ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 เรื่อง การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล | ทส. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ มกราคม ๒๕๓๗ เรื่อง การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ
จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์
กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี
และไม้ตาล จากเดิม “เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย)
เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส
สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม
มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้ทดลองดำเนินการในบางพื้นที่ก่อน
เช่นเดียวกับการแปรรูปไม้ยางพาราตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๒๔ ทั้งนี้ ในการอนุญาตให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันพิจารณาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการอนุญาตและมาตรการตรวจสอบควบคุมเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม ๒๕๓๒” เป็น “อนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้
(โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์
กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี
ไม้ตาล และไม้ผลทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และมาตรการตรวจสอบควบคุมตามที่คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้กำหนด”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการเพิ่มไม้ผลทุกชนิดที่ปลูกขึ้นอยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ต้องมีกฎหมาย ระเบียบ มาตรการ หรือเงื่อนไขกำชับไว้ชัดเจน
ในการนำวัตถุดิบป้อนโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับของโรงงาน
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และควรมีการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ได้จากอุตสาหกรรมไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ
ให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
และเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้อย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการตรวจสอบที่มาของไม้ที่จะนำมาแปรรูปให้ชัดเจนและรัดกุม
เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบตัดไม้จากป่าธรรมชาติ หรือการนำไม้ที่ได้จากที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิมาแปรรูปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
242 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในท้องที่ 13 จังหวัดชายฝั่งทะเล | ทส. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓
กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง
รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศไทย) วันที่ ๒๒
สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง
มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาจัดการพื้นที่ป่าชายเลน)
เพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในท้องที่ ๑๓ จังหวัดชายฝั่งทะเล
เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน เนื้อที่รวม ๕๗๓-๓-๗๘ ไร่
ไปดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม
เช่น ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่
และการคัดกรองคุณสมบัติของราษฎรว่าเป็นผู้ยากไร้หรือไม่มีที่ดินทำกิน
ตลอดจนการสงวนพื้นที่ที่ยังคงสภาพความเป็นพื้นที่ป่าชายเลนหรือป่าชายหาด
รวมถึงการกำหนดให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครองการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าว
ควรกำหนดให้ชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ทำกินในป่าชายเลนดังกล่าวมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้มากยิ่งขึ้นจากที่เป็นอยู่ด้วย
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ป่าชายเลนเป็นไปอย่างยั่งยืน หน่วยงานดำเนินการตามมาตรา ๖๒
ห้ามมิให้ผู้ใดทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่
เพื่อให้การจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนเป็นไปอย่างถูกต้องตามพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
243 | การให้การยอมรับในข้อแก้ไขอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด (Ban Amendment) | ทส. | 06/09/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการให้การยอมรับในข้อแก้ไขอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด
(Ban Amendment)
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำตราสารการยอมรับ (Instrument of
Acceptance) และส่งมอบให้เลขาธิการสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก
ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป โดยการแก้ไขอนุสัญญาบาเซลฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
ห้ามประเทศตามภาคผนวก VII ได้แก่ ประเทศสมาชิกในกลุ่ม OECD,
EC และลิกเตนสไตน์ ส่งของเสียอันตราย (เช่น
ของเสียจากการรักษาพยาบาลทางการแพทย์ ของเสียจากการผลิต การผสม หรือการใช้สารเคมี
หมึก เรซิน และของเสียจากการกำจัดของเสียอุตสาหกรรม)
ไปยังประเทศอื่นที่ไม่อยู่ในภาคผนวก VII และเพิ่มเติมภาคผนวก
๒,๘ และ ๙ เกี่ยวกับขยะพลาสติก เช่น โพลีเอทิลีน (PE)
โพลีโพรพีลีน (PP) โพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) ให้เป็นของเสียอันตรายในอนุสัญญาบาเซลฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อแก้ไขอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตราย
และการกำจัด (Ban Amendment)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าข้อแก้ไขอนุสัญญาบาเซลฯ
เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แต่หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่เพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาและไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
ขยะที่นำเข้ามาต้องสะอาดและไม่มีของเสียอันตรายปนเปื้อน
ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบเพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งขยะหรือของเสียอันตรายกับขยะพลาสติก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
(องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการบริหารจัดการขยะพลาสติกในประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้สามารถนำขยะพลาสติกในประเทศไปใช้เป็นวัตถุดิบรีไซเคิลทดแทนการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
244 | รายงานการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง | ทส. | 30/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน
เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สรุปได้ ดังนี้
(๑) วัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
และส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศ
เพิ่มแหล่งสำหรับกักเก็บคาร์บอนและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
และบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน
รวมถึงการนำคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการปลูกป่าชายเลนไปใช้ในการชดเชยการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่าง
ๆ ในระบบทะเบียนของโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของไทย (๒)
เป้าหมายการดำเนินการ กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๔)
เป้าหมายเนื้อที่ ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล ๒๓
จังหวัด และ (๓) ผลที่คาดว่าจะได้รับ เช่น
ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. ๒๐๕๐
และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มีระบบนิเวศป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์
เกิดการสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้กับชุมชนชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
245 | การประชุม International Tiger Forum ครั้งที่ 2 ณ สหพันธรัฐรัสเซีย | ทส. | 30/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
246 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 23/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
247 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (1. นายธัญญา เนติธรรมกุล ฯลฯ จำนวน ๗ ราย) | ทส. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๗ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๕ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายธัญญา เนติธรรมกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายนายปิ่นสักก์
สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๓. นายอรรถพล เจริญชันษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๔. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๕. นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๖. นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗. นายกุศล โชติรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
248 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 (The Fifth APEC Meeting of Ministers Responsible for Forestry : MMRF5) | ทส. | 16/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
249 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เรื่อง การดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า | ทส. | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
250 | สรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ช่วงที่ 2 และการประชุมสมัยพิเศษ เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ | ทส. | 09/08/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
251 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายปวิช เฉลิมวัฒน์) | ทส. | 26/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายปวิช เฉลิมวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์
โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๓๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๒
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น
รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
252 | ขออนุมัติดำเนินโครงการลงทุนรายการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ | ทส. | 26/07/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
253 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลตาสิทธิ์ ตำบลหนองไร่ ตำบลมาบยางพร ตำบลปลวกแดง ตำบลละหาร ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย และตำบลพนานิคม ตำบลมะขามคู่ ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส. | 28/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลตาสิทธิ์
ตำบลหนองไร่ ตำบลมาบยางพร ตำบลปลวกแดง ตำบลละหาร ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง
ตำบลหนองบัว ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย และตำบลพนานิคม ตำบลมะขามคู่
ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตำบลตาสิทธิ์ ตำบลหนองไร่ ตำบลมาบยางพร
ตำบลปลวกแดง ตำบลละหาร ตำบลแม่น้ำคู้ อำเภอปลวกแดง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองละลอก
อำเภอบ้านค่าย และตำบลพนานิคม ตำบลมะขามคู่ ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลมาบข่า
อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เพื่อกำหนดมาตรการในการห้ามกระทำหรือประกอบกิจการที่มีผลต่อทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมในประเด็นดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
254 | ท่าทีไทยในการประชุม 2022 United Nations Ocean Conference | ทส. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
255 | วันน้ำบาดาลแห่งชาติ | ทส. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ “วันที่ ๓ เมษายน ของทุกปี เป็นวันน้ำบาดาลแห่งชาติ”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยขอให้กำหนดชื่อภาษาอังกฤษของวันน้ำบาดาลแห่งชาติเพิ่มเติม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
256 | (ร่าง) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างศักยภาพเชิงสถาบันและเชิงเทคนิคเพื่อดำเนินการตามกรอบการดำเนินงานด้านความโปร่งใสภายใต้ความตกลงปารีส | ทส. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
257 | การเสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีขอนแก่นเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks)
โดยยื่นความจำนงต่อยูเนสโกภายในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
และส่งใบสมัครในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ถึง ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
และมอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์
และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการเสนออุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก
ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นควรเพิ่มอำเภอมัญจาคีรี
จังหวัดขอนแก่น ในพื้นที่อุทยานธรณีขอนแก่น และควรคำนึงถึงการบริหารจัดการพื้นที่หากได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของ
UNESCO ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
258 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 | ทส. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
จำนวน ๙ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานด้านการจัดการมลพิษทางอากาศ
ในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุดผ่านกลไกการปรับลดอัตราการระบายมลพิษทางอากาศในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(๒) แนวทางการบริหารจัดการขยะมูลฝอยติดเชื้อ (๓) การแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล
จังหวัดระยอง (๔) โครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเทา ระยะที่ ๑ วัชรพล-ทองหล่อ
ของสำนักงานการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (๕) โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ๒๓๐
กิโลโวลต์ ตาก ๒-แม่สอด (ส่วนที่พาดผ่านพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑)
ของการไฟฟ้านครหลวง (๖) โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ
ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (๗) โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับขี่ ๒
สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ของกองทัพเรือ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (๘)
การกำหนดอัตราค่าบริการในการจัดการมูลฝอยติดเชื้อขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการจัดสรรเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๙)
การกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากสถานที่ฝังกลบมูลฝอยอย่างถูกหลักสุขาภิบาล
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
259 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 10 ในรูปแบบ face-to-face | ทส. | 30/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
260 | ข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส (Implementing Agreement to the Paris Agreement between the Kingdom of Thailand and the Swiss Confederation) | ทส. | 17/05/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส
(Implementing Agreement to the Paris Agreement
between the Kingdom of Thailand and the Swiss Confederation)
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจลงนามในข้อตกลงฯ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในข้อตกลงฯ
มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามข้อตกลงนี้ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับมาตรฐานของกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกและระบบทะเบียน
โดยข้อตกลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือโดยสมัครใจในการดำเนินงานและการยอมรับการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ
เพื่อใช้สำหรับการดำเนินการตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่ควรเน้นย้ำถึงความโปร่งใส
และการไม่นับซ้ำของคาร์บอนเครดิตที่ลดได้พร้อมทั้งความช่วยเหลือในการดำเนินงานของภาคกิจกรรมที่เข้าร่วมในภาคการตกลงต่อไป
ให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดโครงการหรือกิจกรรมตามข้อตกลงฯ
ที่จะดำเนินการในประเทศไทยอย่างละเอียดรอบคอบ เหมาะสม
โดยคำนึงถึงผลกระทบและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ๒.๒
ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
เพื่อใช้ในการกำกับติดตาม การบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของประเทศ
รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงฯ (เช่น
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ เกณฑ์ในการคำนวณประมาณคาร์บอนเครดิต เป็นต้น)
ให้มีความชัดเจน ครบถ้วน
เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องโดยเร็วด้วย ๒.๓
ร่วมมือ/กำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(Nationally Determined Contribution : NDC)
ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
|