ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (ระยะเวลา 1 ปี) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
(วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ออกไปอีก ๑ ปี (เดิมระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี) เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจภายใต้
(๑) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ความช่วยเหลือและเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ แต่ยังประกอบธุรกิจและมีศักยภาพในการแข่งขัน
แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูธุรกิจ และ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation
Loan) เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่มีความพร้อม
และต้องการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับบริบทใหม่และการเปิดประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ๑.๒
ไม่ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (วงเงิน
๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ
ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องนำหลักประกันมาเข้าโครงการ ๑.๓
โอนวงเงินคงเหลือของมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ภายหลังสิ้นสุดมาตรการ
ณ วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖
มารวมไว้เป็นวงเงินภายใต้มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
โดยคาดว่าจะมีวงเงินคงเหลือตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้สูงสุด
จำนวน ๒๙,๐๐๐ ล้านบาท
เมื่อนำมารวมกับมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจจะทำให้มีวงเงินคงเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ
๖๑,๕๐๐ ล้านบาท หลังจากการต่ออายุมาตรการดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุมเป็นธรรม
และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|