ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 388 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7741 - 7760 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7741 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับการปฏิบัติของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 รวม 122 วัน (ห้วงที่ 7–8) | ตช. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ภายในวงเงิน
๖๓๓,๕๑๔,๖๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๑ มิถุนายน ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ (๑๒๒ วัน)
หรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะยุติลง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7742 | ร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (ปฏิญญาครบรอบ 25 ปี) | กต. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์
(ปฏิญญาครบรอบ ๒๕ ปี) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๔ ในรูปแบบออนไลน์
ในช่วงระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๖ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของรัฐผู้ให้สัตยาบันและรัฐผู้ลงนามในสนธิสัญญาฯ
ที่จะร่วมกันรักษาไว้ซึ่งพลวัตในการส่งเสริมและผลักดันการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาฯ
และรับรองมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สนธิสัญญาฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสแรกและมีความเป็นสากล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาและมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีผลใช้บังคับของสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์
(ปฏิญญาครบรอบ ๒๕ ปี) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7743 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง สอบสวน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) | กค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง
สอบสวน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙) มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการเฝ้าระวัง
สอบสวน ป้องกัน ควบคุม และรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ที่ได้รับจากกระทรวงสาธารณสุข ออกไปอีก ๑ ปีภาษี
(สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี ๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7744 | แนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารถาวรที่ส่วนราชการเป็นเจ้าภาพจัดงานหรือเข้าร่วมเทศกาล/งานนิทรรศการนานาชาติในต่างประเทศในนามประเทศไทย [ขอความเห็นชอบมอบบ้านไทยในโครงการร่วมงาน The International Horticultural Exhibition 2019 (Beijing Expo 2019) ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน] | กค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการมอบบ้านไทยที่กรมส่งเสริมการเกษตรจัดสร้างในโครงการร่วมงาน
The International Horticultural
Exhibition 2019 (Beijing Expo 2019) ณ
กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้กับที่ว่าการเขตเหยียนชิ่ง เทศบาลนครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการมอบบ้านไทยดังกล่าว ขอให้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่ส่วนราชการใดจะเป็นเจ้าภาพจัดงานหรือเข้าร่วมงานเทศกาล/
งานนิทรรศการนานาชาติในต่างประเทศในนามประเทศไทย และมีความประสงค์หรือจำเป็นจะต้องมีสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารถาวรขึ้นในงาน
ให้ส่วนราชการดังกล่าวจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินงาน
แผนงบประมาณและแผนการใช้ประโยชน์จากสิ่งปลูกสร้างหรืออาคารถาวรดังกล่าวภายหลังจากสิ้นสุดการจัดงานให้ชัดเจน
เพื่อเสนอประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ต้น อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7745 | แนวทางการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจภายหลังธนาคารโลกแจ้งยกเลิกการจัดทำรายงานความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) | นร.12 | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจภายหลังธนาคารโลกแจ้งยกเลิกการจัดทำรายงานความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ
(Doing Business) โดยมีแนวทางการดำเนินการ
ดังนี้ (๑)
ผลักดันและส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูป
(Doing Business Reform) ที่ได้จากธนาคารโลก ซึ่งในแต่ละด้านมีแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปอย่างต่อเนื่อง
โดยใช้กลไกการกำกับติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านการประชุมโดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) เป็นประธาน
รวมถึงสรุปผลการดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบความก้าวหน้าเป็นประจำทุกปี (๒)
ดำเนินการหาตัวชี้วัดที่เป็นระดับสากลอื่น ๆ
มาใช้ในการประเมินผลการดำเนินการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจเพื่อเทียบเคียงกับความสำเร็จของการดำเนินการ
และ (๓)
เตรียมความพร้อมเชิงรุกเพื่อรองรับแนวทางใหม่สำหรับการประเมินบรรยากาศของการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของธนาคารโลก
โดยการหารือร่วมกับภาคเอกชนในประเด็นที่ต้องการให้ภาครัฐยกระดับการทำงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพงานบริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7746 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อนำมาใช้ในการเยียวยาการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๒๗,๑๗๒,๕๐๐ บาท เพื่อนำมาใช้ในการเยียวยาการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7747 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 34/2564 | นร.11 สศช | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๔/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๖ รวม ๖ จังหวัด (จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดสกลนคร
จังหวัดชัยนาท จังหวัดราชบุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี) จำนวน ๘๓๔ โครงการ กรอบวงเงิน
๑,๙๔๒,๓๐๒,๓๑๕ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน
ให้หน่วยงานของรัฐที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากคณะรัฐมนตรี
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากคณะรัฐมนตรีอยู่ระหว่างจัดทำข้อเสนอเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ
อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ
กรณีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการทัวร์เที่ยวไทย
อนุมัติให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการขององค์กรภาคประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบ
จำนวน ๒ โครงการ
อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
และโครงการคนละครึ่งระยะที่ ๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัดหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้โดยเคร่งครัด
และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7748 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการและการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๗,๐๐๕,๖๕๕,๔๐๐ บาท ให้แก่กองทุนฯ
สำหรับเป็นค่าใช้จ่าย ได้แก่ (๑) มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา (๒)
การจัดสรรสวัสดิการแบบไม่กำหนดระยะเวลาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (๓) การดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
(รอบใหม่) และ (๔) การจัดสรรสวัสดิการแบบไม่กำหนดระยะเวลาสำหรับผู้มีรายได้น้อย
ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (รอบใหม่)
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7749 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะที่ 8 | กห. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ วงเงิน ๑๓๐,๕๖๙,๗๐๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๘
(ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ถึงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔) สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7750 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State Quarantine) ที่ค้างเบิก ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กห. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ วงเงิน ๑,๓๕๗,๒๖๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ
(State Quarantine) ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงกลาโหมเร่งตรวจสอบและจัดทำรายละเอียดเพื่อประกอบการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ
(State Quarantine) ให้ถูกต้อง ชัดเจน
และครบถ้วนด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7751 | การแก้ไขกฏหมายว่าด้วยการควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา | นร. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า
เนื่องจากได้รับแจ้งจากองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World Anti-Doping Agency : WADA) ว่า
ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติด้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับประมวลกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (World
Anti-Doping Code)
ที่บังคับใช้ทั่วโลกทุกชนิดกีฬา เช่น
การกำหนดให้หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมตรวจสอบการใช้สารต้องห้ามของประเทศไทยเป็นหน่วยงานอิสระ
แก้ไขบทนิยามเกี่ยวกับสารต้องห้ามทางการกีฬา เป็นต้น
ซึ่งหากประเทศไทยดำเนินการแก้ไขกฎหมายล่าช้า จะส่งผลให้ประเทศไทยไม่สามารถส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬานานาชาติหรือเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬานานาชาติได้
อันจะทำให้กระทบต่อวงการกีฬาของประเทศและภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อนานาประเทศ
รวมทั้งอาจสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก
จึงควรแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้ให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วภายใน ๓-๔ เดือน ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติ ๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) รายงาน ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
การกีฬาแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย
ร่วมกันพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.
๒๕๕๕ ให้สอดคล้องกับประมวลกฎต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก โดยให้พิจารณารูปแบบความเหมาะสมที่จะตราเป็นกฎหมายตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หรือตราเป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7752 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล) | คค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๑๔๐,๐๐๐ บาท
รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7753 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ของกองทุนการออมแห่งชาติ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๕๐๕.๓๙๔๐ ล้านบาท ให้แก่กองทุนการออมแห่งชาติ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเบิกจ่ายเงินสมทบให้กับสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ ตามกฎหมายพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7754 | การเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Trans-Pacific Partnership : CPTPP) | อื่นๆ | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๓, ๒๖
มกราคม และ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔) เกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
(Comprehensive and
Progressive Trans-Pacific Partnership : CPTPP) นั้น เพื่อให้การดำเนินการเพื่อเข้าร่วมความตกลง CPTPP เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความพร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐ
เร่งรัดดำเนินการ ดังนี้ ๑. นำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลง
CPTPP
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมทุกมิติ
โดยให้บูรณาการการทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันด้วย ๒. สร้างการรับรู้ให้แก่ภาคเอกชนและประชาชน
รวมทั้งองค์กรไม่แสวงผลกำไร (Non Governmental Organizations : NGOs) เพื่อให้เกิดความเข้าใจในหลักการและเหตุผลตลอดจนประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเข้าร่วมความตกลง
CPTPP ให้ถูกต้องและทั่วถึง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7755 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2564 | กษ. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง
(กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยที่ประชุมได้มีมติรับทราบและเห็นชอบเรื่องต่าง
ๆ เช่น รับทราบผลการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงและหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง
และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง และเห็นชอบแผนกลยุทธ์มูลนิธิโครงการหลวงระยะ
๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ซึ่งมีวิสัยทัศน์มุ่งสืบสานพระราชปณิธานในการพัฒนาทางเลือกบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้วยการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ซึ่งมีเป้าหมายพื้นที่การดำเนินงานในพื้นที่โครงการหลวงและขยายผลสำเร็จโครงการหลวงไปพัฒนาพื้นที่สูงจำนวน
๓,๒๓๐ หมู่บ้าน ตามที่คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7756 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.9/2559 คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.7/2564 ระหว่าง นายประทีป นิลวรรณ ที่ 1 กับพวกรวม 281 คน ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา | อส. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.๙/๒๕๕๙ คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๗/๒๕๖๔ ระหว่าง นายประทีป นิลวรรณ
ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๘๑ คน ผู้ฟ้องคดี นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน
ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓) เรื่อง
คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7757 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 5 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 | มท. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๕
โดยให้จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แล้วแต่กรณี
ในฐานะหน่วยรับงบประมาณดำเนินการตามโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๕ รวม ๑๑ จังหวัด จำนวน ๑,๐๑๓ โครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๔๘๔,๒๗๐,๓๘๑ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุดที่ นร ๐๗๑๕/๑๙๔๗๓
ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๔) และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔)
ที่ให้ประเมินผลการดำเนินโครงการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งกำกับ ดูแล
การดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
และจัดเตรียมแผนรองรับการดำเนินโครงการในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และดำเนินโครงการแล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่โดยเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7758 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กก. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า ๑
ปีงบประมาณก่อนได้รับเงินประจำงวด และสามารถลงนามในสัญญาได้ก่อนวันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ วงเงินรวม ๒๐๔,๓๗๒,๙๐๐ บาท สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยน
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายการต่าง ๆ จำนวน ๑๘ รายการ ได้แก่ ค่าเช่าอาคารที่ทำการ
ททท. จำนวน ๙ สำนักงาน ค่าเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคล ททท. จำนวน ๖ รายการ
ค่าเช่าที่จอดรถยนต์ ททท. จำนวน ๒ รายการ และค่าเช่าคลังเก็บวัสดุ ททท. จำนวน ๑
รายการ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ใช้บังคับ ให้ ททท. ใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของ ททท.
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้ ททท. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการในรายการเช่าทั้ง ๑๘ รายการ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
รวมถึงการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินการดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า
และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาความเหมาะสมและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙
ที่ส่งผลให้เกิดวิถีใหม่ในการดำรงชีวิตและการทำงาน พร้อมกับรายงานผลการดำเนินงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7759 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2565 | นร.11 สศช | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๔๘๕,๔๕๖ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน
จำนวน ๓๐๗,๔๗๙ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑)
กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ จำนวน
๑,๑๘๕,๔๕๖ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๕๗,๔๗๙ ล้านบาท และ (๒)
กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๕
ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ ๑.๓
มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๑.๔ เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ
โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการ
และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๕
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕
ของเดือนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๕ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๖๕,๑๗๑ ล้านบาท
และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๖-๒๕๖๘
ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ ๔๒๘,๙๕๓ ล้านบาท
และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๘๒,๗๒๒ ล้านบาท ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
ดำเนินการวิเคราะห์และประเมินรัฐวิสาหกิจทุกแห่งทั้งในด้านผลการดำเนินงาน
ความจำเป็นในการคงอยู่ และแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคต
และให้ประสานกับกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดกลยุทธ์การพัฒนารัฐวิสาหกิจเพื่อพลิกโฉมประเทศไทย
โดยให้ความสำคัญกับการร่วมลงทุนในบริษัท/กิจการที่มุ่งเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
และการพัฒนาแผนการดำเนินธุรกิจตามแนวทางของ BCG Model รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของรัฐวิสาหกิจด้วย ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) และกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ให้รัฐวิสาหกิจเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณที่โดยปกติมีการเบิกจ่ายน้อยกว่าครึ่งหลังของปีงบประมาณ
เพื่อให้การลงทุนของรัฐวิสาหกิจสามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7760 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2513 เรื่อง การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ | สธ. | 21/09/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘
ธันวาคม ๒๕๑๓ เรื่อง การแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์
โดยกำหนดคุณสมบัติของนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เข้าปฏิบัติงานชดใช้ทุน
ดังนี้ นักศึกษาทุกคนจะต้องทำสัญญาเป็นข้อผูกพันว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต
และได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงจัดสรรให้ไปปฏิบัติงานชดใช้ทุน
และต้องทำงานให้แก่ราชการเป็นเวลา ๓ ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และแนวทางปฏิบัติสำหรับนักศึกษาแพทย์ผู้สำเร็จการศึกษาที่ไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ซึ่งยังควรต้องมีข้อผูกพันในการทำงานชดใช้ทุนให้แก่ราชการให้เหมาะสมและชัดเจน
รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
เช่น (๑)
กระทรวงสาธารณสุขควรจัดทำแผนความต้องการอัตรากำลังแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข
และภาคส่วนอื่น (๒) ควรกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติงานชดใช้ทุน
และแนวทางการจ้างงานรูปแบบอื่นสำหรับนักศึกษาแพทย์ที่สอบไม่ผ่าน และ (๓)
ควรนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาปรับใช้ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |