ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 381 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 7601 - 7620 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7601 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 (เพิ่มเติม) ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (เพิ่มเติม)
ของการยางแห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น ๑๔,๑๘๒.๕๐๗๙ ล้านบาท
โดยการยางแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (เพิ่มเติม)
ในส่วนของงบทำการกองทุนพัฒนายางพารา ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ของการยางแห่งประเทศไทย ในส่วนของงบทำการ เพิ่มขึ้น ๑๐๘.๘๖๐๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7602 | การพิจารณาขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวในปี 2565 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวในปี
๒๕๖๕ จากเดิมอัตราร้อยละ ๐.๔๖ ต่อปี
เป็นร้อยละ ๐.๒๓ ต่อปี จนถึงสิ้นปี ๒๕๖๕
เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินและส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงดังกล่าวไปช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีความยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูง
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินแล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 แต่อย่างใด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7603 | รายงานประจำปี 2563 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา | ศธ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๓ มีผลการดำเนินงานจำแนกตามพันธกิจต่าง
ๆ เช่น พัฒนามาตรฐานวิชาชีพ และกำกับ ดูแลการประกอบวิชาชีพ พัฒนาวิชาชีพ
และส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ ประสาน
ส่งเสริม การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ
พัฒนาระบบบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7604 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2564 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ เช่น (๑)
เป้าหมายนโยบายการเงิน กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นระดับที่เหมาะสมกับพลวัตเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
รวมทั้งเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย (๒)
ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในช่วงครึ่งแรกของปี
๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๑ หดตัวร้อยละ ๒.๖ จากระยะเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่หดตัวสูงร้อยละ
๔.๒ คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๑.๘ ในปี ๒๕๖๔
และจะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ ๓.๙ ในปี ๒๕๖๕ และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงิน
(อัตราดอกเบี้ย) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๔ กนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7605 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน “สร้างความเท่าเทียม ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยเหลือทันท่วงที” ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
“สร้างความเท่าเทียม ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยเหลือทันท่วงที”
ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลด้านการเกษตรควรดำเนินการโดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมควรกำหนดหน่วยงานกลางที่จะดูแลการบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติและกำหนดมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลของทุกกระทรวงรวมถึงการออกแบบและสร้าง
Digital Platform เดียวในการให้บริการประชาชน การกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการรวบรวม
ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
จะต้องไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ในการจัดเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมดควรพิจารณาถึงความเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการข้อมูลตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล (Data
Governance) เพื่อกำกับดูแลข้อมูล
สำหรับข้อมูลของหน่วยงานที่ต้องเชื่อมโยงนั้นควรวางมาตรฐานกลาง
และระบบสนับสนุนการในเชื่อมโยงบูรณาการระบบข้ามหน่วยงาน
โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นหลัก
นอกจากนี้ ควรจัดทำฐานข้อมูลพื้นฐานครอบคลุมประชาชนไทยทุกคนโดยไม่จำกัดอายุ
เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงสิทธิที่พึงจะได้รับตลอดช่วงอายุ และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลเพียงพอต่อการเสนอแนะนโยบายรัฐบาล
และหน่วยงานเจ้าของข้อมูลต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน
รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องเพื่อความพร้อมในการใช้งานได้ตลอดเวลา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7606 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเก็บอากรศุลกากรตามมาตรการปกป้องพิเศษ ตามความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน สำหรับสินค้ามะพร้าว พ.ศ.2564 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การเก็บอากรศุลกากรตามมาตรการปกป้องพิเศษ
ตามความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
สำหรับสินค้ามะพร้าว พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) สำหรับสินค้ามะพร้าวที่นำเข้ามาในประเทศไทยปี
๒๕๖๔ ตามประเภทพิกัด ๐๘๐๑.๑๒.๐๐ (มะพร้าวทั้งกะลา) ๐๘๐๑.๑๙.๑๐ (มะพร้าวอ่อน) และ
๐๘๐๑.๑๙.๙๐ (มะพร้าวอื่น ๆ) ภายใต้ความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก (WTO)
อัตรานอกโควตา และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) รวมกันเกินกว่าปริมาณที่กำหนด (Trigger Volume) โดยให้กรมศุลกากรจัดเก็บภาษีอากรในอัตราที่เพิ่มขึ้น
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศกำหนดให้เริ่มใช้มาตรการปกป้องพิเศษ จนถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7607 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร) | กปร. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7608 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ รวม 6 คน) | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการ ๒. นายสมชาย รังษีธนานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายสุธา ขาวเธียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายขวัญชัย ดวงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖ นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7609 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลีเป็นการชั่วคราว (นายอาคิเล เบนาซโซ) | กต. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำเมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี ของ นายอาคิเล เบนาซโซ (Mr. Achille Benazzo)
ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เนื่องจากขอลาออกจากตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7610 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 | ทส. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ขอถอนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) ได้แก่
โครงการทางรถไฟเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องทางจราจร
(ระยะที่ ) ๒ ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. ร่างรายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๓ ๓. โครงการโรงไฟฟ้าน้ำพองทดแทนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๔. โครงการสถานีเก็บรักษาและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติจากของเหลวเป็นก๊าซแบบลอยน้ำ
(Floating Storage and
Regasification Unit : FSRU) พื้นที่อ่าวไทยตอนบนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๕. โครงการท่าเทียบเรือ FSRU ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๖. โครงการก่อสร้างทางแนวใหม่สายทางเลี่ยงเมืองพนัสนิคม
ของกรมทางหลวง ๗. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกที่
อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ของกรมทางหลวง ๘. โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย ของกองบัญชาการกองทัพไทย ๙. โครงการจัดตั้งวัดบ้านห้วยน้ำผัก
(ที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร) ของที่พักสงฆ์เทิดพระเกียรติสิรินธร ๑๐.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการกิจการหรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง
โครงการอ่างเก็บน้ำคลองวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ของกรมชลประทาน ๑๑.
การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเล ๑๒.
การปรับปรุงมาตรฐานการระบายค่าควันดำจากรถยนต์ใช้งานที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7611 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 36/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๖/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาเห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน
(One Stop Service) โดยเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเป็นภายในสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
และเห็นชอบให้จังหวัดนครพนม จังหวัดตรัง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดอุบลราชธานี
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกโครงการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ. ๒๖๕๓
ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7612 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 10/2564 | นร.11 สศช | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๔
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
และพิจารณายุติการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงต้นสังกัด
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7613 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 6) | สธ. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๖) เพื่อเป็นการเพิ่มรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
เพื่อการดูแลรักษาพยาบาลและช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ได้อย่างทันท่วงที ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนพร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7614 | ขอความเห็นชอบต่อการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อขยายระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | กต. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อขยายระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Memorandum
of Understanding on the Project on the Development of Shrimp
Culture in Rakhine State between the Government of the Kingdom of Thailand and
the Government of the Republic of the Union of Myanmar) โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
โดยการจัดทำร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
ตามกรอบของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งในรัฐยะไข่
ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเมียนมาฉบับเดิมที่สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
โดยขยายระยะเวลาออกไปอีก ๓ ปี (๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓-๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๖)
และรับรองการมีผลย้อนหลังของการขยายระยะเวลาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณากำหนดแนวทางหรือกลไกในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำกับและติดตามการดำเนินการตามกรอบความร่วมมือต่าง
ๆ ที่ราชอาณาจักรไทยได้จัดทำไว้กับต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศให้ชัดเจน
เป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือนั้น ๆ บรรลุผลและเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
รวมทั้งควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7615 | ขออนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง | คค. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ของกรมทางหลวง จากเดิม
๕๕,๙๒๗
ล้านบาท เป็น ๕๖,๐๔๗.๓๗ ล้านบาท (เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๒๐.๓๗
ล้านบาท)
โดยปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณภายใต้แผนงานบูรณาการการพัฒนาการด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง รายการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
สายบางใหญ่–กาญจนบุรี ช่วงกิโลเมตร ๓๘+๕๐๐.๐๐๐-กิโลเมตร ๔๔+๒๖๖.๘๓๓ ตอน ๑๒
จากเดิม จำนวน ๑,๙๑๑.๑๑ ล้านบาท เป็น จำนวน ๒,๐๓๑.๔๘ ล้านบาท (เพิ่มขึ้น จำนวน ๑๒๐.๓๗ ล้านบาท) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง ครบถ้วน
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินการก่อสร้างงานโยธา
รวมถึงงานติดตั้งระบบต่าง ๆ อาทิ ระบบเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมการจราจร
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่โครงการฯ
ให้ภาคเอกชนในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ตามกำหนดสัญญาการร่วมลงทุนภายในเดือนตุลาคม
๒๕๖๖
เพื่อให้โครงการสามารถเปิดให้บริการและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนได้ทันตามแผนการดำเนินงานภายในปี
๒๕๖๗ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7616 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร.05 | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สองสำหรับปี
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7617 | โครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan | กค. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7618 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณ ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๙๗๙ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น
๑๐๑,๑๗๕.๖ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๙
รายการ วงเงิน ๑๙,๙๙๙.๑ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
เห็นสมควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๔.
เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่เป็นรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง
ราคากลาง
และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างงแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้
รวมทั้งจัดทำรายงานสถานการณ์ดำเนินงานรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันใหม่เมื่อสิ้นไตรมาสที่
๑ ต่อสำนักงบประมาณด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7619 | ร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 | ทส. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๙-๒๑
ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ (Endorsement) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในลักษณะ Ad-referendum หรือในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๖
ตามความเหมาะสม และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง
(Adoption) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๘ ตามลำดับ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น แสดงความมุ่งมั่นของอาเซียนตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส
แสดงความห่วงกังวลต่อการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และผลกระทบทางลบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เน้นย้ำความสำคัญของการประเมินและทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานในระยะก่อนปี ค.ศ.
๒๐๒๐ และเน้นย้ำบทบาทนำของประเทศพัฒนาแล้วในการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก
เร่งรัดกลไกทางการเงินภายใต้กรอบอนุสัญญา
ให้ความสำคัญกับประเด็นเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7620 | ขอความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน พ.ศ. 2564–2568 (ASEAN Gender Mainstreaming Strategic Framework 2021-2025) | พม. | 12/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรีของประเทศไทยมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบรับรองกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (ASEAN Gender Mainstreaming
Strategic Framework 2021-2025)
ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบยุทธศาสตร์การบูรณาการมิติเพศภาวะของอาเซียนพ.ศ.
๒๕๖๔–๒๕๖๘
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|