ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๙-๒๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ (Endorsement) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะ Ad-referendum หรือในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๖
ตามความเหมาะสม และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง
(Adoption) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ ตามลำดับ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น แสดงความมุ่งมั่นของอาเซียนตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส
แสดงความห่วงกังวลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และผลกระทบทางลบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เน้นย้ำความสำคัญของการประเมินและทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานในระยะก่อนปี ค.ศ.
๒๐๒๐ และเน้นย้ำบทบาทนำของประเทศพัฒนาแล้วในการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก
เร่งรัดกลไกทางการเงินภายใต้กรอบอนุสัญญา
ให้ความสำคัญกับประเด็นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
322 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายมนตรี เหลืองอิงคะสุต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายจิระศักดิ์ ชูความดี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
323 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ASEAN-China Joint Statement on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) | ทส. | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(ASEAN-China Joint Statement
on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน (ASEAN
China Summit) ครั้งที่ ๒๔
ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวและความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการฟื้นฟูภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
และสนับสนุนความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
324 | ท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 1 | ทส. | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๑ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่
๑๑-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบประชุมทางไกล และรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยไม่มีการลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลก
ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และร่างปฏิญญาคุนหมิง มีสาระสำคัญ เช่น สนับสนุนการดำเนินการกรอบความความหลากหลายทางชีวภาพของโลกหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ เพื่อฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
และสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๕๐
ส่งเสริมการบูรณาการคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพในการตัดสินใจเพื่อกำหนดนโยบาย
การวางแผน กฎระเบียบ และเสริมสร้างกลไกลประสานความร่วมมือการดำเนินงาน
การจัดทำและปรับปรุงแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ การระดมทรัพยากรการเงิน
การเสริมสร้างสมรรถนะและการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคุนหมิง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
325 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 | ทส. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ (ASEAN Joint Statement to the Fifteenth Meeting of the Conference
of the Convention on Biological Diversity) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกับประชาคมโลกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยสนับสนุนการจัดทำกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
พร้อมทั้งส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พฤติกรรม และการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพให้ยั่งยืน
โดยมีประเด็นที่สำคัญได้แก่
สร้างความเข้มแข็งให้กับกิจกรรมที่สำคัญด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ
ยกระดับกิจกรรม การจัดเตรียมทรัพยากรทางการเงิน
และการเสริมสร้างสมรรถนะการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ปรับปรุงการสื่อสาร การศึกษา
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
326 | สรุปผลการประชุมเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2564 | ทส. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน
(After Action Review : AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญประกอบด้วย
(๑) ปัญหา สาเหตุ และสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง (๒)
ภาพรวมของการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในปี
๒๕๖๔ (๓) ปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในการดำเนินงานที่ผ่านมา (๔)
ข้อเสนอแนะจากการสรุปผลและถอดบทเรียนในการดำเนินงาน (๕) นโยบายการดำเนินงานปี ๒๕๖๕
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบนหลักการ “ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
327 | สรุปผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี หัวข้อ Adaptation and Resilience ในห้วงการประชุม Leaders Summit on Climate ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่ 22 - 23 เมษายน 2564 | ทส. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี
หัวข้อ Adaptation and Resilience ในห้วงการประชุม
Leaders Summit on Climate ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๖๔
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เช่น การจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๙๓
การจัดทำพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒)
สหรัฐอเมริกาประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined
Contribution : NDC) ฉบับใหม่
ซึ่งมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๕๐-๕๒ ภายในปี ค.ศ.
๒๐๓๐ (๓) ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ เน้นย้ำให้นานาประเทศเร่งดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสทั้งในมิติการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
328 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2565 | ทส. | 14/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์
คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้เกิดการพัฒนากลไก
เครื่องมือ กฎระเบียบ
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ๔ มาตรการ
ได้แก่ (๑) อนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและเป็นธรรม
(๒) บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
(๓) เสริมสร้างประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเน้นการมีส่วนร่วมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อสังเกต
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการภายใต้มาตรการบริหารจัดการของ
(ร่าง) นโยบายและแผนฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
329 | การเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ (Coordinating Committee for Geoscience Programmes in East and Southeast Asia: CCOP) | ทส. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้
(Coordinating Committee for Geoscience Programmes
in East and Southeast Asia : CCOP) เป็นเงินจำนวน
๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เป็นประจำทุกปีจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรธรณี) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กรมทรัพยากรธรณีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมต่อไป โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
330 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม
เพื่อการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควัน ๒.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ๑) โครงการทางหลวงพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ ๒) โครงการทางหลวงแนวใหม่ระหว่างทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ ด้านตะวันตก-จุดตัดทางหลวงหมายเลข ๓๔๗-จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙
ด้านตะวันออก-ทางหลวงหมายเลข ๓๕๒ ของกรมทางหลวง ๓.
มาตรการยกระดับแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
เนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือและหลายจังหวัดยังคงมีฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน และมีแนวโน้มของจำนวนจุดความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น ๔.
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
เพื่อให้มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรรมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ๕.
การกำหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
โดยเป็นการรวมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดค่ามาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
จำนวน ๓ ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้แต่ยังคงสาระสำคัญของค่ามาตรฐานฯ
ไว้ดังเดิม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
331 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท โดยมีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานดำเนินการ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๕๔๙๖ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
332 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเฉลิมชัย ปาปะทา) | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเฉลิมชัย ปาปะทา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจงคล้าย วรพงศธร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๔
นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๕.นายรัชฎา
สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๖.
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗.
นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
333 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (1. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง) | ทส. | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์
รวม ๑๐ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ประธานกรรมการ ๒. นายณพงศ์ ศิริขันตยกุล กรรมการ ๓. พลเรือเอก พิเชฐ
ตานะเศรษฐ กรรมการ ๔. นายพรชัย หาญยืนยงสกุล กรรมการ ๕. นายวีระชัย อมรรัตน์ กรรมการ ๖. นายศศิศ มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการ ๗. นายประสิทธิ์
วังภคพัฒนวงศ์ กรรมการ ๘. นายนำชัย แสนสุภา กรรมการ ๙. พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการ ๑๐. ร้อยตำรวจโทหญิง ศรัณย์กร เลิศโอภาส กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
334 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 10 | ทส. | 27/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของเสียอันตรายและการกำจัด
สมัยที่ ๑๕
การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ
สมัยที่ ๑๐ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน
สมัยที่ ๑๐ ๑.๒ เห็นชอบกรอบการเจรจา ข้อเสนอแนะ
และความเห็นของประเทศไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๕
การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ
สมัยที่ ๑๐ ๑.๓ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากกรอบเจรจาฯ
และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีฯ
ในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบออนไลน์ ๒.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
การพิจารณาข้อเสนอนอกเหนือกรอบการเจรจา
ขอให้คำนึงถึงการดำเนินการที่กระทำได้ภายใต้กฎหมายภายในของไทยด้วย
และหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ
หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก็ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
335 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ 15 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 10 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 10 ปี พ.ศ. 2564 | ทส. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ
สมัยที่ ๑๕ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ไม่ได้เป็นหนังสือสัญญาและมีผลผูกผันทางกฎหมายซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๗๘
แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมด้านสารเคมีและของเสียฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านสารเคมีและของเสียสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๕
การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๑๐
และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๑๐ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
336 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2563 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยให้มากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่ได้รับผลกระทบจากการทำการประมงให้ชัดเจนและให้เร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะกรณีการใช้เครื่องมือทำการประมงไม่เหมาะสมหรือผิดประเภทและกรณีการตัดอวนทิ้งในทะเลซึ่งทำให้สัตว์ทะเลติดอวนเสียชีวิต
รวมทั้งสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกิดความเสียหายด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการควบคุม
กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบเรือเดินทะเลทุกประเภทไม่ให้มีการปล่อยของเสียหรือทิ้งขยะลงสู่ทะเลในเขตน่านน้ำของไทย
ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
337 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบองค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๔ ประกอบด้วย ๑)
รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์พื้นที่
๒) การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คณะผู้แทนไทย
ชี้แจงทำความเข้าใจ และโน้มน้าว คณะกรรมการมรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก
เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๓) รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์มรดกโลก
และการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่ง
กรณีประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา
และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และคณะทำงาน
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
และคำนึงถึงความสัมพันธ์หว่างประเทศด้วย
ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนที่เป็นข้อห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใด ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อมรดกโลก หรือส่งผลให้พื้นที่มรดกโลกกลายเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตรายหรือมีประเด็นสุ่มเสี่ยง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
338 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 | ทส. | 15/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๖๓ และรายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ สรุปได้ (๑) รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.
๒๕๖๓ ได้เสนอสถานการณ์และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ระดับภูมิภาค
และภายในประเทศ สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา จำนวน ๑๑ สาขา
ประเด็นสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ พ.ศ. ๒๕๖๓
และได้คาดการณ์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและนำเสนอข้อมูลเชิงนโยบาย (๒) รายงานผลการติดตามการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ซึ่งพบว่าหน่วยงานต่าง ๆ สามารถดำเนินได้ครบถ้วน จำนวน ๑๑๑ ข้อเสนอแนะ (ร้อยละ ๙๓
ของข้อเสนอแนะทั้งหมด) จากทั้งหมด๑๑๙ ข้อเสนอแนะ ๑๑ สาขา
และยังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ๘ ข้อเสนอแนะ สำหรับข้อเสนอแนะที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้
เพราะต้องมีกระบวนการการมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน
บางข้อเสนอแนะเป็นการศึกษาวิจัยและนวัตกรรม ทำให้การดำเนินการต้องใช้งบประมาณสูง
และใช้ระยะเวลานาน
นอกจากนี้ได้รายงานปัญหาและอุปสรรคในภาพรวมจากการติดตามการดำเนินงานดังกล่าว และแนวทางแก้ไขปัญหาด้วย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วม
การสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ตลอดจนจัดให้มีระบบติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงาน
รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
และควรมีการสนับสนุนการบูรณาการข้อมูลและกำหนดกรอบความร่วมมือในการใช้ประโยชน์ข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและปรับปรุงข้อมูลภาพและการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ลุ่มน้ำต่าง
ๆ ให้เป็นปัจจุบัน
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
339 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 | ทส. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และงบแสดงการเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนทุน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
340 | สรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ผ่านระบบออนไลน์ | ทส. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕ ผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ การเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ของเสีย สารเคมี
ขยะพลาสติก เป็นต้น และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และปัญหาสุขภาพ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานวิถีใหม่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว ได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม เมื่อวันที่ ๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ได้แก่ ข้อความสาร Looking ahead to the resumed UN Environment Assembly in 2022-Message from online UNEA 5 มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๒๐๑๙ ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ ของเสีย และสารเคมี การดำเนินงานตามความร่วมมือพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|