ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 | ทส. | 02/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย
อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย
และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ.
๒๕๕๗ ออกไปอีก ๒ ปีนับแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่กำหนดอยู่ในประกาศฯ
เป็นกรณีที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรพิจารณาถึงหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และเลือกใช้มาตรการตามกฎหมายที่จะเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. 2559 | ทส. | 02/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๒ ปี
นับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ครั้งที่ 2) (นายธัญญา เนติธรรมกุล) | ทส. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธัญญา เนติธรรมกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒)
ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากเดิม นายพุฒิพงศ์
สุรพฤกษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นนายปิ่นสักก์
สุรัสวดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนเดิมเกษียณอายุราชการ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | ข้อความสาร (message) สำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 5 ผ่านระบบออนไลน์ | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
Looking ahead to the resumed UN Environment Assembly in 2022-Message
from online UNEA 5, Nairobi 22-23 February 2021 ที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ผ่านระบบออนไลน์ และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
โดยร่างเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการแสดงการยอมรับถึงความเร่งด่วนที่จะปกป้องโลกในช่วงวิกฤต
และความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับผลกระทบที่ร้ายแรงจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ ของเสีย
และสารเคมี
รวมทั้งการเน้นย้ำในการดำเนินงานตามความร่วมมือพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ
และเรียกร้องให้มีการดำเนินการร่วมกันโดยยึดหลักทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | เอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน (Statement of Undertaking : SoU) ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Nitric Acid Climate Action Group : NACAG) | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน (Statement of Undertaking : SoU)
ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Nitric Acid Climate
Action Group : NACAG) รวมทั้งเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามในเอกสารถ้อยแถลงฯ
โดยมอบหมายกรมโรงงานอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กลุ่ม
NACAG ของประเทศไทยให้สอดคล้องกับเอกสารถ้อยแถลงฯ
และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำผลการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากสถานประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม
NACAG ไปใช้เพื่อบรรลุตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด
(Nationally Determined Contribution : NDC) ของประเทศไทย และไม่นำไปใช้ในแนวทางความร่วมมือที่อ้างถึงในวรรค ๒
หรือกลไกที่อ้างถึงในวรรค ๔ ของข้อ ๖ ของความตกลงปารีส โดยเอกสารถ้อยแถลงฯ
เป็นการยืนยันว่าประเทศไทยตกลงที่จะดำเนินการภายใต้พันธกรณีหลังปี พ.ศ. ๒๕๖๖
และระบุว่าผลการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์ในประเทศไทยที่ดำเนินการภายใต้สถานประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม
NACAG ต้องไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการชดเชยคาร์บอนระหว่างประเทศหรือการซื้อขายคาร์บอนระหว่างประเทศในรูปแบบอื่น
แต่สามารถใช้สำหรับการชดเชยคาร์บอนภายในประเทศหรือการซื้อขายคาร์บอนภายในประเทศได้
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารถ้อยแถลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
(กรมโรงงานอุตสาหกรรม)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อจูงใจหรือบังคับผู้ประกอบการผลิตกรดไนตริกให้ติดตั้งเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากกระบวนการผลิต
รวมถึงจัดให้มีการติดตามและรายงานการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากสถานประกอบการผลิตกรดไนตริก
และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามเอกสารถ้อยแถลงฯ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2580 | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๖๐-๒๕๘๐ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบนโยบายและทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างบูรณาการในระยะ
๒๐ ปีข้างหน้า
และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะกลาง
(๕ ปี) สามารถนำไปขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสม
เป็นเชิงรุก และมีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเพิ่มขีดสมรรถนะในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สามารถสร้างความสมดุลและยั่งยืนในการพัฒนาประเทศและรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและภูมิภาค
ประกอบด้วย ๔ นโยบายหลัก ได้แก่ (๑) การจัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างมั่นคงเพื่อความสมดุล
เป็นธรรม และยั่งยืน (๒) การสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืน
(๓) การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔)
การสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ควรมีมาตรการควบคุมและจัดการปัญหามลพิษในสิ่งแวดล้อมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชน
สังคม และสุขอนามัย
ควรมุ่งเน้นการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายเชิงปริมาณที่สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม
ควรกำหนดระยะเวลาดำเนินการในแต่ละปีงบประมาณให้มีความชัดเจน และควรพิจารณาปัญหาและอุปสรรคในการขับเคลื่อนนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๕๙
เพื่อนำมาเป็นข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนในร่างฉบับนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563–2565) | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕)
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบและแนวทางการดำเนินงานร่วมกันจากทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่สำคัญและต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ในช่วง ๓ ปีแรก (ปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) โดยมี ๒ เป้าหมาย ได้แก่ (๑) การลด
เลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย (ถุงพลาสติกหูหิ้วบาง กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกบาง
และหลอดพลาสติก) ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร้อยละ ๑๐๐
ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒) การนำพลาสติกเป้าหมาย (๗ ชนิด เช่น
ถุงพลาสติกหูหิ้วอื่น ๆ ขวดพลาสติก ถาด/กล่องอาหาร)
กลับไปใช้ประโยชน์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular
Economy) ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของพลาสติกเป้าหมาย ภายในปี พ.ศ.
๒๕๖๕ ผ่าน ๓ มาตรการ ได้แก่ มาตรการลดการเกิดขยะพลาสติก ณ แหล่งกำเนิด มาตรการลด
เลิกใช้พลาสติก ณ ขั้นตอนการบริโภค และมาตรการจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค
โดยคาดว่าจะลดปริมาณขยะพลาสติกที่ต้องนำไปกำจัดได้ประมาณ ๐.๗๘ ล้านตันต่อปี
และประหยัดงบประมาณจัดการขยะมูลฝอย ๓,๙๐๐ ล้านบาทต่อปี ประหยัดพื้นที่รองรับพื้นที่ฝังกลบประมาณ
๒,๕๐๐ ไร่ และลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ ๑.๒
ล้านตัน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตาม
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
และให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ เป็นรายไตรมาส ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อคิดเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น (๑)
ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการตาม
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ (๒) การพัฒนาให้มีกฎหมายเพื่อการจัดการขยะพลาสติกเป็นการเฉพาะ
สมควรที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้พิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในภาพรวมรวมกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่รับผิดชอบและดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ และ (๓) ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่
อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2562 | ทส. | 09/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑)
ปัจจัยขับเคลื่อน (Driver) ประกอบด้วย การขับเคลื่อนจากทิศทางการพัฒนานโยบาย
และแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศและต่างประเทศ
และทิศทางการพัฒนาประเทศที่ส่งผลต่อทรัพยากรทางทะเล (๒) ภาวะกดดัน (Pressure) ประกอบด้วย สถานการณ์การใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่ง
และทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และสถานการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในระดับโลกและระดับภูมิภาคที่ส่งผลต่อสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่ง (๓) สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง (States) (๔) สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง ๒๔
จังหวัด และ (๕) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
โดยร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in
ASEAN ออกไปอีก ๒ ปี โดยไม่เพิ่มเงินสนับสนุน (no-cost extension) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | มาตรการการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ
เช่น (๑) จัดสถานที่รับคืนขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประชาชน และนำไปจัดการอย่างถูกต้อง
(๒) เฝ้าระวังสุขภาพอนามัยของประชาชนที่เกิดจากการประกอบกิจกรรมถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
และเฝ้าระวังการปนเปื้อนมลพิษและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (๓) ออกกฎ/ระเบียบ เช่น
กฎกระทรวงการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๔)
พัฒนาเทคโนโลยี/นวัตกรรม ด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ๒. การแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
เช่น (๑) ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๓
(๒) จัดให้มีระบบการตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวด และ (๓)
เฝ้าระวังสุขภาพอนามัยประชาชนจากการประกอบกิจกรรมถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
และเฝ้าระวังการปนเปื้อนมลพิษที่เกิดจากการถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 5/2563 เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(กก.วล.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๓
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต
เช่น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการออกข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกตั้งแต่
๑๐ ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถในพื้นที่กรุงเทพมหานครบริเวณและช่วงเวลาตามที่กำหนด
กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจวัดควันดำอย่างเข้มงวดกับรถโดยสารและรถบรรทุกทุกคัน
และกรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง ๒. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ ๙ จังหวัด
และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน โดยข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น มาตรการเพิ่มเติม แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน
(ปี ๒๕๖๓) ดำเนินการสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ/รถยนต์ไฟฟ้า
หรือทางเลือกอื่นที่ไม่ก่อมลพิษ และระยะกลาง-ระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗) เข่น
ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง ควรห้ามเผาในพื้นที่เขตชุมชนเด็ดขาด
และมีบทลงโทษกับผู้ก่อมลพิษทางอากาศ สำหรับข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคเหนือ ๙ จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน
โดยมีมาตรการเพิ่มเติม แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน (ปี ๒๕๖๓)
วางแผนการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ และระยะกลาง-ระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗)
เช่น ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง เช่น
การส่งเสริมให้มีตลาดเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับเก็บเกี่ยวและจัดการแปลงแทนการเผา ๓. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
การเสริมสร้างการรับรู้เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 สู่สาธารณะ โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงวิกฤต ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ เช่น การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากการจราจร
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากอุตสาหกรรม
และข้อเสนอด้านการสื่อสารสร้างการรับรู้เรื่อง PM2.5 ต่อสาธารณชนเพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ต่อสาธารณะ เช่น แผนการประชาสัมพันธ์และสื่อสาร
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. .... | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเพิ่มพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม ๓ บริเวณ เป็น ๔
บริเวณ โดยเพิ่มบริเวณที่ ๔ ได้แก่ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
แก้ไขชื่อหน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้กรอบแนวทางการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาเมือง รวมทั้งภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 และครั้งที่ 6/2563 | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานประจำปี ๒๕๖๒ กองทุนสิ่งแวดล้อม (๒)
ร่างแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน (๓)
การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพ
ภายใต้โครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกและใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(East
Asian-Australasian Flyway Partnership : EAAFP) (๔) กรอบและแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติบึงโขงหลง
อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕)
แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ (๖)
โครงการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นาเพื่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี
ของมูลนิธิข้าวขวัญ และ (๗)
รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
(โครงการปรับปรุงกายภาพและก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่)
ของกรมท่าอากาศยาน ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๒) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๓) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) ของการเคหะแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ท้องที่ในตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อคุ้มครองระบบนิเวศของต้นยางนาและต้นขี้เหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ในท้องที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่
และของจังหวัดลำพูน โดยมีหน้าที่กำกับ ดูแล ติดตาม
ตรวจสอบการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และให้ความเห็นชอบกับการนำแผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติ
ไม่ใช่การกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามมาตรา
๔๔ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
และไม่สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าวให้เกิดความซ้ำซ้อนอีก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย
อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี
จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๘
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. ๒๕๕๘
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคมที่เห็นว่า
การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ควรพิจารณาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการบริหารจัดการน้ำตามแผนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๘๐) ตลอดจนโครงการพื้นที่ชลประทานและระบบชลประทานที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงฯ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
และเกิดผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้
ในกรณีที่มีการดำเนินการกิจกรรมใด ๆ
เกี่ยวกับการบำรุงหรือดูแลรักษาต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก หรือกิจกรรมอื่น ๆ
บนทางหลวงหมายเลข ๑๐๖ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับหน่วยงานของกรมทางหลวงในพื้นที่เพื่อทราบด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า พ.ศ. .... | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและชนิดของไม้ทรงคุณค่า
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงิน สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป
สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน [Biodiversity
Conservation and Management of Protected Areas in ASEAN : (BCAMP)] เนื่องจากเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
เสนอให้จัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขความตกลงดังกล่าวให้มีการขยายระยะเวลาการบริหารโครงการในภาพรวม
จากเดิม ๙๐ เดือน เป็น ๑๐๒ เดือน (ขยายเพิ่มอีก ๑๒ เดือน)
เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมที่ล่าช้าจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ได้ ๑.๒
อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
(กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
ในส่วนของที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ
และให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร
วงษ์สุวรรณ) ลงนามในเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ณ
กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องจัดส่งเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก
เมืองโบราณศรีเทพ ให้ศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ภายในวันที่ ๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะภาคประชาชนและชุมชนท้องถิ่น
เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์
ซึ่งจะทำให้เกิดการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของไทยและของโลกอย่างยั่งยืน (๒) หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการภายใต้แผนการบริหารจัดการเมืองโบราณศรีเทพอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งประสานให้เกิดการมีส่วนร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม และ (๓)
ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรมเมืองโบราณศรีเทพ
นั้น หากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ
ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก
อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพทางธรรมชาติ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|