ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก | ทส. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ในปี ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ไทยจะห้ามการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ
โดยในช่วงปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗ ยังให้มีการนำเข้าได้บางส่วนตามเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าภาครัฐควรมีนโยบายและมาตรการสนับสนุนการใช้เศษพลาสติกในประเทศสำหรับภาคอุตสาหกรรม
และเร่งหามาตรการที่มีประสิทธิผลในการส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะ
เพื่อให้ได้เศษพลาสติกที่มีคุณภาพเหมาะสมต่อการใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
เพื่อลดการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เรื่อง แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” | ทส. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | ผลการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference: TCAC) | ทส. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2565 | ทส. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕
จำนวน ๕ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพระนครใต้ (ส่วนเพิ่ม)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์
ของกรมชลประทาน และโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง
ของกรมทางหลวง (๒) (ร่าง) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
โดยเป็นแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องจากแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.
๒๕๖๐-๒๕๖๕ ที่ได้หมดระยะเวลาการใช้ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ (๓) แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ซึ่งมีโครงการภายใต้แผนการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการพิจารณา
เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอย (ระยะที่ ๓) จังหวัดสุโขทัย
และโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (๔)
โครงการพัฒนาศักยภาพสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด
เพื่อพัฒนาแผนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) และ (๕) การปรับปรุงมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๒ รับทราบ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศและเป็นแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานการจัดการขยะพลาสติกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการระยะที่
๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) รวมทั้งยกระดับการจัดการขยะให้ดียิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณองค์ความรู้ด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ควรเร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง
และปลายทาง
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะพลาสติกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การกำหนดให้มีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์
ตลอดจนร่างอนุบัญญัติและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งจะต้องพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในระยะต่อไป
หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนระดับที่ ๓ ที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของการเสนอแผนระดับที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) วันที่ ๓
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ) วันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ และการเสนอแผนระดับที่ ๓
ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... ต่อคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | โครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร | ทส. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการลงนามในหนังสือการอนุญาต
(Letter of Authorization : LOA)
ให้ดำเนินโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะภาคเอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า
(รถร่วมบริการ) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวควรพิจารณาถึงความเป็นธรรมของการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานและราคาคาร์บอนเครดิตในประเทศต่ำกว่าในสมาพันธรัฐสวิส
และควรพิจารณาถึงความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ของรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศ
เพื่อรองรับการดำเนินโครงการเพื่อไม่ให้เกิดการเสียดุลการค้าและการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงประเด็นการจัดหาพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ให้เพียงพอ
เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า (1. นายบวรเวท รุ่งรุจี ฯลฯ จำนวน 7 คน) | ทส. | 31/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า จำนวน ๗ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายบวรเวท รุ่งรุจี ๒. ศาสตราจารย์กิตติคุณศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ๓. รองศาสตราจารย์โรจน์ คุณอเนก ๔. รองศาสตราจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร ๕. ศาสตราจารย์ศักดิ์ชัย สายสิงห์ ๖. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พีรศรี โพวาทอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2559 | ทส. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. ๒๕๕๙ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่
อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๙
ต่อไปอีกสองปีนับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
และควรเร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 | ทส. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย
อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้
ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗
ต่อไปอีกสองปีนับตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้การกำหนดพื้นที่ห้ามทำการประมงด้วยเครื่องมือดังกล่าวจาก
“ภายในระยะ ๓,๐๐๐ เมตร จากแนวชายฝั่งทะเล” เป็น
“ภายใต้เขตทะเลชายฝั่งตามกฎหมายว่าด้วยการประมง” ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ และควรเร่งดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงฯ
ฉบับใหม่และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว เพื่อให้มีความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | การนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก | ทส. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญามรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
เพื่อขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. การนำเสนอพื้นที่เพื่อการขอรับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในครั้งต่อ
ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำผลการศึกษาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
เกี่ยวกับความคุ้มค่าหรือประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก
รวมทั้งให้จัดทำข้อมูลการคาดการณ์ผลกระทบจากการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานต่าง
ๆ ในพื้นที่แหล่งมรกดกโลกที่อาจเกิดขึ้น (การสร้างถนน ทางรถไฟ
หรือระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น) เพื่อเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันด้วย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 | ทส. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๕
จำนวน ๒ เรื่อง ประกอบด้วย (๑) รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำกอน อำเภอเชียงกลาง
จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน (กรมชลประทาน) และโครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ
(ส่วนเพิ่ม) ระยะที่ ๑ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) และ (๒)
การกำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน โดยกรมควบคุมมลพิษได้จัดทำ (ร่าง)
ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง
กำหนดมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำผิวดิน พ.ศ. ....
ซึ่งได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้รับรองรายงานการประชุมดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่
๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ มาตรา 45 และมาตรา 50 | ทส. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ
พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๔ การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๕๐ ออกไปอีกหนึ่งปี
ทั้ง ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตการใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าใช้น้ำประเภทที่สองและประเภทที่สาม พ.ศ.
.... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. 2559 | ทส. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไปอีกสองปี
นับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรแก้ไขข้อความในข้อ ๔ (๓) (ก) ๑) ของประกาศเดิม
จากเดิมที่กำหนดห้ามทำการประมงโดยใช้ “เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุง
และเครื่องมืออวนรุน ละวะ ซิบ หรือรุนกุ้ง หรืออวนถุง ทุกชนิดและทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมง”
เป็น “เครื่องมืออวนลากชนิดมีถุงและเครื่องมืออวนรุน ละวะ ซิบ หรือรุนกุ้ง
หรืออวนถุง ทุกชนิดและทุกขนาดที่ใช้เรือยนต์ทุกชนิดทำการประมง
เว้นแต่เป็นอวนรุนเคย”
และควรเร่งดดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... (ฉบับใหม่) และนำมาใช้บังคับโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 | ทส. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี ๒๕๖๖
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ โดยแผนเฉพาะกิจฯ
กำหนดขึ้นภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
ประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงาน ๗ แนวทาง ได้แก่ (๑) เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุก
และแจ้งเตือนล่วงหน้า ๗ วัน ทุกพื้นที่ (๒)
ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นฝุ่นละออง”
และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง (๓) ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ
ลดเผา และระบบบริการการเผาในที่โล่ง) (๔) กำกับดูแลการดำเนินการในทุกระดับอย่างเข้มงวด
ติดตามผลการดำเนินการและประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง (๕) ลดจุดความร้อน
ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟ
(๖) ผลักดันกลไกระหว่างประเทศ
เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกขวัญข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทำ Roadmap และกำหนดเป้าหมายในการลดจำนวนจุดความร้อน/พื้นที่เผาไหม้ในภูมิภาคอาเซียน
และ (๗)
ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | (ร่าง) แนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย (1. นายเดชบุญ มาประเสริฐ ฯลฯ รวม 10 คน) | ทส. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
รวม ๑๐ คน ตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ.
๒๕๖๓ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเดชบุญ
มาประเสริฐ ประธานกรรมการ
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๒. รองศาสตราจารย์กำลัง
ชุมพลบัญชร กรรมการด้านสัตวแพทย์/เกษตร/สัตวบาล
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๓. นายสมิทธิ ดารากร ณ อยุธยา กรรมการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๔. รองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก กรรมการด้านกฎหมาย ๕. นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ๖. นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ กรรมการด้านต่างประเทศ
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ จำรัสจรุงผล กรรมการด้านสถาปัตยกรรม/วิศวกรรม ๘. นายมณเฑียร อินทร์น้อย กรรมการด้านการบริหารจัดการองค์กร/การบริหาร
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ)
ทรัพยากรบุคคล ๙. นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ กรรมการผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๑๐. นายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์ กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 20/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑)
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เช่น จุดบริการประชาชนทั่วประเทศ และจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวบริเวณชายฝั่งทะเล
กิจกรรมป่าในเมือง เช่น โครงการ ๑ จังหวัด ๑ พื้นที่สีเขียวป่าในเมือง
แจกกล้าไม้มีค่า ณ หน่วยเพาะชำกล้าไม้ทั่วประเทศและจุดบริการประชาชน
จัดกิจกรรมในแหล่งท่องเที่ยวโดยให้เข้าชมฟรีมอบของขวัญ และส่วนลดพิเศษ เป็นต้น และ (๒) ของขวัญ ตลอดปี พ.ศ. ๒๕๖๖ เช่น
จัดที่ดินอยู่อาศัย/ทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าชายเลน จัดหาแหล่งน้ำต้นทุนผิวดินและแหล่งน้ำบาดาลเพื่ออุปโภคบริโภคและเกษตรกรรม
ส่งเสริมความรู้ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และจัดกิจกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส. | 20/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๐ และวันที่ ๓
พฤศจิกายน ๒๕๕๒ จากเดิม ที่มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานประสานงานระดับชาติและตั้งงบประมาณสำหรับเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
รวมทั้งเป็นหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ เป็น
ให้กรมทรัพยากรน้ำ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบแทน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้แก้ไขชื่อหน่วยงานในมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง
การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง
ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย
และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) จากเดิม “กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี”
เป็น “กรมเจ้าท่า” ตามความเห็นของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับรายชื่อหน่วยงานสนับสนุนท้ายมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่ขอทบทวนให้สอดคล้องเป็นปัจจุบัน
และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินบริจาคสนับสนุนอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว
โดยค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ขอให้กรมทรัพยากรน้ำจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามอัตราที่กำหนดตามขั้นตอนต่อไป
ควรใช้กลไกที่มีอยู่เพื่อให้การอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมความหลากหลายของระบบนิเวศ
เช่น การดำเนินการของสถาบันการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาศักยภาพ
เสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะในการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำให้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกกระทรวง
ตลอดจนประชาชนทั่วไป และพิจารณาวางแผนการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ของพื้นที่ชุ่มน้ำตามลำดับความสำคัญแต่ละแห่งให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ขอผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อการดำเนินโครงการหลวง จำนวน 39 โครงการ | ทส. | 13/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อดำเนินโครงการหลวง จำนวน ๓๙ โครงการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้
๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓
ในการอนุญาตให้มูลนิธิโครงการหลวงเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ในเขตพื้นที่ต้นน้ำชั้นที่
๑
๑.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ และวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๕
ในการอนุญาตให้มูลนิธิโครงการหลวงเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม
(โซนซี)
๑.๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๒๘ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๙
และวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘
ในการอนุญาตให้มูลนิธิโครงการหลวงเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ
ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี และลุ่มน้ำชั้นที่ ๒ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เช่น (๑)
การดำเนินกิจกรรมของโครงการหลวงจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อพื้นที่ต้นน้ำและทรัพยากรป่าไม้ในบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์
(๒)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำที่สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี ด้วย ตัวอย่างเช่น การอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำ การรักษาสมดุลของระบบนิเวศทั้งลุ่มน้ำ
และ (๓) หากมีการดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเลต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |