ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
361 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่
อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๙
มีสาระสำคัญเป็นการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกไปอีก ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
362 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2562 | ทส. | 09/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑)
ปัจจัยขับเคลื่อน (Driver) ประกอบด้วย การขับเคลื่อนจากทิศทางการพัฒนานโยบาย
และแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศและต่างประเทศ
และทิศทางการพัฒนาประเทศที่ส่งผลต่อทรัพยากรทางทะเล (๒) ภาวะกดดัน (Pressure) ประกอบด้วย สถานการณ์การใช้ประโยชน์พื้นที่ชายฝั่ง
และทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และสถานการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในระดับโลกและระดับภูมิภาคที่ส่งผลต่อสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่ง (๓) สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง (States) (๔) สถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง ๒๔
จังหวัด และ (๕) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
363 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
โดยร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in
ASEAN ออกไปอีก ๒ ปี โดยไม่เพิ่มเงินสนับสนุน (no-cost extension) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
364 | มาตรการการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ
เช่น (๑) จัดสถานที่รับคืนขยะอิเล็กทรอนิกส์จากประชาชน และนำไปจัดการอย่างถูกต้อง
(๒) เฝ้าระวังสุขภาพอนามัยของประชาชนที่เกิดจากการประกอบกิจกรรมถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
และเฝ้าระวังการปนเปื้อนมลพิษและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (๓) ออกกฎ/ระเบียบ เช่น
กฎกระทรวงการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๔)
พัฒนาเทคโนโลยี/นวัตกรรม ด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ๒. การแก้ไขปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
เช่น (๑) ออกประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๓
(๒) จัดให้มีระบบการตรวจสอบตู้บรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวด และ (๓)
เฝ้าระวังสุขภาพอนามัยประชาชนจากการประกอบกิจกรรมถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
และเฝ้าระวังการปนเปื้อนมลพิษที่เกิดจากการถอดแยกและรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ถูกต้อง
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
365 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 5/2563 เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
(กก.วล.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๓
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต
เช่น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการออกข้อบังคับเพิ่มเติมเพื่อขยายเขตพื้นที่จำกัดรถบรรทุกตั้งแต่
๑๐ ล้อขึ้นไป ห้ามเดินรถในพื้นที่กรุงเทพมหานครบริเวณและช่วงเวลาตามที่กำหนด
กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจวัดควันดำอย่างเข้มงวดกับรถโดยสารและรถบรรทุกทุกคัน
และกรมโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง ๒. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
ข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ ๙ จังหวัด
และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน โดยข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น มาตรการเพิ่มเติม แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน
(ปี ๒๕๖๓) ดำเนินการสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ/รถยนต์ไฟฟ้า
หรือทางเลือกอื่นที่ไม่ก่อมลพิษ และระยะกลาง-ระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗) เข่น
ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง ควรห้ามเผาในพื้นที่เขตชุมชนเด็ดขาด
และมีบทลงโทษกับผู้ก่อมลพิษทางอากาศ สำหรับข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในภาคเหนือ ๙ จังหวัด และจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควัน
โดยมีมาตรการเพิ่มเติม แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน (ปี ๒๕๖๓)
วางแผนการจัดการเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่ และระยะกลาง-ระยะยาว (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗)
เช่น ภาคการเกษตรและการเผาในที่โล่ง เช่น
การส่งเสริมให้มีตลาดเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรสำหรับเก็บเกี่ยวและจัดการแปลงแทนการเผา ๓. การประชุม กก.วล.
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ ได้มีการพิจารณาเรื่อง
การเสริมสร้างการรับรู้เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 สู่สาธารณะ โดยแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงวิกฤต ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ เช่น การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากการจราจร
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศจากอุตสาหกรรม
และข้อเสนอด้านการสื่อสารสร้างการรับรู้เรื่อง PM2.5 ต่อสาธารณชนเพื่อเสริมสร้างการรับรู้และความเข้าใจเรื่องฝุ่นละออง PM2.5 ต่อสาธารณะ เช่น แผนการประชาสัมพันธ์และสื่อสาร
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
366 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. .... | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเพิ่มพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม ๓ บริเวณ เป็น ๔
บริเวณ โดยเพิ่มบริเวณที่ ๔ ได้แก่ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
แก้ไขชื่อหน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้กรอบแนวทางการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาเมือง รวมทั้งภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
367 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 และครั้งที่ 6/2563 | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานประจำปี ๒๕๖๒ กองทุนสิ่งแวดล้อม (๒)
ร่างแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน (๓)
การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพ
ภายใต้โครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกและใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(East
Asian-Australasian Flyway Partnership : EAAFP) (๔) กรอบและแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติบึงโขงหลง
อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕)
แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ (๖)
โครงการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นาเพื่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี
ของมูลนิธิข้าวขวัญ และ (๗)
รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
(โครงการปรับปรุงกายภาพและก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่)
ของกรมท่าอากาศยาน ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๒) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๓) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) ของการเคหะแห่งชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
368 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ท้องที่ในตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อคุ้มครองระบบนิเวศของต้นยางนาและต้นขี้เหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ในท้องที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่
และของจังหวัดลำพูน โดยมีหน้าที่กำกับ ดูแล ติดตาม
ตรวจสอบการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และให้ความเห็นชอบกับการนำแผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติ
ไม่ใช่การกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามมาตรา
๔๔ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
และไม่สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าวให้เกิดความซ้ำซ้อนอีก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย
อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี
จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๘
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. ๒๕๕๘
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคมที่เห็นว่า
การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ควรพิจารณาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการบริหารจัดการน้ำตามแผนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๘๐) ตลอดจนโครงการพื้นที่ชลประทานและระบบชลประทานที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงฯ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
และเกิดผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้
ในกรณีที่มีการดำเนินการกิจกรรมใด ๆ
เกี่ยวกับการบำรุงหรือดูแลรักษาต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก หรือกิจกรรมอื่น ๆ
บนทางหลวงหมายเลข ๑๐๖ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับหน่วยงานของกรมทางหลวงในพื้นที่เพื่อทราบด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
369 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า พ.ศ. .... | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและชนิดของไม้ทรงคุณค่า
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
370 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงิน สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป
สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน [Biodiversity
Conservation and Management of Protected Areas in ASEAN : (BCAMP)] เนื่องจากเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
เสนอให้จัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขความตกลงดังกล่าวให้มีการขยายระยะเวลาการบริหารโครงการในภาพรวม
จากเดิม ๙๐ เดือน เป็น ๑๐๒ เดือน (ขยายเพิ่มอีก ๑๒ เดือน)
เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมที่ล่าช้าจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ได้ ๑.๒
อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
(กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
ในส่วนของที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
371 | การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก | ทส. | 19/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ
และให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร
วงษ์สุวรรณ) ลงนามในเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ณ
กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องจัดส่งเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก
เมืองโบราณศรีเทพ ให้ศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ภายในวันที่ ๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีแนวทางสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบอย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะภาคประชาชนและชุมชนท้องถิ่น
เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์
ซึ่งจะทำให้เกิดการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของไทยและของโลกอย่างยั่งยืน (๒) หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง
ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการภายใต้แผนการบริหารจัดการเมืองโบราณศรีเทพอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งประสานให้เกิดการมีส่วนร่วมได้อย่างเป็นรูปธรรม และ (๓)
ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการอนุรักษ์มรดกโลกทางวัฒนธรรมเมืองโบราณศรีเทพ
นั้น หากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
372 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ
ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก
อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพทางธรรมชาติ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
373 | แนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน เพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 - 2580 | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อม
เพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๘๐
เพื่อหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชน
โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมเกี่ยวกับ (๑) วิสัยทัศน์ คือ
“สิ่งแวดล้อมชุมชนแห่งอนาคตที่ยั่งยืน” (๒) เป้าประสงค์ เช่น
สิ่งแวดล้อมชุมชนของไทยมีสภาพแวดล้อมที่ดี มีความสมดุลของระบบนิเวศทางธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมชุมชนพัฒนาบนพื้นฐานที่สอดคล้องกับภูมินิเวศและบริหารจัดการภายใต้ข้อมูล
องค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ (๓) ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๕
ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
อนุรักษ์และฟื้นฟูฐานทรัพยากรธรรมชาติตามแนวศาสตร์พระราชา ยุทธศาสตร์ที่ ๒
บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ที่ ๓
ส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนที่ดีบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนและการเติบโตสีเขียว
ยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบ กลไกเครื่องมือ
และมาตรการในการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมชุมชน อย่างมีธรรมาภิบาล และมีประสิทธิภาพ และยุทธศาสตร์ที่
๕ พัฒนาศักยภาพ องค์ความรู้ นวัตกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมเชิงนิเวศ
เพื่อสร้างชุมชนแห่งอนาคต ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดแผนที่นำทาง (Roadmap) การดำเนินงาน โดยมีมาตรการแบ่งเป็นระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕)
ระยะปานกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๗๑-๒๕๘๐) มีการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
และจัดสรรงบประมาณสำหรับจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนในแต่ละระดับ รวมทั้งมีการติดตาม
ตรวจสอบ ประเมินผลการดำเนินงานและการจัดทำรายงานเรื่องดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
374 | ผลการดำเนินงานของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการดำเนินงานของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อสร้างสุขของคนไทย ได้แก่ (๑)
การจัดสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวก และบริการประชาชน มีผู้มาใช้บริการรวมทั้งสิ้นกว่า
๑๔๐,๑๓๙ คน (๒) ให้บริการน้ำบาดาลแก่ประชาชนในจุดบริการน้ำบาดาล มีผู้ใช้บริการ ๑๐,๖๓๕
คน ปริมาณน้ำที่แจกจ่าย ๑,๐๖๒,๑๙๐ ลิตร (๓) ศูนย์บริการอากาศยานรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
โดยศูนย์ปฏิบัติการบินภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จังหวัดเลย ปฏิบัติภารกิจ
๑๔ เที่ยวบิน รวม ๔.๓๕ ชั่วโมง ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ๙ คน (๔) การบำรุงรักษารถยนต์
ลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับบริษัทรถยนต์และศูนย์บริการน้ำมัน
ตรวจสภาพรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ ๗ ปีขึ้นไป ๕,๒๓๕ คัน บริษัท บางจาก และ ปตท.
ลดราคาน้ำมันเครื่อง ร้อยละ ๒๐-๓๐ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ๔.๔ ล้านลิตร บริษัทรถยนต์ลดราคาค่าอะไหล่
เช่น ไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมัน ร้อยละ ๒๐-๕๐ มีรถยนต์มาใช้บริการ ๔,๗๒๔ คัน (๕)
แจกกล้าไม้ “พฤกษามหามงคล” ๑๐ ล้านกล้า ๑๐ พรรณไม้ มีประชาชนมารับและสั่งจองกล้าไม้มงคล
๑๒,๓๐๓ ราย จำนวน ๑,๐๒๓,๘๓๖ กล้า (๖) การเปิดให้ท่องเที่ยวฟรี เพื่อเข้าชมและศึกษาความรู้ในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
มีผู้ใช้บริการ ๘๘,๗๖๐ คน (๗) การจัดกิจกรรมป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ
เพื่อความสุข ของคนไทย” มีผู้ใช้บริการ ๒๘,๓๙๙ คน (๘) การลดราคาผลิตภัณฑ์ไม้ และลดราคาค่าบริการที่พักขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
มีผู้เข้าชมและซื้อสินค้า ๑๕๐ คน มูลค่าสินค้าที่ขายได้มากกว่า ๑.๑ ล้านบาท และลดราคาค่าที่พัก
๒๙๗ ราย รายได้มากกว่า ๑.๒ ล้านบาท และ (๙) การบริการตรวจสอบอัญมณี
และธรณีวัตถุเบื้องต้น ตลอดเดือนมกราคม ๒๕๖๔ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ๒. ของขวัญสำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตลอดปี ๒๕๖๔ ได้แก่ (๑) การจัดที่ดินทำกิน
และอยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าชายเลน ออกหนังสืออนุญาตจัดที่ดินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
รวม ๓ พื้นที่ เนื้อที่ ๒๐,๕๙๓ ไร่ ๒ ตารางวา ๙๐ งาน (๒)
การจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน และขุดเจาะน้ำบาดาล มีเป้าหมายการจัดหา/พัฒนาแหล่งน้ำ
๖๕ แห่ง และจัดสร้างระบบกระจายน้ำ ๑๑๗ แห่ง และ (๓) การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ
จัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ และติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ (PM2.5 PM10) ๔ สถานี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
375 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน ตำบลน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน ตำบลน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน
ตำบลน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
เพื่อสงวนไว้ซึ่งสภาพธรรมชาติเดิมให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากในฝั่งอ่าวไทย
และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพลังงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียโดยเฉพาะชาวประมงที่ทำการประมงในบริเวณดังกล่าวก่อนดำเนินการ
และควรดำเนินการจัดทำสัญลักษณ์แสดงแนวเขตพื้นที่คุ้มครองดังกล่าวให้ชัดเจนและมีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงทราบอย่างทั่วถึง
รวมทั้งควรกำหนดแนวทางและขั้นตอนการกำกับดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรการ ระเบียบ
กฎเกณฑ์ที่ภาครัฐประกาศอย่างชัดเจน มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง และสร้างความเข้าใจกับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งผู้ประกอบการเดินเรือท่องเที่ยวและประมงชายฝั่งถึงเจตนาและความจำเป็นของร่างกฎกระทรวงฯ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
376 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตป่าอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า หากคณะรัฐมนตรีมีมติให้เขตพื้นที่ที่จะกำหนดในร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตป่าอนุรักษ์
พ.ศ. .... ครอบคลุมถึงเขตพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวหรือเป็นพื้นที่เปราะบางของระบบนิเวศด้วย
ก็จะทำให้การอนุรักษ์สอดคล้องกับหลักการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหัสวรรษ
อาทิ พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องสงวนรักษาไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารโดยแท้จริง
หากสูญเสียสภาพป่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ให้เป็นเขตป่าอนุรักษ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติ
หรือคุณค่าอื่นอันควรแก่การอนุรักษ์หรือรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นเขตป่าอนุรักษ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า
ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
ในการจัดตั้งป่าชุมชน เป็น ๒ กรณี คือ กรณีที่เป็นป่าชุมชนอยู่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีนี้ใช้บังคับ
ซึ่งตามมาตรา ๙๙ และมาตรา ๑๐๐ ได้รับรองสถานะให้ยังเป็นป่าชุมชนอยู่
แต่ยังมีกระบวนการในการตรวจสอบยืนยันเพื่อนำพื้นที่ไปจัดทำแผนในการบริหารจัดการป่าชุมชน
ซึ่งในขั้นตอนการตรวจสอบขอให้แจ้งให้กรมธนารักษ์เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
หากเป็นป่าชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุจะได้ร่วมกันบริหารจัดการพื้นที่ร่วมกันต่อไป
ส่วนกรณีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ ตามมาตรา ๘
ซึ่งต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
และมีกระบวนการตรวจสอบในขั้นตอนการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาอยู่แล้ว ดังนั้น
ในการดำเนินการจัดตั้งป่าชุมชนทั้ง ๒ กรณี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงควรจะได้ประสานกับกรมธนารักษ์
เพื่อร่วมกันตรวจสอบความเหมาะสมในการจัดตั้ง
เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินของรัฐเกิดประโยชน์ในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
377 | ร่างเอกสารที่จะเสนอให้มีการรับรองโดยรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม | ทส. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกรอบแผนงานอาเซียน-จีน
ด้านยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (Framework
of ASEAN-China Environmental Cooperation Strategy and
Action Plan 2021-2025) และร่างเอกสารแนวคิดอาเซียน-จีน
ว่าด้วยปีแห่งความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Concept Paper on 2021 as
ASEAN-China Year of Sustainable Development Cooperation) เป็นเอกสารซี่งที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม
ครั้งที่ ๓๑ ให้การรับรองแล้วผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ และจะเสนอให้มีการรับรองโดยรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม
โดยวิธีการแจ้งเวียน (ad referendum) ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๓
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสาร
๒ ฉบับดังกล่าว โดยร่างกรอบแผนงานฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมการขับเคลื่อนศักยภาพในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
ส่วนร่างเอกสารแนวคิดฯ มีสาระสำคัญเป็นการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข
ขจัดความยากจน ลดภัยพิบัติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานสะอาด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสาร ๒ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
378 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (1. นายเธียรชัย ณ นคร) | ทส. | 29/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเธียรชัย ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒. นายจักรกฤษณ์ ศิวะเดชาเทพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ๓. นายสุนันต์
อรุณนพรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านทรัพยากรป่าไม้และนิเวศวิทยา ๔. นางสาวลดาวัลย์
คำภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม ๕. นายยงธนิศร์
พิมลเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม/ภูมิสถาปัตย์ และสิ่งแวดล้อมเมือง ๖. นายสันติ
บุญประดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ด้านบริหารจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๗. นางประกายรัตน์
สุขุมาลชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ด้านสังคมและการมีส่วนร่วม ๘. นายธเรศ ศรีสถิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
379 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑)
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ สร้างสุขของคนไทย และ (๒) ของขวัญ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
380 | รายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) | ทส. | 15/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามและการประเมินผลการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ภายใต้กลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM)
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีผลความก้าวหน้าการดำเนินการ
ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๕) สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการต้นแบบ กระทรวงสิ่งแวดล้อม
ประเทศญี่ปุ่น ได้ให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการต้นแบบ JCM
จำนวน ๓๓ โครงการ มูลค่ามากกว่า ๒ พันล้านบาท
และก่อให้เกิดการลงทุนมากกว่า ๗ พันล้านบาท โดยผู้รับทุนเป็นบริษัทเอกชนไทย จำนวน
๒๘ บริษัท โดยโครงการที่ได้รับคัดเลือกเป็นโครงการประเภทการผลิตพลังงานหมุนเวียน
จำนวน ๑๔ โครงการ และโครงการประเภทการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน จำนวน ๑๙
โครงการ ๒.
สถานภาพการดำเนินโครงการ โครงการต้นแบบ JCM ปัจจุบันโครงการต้นแบบ
JCM จำนวน ๓๓ โครงการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จำนวน ๘
โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้เท่ากับ ๔๙,๘๕๙
ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
และมีโครงการที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว จำนวน ๕ โครงการ
มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองเท่ากับ ๔,๐๓๒ ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
|