ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 383 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7641 - 7660 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7641 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | กต. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เสนอ ดังนี้ ๑. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอสิ ม้ามณี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมยุโรป ๓. นางนิธิวดี มานิตกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7642 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 9/2564 | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์
พยาบาลวิชาชีพ และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น
เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่ได้รับการจัดสรรไปดำเนินการก่อนเป็นลำดับแรก และหากจะพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เห็นควรเร่งดำเนินการพิจารณากำหนดจำนวนกรอบอัตรากำลังที่จะจ้างงานภายใต้โครงการฯ
ให้เป็นไปตามความจำเป็น เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณาความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการโดยเคร่งครัดตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการจ้างแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ
และสายงานบริการทางการแพทย์อื่น เพื่อรองรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7643 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 เรื่อง การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2559-2561 และปี 2562-2564 และขอขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้ โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2559-2561 | อก. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7644 | การพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย | ศธ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ประจำเขตตรวจราชการ จำนวน ๖ แห่ง ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙) ภายในกรอบวงเงินจำนวน ๓,๒๗๕,๙๕๘,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จำนวน ๔๔๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท
เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
พิจารณาจัดลำดับความสำคัญตามขั้นตอนและกิจกรรมการดำเนินงาน
การเตรียมความพร้อมของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยแห่งใหม่
โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ มีผลใช้บังคับ
และหากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายนอกเหนือจากแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
เห็นควรให้ สพฐ. ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในการปรับแผนฯ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๒,๘๓๒,๕๕๘,๐๐๐ บาท ให้ สพฐ.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ประหยัด เหมาะสม
และสอดคล้องกับสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประสิทธิภาพ
และผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น
ความสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูประบบการศึกษาในภาพรวม
การประเมินกรอบงบประมาณภายใต้การระบาดของโรคโควิด-๑๙
การเตรียมความพร้อมเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพสูงสุด
และประเด็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7645 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ (นายโอภาส ทองยงค์) | กษ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายโอภาส ทองยงค์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7646 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ASEAN-China Joint Statement on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) | ทส. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
(ASEAN-China Joint Statement
on Enhancing Green and Sustainable Development Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรองร่างแถลงการณ์อาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน (ASEAN
China Summit) ครั้งที่ ๒๔
ที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสีเขียวและความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างภูมิภาคอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการฟื้นฟูภูมิภาคอาเซียนภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
และสนับสนุนความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ
ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาในภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-จีน
ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7647 | การร่วมลงทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการร่วมลงทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งได้ร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตร
จำนวน ๒ ราย ได้แก่ บริษัท คิว บ็อคซ์ พอยท์ จำกัด และบริษัท อินฟิวส์ จำกัด
ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าวสามารถเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับฐานราก ประกอบกับสามารถช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงเงินทุนและมีโอกาสเข้าถึงตลาดอีกด้วย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7648 | รายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายและยึดทรัพย์สินโดยไม่บันทึกลงในบัญชีของกลาง | สม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลรายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายและยึดทรัพย์สินโดยไม่บันทึกลงในบัญชีของกลาง
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง
และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องข้างต้น
รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจนต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7649 | การขอความเห็นชอบต่อร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน (Terms of Reference of ASEAN Outstanding Social Welfare and Development Awards : TOR of AOSWADA) | พม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน
(Terms of Reference of
ASEAN Outstanding Social Welfare and Development Awards : TOR
of AOSWADA) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้การรับรอง
(Endorse) ร่าง TOR of AOSWADA
ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการและการพัฒนาของประเทศไทย โดยร่าง TOR
of AOSWADA มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัตถุประสงค์ของรางวัล
ด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน องค์กรที่มีสิทธิรับรางวัล เกณฑ์คุณสมบัติ และวิธีการมอบรางวัล ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7650 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ และเห็นชอบมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard Measure : SSG) ภายใต้ความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
(ASEAN Free Trade : AFTA) สำหรับสินค้ามะพร้าว
ปี ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ และให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
เช่น ควรดำเนินการให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและขั้นตอนภายใต้ความตกลงว่าด้วยการเกษตรขององค์การการค้าโลกและความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดท่าทีหรือคำชี้แจงที่เหมาะสมต่อประเด็นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อเป็นการป้องกันความเข้าในผิดและผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นต่อไทยในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7651 | แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล | นร.09 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบแนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ กรณีการจัดตั้งคณะกรรมการ
ทั้งคณะกรรมการตามกฎหมายและคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร
ให้ดำเนินการตามคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง
การใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมาย โดยเคร่งครัด ๑.๒ กรณีการตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงานของคณะกรรมการหากเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย
สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายเป็นผู้ประเมินทุกปี
ส่วนคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร สมควรมอบให้สำนักงาน ก.พ.ร.
จัดทำตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลการดำเนินงานของคณะกรรมการดังกล่าว
โดยประเมินทุกรอบระยะเวลา
และหากไม่ผ่านการประเมินให้ยุบเลิกคณะกรรมการดังกล่าวเสีย ๑.๓
ไม่ควรกำหนดให้กรรมการที่จัดตั้งตามคำสั่งของฝ่ายบริหารนั้นทำงานปกติประจำ
การกำหนดตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลการดำเนินการของคณะกรรมการตามคำสั่งของฝ่ายบริหาร ควรกำหนดให้มีตัวชี้วัดที่มีลักษณะเป็นนวัตกรรม
(Innovation)
ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน (Sustainability) และตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
(Better Life) ด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐสำรวจจำนวน
ตรวจสอบความซ้ำซ้อน และพิจารณาความคงอยู่ของคณะกรรมการที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เหลืออยู่เพียงเท่าที่จำเป็นตามคำแนะนำของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
เรื่อง การใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมาย
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ทั้งนี้
หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดที่ยังคงมีความจำเป็นที่จะยังคงต้องอยู่ต่อไป
ให้แจ้งเหตุผล ระบุภารกิจที่ชัดเจน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
และวันสิ้นสุดของคณะกรรมการในกรณีที่สามารถกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานและภารกิจสิ้นสุดได้
โดยให้หน่วยงานของรัฐที่มีคณะกรรมการตามกฎหมายและอนุบัญญัติรับผิดชอบดำเนินการและรายงานต่อรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายและอนุบัญญัติ
แล้วแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7652 | ขออนุมัติการสนับสนุนการจัดโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี พ.ศ. 2565 - 2569 เป็นระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ | กก. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันในการสนับสนุนการจัดโครงการ
The
Michelin Guide Thailand ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙ ในวงเงิน ๔.๑๐
ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ ๑๓๕.๓๐ ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปี ปีละ ๘๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒๗.๐๖ ล้านบาท
(อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓ บาท)
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
สำหรับแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของ ททท. และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) ควรพิจารณาจัดทำแนวทางการต่อยอดโครงการฯ สู่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (๒)
ควรพิจารณาความเหมาะสมในการขยายขอบเขตพื้นที่การดำเนินโครงการฯ
ให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น (๓)
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลเชิงลึกและสามารถปรับปรุงเงื่อนไขโครงการได้ตามความจำเป็นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7653 | คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๓/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๔)
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้เข้ารับการกักตัวและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ณ สถานที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด และให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19
โดยวิธี RT-PCR จำนวน ๒ ครั้ง ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข เช่น กรณีที่มีเอกสารหรือหลักฐานว่าได้รับวัคซีน
ครบตามเกณฑ์ที่ผลิตวัคซีนกำหนดและได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกหรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๔ วัน ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เข้ารับการกักกันและต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นระยะเวลาอย่างน้อย
๗ วัน เป็นต้น ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๕) ลงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด
ตามตารางแบ่งมอบภารกิจและการกำกับดูแลแนบท้ายคำสั่งนี้ เช่น
กรมควบคุมโรคมีภารกิจในการกำหนดและกำกับดูแลการดำเนินงานตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
ในภาพรวมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เป็นต้น เพื่อให้การปฏิบัติงานตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการขยายสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม-๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7654 | การแต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์) | พม. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๕ ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7655 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ | นร.10 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
ดังนี้ ๑ นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ๒ นายสมศักดิ์ เจตสุรกานต์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ
(นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7656 | ท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 15 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ 1 | ทส. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยและร่างปฏิญญาคุนหมิง (Kunming Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
สมัยที่ ๑๕ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ ๑ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่
๑๑-๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบประชุมทางไกล และรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยไม่มีการลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาคุนหมิง
โดยท่าทีไทยฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลก
ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ และร่างปฏิญญาคุนหมิง มีสาระสำคัญ เช่น สนับสนุนการดำเนินการกรอบความความหลากหลายทางชีวภาพของโลกหลังปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ เพื่อฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
และสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๕๐
ส่งเสริมการบูรณาการคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพในการตัดสินใจเพื่อกำหนดนโยบาย
การวางแผน กฎระเบียบ และเสริมสร้างกลไกลประสานความร่วมมือการดำเนินงาน
การจัดทำและปรับปรุงแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ การระดมทรัพยากรการเงิน
การเสริมสร้างสมรรถนะและการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาคุนหมิง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7657 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องหมายถาวรของเรือไทย พ.ศ. .... | คค. | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องหมายถาวรของเรือไทย พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรูปแบบการทำเครื่องหมายถาวรสำหรับเรือไทย
โดยเฉพาะเรือไทยที่เดินทะเลระหว่างประเทศ และเรือที่เดินในประเทศ
รวมทั้งเรืออื่นให้มีความเหมาะสม
เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล
ค.ศ. ๑๙๗๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (International Convention for the Safety of Life at Sea, 1974 (SOLAS), as amended) และสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการกำหนดตัวอักษรและหมายเลขนั้น
เมื่อได้กำหนดให้เป็นไปตามอนุสัญญาแล้ว
จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้อธิบดีกรมเจ้าท่าประกาศกำหนดอีก ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7658 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน - มิถุนายน 2564) | นร.11 สศช | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญฯ (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๔) ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ความคืบหน้ากิจกรรมสำคัญตามแผนการปฏิรูปประเทศระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๔
ได้แก่ แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และการขับเคลื่อนสู่การบรรลุผลตามเป้าหมายอันพึงประสงค์
ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม Big Rock จำนวน
๖๒ กิจกรรม และกฎหมายที่ควรปรับปรุงหรือจัดทำใหม่ จำนวน ๔๕ ฉบับ
โดยได้ดำเนินงานตามขั้นตอนและวิธีการของกิจกรรม Big Rock
สู่การปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม และสามารถดำเนินการขับเคลื่อนสู่การบรรลุผลตามเป้าหมาย
และการใช้งานระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
สำหรับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ
แผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock จำนวน ๖๒ กิจกรรม และรายการโครงการ/การดำเนินงานที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายย่อย
ประกอบด้วย หน่วยงานร่วมดำเนินการเป้าหมายย่อย และระยะเวลาที่แล้ว และปัจจัยแห่งความสำเร็จในการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านแผนขับเคลื่อนกิจกรรม
Big Rock โดยการใช้แผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง)
ไปสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
และสามารถนำไปใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานกิจกรรมฯ ให้บรรลุผลได้ตามที่กำหนดได้อย่างแท้จริง
และการพิจารณาช่องว่างที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายของกิจกรรม Big
Rock เช่น ด้านการเมือง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย
ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน ด้านสังคม ด้านการศึกษา เป็นต้น ๒. การดำเนินการระยะต่อไป สศช.
จะประสานและบูรณาการร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานร่วมดำเนินการของกิจกรรม Big Rock
เพื่อดำเนินการทบทวนและขับเคลื่อนกิจกรรมฯ รวมทั้งเร่งดำเนินการกำกับ ติดตาม ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
สำหรับข้อมูลรายละเอียดการดำเนินโครงการ
จะประสานให้หน่วยงานรายงานความก้าวหน้าผ่านระบบ eMENSCR เพื่อให้มีข้อมูลที่เพียงพอในการกำกับ
ติดตาม การดำเนินการตามกิจกรรมฯ ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ และต่อเนื่องในทุกสิ้นไตรมาส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7659 | ประกาศและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 2 ฉบับ | นร.05 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศและข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๒
ฉบับ ดังนี้ ๑.ประกาศ เรื่อง
ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย
เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยการยกเลิกอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย รวม ๓๑ ฉบับ
มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้โอนมาดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่
อำนาจ และความรับผิดชอบปกติ
และหากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่
ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบเป็นการด่วน ๒.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๔) ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการควบคุมเท่าที่จำเป็นตามระดับพื้นที่ของสถานการณ์ที่มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคในระยะยาว
ได้แก่ การกำหนดพื้นที่จำแนกตามเขตพื้นที่จังหวัด
การปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
การขยายเวลาการบังคับใช้และการปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
เช่น การเปิดโรงเรียน สถาบันกวดวิชา ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๒๓๕ วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7660 | ข้อเสนอหลักการในการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ | นร15 | 05/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
โดยขยายขอบเขตการใช้บังคับกฎหมายให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมทุกประเภท
การกำหนดข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลการยืนยันตัวตนหรือเอกสารหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวการมอบอำนาจและการลงนามทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ |