ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 91 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1801 - 1820 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1801 | ผลการประชุมคณะมนตรี ในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 12 | ทส | 24/01/2549 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอผลการประชุมคณะมนตรี ในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission council) ครั้ง ที่ 12 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม 2548 ณ จังหวัดเชียงราย ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการ แผนกลยุทธ์ของ MRC ปี 2549-2553 และได้มีการเสนอร่างระเบียบปฏิบัติเรื่องการรักษาปริมาณการไหลใน แม่น้ำโขงสายประธาน (Draft Procedures for the Maintenance of Flows on the Mainstream : PMFM) โดย คณะผู้แทนกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ได้มีความเห็นไปในทางเดียวกันต่อการยอมรั บ PMFM ส่วนผู้แทนฝ่าย ไทยเห็นว่า ควรที่จะให้ประเทศจีนและพม่าร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงด้วยเพื่อให้การบริหาร จัดการลุ่มน้ำโขงเป็นระบบที่สมบูรณ์ตลอดทั้งลุ่มน้ำตลอดจนสามารถขยายความร่วมมือให้รวมถึงการท่องเที่ยว ทางน้ำ การฟื้นฟูวัฒนธรรมลุ่มน้ำและอื่น ๆ และเห็นชอบร่างระเบียบปฏิบัติเรื่องการรักษาปริมาณการไหลใน แม่น้ำโขงสายประธาน และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณา ประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย และให้กระทรวงการต่างประเทศถือเป็นยุทธศาสตร์ที่จะต้องดำเนินการโดย ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันหรือโน้มน้าวให้ สาธารณรัฐประชาชนจีน และสหภาพพม่าเข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเพิ่มเติม นอกจากนี้ ให้ทุกกระทรวงพิจารณาแผนงานหรือโครงการความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขง และเร่งรัดดำเนินการโครง การดังกล่าว โดยให้เชิญชวนสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาร่วมลงทุนด้วย เช่น โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ ของกระทรวงพลังงาน เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลง นามในระเบียบปฏิบัติเรื่อง การรักษาปริมาณการไหลในแม่น้ำโขงสายประธานในนามฝ่ายไทย |
||||||||||||||||||||||||
1802 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าดงหนองกล้า ในท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าคำใหญ่ และป่าคำขวาง ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ และตำบลหัวโทน ตำบลห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 17/01/2549 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
กฎกระทรวงกำหนดให้ป่าดงหนองกล้า ในท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภอ อาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ป่าดงหนองกล้า ใน ท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวน แห่งชาติ ให้ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริง และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าคำใหญ่และป่าคำขวาง ใน ท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ และตำบลหัวโทน ตำบล ห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ ป่าคำใหญ่ และป่าคำขวาง ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจ สามารถ และตำบลหัวโทน ตำบลห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ให้ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1803 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าดงหนองกล้า ในท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าคำใหญ่ และป่าคำขวาง ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ และตำบลหัวโทน ตำบลห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 17/01/2549 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
กฎกระทรวงกำหนดให้ป่าดงหนองกล้า ในท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภอ อาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ป่าดงหนองกล้า ใน ท้องที่ตำบลเหล่า อำเภอธวัชบุรี และตำบลโพนเมือง อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวน แห่งชาติ ให้ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริง และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ป่าคำใหญ่และป่าคำขวาง ใน ท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจสามารถ และตำบลหัวโทน ตำบล ห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ ป่าคำใหญ่ และป่าคำขวาง ในท้องที่ตำบลหนองขาม ตำบลหนองหมื่นถ่าน ตำบลหน่อม อำเภออาจ สามารถ และตำบลหัวโทน ตำบลห้วยหินลาด อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ให้ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1804 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (จำนวน 6 ราย) | ทส | 10/01/2549 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งกรรมการ
ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ประกอบด้วย นายประทีป เจริญพร นายไพศาล กุวลัยรัตน์ นายศิริ เกวลินสฤษดิ์ นายปริญญา บุญชู นายวุฒิชัย กปิลกาญจน์ และนายไพโรจน์ พรหมสาส์น โดยให้ มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (10 มกราคม 2549) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎี กาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1805 | การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง | ทส | 10/01/2549 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบแนวทาง
การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ในประเด็นการโยกย้ายและ จัดสร้างบ้านพักอาศัย สรุปดังนี้ การจัดแปลงที่อยู่อาศัย ใช้วิธีการจับสลากแยกพื้นที่เป็นรายหมู่บ้านก่อน จากนั้นให้แต่ละหมู่บ้านจับสลาก เป็นรายครัวเรือนของแต่ละหมู่บ้าน ให้มีคณะกรรมการประเมินราคาการ รื้อถอนและปลูกสร้างบ้านแห่งใหม่ กรณีบ้านพักแห่งใหม่จะเน้นเรื่องผักสวนครัวรั้วกินได้ไม่ทำเป็นคอนกรีต ด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ ทางราชการจะเร่งดำเนินการโดยเร่งด่วน กรณีพื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในพื้นที่รองรับการอพยพ ทางราชการจะดำเนินการออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด ให้แก่ผู้อพยพ และเห็นชอบในหลักการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเจียดจ่ายงบประมาณจากงบกรมทาง หลวงชนบทดำเนินการ สำหรับการก่อสร้างถนนสายหลักและสายรองพร้อมรางระบายน้ำทางเข้าหมู่บ้าน ระยะทาง 4.65 กม. โดยได้นำเสนองบประมาณ 27,453,000 บาท และจะปรับลดลงเหลือ เป็นเงิน 13,445,000 บาท กรมโยธาธิการและผังเมือง สำหรับการก่อสร้างถนนซอยคอนกรีตเสริมไม้ไผ่โดยใช้แรง งานเป็นหลักภายในหมู่บ้าน ระยะทาง 7 กม. โดยนำเสนองบประมาณ 22,267,000 บาท และจะปรับลด ลงเหลือเป็นเงิน 12,950,000 บาท กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำหรับค่าเจาะบ่อน้ำบาดาล โดยนำเสนอ งบประมาณ 1,250,000 บาท จะปรับเพิ่มเป็นเงิน 1,731,000 บาท กรมทรัพยากรน้ำ สำหรับการก่อ สร้างระบบประปาขนาดกลาง โดยนำเสนองบประมาณ 7,500,000 บาท (งบประมาณคงเดิม) และการ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำหรับการขยายเขตระบบไฟฟ้าในหมู่บ้าน โดยนำเสนองบประมาณ 11,589,223.50 บาท (งบประมาณคงเดิม) ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามและ เร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับ สนุนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1806 | การดำเนินงานจัดหาที่ดินที่ทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 27/12/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเกี่ยวกับการ
ดำเนินงานจัดหาที่ดินที่ทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน โดยให้หน่วยงานราช การทุกหน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความครอบครอง ชะลอการออกหลักฐาน และการอนุญาตให้เช่าในที่ดิน ที่เป็นของรัฐไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าการจัดหาที่ดินที่ทำกินจากส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีที่ดินอยู่ในความ ครอบครอง และการเจรจาการใช้ที่ดินส่วนเกินจะแล้วเสร็จ ส่วนราชการหน่วยงานใดที่มีที่ดินอยู่ในความ ครอบครอง และมีความจำเป็นที่จะต้องออกหลักฐานให้เช่าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ให้นำเรื่องเสนอคณะ รัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นรายหน่วยงาน ส่วนการออกเอกสารสิทธิ หรือการทำนิติกรรมการเช่าที่เอกชน ไม่ใช่ที่ดินของรัฐ สามารถดำเนินการได้ตามปกติ
|
||||||||||||||||||||||||
1807 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแบบเครื่องหมาย การทำและการยกเลิกเครื่องหมายห้ามใช้ยานพาหนะ พ.ศ. .... | ทส | 20/12/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎ
กระทรวงว่าด้วยแบบเครื่องหมาย การทำและการยกเลิกเครื่องหมายห้ามใช้ยานพาหนะ พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการออกคำสั่ง การยกเลิกคำสั่ง การทำและการยกเลิก เครื่องหมายห้ามใช้ยานพาหนะเด็ดขาดหรือชั่วคราว หรือการใช้ยานพาหนะในขณะที่มีเครื่องหมายดังกล่าว เพื่อความเหมาะสมต่อการนำไปใช้ปฏิบัติงาน และเพื่อประโยชน์ต่อการติดตามตรวจสอบของพนักงานเจ้า หน้าที่ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่ เห็นควรแก้ไขถ้อยคำในร่างกฎกระทรวง เช่น เปลี่ยนคำว่า "แต่" ในหน้า 2 ย่อหน้าที่ 1 บรรทัดที่ 1 เป็น "การใช้ยานพาหนะเพื่อวัตถุประสงค์ตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้ได้เฉพาะในเวลา ..." เปลี่ยนคำว่า "อาจ" ในร่างข้อ 5 เป็น "เจ้าของหรือผู้ครอบครองต้องนำยานพาหนะไปแก้ไขปรับปรุง ..." เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย แล้ว ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1808 | หลักเกณฑ์การจัดหาและที่ดินที่ทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 20/12/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานคณะ
ทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การจัดหาและจัดที่ดินที่ทำกินให้แก่คนยากจน ตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน เสนอ หลักเกณฑ์การจัดหาและจัดที่ดินที่ทำกินให้แก่คนยากจน ตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน ในส่วน ของการจัดหาที่ดินที่ทำกิน (Supply) มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ 1) ที่ดินที่จะนำมาดำเนินการ มี 2 ส่วน ได้แก่ที่ดินที่ นำมาจากส่วนราชการที่มีที่ดินของรัฐอยู่ในความรับผิดชอบ และที่ดินที่นำมาจากการเจรจาใช้ที่ดินส่วนเกินตาม ที่คณะกรรมการเจรจาที่ดินได้ดำเนินการไปแล้ว โดยให้ส่งรายละเอียดฐานข้อมูลของทั้ง 2 ส่วนต่อผู้ว่าราชการ จังหวัด เพื่อเป็นข้อมูลในระดับจังหวัดเพื่อจัดทำบัญชีการสำรองที่ดินสำหรับการจัดสรรที่ดินให้สอดคล้อง และ เหมาะสมกับความต้องการของราษฎรผู้ยากจนที่ลงทะเบียนไว้ 2) ให้ทุกส่วนราชการมอบอำนาจการดำเนิน งานในพื้นที่ของจังหวัด ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าคณะทำงานในระดับจังหวัด และให้นายอำเภอเป็นหัว หน้าคณะทำงานในระดับอำเภอ 3) ให้ส่วนราชการที่มีที่ดินในความรับผิดชอบในแต่ละอำเภอแต่งตั้งคณะกรรม การที่จะดูแลที่ดินทั้ง Supply และ Demand หากไม่มีอัตรากำลังหรือมีแต่ไม่เพียงพอก็ให้เจ้าหน้าที่ในระดับ จังหวัดมาดำเนินการ กรอบการดำเนินงาน ให้คณะกรรมการกลางร่วมกับหน่วยงานของรัฐที่มีที่ดินอยู่ในความ รับผิดชอบโดยจัดทำคู่มือการดำเนินการและข้อแนะนำตลอดจนกรอบระยะเวลาของการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และการจัดที่ดินที่ทำกิน (Demand) จะจัดที่ดินที่ทำกินให้แก่ผู้ยาก จน โดยคำนึงถึงอาชีพที่เหมาะสม จำนวนสมาชิกในครัวเรือน ถิ่นฐานเดิม โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำเกณฑ์ขนาดที่ดินที่เหมาะสมแก่การประกอบอาชีพ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมที่ดินเร่งสำรวจที่ดินที่เป็นแปลงว่างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย อาทิเช่น ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ที่เห็นว่าการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การจัดหาและจัดที่ดินทำกินให้แก่คนจนตามนโยบายแก้ไขปัญหา ความยากจน ในประเด็นที่ให้ส่วนราชการมอบอำนาจการดำเนินงานในพื้นที่ของจังหวัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ในกรณีพื้นที่ที่ส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับผิดชอบในแปลงที่ดินพื้นที่รับ รองสิทธิ์ เช่น พื้นที่ในเขตนิคมสหกรณ์รูปเช่า สามารถดำเนินการได้โดยให้กรมป่าไม้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เป็น ผู้มอบอำนาจ การจัดที่ดินทำกินให้แก่ผู้ยากจนนอกเหนือจากการคำนึงถึงอาชีพที่เหมาะสม จำนวนสมาชิก ในครัวเรือน และถิ่นฐานเดิมแล้ว ควรจะพิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวกับศักยภาพและความอุดมสมบูรณ์ของดินและ น้ำในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งรายได้ที่จะได้รับจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการประกอบอาชีพดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1809 | การประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (ระหว่างวันที่ 2 - 4 กันยายน 2548) | ทส | 20/12/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยว
กับผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 (Second Ministerial Meeting on Managing Water Resources in Southeast Asia) ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่าง วันที่ 2-4 กันยายน 2548 โดยมีรัฐมนตรีและ/หรือผู้แทนรัฐมนตรีจากประเทศในภูมิภาคเข้าร่วมประชุม จำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียด นาม ในการนี้รัฐมนตรีได้เน้นถึงพันธกิจที่มีตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ในแถลงการณ์เชียงใหม่ แถลงการณ์แห่ง สหัสวรรษ การประชุมสุดยอดโลกด้านการพัฒนาแบบยั่งยืนรวมทั้งแผนงานโยฮันเนสเบิรก์โดยเน้นย้ำเรื่อง การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการรักษาความสมดุลย์ของสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วน ร่วมจากทุกฝ่ายในการพัฒนาทรัพยากรน้ำ การจัดหาเครื่องมือเพื่อบรรลุแผนการดำเนินการบริหารจัด การน้ำแบบผสมผสาน และการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ รัฐมนตรีได้บรรลุ ข้อตกลงที่จะปฏิบัติตามแผนปฏิบัติงานรวม 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบผสมผสาน (IWRM) ทั้งในระดับนานาชาติและระดับ ท้องถิ่น/ภูมิภาค การจัดการน้ำและสุขาภิบาลสำหรับทุกคน การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความมั่นคง ด้านอาหาร ความมั่นคงด้านน้ำ
|
||||||||||||||||||||||||
1810 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 22/11/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) รับเรื่อง การขอทบทวนมติคณะ
รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 เรื่อง การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อยุติร่วมกันเกี่ยวกับการครอบ ครอง ดูแล บำรุงรักษา การใช้ประโยชน์ และการสั่งใช้เฮลิคอปเตอร์ให้เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็น และภารกิจที่ต้องปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหากจำเป็นต้องแก้ไข หรือให้มีกฎระเบียบที่เกี่ยว ข้องประการใดให้พิจารณาด้วย ทั้งนี้ ในหลักการควรกำหนดให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงของทั้งกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีอำนาจสั่งใช้เครื่องบินปีกตรึง (fix wing) และเฮลิคอปเตอร์ข้ามกระทรวงกันเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติราชการได้ แล้วให้นำข้อยุติดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
1811 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบลทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้านโหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว) | ทส | 22/11/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบลทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้าน โหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะยา อำเภอเมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลช้างให้ตก ตำบลทรายขาว ตำบลนาประดู่ ตำบล ทุ่งพลา ตำบลปากล่อ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ในท้องที่ตำบลบ้านโหนด ตำบลเปียน ตำบลธารคีรี อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา และป่าเขาใหญ่ ในท้องที่ตำบลลำพะเยา อำเภอ เมืองยะลา และตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติน้ำตกทราย ขาว) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1812 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริหารจัดการอุทยานและสัตว์ป่าระหว่างรัฐบาลราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐเคนยา | ทส | 08/11/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านบริหารจัดการอุทยานและสัตว์ป่าระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสาธาณรัฐเคนยา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
|
||||||||||||||||||||||||
1813 | การประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรของเอเปค ครั้งที่ 2 | ทส | 01/11/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการประชุม
ระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับมหาสมุทรของเอเปค ครั้งที่ 2 ที่ประชุมได้เห็นชอบกับแผนปฏิบัติการบาหลี (Bali Plan of Action) ซึ่งประกอบด้วยแนวทางการปฏิบัติตั้งแต่ปี 2549-2552 โดยมีแนวทางหลัก 3 ประการ คือ การสร้าง ความมั่นใจร่วมกันในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่งยืน การใช้ประโยชน์จาก ทะเลเพื่อผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาชุมชนชายฝั่งทะเลอย่างยั่ง ยืน รวมทั้ง ได้เห็นชอบกับแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรี (Joint Ministerial Statement) ซึ่งได้จัดลำดับความ สำคัญประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทะเลและมหาสมุทร ในการแสวงหาความร่วมมือของภูมิภาค โดยเฉพาะที่ เกี่ยวข้องกับมหาสมุทรและการประมงของโลกโดยกำหนดประเด็นสำคัญในการสร้างความร่วมมือไว้ ๔ เรื่อง คือ 1) การรักษาความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรทะเลและมหาสมุทรกับการเติบโตทาง เศรษฐกิจ 2) การสร้างความมั่นใจร่วมกันในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างยั่ง ยืน 3) การใช้ประโยชน์จากทะเลเพื่อผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และ 4) การส่งเสริมสนับสนุนการ พัฒนาชุมชนชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน สำหรับผลการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย สารัตถะในแผนปฏิบัติ การบาหลี และแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีที่ได้รับความเห็นชอบแล้วมีความสอดคล้องกับการดำเนินงานใน ด้านการสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟูและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งทะเลตามกรอบ นโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดทำระบบข้อมูลและ การสร้างเครือข่ายข้อมูลให้เชื่อมโยงกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค การกำหนดเขตคุ้มครองและการจัดการ ทรัพยากรทางทะเล การสนับสนุนชุมชนชายฝั่งทะเลให้มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม การสนับสนุนการจัดการชายฝั่งทะเลแบบบูรณาการ การจัดการมลพิษจากแผ่นดินและจากทะเล การ เพาะเลี้ยงชายฝั่งอย่างยั่งยืน และดำเนินการตามข้อปฏิบัติที่ดีด้านการประมงขององค์การอาหารและเกษตร แห่งสหประชาชาติ สำหรับการเตรียมความพร้อมในการจัดการระบบเตือนภัยธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยสึนา มิ ประเทศสมาชิกเอเปคได้ให้ความสำคัญและแสดงเจตนารมณ์ที่จะให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลและ เทคโนโลยีในภูมิภาคต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1814 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ และ ตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคริน จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอ ศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ และตำบลสุคิริน จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ขยาย เขตรักษาพันธุ์สัตวป่า ป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ตำบลช้าง เผือก อำเภอจะแนะ และตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1815 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2548 | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 9/2548 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง เรียบร้อยแล้วรวม 4 เรื่อง ได้แก่ (1) การกำหนดมาตรฐานการระบายน้ำทิ้งจากท่าเทียบเรือประมง สะพาน ปลา และแพปลา (2) ความเห็นต่อรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าพลังความ ร้อนร่วมพระนครเหนือ ชุดที่ 1 ของบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี (3) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการ Environ ment Office House และ Ecocity ในประเทศไทย และ (4) โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโสมง จังหวัดปราจีนบุรี
|
||||||||||||||||||||||||
1816 | แผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2548 - 2557 | ทส | 25/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (ฝ่าย
สาธารณสุข การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแผนแม่บทการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าแห่งชาติ พุทธศักราช 2548-2557 มีวัตถุ ประสงค์เพื่อกำหนดระบบการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ป่าของประเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการคุ้ม ครอง การใช้ประโยชน์ และการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ เพื่อป้องกันและบำรุงรักษาพื้นที่ธรรมชาติไว้เป็นที่อยู่ อาศัยของสัตว์ป่า เพื่อศึกษาวิจัยและส่งเสริมเผยแพร่การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าที่หา ยาก และใกล้สูญพันธุ์รวมถึงสัตว์ป่าที่สามารถพัฒนาให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทุกภาค ส่วนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์ป่า รวมทั้งเพื่อให้การ นันทนาการด้านสัตว์ป่าเป็นไปอย่างยั่งยืนสามารถตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศไทย ทั้งนี้ ให้กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานหลัก และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนใน การดำเนินงานตามแผนดังกล่าว โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นควรมีการ กำหนดยุทธศาสตร์วางแผนทางด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าที่อยู่นอกพื้นที่อนุรักษ์ให้ชัดเจน เนื่องจากในบางพื้น ที่เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่สำคัญของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งเป็นสัตว์เฉพาะถิ่นของไทยที่หายากและมีจำนวนน้อย มาก เช่น หนูถ้ำ ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณเขาหินปูน ประกอบกับแผนแม่บท ฯ ที่เสนอ เป็นแผนแม่บทที่มีประโยชน์ ในแง่ของการอนุรักษ์สัตว์ป่าหายาก และสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ เช่น แรด กระซู่ นกแต้วแร้วท้องดำ เป็นต้น ดังนั้น ควรถือปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนแม่บท ฯ อย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1817 | ขอเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสมชัย เพียรสถาพร) | ทส | 18/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการเปลี่ยน
แปลงผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย มอบหมายให้นายสมชัย เพียรสถาพร รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ ปคร. แทนนายอภิวัฒน์ เศรษฐรักษ์
|
||||||||||||||||||||||||
1818 | แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 10 ราย) | ทส | 18/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรรมการอื่น
ในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. 2497 มาตรา 16(3) และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน 10 ราย โดยให้เริ่มนับวาระการเป็นกรรมการใหม่นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง ประกอบด้วย นายระเฑียร ศรี มงคล เป็นประธานกรรมการ นายสุวัช สิงหพันธุ์ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ นายชัยณรงค์ โลหชิต นางสุนีย์ ศรไชยธนะสุข พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี พันเอก (พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน นายประวิช สารกิจปรีชา เป็นกรรมการ และนายโสภณ ดำนุ้ย เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||||||||
1819 | การปรับปรุงคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอปรับปรุงองค์
ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ มีอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการ ฯ ดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ในการ ตัดสินกำหนดแนวนโยบาย ท่าทีและบทบาทของประเทศไทยที่เกี่ยวกับพันธกรณี และโครงการพัฒนาลุ่ม แม่น้ำโขงพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานด้านต่าง ๆ รวมทั้งแผนด้านการเงินที่สอดคล้องกับการพัฒนา ลุ่มน้ำโขง ประสานนโยบาย กำกับและประเมินผล พิจารณาปัญหา/อุปสรรค และกำหนดแนวทางแก้ไข สำหรับการดำเนินการพัฒนาลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมและประสานความร่วมมือกับประเทศภาคี องค์ กร/ประเทศผู้อุปถัมภ์ เสริมสร้างสมรรถนะ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้อง ของไทยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน และให้กรมทรัพยากรน้ำ ทำหน้าที่เป็นสำนักเลขาธิการคณะกรรมการ ฯ ดังกล่าว สำหรับองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในคณะ มนตรีและคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะมนตรีในคณะกรรมาธิการฯ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยในคณะกรรมการร่วมในคณะกรรมาธิการ ฯ รองปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านทรัพยากรน้ำในแผ่นดิน ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรม การร่วมในคณะกรรมาธิการฯ และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วมในคณะ กรรมาธิการ ฯ |
||||||||||||||||||||||||
1820 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่วขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 11/10/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ใน ท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน ป่าแม่ใจ ป่าขุนวัง แปลงที่สอง ป่าขุนวัง แปลงที่สาม ป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่โป่ง ป่าแม่งาว ฝั่งซ้าย ป่าแม่ต้ำ และป่าแม่นาเรือ บางส่วน ในท้องที่ตำบลเจริญราษฎร์ และตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป
|
.....