ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
381 | ความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป เพื่อดำเนินโครงการ Smart Green ASEAN Cities | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป เพื่อดำเนินโครงการ Smart
Green ASEAN Cities
และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบต่อร่างความตกลงฯ
ในนามประเทศไทย ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ
กรุงจาการ์ตา โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความเป็นเมืองที่ยั่งยืนในอาเซียน
ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และเพิ่มคุณภาพชีวิตสำหรับพลเมืองอาเซียน โดยสนับสนุนให้เมืองต่าง
ๆ ในอาเซียนใช้ประโยชน์จากแนวทางเมืองอัจฉริยะ โดยมีผลผลิต ๓ ข้อ ได้แก่
การยกระดับการออกแบบ วางแผน
และดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะสำหรับเมืองที่เข้าร่วมดำเนินโครงการฯ
การเสริมสร้างศักยภาพระดับประเทศเพื่อการพัฒนาเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะ
(ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียน)
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะระหว่างสหภาพยุโรปและภายในภูมิภาคอาเซียน
ซึ่งสหภาพยุโรปจะสนับสนุนงบประมาณ ๕ ล้านยูโร เพื่อดำเนินโครงการฯ เป็นเวลา ๗๒
เดือน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
382 | ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ซึ่งเป็นแผนที่จะต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี
๒๕๖๔ (เดือนธันวาคม ๒๕๖๓-เมษายน ๒๕๖๔) รวม ๑๒ ข้อ มีรายละเอียด เช่น
การเร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดนกำหนดเป้าหมาย ๑๒ จังหวัด ภายในปี ๒๕๖๓
และครบ ๗๖ จังหวัด ภายในปี ๒๕๗๐
และการเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ ต่อไป
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. สำหรับร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. ๒๕๖๓)
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น
ควรมีมาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม
และควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของภาคประชาชน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
383 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ รวม ๑๐ เรื่อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย ปี ๒๕๖๒ ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา
๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(FSRU) ไปยังโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(๒) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(๓) โครงการถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนแยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข
๒๐๕-แยกจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๒๒๖ จังหวัดนครราชสีมา ของกรมทางหลวง (๔)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางปะอิน-นครราชสีมา (บริเวณศูนย์บริการทางหลวง) ของกรมทางหลวง (๕)
โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานตรัง ของกรมท่าอากาศยาน (๖)
โครงการอาคารเช่าสำหรับข้าราชการผู้มีรายได้น้อย จังหวัดสกลนคร ของการเคหะแห่งชาติ
(๗) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ
อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ ๓ และ ๔
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (๘) การปรับปรุงมาตรฐานระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
และ (๙)
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
384 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒๘ ฉบับ โดยดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน ๖ ฉบับ
และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน ๒๒ ฉบับ เนื่องจากพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.
๒๕๖๒ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ดังนั้น การออกกฎหมายลำดับรอง
จึงจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนโดยรอบด้าน
ประกอบกับพระราชบัญญัติป่าชุมชนฯ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นใหม่
จึงจำเป็นต้องมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
เพื่อให้การออกกฎหมายลำดับรองมีความเหมาะสมกับบริบทในการจัดทำป่าชุมชน
และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
385 | รายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน
๒๕๖๒ ที่ได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ
หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย และปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี
และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้
ได้แก่ (๑) กู้เงินเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย หรือเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ และ (๒)
กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๘ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ๑.๒
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) .งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๑.๓
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่เคยได้รับการจัดสรรตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีเพียงพอ ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๒.
ในส่วนของการขอรับการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม
ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑
มิถุนายน ๒๕๖๒ วงเงิน ๕๙๙.๔๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
อย่างใกล้ชิด
ควรพิจารณาว่าการดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้และความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) หรือไม่
และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
386 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า
เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) โดยยังคงหลักการการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากรถรับจ้าง
จึงเห็นควรทบทวนร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้ขยายอายุรถรับจ้างที่อยู่ในระบบปัจจุบัน จาก ๙ ปี
เป็น ๑๒ ปี ตามหลักการของร่างกฎกระทรวงฯ ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีข้อคิดเห็นว่ารถรับจ้างที่มีอายุมากกว่า
๙ ปี จะต้องถูกตรวจสภาพปีละ ๔ ครั้ง ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามหลักการเดิมที่กระทรวงคมนาคมเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ กันยายน ๒๕๖๓ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
387 | ข้อเสนอโครงการภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” | ทส. | 03/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบโครงการภายใต้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันสืบเนื่องมาจากข้อเสนอของที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล)
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๑๑ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน
๒,๐๙๘.๕๔๘๘ ล้านบาท สำหรับโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล
พื้นที่ดำเนินการจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา ตรัง สตูล และระนอง วงเงิน ๒๐๐.๐๐๐๐
ล้านบาท เห็นควรให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) เร่งจัดเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ ของโครงการ อาทิ
สถานที่ดำเนินโครงการ แบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง อัตรากำลัง
และการบริหารจัดการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์ ความต้องการหรือประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นและความพร้อมของโครงการ
ให้สอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
388 | การแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี | ทส. | 03/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี รวม ๒๗ คน
และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี รวม ๗ ข้อ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงาน
ก.พ.ร.
ที่เห็นควรคำนึงถึงมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเมืองระหว่างประเทศประกอบด้วยเสมอ
และเมื่อมีการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องดำเนินการยุบเลิกคณะกรรมการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งธรณีวิทยาและจัดตั้งอุทยานธรณี
และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องในทันที ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
389 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายจงคล้าย วรพงศธร) | ทส. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายจงคล้าย วรพงศธร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายปิ่นสักก์
สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายปรมินทร์
วงศ์สุวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
390 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า
อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว
จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙
โดยแก้ไขมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่เนื้อหาไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดในแผนที่ท้ายประกาศฯ
เพื่อให้มีความชัดเจนในการบังคับใช้
รวมทั้งปรับปรุงมาตรการที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนหรือขัดต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค
สาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น หรือนโยบายภาครัฐต่าง ๆ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
391 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ด | ทส. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ด
เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานที่สำคัญและอนุรักษ์เมืองเก่าไว้เป็นมรดกของอนุชนรุ่นหลัง
รวมทั้งส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
โดยขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าร้อยเอ็ดมีเนื้อที่ทั้งหมด ๓.๐๑ ตารางกิโลเมตร
ครอบคลุมอาณาบริเวณกำแพงเมือง-คูเมืองร้อยเอ็ด วัด โบราณสถาน
และพื้นที่ย่านการค้าที่สำคัญ
ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า ครั้งที่
๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับท้องถิ่น
เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อการมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าร้อยเอ็ดในทุกมิติ
และ (๒) ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
รวมถึงองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการนำกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าร้อยเอ็ดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้หน่วยงานปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ไปพลางก่อน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการจูงใจหรือสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ
สำหรับเจ้าของที่ดินและเจ้าของอาคารในพื้นที่ขอบเขตเมืองเก่าที่กำหนดไว้ตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าต่าง
ๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้งให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าติดตามและประเมินผลการกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าและการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าต่าง
ๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปแล้วด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
392 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
จำนวน ๒ คน แทนกรรมการเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖
ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ๒. นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
393 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกไปก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
394 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ 12 - 14 กันยายน 2563 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๖๓
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้มีการประชุมร่วมระหว่างคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม
เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ ประเด็นปัญหา
รวมทั้งกำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
395 | การเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) | ทส. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเจรจา
ท่าการเจรจา
และหลักการในการดำเนินการตามกรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ
(Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) รวมทั้งรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการเจรจาฯ
โดยกรอบเจรจาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเจรจา ครั้งที่ ๓
ระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งจะทำให้การจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary
Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) มีความก้าวหน้าและบรรลุผลโดยเร็ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
396 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
จำนวน ๙ ฉบับ โดยยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... เนื่องจากการกำหนดค่าทดแทนต้องมีการจำแนกหลักเกณฑ์และการพิจารณาที่เหมาะสม
ซึ่งกรมป่าไม้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ทำให้ใช้เวลานานเพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานอื่น
ๆ (๒) ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง
ๆ แก่ประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จ่ายเงิน
ค่าบริการหรือค่าตอบแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้กำหนดขึ้นใหม่ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชน
จึงต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทำให้ใช้เวลานานในการพิจารณา
เพื่อให้ได้อัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๒ วรรคสอง
ประกอบกับมาตรา ๓๙ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
397 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอรรถพล เจริญชันษา ฯลฯ รวม 5 ราย) | ทส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอรรถพล
เจริญชันษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. นายอศิศร นุชดำรงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๕. นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
398 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 3/2563 | ทส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๕ ครั้งที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)] (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดภูเก็ต
(กะทู้) ของการเคหะแห่งชาติ (๓) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ (๔) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 โครงการพื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ และ (๕) โครงการโรงไฟฟ้าวังน้อย (ทดแทนชุดที่ ๑-๒)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒)
โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (๓)
โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายประสาน
ยุวานนท์ คำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๖๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองน้ำแดง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (๔) การกำหนดขั้นตอนการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเข้าร่วมเป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพในโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพ
และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(๕) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๖)
การครบกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||
399 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2561 | ทส. | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย
สถานการณ์และปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย
สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งรายจังหวัด
และสรุปสถานการณ์ การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สิ่งแวดล้อมทางทะเล
และการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
400 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ | ทส. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์
รวม ๕ คน แทนผู้ที่ลาออกและแต่งตั้งเพิ่มเติม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือให้เป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ดังนี้ ๑. นายพงศ์บุณย์
ปองทอง ประธานกรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๒. นายอุดม
ฐิตวัฒนะสกุล กรรมการ ๓. นายนำชัย แสนสุภา กรรมการ ๔. พลตำรวจตรี
วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการ ๕. ร้อยตำรวจโทหญิง
ศรัณย์กร เลิศโอภาส กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|