ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 20 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 381 - 400 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
381 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
382 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ 12 - 14 กันยายน 2563 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๖๓
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้มีการประชุมร่วมระหว่างคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม
เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ ประเด็นปัญหา
รวมทั้งกำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
383 | การเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเจรจา
ท่าการเจรจา
และหลักการในการดำเนินการตามกรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ
(Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) รวมทั้งรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการเจรจาฯ
โดยกรอบเจรจาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเจรจา ครั้งที่ ๓
ระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งจะทำให้การจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary
Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) มีความก้าวหน้าและบรรลุผลโดยเร็ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
384 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
จำนวน ๙ ฉบับ โดยยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... เนื่องจากการกำหนดค่าทดแทนต้องมีการจำแนกหลักเกณฑ์และการพิจารณาที่เหมาะสม
ซึ่งกรมป่าไม้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ทำให้ใช้เวลานานเพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานอื่น
ๆ (๒) ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง
ๆ แก่ประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จ่ายเงิน
ค่าบริการหรือค่าตอบแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้กำหนดขึ้นใหม่ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชน
จึงต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทำให้ใช้เวลานานในการพิจารณา
เพื่อให้ได้อัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๒ วรรคสอง
ประกอบกับมาตรา ๓๙ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
385 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอรรถพล เจริญชันษา ฯลฯ รวม 5 ราย) | ทส. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๕ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอรรถพล
เจริญชันษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรชัย อจลบุญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. นายอศิศร นุชดำรงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๕. นายจเรศักดิ์ นันตะวงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
386 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 3/2563 | ทส. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๕ ครั้งที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)] (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดภูเก็ต
(กะทู้) ของการเคหะแห่งชาติ (๓) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ (๔) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 โครงการพื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ และ (๕) โครงการโรงไฟฟ้าวังน้อย (ทดแทนชุดที่ ๑-๒)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒)
โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (๓)
โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายประสาน
ยุวานนท์ คำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๖๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองน้ำแดง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (๔) การกำหนดขั้นตอนการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเข้าร่วมเป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพในโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพ
และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(๕) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๖)
การครบกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
387 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2561 | ทส. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกอบด้วย
สถานการณ์และปัจจัยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย
สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งรายจังหวัด
และสรุปสถานการณ์ การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สิ่งแวดล้อมทางทะเล
และการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
388 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ | ทส. | 18/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์
รวม ๕ คน แทนผู้ที่ลาออกและแต่งตั้งเพิ่มเติม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนหรือให้เป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ดังนี้ ๑. นายพงศ์บุณย์
ปองทอง ประธานกรรมการ
(ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๒. นายอุดม
ฐิตวัฒนะสกุล กรรมการ ๓. นายนำชัย แสนสุภา กรรมการ ๔. พลตำรวจตรี
วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการ ๕. ร้อยตำรวจโทหญิง
ศรัณย์กร เลิศโอภาส กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
389 | ขอยุติโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 | ทส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ (ระยะที่ ๑-๓) ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๕๐
ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการปลูกและบำรุงป่าต่อเนื่องจนสิ้นสุดภารกิจโครงการฯ
อย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยปลูกป่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์รวม
๕,๑๒๕,๕๘๖.๗๙ ไร่ (เป้าหมายโครงการฯ ๕ ล้านไร่) และใช้งบประมาณทั้งสิ้น
๑๐,๕๑๒,๔๙๔,๓๗๐ บาท ทั้งนี้ ยังมีเงินบริจาคสมทบกองทุนโครงการฯ คงเหลืออยู่ในบัญชี
“กองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้หารือกับกรมบัญชีกลาง
โดยกรมบัญชีกลางเห็นว่า หากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ประสงค์จะยุติโครงการฯ หรือประสงค์จะใช้เงินดังกล่าวดำเนินการต่อไป
ให้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการปิดบัญชีกองทุนโครงการฯ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐
และได้นำเงินกองทุนฯ จำนวน ๒๗,๙๔๑,๑๖๑.๙๗ บาท
ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
๒.
เห็นชอบให้ยุติโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์
ปีที่ ๕๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
390 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 2) (นางรวีวรรณ ภูริเดช) | ทส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางรวีวรรณ ภูริเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
391 | แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ | ทส. | 13/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน
บริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก บริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์
ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณฝั่งธนบุรี และบริเวณที่ ๔
บริเวณพื้นที่ต่อเนื่องกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๒ การขยายพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม
๓ บริเวณ (กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน กรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
และบริเวณฝั่งธนบุรีตรงข้ามกรุงรัตนโกสินทร์) เป็น ๔ บริเวณ
โดยเพิ่มพื้นที่ส่วนขยาย บริเวณที่ ๔ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
ตั้งแต่แนวกึ่งกลางคลองรอบกรุง (คลองบางลำพูและคลองโอ่งอ่าง) แนวกึ่งกลางแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศเหนือและทิศใต้
และแนวคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งตะวันออก เพื่อจะได้ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น (๑)
ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในทุกมิติและจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
(๒) ไม่ควรพัฒนาระบบการสัญจรริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์และการรักษาความปลอดภัยของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
สถานที่สำคัญ และหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระ และ (๓) แผนผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ได้กำหนดให้รื้อถอนอาคารของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและส่วนราชการบางแห่ง
และก่อสร้างอาคารใหม่ในพื้นที่ที่เหมาะสมนั้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรพิจารณาจัดหาพื้นที่จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาใหม่ทดแทนตำแหน่งเดิมที่ต้องรื้อถอน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
392 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ทส. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน
๔๓๕,๒๘๙,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและลดผลกระทบจากสัตว์ป่า
รวมถึงการแก้ไขปัญหาการดูแลสัตว์ป่าของกลางตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ จำนวน ๓ โครงการ
ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์แบบบูรณาการ
โครงการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของลิงในชุมชน
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัตว์ป่าของกลางและสัตว์ป่ากรณีแก้ไขปัญหาตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ในกรงเลี้ยง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
393 | ผลการดำเนินโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า | ทส. | 04/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
ระยะที่ ๑ ระยะเร่งด่วน (ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓)
ประกอบด้วย การดำเนินโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า ในพื้นที่เร่งด่วน
การเปิดโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า และการจัดฝึกอบรมหลักสูตร “จิตอาสา”
ตามโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
394 | โครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า | ทส | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
395 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิ ตามมาตรา 7 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2562 | ทส | 08/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
396 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับมาตรการที่จะกำหนดไว้ในประกาศกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมต้องมีความเข้มงวดกว่ามาตรการที่กำหนดไว้ในกฎหมายอื่น หรือเป็นมาตรการที่มีลักษณะเป็นการเฉพาะและพื้นที่ที่จะประกาศกำหนดเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมควรเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
397 | การนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก และพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน | ทส | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
398 | การส่งคืนพื้นที่สวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เนื้อที่ 366 ไร่ 78 ตารางวา ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ส่งคืนพื้นที่สวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๗ แปลง รวมพื้นที่ ๓๖๖ ไร่ ๗๘ ตารางวา ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์และพื้นที่สวนป่าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการพิจารณาหลักเกณฑ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติให้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งเคร่งครัดในการพิจารณาประเภทและคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน ตลอดจนการปฏิบัติตามข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการจัดที่ดินของรัฐในพื้นที่ที่มีราษฎรบุกรุกเข้าไปครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การนำพื้นที่สวนป่าคอนสารเข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินในครั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีที่ดินทำกินและสมควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยต้องบริหารจัดการและกำกับติดตามมิให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
399 | การเสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ ต่อโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ต่อไป [การเสนอเอกสารเพื่อเสนอพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ในแต่ละปี กำหนดให้ส่งไปยังฝ่ายเลขานุการของโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของยูเนสโก ภายในสิ้นเดือนกันยายน เพื่อเข้าสู่รอบการพิจารณาของ Advisory Committee of Biosphere Reserve (ACBR) ในปีถัดไป] ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การเสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ ไม่เข้าข่ายเป็นการจัดทำหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมีการพิจารณารูปแบบในการบริหารพื้นที่สงวนชีวมวลให้มีบทบาทชัดเจนนอกเหนือจากภารกิจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีเครื่องมือ มีบุคลากรดำเนินงาน และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการลิมา ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
400 | การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และหากปรากฏว่ายังมีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตอีก ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งกับหน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ นั้น ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเป็นผู้รวบรวมคำขออนุญาตของหน่วยงานในสังกัดให้ครบถ้วนเพื่อส่งไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น (๑) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ของแต่ละหน่วยงานอย่างรอบคอบและให้มีความเหมาะสม (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการมาตรการที่เสนออย่างจริงจัง ไม่ควรมีการผ่อนผันอีกในอนาคต และพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปล่อยปละละเลยและมีส่วนเกี่ยวข้อง (๓) ให้ส่วนราชการผู้มีอำนาจอนุมัติ/อนุญาต เร่งรัดขั้นตอนการยื่นคำขอและการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตในการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๔) ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณได้ใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความพร้อมของพื้นที่ดำเนินการประกอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ (๕) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรกำหนดกลไกและแผนการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดวิธีการที่เหมาะสมและไม่ขัดต่อกฎหมายในการดำเนินการกรณีที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้เพื่อทำประโยชน์ในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและดิจิทัล กรณีที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำพื้นที่ป่าไม้ที่ได้รับอนุญาตไปให้ภาคเอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อ/ถือกรรมสิทธิ์ในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อประกอบกิจการ เช่น ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว กรณีการตั้งสำนักสงฆ์ในพื้นที่ป่า และกรณีการนำที่ดินของเกษตรกรที่รัฐอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ไปให้เอกชนเช่าต่อ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ ๔.๑ วางแผนและจัดลำดับความสำคัญในการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการที่ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่โครงการต่าง ๆ จะต้องหยุการดำเนินการเพื่อรอผลการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ๔.๒ ในระยะต่อไป ให้จัดทำแนวทางปฏิบัติในกรณีที่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนจะต้องดำเนินการเพื่อขออนุมัติ/อนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ในแต่ละประเภท ตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้มีความชัดเจน ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาของแต่ละขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาตทั้งกระบวนการ รวมทั้งให้พิจารณานำระบบเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนงานด้วย ๕. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินโครงการในพื้นที่ป่าประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป คำนึงถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการเสนอขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีใด ๆ ภายหลังจากเริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว
|