนพฤศจิกายน 2547 โดยผลการตรวจวัดค่าความทึบแสงของฝุ่นละอองจากกระบวนการผลิตในโรงโม่ บดและย่อยหินรอบที่ 7 เมื่อวันที่ 22-26 พฤศจิกายน 2547 จำนวน 16 แห่ง พบว่า มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตร ฐานทุกแห่ง โดยค่าสูงสุดของฝุ่นละอองเท่ากับร้อยละ 16.3 (มาตรฐานความทึบแสงของฝุ่นละอองเท่ากับ ร้อยละ 20) ส่วนการตรวจสอบฝุ่นละอองในบรรยากาศในพื้นที่หน้าพระลาน พบว่า ระดับของฝุ่นขนาด เล็กบริเวณโรงเรียนหน้าพระลาน ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนทั่วไป มีจำนวนวันที่ฝุ่นขนาดเล็กมีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง สูงเกินมาตรฐาน จำนวน 1 วัน และค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 122.6 มคก/ลบ.ม. และตำรวจภูธรตำบลหน้า พระลาน ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมผู้ลักลอบทำเหมืองหินโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วง เดือนเมษายนถึงตุลาคม 2547 จำนวน 19 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด 2 คดี และ มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวต่อสู้คดี จำนวน 17 คดี ซึ่งผลการดำเนินการสถานการณ์ฝุ่นละอองใน บรรยากาศในพื้นที่ตำบลหน้าพระลานมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากมีการควบคุมและแก้ไขปัญหา อย่างเคร่งครัด และมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เช่น การตรวจสอบฝุ่นละอองจากแหล่ง กำเนิดประเภทต่าง ๆ การตรวจสอบแปลงประทานบัตรและเหมืองหินที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย เป็นต้น ในการนี้ กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองใน พื้นที่หน้าพระลาน ครั้งที่ 3/2547 พร้อมทั้งจะจัดแถลงข่าวผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมา ประมาณกลางเดือนธันวาคม 2547 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยุติการรายงาน เรื่องดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2547 ได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1917 | รายงานผลการดำเนินงานศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | ทส | 28/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนิน
งานศูนย์บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ เดือนตุลาคม 2546-กันยายน 2547 ได้รับเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 697 เรื่อง ผ่าน 18 ช่องทาง โดยช่องทาง ที่ประชาชนนิยมร้องเรียนมากที่สุด คือ การร้องเรียนผ่านทางเว็บไซด์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ 197 เรื่อง รองลงมา คือ ร้องเรียนผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC) 158 เรื่อง และเมื่อพิจารณา จากเรื่องร้องเรียนที่ได้รับ พบว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รับเรื่องร้องเรียนมากที่สุด 191 เรื่อง รองลงมา คือ กรมควบคุมมลพิษ 165 เรื่อง และสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ฯ 126 เรื่อง ทั้งนี้ ปัญหาที่ประชาชนนิยมร้องเรียนมาก ได้แก่ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การบุกรุกที่ ดินของรัฐ เป็นต้น รองลงมา ได้แก่ ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสีย ขยะมูลฝอย เสียงดังรบกวน อากาศเป็นพิษ เป็นต้น ปัญหาการบริหารจัดการ และปัญหาน้ำหรือการใช้ประโยชน์จากน้ำ ส่วนพื้นที่ที่ประชาชนแจ้งเรื่องร้อง เรียนมากที่สุดอยู่ในภาคกลาง โดยกรุงเทพ ฯ เป็นจังหวัดที่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด รองลงมา คือ ภาค เหนือ โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด และภาคใต้ โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับเรื่อง ร้องเรียนมากที่สุด สำหรับการดำเนินงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 หน่วย งานได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนของประชาชนได้แล้วเสร็จ 250 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 36 ของเรื่องร้องเรียนที่ได้ รับทั้งหมด ส่วนเรื่องร้องเรียนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินการเช่น ปัญหาเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุก/ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ มักเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล/มวล ชนในพื้นที่ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวพันกับกฎ ระเบียบ ข้อกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรี มากมาย และความไม่ชัดเจนในอำนาจหน้าที่ของผู้มีส่วนรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||
1918 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณการเข้าร่วมจัดงาน World Expo 2005 Aichi ณ ประเทศญี่ปุ่น | ทส | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอก่อหนี้ผูกพัน
ข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 - พ.ศ. 2549 เพื่อดำเนินการจัดนิทรรศการและบริหารจัดการอาคารแสดง นิทรรศการไทยในงาน World Expo 2005 ณ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น วงเงิน 200 ล้านบาท โดยเบิกจ่าย จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 จำนวน 78,876,500 บาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 79,633,600 บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 41,489,900 บาท |
||||||||||||||||||||||||||||||
1919 | การกำหนดพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง | ทส | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเรื่อง การ
กำหนดพื้นที่แหล่งหอยขมดึกดำบรรพ์แม่เมาะ จังหวัดลำปาง โดยกรมทรัพยากรธรณีกับการไฟฟ้าฝ่าย ผลิตแห่งประเทศไทย ได้ศึกษาและตรวจสอบรายละเอียดร่วมกันในการกำหนดพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 52 ไร่ ในเขตประทานบัตรที่ 24349/15341 เนื่องจากชั้นหอยมีความหนาไม่แตกต่างจากชั้นหอยที่พบใน พื้นที่อนุรักษ์มากนัก ยังถือได้ว่าเป็นชั้นหอยขมน้ำจืดที่หนาที่สุดในโลก และในพื้นที่ที่เสนอใหม่ยังพบ ความหลากหลายทางชีวภาพโบราณ แสดงถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบน้ำจืดแม่ เมาะอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ขนาดของพื้นที่เพียงพอที่จะพัฒนาเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งและอาคาร พิพิธภัณฑ์ถาวรได้ดี และไม่กระทบกระเทือนต่อแผนการทำเหมืองของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย และสามารถนำทรัพยากรถ่านหินทางด้านตะวันออกของพื้นที่อนุรักษ์มาใช้ประโยชน์ในการผลิต กระแสไฟฟ้าได้ และยังเป็นพื้นที่ที่แยกส่วนชัดเจนระหว่างพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่ทำเหมือง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1920 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ) | ทส | 21/12/2547 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แต่งตั้ง นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป |