ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 2179 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 181 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน
ให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ ๙,๕๓๔ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 182 | เอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน (Statement of Undertaking : SoU) ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Nitric Acid Climate Action Group : NACAG) (คาโปรแลคตัม) | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน
(Statement of Undertaking : SoU) ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ
(Nitric Acid Climate Action Group : NACAG) (คาโปรแลคตัม) โดยให้รัฐมนตีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว
และมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กลุ่ม NACAG ของไทยให้สอดคล้องกับเอกสาร SoU (คาโปรแลคตัม)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำผลการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากสถานประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม
NACAG ไปใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย NDC ของไทย
และไม่นำไปซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศตามความตกลงปารีส โดยเอกสาร SoU (คาโปรแลคตัม) มีสาระสำคัญใกล้เคียง SoU (กรดไนตริก) โดยปรับเปลี่ยนจากการผลิตกรดไนตริกเป็นคาโปรแลคตัม
และยืนยันว่าภายใน ๓ ปี หลังจากการลงนามใน SoU (คาโปรแลคตัม) สถานประกอบการผลิตคาโปรแลคตัมทั้งหมดในไทยจะติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซwไนตรัสออกไซด์จากวงจรการผลิต โดยกลุ่ม NACAG
จะให้การสนับสนุนเทคโนโลยีแก่ไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงานของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ
(คาโปรแลคตัม) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ
ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับการบูรณษการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน
และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 183 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยกรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๓ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว
กำหนดว่า “ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ
หรือประกอบกิจการ รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือทุกประเภทที่สามารถรับเรือขนาดตั้งแต่ ๑๐๐ ตันกรอส แต่ไม่ถึง
๕๐๐ ตันกรอส หรือมีความยาวหน้าท่าตั้งแต่ ๒๐ เมตร แต่ไม่ถึง ๑๐๐ เมตร
หรือมีพื้นที่ท่าเทียบเรือรวม ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ยกเว้นโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการเพื่อความมั่นคงแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญและกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่ ๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ
หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐
ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 184 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ
จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นพื้นที่ที่ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มีมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในปัจจุบันประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกโดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด ในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ.
๒๕๖๖
และมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดแยกเป็นรายจังหวัด
กรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๕ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว กำหนดว่า
“ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ หรือประกอบกิจการ
รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือสาธารณะสำหรับเรือประมงหรือเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว
ที่มีพื้นที่รวมของท่าเทียบเรือตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่
๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 185 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรื่อง
ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน
อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา
เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา โดยมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ ๑,๓๔๔ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องถือปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและดำเนินการตามมาตรการป้องกันและการฟื้นฟูผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้
มีการดำเนินการบางส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางระบบนิเวศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 186 | อุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks) ซึ่งยูเนสโกได้มีการตรวจประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยา
รวมทั้งตรวจประเมินภาคสนาม พบว่า อุทยานธรณีโคราชมีความสำคัญโดดเด่นระดับโลก
และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 187 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. 2565 | ทส. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
สถานภาพและสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง (๒)
สถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง ของ ๒๔ จังหวัดชายทะเล
(๓) สาเหตุความเสื่อมโทรมและผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง
(๔) ผลการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๕)
พื้นที่สำคัญที่มีประเด็นปัญหาเร่งด่วนในการบริหารจัดการ และ (๖)
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 188 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าที่มีการประกาศกำหนดมาก่อนวันที่พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ ใช้บังคับ โดยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) ที่เห็นว่าการกำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าภายใต้โครงการตามร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละยี่สิบไร่
และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป
ให้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครัวเรือนละห้าสิบไร่ นั้น
อาจมีความไม่เหมาะสม
เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ทั้งหมด
จึงควรปรับลดจำนวนการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว และอาจพิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพแทน
ไปประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หากพื้นที่โครงการมีที่ราชพัสดุ ก็ควรกันออกจากอุทยานแห่งชาติ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้จัดสรรแล้ว
และหากไม่เพียงพอให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณหรือโอนเงินจัดสรร
ควรเร่งการกำหนดพื้นที่โครงการเพิ่มเติมให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ราษฎรในพื้นที่
ในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 189 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส. | 11/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้จัดทำโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
จำนวน ๗ แห่ง เป็นเวลา ๒๐ ปี
เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินและได้อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติมาก่อนวันที่พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับให้สามารถอยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติต่อไป
โดยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (คุณหญิงกัลยา
โสภณพนิช) ที่เห็นว่าการกำหนดให้บุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติภายใต้โครงการตามร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครอบครัวละยี่สิบไร่
และในกรณีที่อยู่กันเป็นครัวเรือนตั้งแต่สามครอบครัวขึ้นไป ให้ครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินได้ไม่เกินครัวเรือนละสิบห้าไร่
นั้น อาจมีความไม่เหมาะสม เนื่องจากบุคคลดังกล่าวอาจไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวได้ทั้งหมด
จึงควรปรับลดจำนวนการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าว
และอาจพิจารณากำหนดมาตรการในการส่งเสริมศักยภาพในการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อประกอบอาชีพแทน
ไปประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หากพื้นที่โครงการมีที่ราชพัสดุ ก็ควรกันออกจากอุทยานแห่งชาติ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป
ควรเร่งการกำหนดพื้นที่โครงการเพิ่มเติมให้ครบถ้วนโดยเร็วต่อไป และต้องมีการกำกับ
ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 190 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (นายสมหมาย ลักขณานุรักษ์) | ทส. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมหมาย
ลักขณานุรักษ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 191 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส. | 05/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ มกราคม ๒๕๔๗ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับ ๑๐
หรือระดับ ๑๑ กรณีการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 192 | ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 19 (CITES CoP19) | ทส. | 20/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
ครั้งที่ ๑๙ (The 19th Meeting of the Conference
of the Parties to the Convention on International Trade in Endangered Species
of Wild Fauna and Flora : CITES CoP19) ๑๔-๒๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ กรุง ปานามา ซิตี้ สาธารณรัฐปานามา
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอนุสัญญา CITES ของไทยตามมติที่ประชุมภาคีอนุสัญญา CITES ครั้งที่
๑๙ โดยให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมประมง
พิจารณาจัดทำและเสนอร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดชนิดสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า
และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออก
และกรมวิชาการเกษตรพิจารณาจัดทำและเสนอร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง
พืชอนุรักษ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าในการประชุม
CITES ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง
และกรมวิชาการเกษตร จัดทำรายงานเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ตามที่ถูกร้องขอ
ส่งสำนักเลขาธิการ CITES ตามกำหนดเวลา ให้กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กำหนดมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติม
เพื่อควบคุมประชากรเสือในกรงเลี้ยง
และควบคุมมิให้ตัวอย่างพันธุ์ของเสือในกรงเลี้ยงออกสู่การค้าที่ผิดกฎหมาย
ให้กรมประมงขอสงวนสิทธิ (Reservation)
ชนิดพันธุ์ที่พบว่ามีการค้ามากในประเทศไทยที่มีการบรรจุอยู่ในบัญชี CITES หรือปรับเปลี่ยนบัญชี ได้แก่ ปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae
เป็นต้น และให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ตั้งงบประมาณอุดหนุนการเป็นสมาชิกอนุสัญญา CITES
ที่ถูกปรับเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงบประมาณ ที่ควรเร่งเตรียมความพร้อมเรื่องมาตรการ/กฎระเบียบภายใน
รวมไปถึงการศึกษาผลกระทบจากการค้าที่มีต่อปลาฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae ให้เรียบร้อยก่อนสิ้นสุดระยะเวลาการขอสงวนสิทธิ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 193 | สรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 2 | ทส. | 13/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๒ และกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ระหว่างวันที่ ๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ นครมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม
โดยผลการประชุมต่าง ๆ ประกอบด้วย (๑) การประชุมระดับสูง ซึ่งที่ประชุมฯ
แสดงถึงความกังวลต่อความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
(๒) การประชุมระดับเจ้าหน้าที่ ที่ประชุมฯ ให้การรับรอง (ร่าง)
กรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพของโลก หลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (แบบไม่มีการลงนาม)
โดยเปลี่ยนชื่อกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออล และที่ประชุมฯ
ขอให้ภาคีเตรียมจัดทำรายงานแห่งชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพและจัดส่งให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ
ต่อไป และ (๓) กิจกรรมคู่ขนานและการดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในระหว่างการประชุมฯ เช่น
การหารือทวิภาคีระหว่างเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกับประเทศอื่น ๆ เช่น การหารือกับ State secretary แห่งเยอรมัน และผู้แทนกระทรวงสิ่งแวดล้อม
คุ้มครองธรรมชาติ ความปลอดภัยทางปรมาณูและคุ้มครองผู้บริโภคในโอกาสการขยายการสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนานโยบายด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 194 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 | ทส. | 13/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔ ฉบับ ออกไปอีกหนึ่งปี ดังนี้ (๑)
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... (๒) ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ว่าด้วยการอยู่อาศัยหรือทำกินตามโครงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ
เพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระ พ.ศ. .... (๓)
ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ว่าด้วยโครงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. .... และ (๔)
ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ว่าด้วยการเก็บหาหรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถเกิดใหม่ทดแทนได้ตามฤดูกาลในเขตพื้นที่โครงการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 195 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 | ทส. | 13/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการออกกฎหมายลำดับรอง ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒๗ ฉบับดังกล่าว ออกไปอีกหนึ่งปี
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๙
ฉบับ ได้แก่ ๑.๑.๑
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ใบรับรอง และหนังสืออนุญาต
ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... ๑.๑.๒ ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้เพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้
สัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขออนุญาตเพาะพันธุ์ ใบอนุญาตค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า
และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว
และใบอนุญาตการได้มาซึ่งการครอบครองสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าดังกล่าว พ.ศ. .... ๑.๑.๓
ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตหรือใบรับรอง
และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองการนำเข้าหรือส่งออก ซึ่งสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า
หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า พ.ศ. .... ๑.๑.๔
ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
พ.ศ. .... ๑.๑.๕ ร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอ
กำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติการนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ
พ.ศ. .... ๑.๑.๖ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการแจ้งจำนวนเพิ่มขึ้นหรือลดลงซึ่งสัตว์ป่าสงวน
สัตว์ป่าคุ้มครอง และสัตว์ป่าควบคุม หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าว หรือการเปลี่ยนแปลง
หรือโอนกรรมสิทธิ์ซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง และสัตว์ป่าควบคุม
หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวระหว่างสวนสัตว์ที่มิใช่สัตว์น้ำ ของผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจกรรมสวนสัตว์
พ.ศ. .... ๑.๑.๗ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธ์พืช ว่าด้วยการแจ้งประกอบกิจการสวนสัตว์ พ.ศ. .... ๑.๑.๘ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการแจ้งจัดตั้งสวนสัตว์ที่หน่วยงานขอรัฐจัดตั้งตามหน้าที่
และการจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าที่อยู่ในความครอบครองของสวนสัตว์ที่หน่วยงานของรัฐจัดตั้งตามหน้าที่
พ.ศ. .... ๑.๑.๙ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการจ่ายค่าเสียหาย หรือค่าชดเชย
ในพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดหาสัตว์ป่า พ.ศ. .... ๑.๑.๑๐ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าบริการ หรือค่าตอบแทน
และราคาสัตว์ป่า
ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์แก่การส่งเสริมกิจการเพาะพันธุ์ป่าหรือกิจการสวนสัตว์
พ.ศ. .... ๑.๑.๑๑ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนสถานที่สำหรับใช้เลี้ยงดู ดูแล
รักษาสัตว์ป่า พ.ศ. .... ๑.๑.๑๒ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการคำนวณมูลค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย
สูญหาย หรือเสียหายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า พ.ศ. .... ๑.๑.๑๓ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธ์พืช
ว่าด้วยการอยู่อาศัยหรือทำกินตามโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์เพื่อการดำรงชีพอย่างเป็นปกติธุระ
พ.ศ. .... ๑.๑.๑๔ ร่างระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาต
ให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งรังของสัตว์ป่าคุ้มครองที่มิใช่สัตว์น้ำ
พ.ศ. .... ๑.๑.๑๕
ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ตั้งด่านตรวจสัตว์ป่า
ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... ๑.๑.๑๖ ร่างประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง การกำหนดมาตรฐานการจัดการสวนสัตว์ พ.ศ. .... ๑.๑.๑๗
ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดชนิดสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขอรับใบอนุญาตดำเนินกิจการเพาะพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ.
.... ๑.๑.๑๘
ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดชนิดสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องขอรับใบอนุญาตค้าสัตว์ป่าควบคุม
ซากของสัตว์ป่าควบคุม หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าควบคุม
ที่ต้องขอรับใบอนุญาตค้าสัตว์ป่า พ.ศ. .... ๑.๑.๑๙ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์ป่าที่อนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ครอบครองซึ่งรังได้
พ.ศ. .... ๑.๒. อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑
ฉบับ ได้แก่
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดโครงการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า
พ.ศ. .... ๑.๓. อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑.๓.๑
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... ๑.๓.๒
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... ๑.๓.๓
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... ๑.๔. ดำเนินการเมื่อมีความจำเป็นและเหมาะสมซึ่งเป็นกฎหมายลำดับรองระดับประกาศ
จำนวน ๔ ฉบับ โดยจะออกตามความในมาตรา ๔ มาตรา ๘ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง มาตรา
๒๓ วรรคสาม มาตรา ๓๒ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
๒๕๖๒ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าการขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองนั้น
อาจส่งผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายได้
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสมควรคำนึงถึงกรณีนี้เป็นสำคัญ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 196 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 | ทส. | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๓ เรื่อง ประกอบด้วย (๑)
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (จำนวน ๑๐ โครงการ) เช่น โครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง
จังหวัดยะลา ของกรมชลประทาน โครงการบ้านเคหะกตัญญู คลองหลวง ๒ ของการเคหะแห่งชาติ
โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองน่าน ของกรมทางหลวง (๒) การปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการหรือการดำเนินการ
ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมกำแพงติดแนวชายฝั่งทะเล
และ (๓) การยกระดับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในช่วงสถานการณ์วิกฤต
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 197 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ พ.ศ. .... | ทส. | 30/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ
เพื่อประโยชน์แก่การอนุรักษ์และการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น คำว่า “ทรัพยากรน้ำสาธารณะ” เป็นคำที่มีความหมายกว้าง
ควรระบุประเภทของแหล่งน้ำสาธารณะให้มีความชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานราชการทราบถึงผลกระทบต่ออำนาจหน้าที่ของหน่วยงานและสามารถปฏิบัติตามได้
ทั้งประชาชนจะได้รับทราบและปฏิบัติตามกฎหมายได้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีโทษทางอาญากับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
หากประกาศใช้บังคับแล้ว ควรสร้างการรับรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึงต่อไป
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ที่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีโทษทางอาญากับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
หากประกาศใช้บังคับแล้ว ควรสร้างการรับรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึงต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 198 | การประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ครั้งที่ 2 ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส. | 23/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย
กรอบการเจรจาและท่าทีของประเทศไทย
สำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยในการจัดมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก
รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล ครั้งที่ ๒ ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เสนอ ทั้งนี้ หากมีการประชุมคณะกรรมการเจรจาฯ มีการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศระหว่างประเทศที่เข้าร่วมการเจรจา
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ตามความความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 199 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 23/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus)
เป็นสัตว์ป่าสงวนเพิ่มเติม และเป็นการยกเลิกการกำหนดให้นกชนหิน หรือนกหิน (Buceros vigil หรือ Rhinoplax
vigil) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยให้นำร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
พ.ศ. .... [กำหนดให้นกชนหิน หรือนกหิน (Buceros vigil
หรือ Rhinoplax vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวน] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มารวมเป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณามาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
โดยให้มีผลใช้บังคับในวันเดียวกับร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 200 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 16/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จากเดิม นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็น นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(คำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ ๑๓๗/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๖
เมษายน ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
