ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
301 | ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | ทส. | 04/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
บางส่วน ในท้องที่ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนพื้นที่บางส่วนของป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
ในท้องที่ตำบลสีวิเชียร
อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
302 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 4 ในรูปแบบออนไลน์ | ทส. | 25/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
สมัยที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ในรูปแบบออนไลน์
โดยมีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน ๒.
เห็นชอบต่อกรอบเจรจา และท่าทีของประเทศไทย สำหรับการประชุมฯ มีสาระสำคัญ (๑)
สนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการของอนุสัญญาฯ
ในการปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยปรอทและสารประกอบปรอทสู่บรรยากาศและสู่ดินหรือน้ำ
(๒)
คำนึงถึงความต้องการของประเทศกำลังพัฒนาในการจัดการสารเคมีผ่านการให้ความช่วยเหลือด้านต่าง
ๆ และ (๓) คำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศในการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
303 | การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม
๒๕๕๐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
พิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐
พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับสถานการณ์กรณีส่วนราชการผู้เช่าพื้นที่มีจำนวนลดลง
เช่น การปรับปรุงสถานที่เพื่อใช้ประโยชน์อื่น ๆ
ทดแทนการเช่าพื้นที่ของส่วนราชการ
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ ที่เห็นควรมอบหมายให้กรมธนารักษ์เร่งหาหน่วยงานอื่นที่มีความต้องการใช้พื้นที่มาทดแทนหน่วยงานที่ขอยกเลิกการใช้และดำเนินการจัดสรรพื้นที่ศูนย์ราชการฯ
เพื่อให้การใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
และคุ้มค่าต่อการลงทุนของภาครัฐต่อไป ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
รวมทั้งให้พิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขออนุมัติยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร
ถนนแจ้งวัฒนะ
และกระทรวงการคลังขอพระราชทานชื่อศูนย์ราชการที่ตั้งอยู่ในที่ราชพัสดุถนนแจ้งวัฒนะ
กรุงเทพมหานคร) ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
304 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 16 (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการเจรจาสำหรับคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต
สมัยที่ ๑๖ (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๓
(CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑๒
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ
โดยกรอบท่าทีเจรจาฯ
มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีสที่ประเทศไทยให้ความสำคัญบนหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง
โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ที่คำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
การค้าและสังคม ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ ประกอบด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีการเผยแพร่ผลการประชุมต่อสาธารณะภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีฯ
เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
305 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand's Long-Term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy) | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand’s Long-Term Low Greenhouse Gas Emission
Development Strategy) และเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแงดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จัดส่ง (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป็นกรอบดำเนินงานของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยกำหนดเป้าหมายที่จะมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero GHG emissions) โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ และมีความพยายามในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
(carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ เกิดประสิทธิผลสูงสุด
ควรมีการเสริมสร้างขีดความสามารถและความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการเตรียมการและการกำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
นอกจากนี้ ประเทศพัฒนาแล้วกำลังพัฒนาส่วนใหญ่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๕๐ การที่ประเทศไทยกำหนดเป้าหมายไว้ในปี ค.ศ. ๒๐๖๕
อาจทำให้ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นก่อนปี ค.ศ. ๒๐๕๐
และอาจทำให้ประเทศไทยพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
306 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายการชนิดพันธุ์ไม้หวงห้ามเพิ่มเติมอีก
๒ ชนิด ได้แก่ (๑) เพิ่มไม้กฤษณาเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้หวงห้ามธรรมดา และ (๒)
เพิ่มไม้เทียนทะเลเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. ไม้หวงห้ามพิเศษ
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ดังกล่าวที่ขึ้นตามธรรมชาติ และปกปักษ์รักษาไม้ดังกล่าวให้คงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจข้อบังคับทางกฎหมาย
ตลอดจนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถยกระดับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทั้งสองชนิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
307 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ รวม 6 คน) | ทส. | 19/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการ ๒. นายสมชาย รังษีธนานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายสุธา ขาวเธียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายขวัญชัย ดวงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖ นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
308 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ขอถอนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) ได้แก่
โครงการทางรถไฟเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องทางจราจร
(ระยะที่ ) ๒ ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. ร่างรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๓ ๓. โครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(Floating Storage and
Regasification Unit : FSRU) พื้นที่อ่าวไทยตอนบนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๕. โครงการท่าเทียบเรือ FSRU ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๖. โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่สายทางเลี่ยงเมืองพนัสนิคม
ของกรมทางหลวง ๗. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกที่
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ของกรมทางหลวง ๘. โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย ของกองบัญชาการกองทัพไทย ๙. โครงการจัดตั้งวัดบ้านห้วยน้ำผัก
(ที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร) ของที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร ๑๐.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง
โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ของกรมชลประทาน ๑๑.
การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล ๑๒.
การปรับปรุงมาตรฐานการระบายค่าควันดำจากรถยนต์ใช้งานที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
309 | ร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๙-๒๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ (Endorsement) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะ Ad-referendum หรือในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๖
ตามความเหมาะสม และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง
(Adoption) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ ตามลำดับ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น แสดงความมุ่งมั่นของอาเซียนตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส
แสดงความห่วงกังวลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และผลกระทบทางลบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เน้นย้ำความสำคัญของการประเมินและทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานในระยะก่อนปี ค.ศ.
๒๐๒๐ และเน้นย้ำบทบาทนำของประเทศพัฒนาแล้วในการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก
เร่งรัดกลไกทางการเงินภายใต้กรอบอนุสัญญา
ให้ความสำคัญกับประเด็นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
310 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | ทส. | 12/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายมนตรี เหลืองอิงคะสุต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายจิระศักดิ์ ชูความดี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
311 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ASEAN-China Joint Statement on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) | ทส. | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(ASEAN-China Joint Statement
on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน (ASEAN
China Summit) ครั้งที่ ๒๔
ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวและความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการฟื้นฟูภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
และสนับสนุนความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
312 | ท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 1 | ทส. | 05/10/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๑ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่
๑๑-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบประชุมทางไกล และรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยไม่มีการลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลก
ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และร่างปฏิญญาคุนหมิง มีสาระสำคัญ เช่น สนับสนุนการดำเนินการกรอบความความหลากหลายทางชีวภาพของโลกหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ เพื่อฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
และสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๕๐
ส่งเสริมการบูรณาการคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพในการตัดสินใจเพื่อกำหนดนโยบาย
การวางแผน กฎระเบียบ และเสริมสร้างกลไกลประสานความร่วมมือการดำเนินงาน
การจัดทำและปรับปรุงแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ การระดมทรัพยากรการเงิน
การเสริมสร้างสมรรถนะและการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคุนหมิง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
313 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 | ทส. | 28/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ (ASEAN Joint Statement to the Fifteenth Meeting of the Conference
of the Convention on Biological Diversity) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกับประชาคมโลกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
โดยสนับสนุนการจัดทำกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลกหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
พร้อมทั้งส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ พฤติกรรม และการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพให้ยั่งยืน
โดยมีประเด็นที่สำคัญได้แก่
สร้างความเข้มแข็งให้กับกิจกรรมที่สำคัญด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ
ยกระดับกิจกรรม การจัดเตรียมทรัพยากรทางการเงิน
และการเสริมสร้างสมรรถนะการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ปรับปรุงการสื่อสาร การศึกษา
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
314 | สรุปผลการประชุมเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน (After Action Review: AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2564 | ทส. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน
(After Action Review : AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญประกอบด้วย
(๑) ปัญหา สาเหตุ และสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง (๒)
ภาพรวมของการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในปี
๒๕๖๔ (๓) ปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดในการดำเนินงานที่ผ่านมา (๔)
ข้อเสนอแนะจากการสรุปผลและถอดบทเรียนในการดำเนินงาน (๕) นโยบายการดำเนินงานปี ๒๕๖๕
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ)
ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการบนหลักการ “ขยายผล พัฒนา ขจัดปัญหา”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
315 | สรุปผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี หัวข้อ Adaptation and Resilience ในห้วงการประชุม Leaders Summit on Climate ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวันที่ 22 - 23 เมษายน 2564 | ทส. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรี
หัวข้อ Adaptation and Resilience ในห้วงการประชุม
Leaders Summit on Climate ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ เมษายน ๒๕๖๔
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำเสนอความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เช่น การจัดทำแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๙๓
การจัดทำพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (๒)
สหรัฐอเมริกาประกาศการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined
Contribution : NDC) ฉบับใหม่
ซึ่งมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๕๐-๕๒ ภายในปี ค.ศ.
๒๐๓๐ (๓) ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ เน้นย้ำให้นานาประเทศเร่งดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสทั้งในมิติการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
316 | (ร่าง) นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. 2564 - 2565 | ทส. | 14/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์
คุ้มครอง ป้องกัน ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้เกิดการพัฒนากลไก
เครื่องมือ กฎระเบียบ
รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือและบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่าง ๆ โดยมี ๔ มาตรการ
ได้แก่ (๑) อนุรักษ์ คุ้มครอง ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุลและเป็นธรรม
(๒) บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
(๓) เสริมสร้างประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเน้นการมีส่วนร่วมและทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ (๔) เสริมสร้างความเข้มแข็ง และพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันจากความร่วมมือระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อสังเกต
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในการสร้างองค์ความรู้เทคโนโลยี
และนวัตกรรม ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามแผนงานและโครงการภายใต้มาตรการบริหารจัดการของ
(ร่าง) นโยบายและแผนฯ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณแล้วแต่กรณี เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
317 | การเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ (Coordinating Committee for Geoscience Programmes in East and Southeast Asia: CCOP) | ทส. | 07/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มเงินอุดหนุนเงินสมทบเพื่อดำเนินงานของคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับสำรวจทรัพยากรธรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้
(Coordinating Committee for Geoscience Programmes
in East and Southeast Asia : CCOP) เป็นเงินจำนวน
๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เป็นประจำทุกปีจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรธรณี) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้กรมทรัพยากรธรณีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมต่อไป โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
318 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม
เพื่อการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควัน ๒.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ๑) โครงการทางหลวงพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ ๒) โครงการทางหลวงแนวใหม่ระหว่างทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ ด้านตะวันตก-จุดตัดทางหลวงหมายเลข ๓๔๗-จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙
ด้านตะวันออก-ทางหลวงหมายเลข ๓๕๒ ของกรมทางหลวง ๓.
มาตรการยกระดับแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
เนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือและหลายจังหวัดยังคงมีฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน และมีแนวโน้มของจำนวนจุดความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น ๔.
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
เพื่อให้มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรรมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ๕.
การกำหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
โดยเป็นการรวมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดค่ามาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
จำนวน ๓ ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้แต่ยังคงสาระสำคัญของค่ามาตรฐานฯ
ไว้ดังเดิม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
319 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท โดยมีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเป็นหน่วยงานดำเนินการ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงิน ๔๙๐,๖๐๓,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จำนวน ๙ โครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๕๔๙๖ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
320 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเฉลิมชัย ปาปะทา) | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเฉลิมชัย ปาปะทา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายจงคล้าย วรพงศธร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๔
นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๕.นายรัชฎา
สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๖.
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๗.
นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|