ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 248 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 4941 - 4960 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
4941 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 (The 25th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4942 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-เบลเยียม | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่เดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการเดินอากาศ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางการทูตถึงการดำเนินการตามกระบวนการภายในที่จำเป็นเพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยร่างความตกลงฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หากกระทรวงคมนาคมยืนยันได้ว่าร่างความตกลงฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าการลงทุนอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยบริการเดินอากาศ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4943 | การขออนุมัติเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม | กอรมน. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม
จากเดิมปีละ ๔๕ คน เพิ่มเป็นปีละ ๑๖๑ คน โดยรับจาก ๗๓ จังหวัด (ยกเว้น
กรุงเทพมหานคร) จังหวัดละ ๒ คน รวมเป็น ๑๔๖ คน และในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา
จำนวนเท่าเดิม ๑๕ คน รวมรับนิสิตโครงการเพชรในตมปีละ ๑๖๑ คน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
รวมทั้งบรรจุบัณฑิต จำนวน ๑๖๑ คน เป็นข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) ในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนาของนิสิตโครงการเพชรในตม หรือหมู่บ้านใกล้เคียง
โดยไม่ต้องสอบแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการเพชรในตมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และปีต่อ ๆ ไป
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการกำหนดคุณสมบัติเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเพชรในตม
ควรดำเนินการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
และ/เหลือใช้จ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจาการดำเนินการที่บรรลุตามวัตถุประสงค์
และ/หรือรายการที่หมดความจำเป็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการด้วยความเป็นธรรม
ควรมีการวิเคราะห์เหตุผลความจำเป็นของการขยายการรับนิสิตและการขยายพื้นที่การดำเนินงานเพิ่มให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการเพชรในตมให้ชัดเจนและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรจุบัณฑิตของโครงการในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนา
ความยั่งยืนของการเป็นข้าราชการครูของบัณฑิตและพัฒนาด้านการเรียนรู้ของนักเรียน
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการดำเนินโครงการในระยะต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4944 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4945 | การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
โดยขยายเพดานอัตราเงินเดือนขั้นสูงเฉพาะระดับตำแหน่งที่เกินกว่า ๑๑๓,๕๒๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ ดังนี้ (๑) ระดับ ๘ ผู้อำนวยการกอง จาก ๙๙,๙๗๐
บาท เป็น ๑๒๐,๒๗๐ บาท (๒) ระดับ ๙ ผู้อำนวยการฝ่าย จาก ๑๐๘,๘๑๐ บาท เป็น ๑๓๓,๗๗๐ บาท (๓) ระดับ ๑๐
ผู้ช่วยผู้ว่าการ จาก ๑๑๑,๑๖๐ บาท เป็น ๑๓๘,๒๗๐ บาท และ (๔) ระดับ ๑๑ รองผู้ว่าการ จาก ๑๑๓,๕๒๐
บาท เป็น ๑๔๒,๘๓๐ บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและการทางพิเศษแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงินและผลดำเนินงานของหน่วยงานอย่างรอบคอบ
มีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
กำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว เช่น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และสามารถเพิ่มรายได้และชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4946 | ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย | กก. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยและเห็นชอบรายการปรับหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขของมาตรการดังกล่าว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับรายละเอียดเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมและอัตราการคืนเงินของเงื่อนไขต่าง
ๆ ให้เหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยตรงเป็นลำดับแรก
เช่น การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างแรงงานไทย
และการเพิ่มมูลค่าค่าใช้จ่ายในประเทศ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่โดยตรง
๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค)
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น จะต้องพิจารณาถึงผลกระทบของการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
และไม่เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณให้แก่รัฐบาล การดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า
ให้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยที่ผ่านมา
ทั้งด้านผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม โดยละเอียด
ตั้งแต่ก่อนการถ่ายทำ ระหว่างถ่ายทำ และหลังการถ่ายทำ เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนของการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เตรียมความพร้อมและประเมินทิศทางและแนวโน้มการขยายตัวของการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยล่วงหน้าเพื่อกำหนดมาตรการส่งเสริมให้มีความครอบคลุม
โดยเฉพาะการจัดหาแหล่งเงินงบประมาณให้เพียงพอเหมาะสมกับความต้องการ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4947 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๒ รับทราบ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศและเป็นแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานการจัดการขยะพลาสติกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการระยะที่
๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) รวมทั้งยกระดับการจัดการขยะให้ดียิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณองค์ความรู้ด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ควรเร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง
และปลายทาง
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะพลาสติกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การกำหนดให้มีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์
ตลอดจนร่างอนุบัญญัติและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งจะต้องพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในระยะต่อไป
หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนระดับที่ ๓ ที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของการเสนอแผนระดับที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) วันที่ ๓
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ) วันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ และการเสนอแผนระดับที่ ๓
ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... ต่อคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4948 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... (จำนวน 4 ฉบับ) | กษ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... (จำนวน ๔ ฉบับ) ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย
๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ ๑ ขวา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกุดตาเพชร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำสันหนอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในท้องที่ตามร่างกฎกระทรวง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
ประปา หรือกิจการอื่น นอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก้ไขชื่อท้องที่ในร่างกฎกระทรวงตามข้อ ๑ จาก
“ตำบลหนองผักนาค” เป็น “ตำบลหนองผักนาก” ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยึดโยงต่าง ๆ
ใหถูกต้อง
รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4949 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการ ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขอขยายระยะเวลาก่อสร้างอาคารผ่าตัด ผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,576 ตารางเมตร (ปรับราคา 3 จังหวัดชายแดนใต้) โรงพยาบาลปัตตานี ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี 1 หลัง | สธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการและเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารผ่าตัดผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ
เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น จากพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๓,๕๗๖ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๙๓๐ วัน ในวงเงิน ๑๕๓,๘๔๖,๔๐๐ บาท เป็นพื้นที่ใช้สอยประมาณ ๑๔,๗๐๓ ตารางเมตร ระยะเวลาดำเนินการ ๑,๓๙๕ วัน ในวงเงิน
๓๕๖,๖๖๔,๐๐๐ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙
เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓๒๔,๑๓๓,๓๐๐ บาท
ขอให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและถือปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรมีการกำกับติดตาม และตรวจสอบการการดำเนินการอยู่เป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4950 | (ร่าง) นโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศ พ.ศ. 2565-2580 | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4951 | การกําหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนสําหรับโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุ | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนิน “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน
(Pre Finance และ Post Finance)
สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ “โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ออกไปอีก ๑ ปี
(ตั้งแต่วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๗) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.อนุมัติให้ยกเลิกการดำเนิน
“โครงการบ้านคนไทยประชารัฐ” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่
๗ จังหวัด ประกอบด้วย (๑) พื้นที่ชลบุรี (๒) พื้นที่เชียงใหม่ (๓) พื้นที่เชียงราย
(๔) พื้นที่ขอนแก่น (๕) พื้นที่ลำปาง (๖) พื้นที่นครพนม และ (๗) พื้นที่อุดรธานี ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
และหน่วยงานที่เกี่ยข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น ควรมีกระบวนการคัดกรองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
ปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่มีความจำเป็น และได้รับสิทธิตามเงื่อนไขของโครงการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4952 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน | คค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๒
ตอน วงเงิน ๔,๙๗๐,๗๑๐,๖๖๖ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ได้แก่
(๑) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖ จำนวน ๓ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๕ ,ตอนที่
๒๐ และตอนที่ ๒๔ (๒) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗ จำนวน ๕ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๒, ตอนที่ ๑๘ ตอนที่ ๑๙ ตอนที่ ๓๔ และตอนที่ ๓๙ และ (๓)
ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ จำนวน ๔ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑, ตอนที่ ๔,
ตอนที่ ๒๑, และตอนที่ ๒๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น
ให้กรมทางหลวงดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่
๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พิจารณาการเปิดให้บริการโครงการฯ บางช่วงของเส้นทางที่แล้วเสร็จ
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในบริเวณพื้นที่โครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง)
เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมและกำกับการก่อสร้างงานโยธาในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
รวมทั้งตรวจสอบงานก่อสร้างในส่วนที่ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนการแก้ไขสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4953 | การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม [ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม] | กษ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามอัตราการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้เหลือในอัตราร้อยละ
๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ออกไปจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๙
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องพิจารณาถึงความสอดคล้องกับประโยชน์สาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ
ควรเร่งดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานในระยะยาว
โดยเฉพาะการยกร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ.
.... ทั้งฉบับ รวมถึงพิจารณาแนวทางการลดขั้นตอนหรือระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์
และเตรียมความพร้อมด้านการประสานงานและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้กับเกษตรกรและเจ้าของที่ดินสำหรับขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ก่อนครบกำหนดตามสัญญา
เพื่อให้กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปด้วยความรวดเร็วและมีส่วนช่วยลดภาระให้กับเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4954 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะการดำเนินการระบบสุขภาพปฐมภูมิ ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา | สว. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4955 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | ยธ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยกระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ ๑๙๓/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๑ กันยายน
๒๕๖๕
แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดและยกร่างนโยบาย แผนงาน รวมทั้งระเบียบต่าง
ๆ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
พร้อมทั้งประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ
จะจัดทำคู่มือการตีความและรวบรวมเจตนารมณ์ของมาตราต่าง ๆ
ซึ่งจะนำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ รวมเข้าไปในคู่มือด้วย นอกจากนี้
มีแผนการดำเนินงานที่จะศึกษาพิจารณา และยกร่างมาตรฐานการเยียวยาทั้งที่เป็นตัวเงิน
ไม่ใช่ตัวเงิน รวมถึงการฟื้นฟูเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ให้สอดคล้องกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และมาตรฐานสากล
รวมถึงการเรียกตัวตามกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจต่อไป
อีกทั้งมีแผนที่จะศึกษา พิจารณา และยกร่างคู่มือและแนวทางบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ
ให้เกิดความชัดเจน โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรม
โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มีการจัดฝึกอบรมในประเด็นการป้องกันทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหายให้กับเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด
และจะได้จัดฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญและแนวทางบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ
อย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4956 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 | กค. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่
๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ จำนวน ๒๕,๐๐๐
ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ครั้งที่ ๑
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4957 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ พ.ศ. 2565 | ดศ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การใช้บริการสวัสดิการของรัฐด้านคุณภาพชีวิต เช่น
เบี้ยยังชีพเด็กแรกเกิด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
และเบี้ยยังชีพคนพิการ พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ ๙๗.๐ ไม่มีปัญหาการใช้บริการ (๒)
สวัสดิการของรัฐด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน “เรียนฟรีถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๓” สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือน พบว่า
ประชาชนสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก-มากที่สุดร้อยละ ๘๐.๖ (๓)
การใช้บริการของรัฐด้านการรักษาพยาบาล เช่น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม
และสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่า ประชาชนมากกว่าร้อยละ ๙๗.๐
ไม่มีปัญหาในการใช้บริการ (๔) ความพึงพอใจในการใช้บริการด้านการรักษาพยาบาล
พบว่าประชาชนที่ใช้สิทธิประกันสุขภาพ/ประกันชีวิตร้อยละ ๘๖.๕
มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด (๕) สวัสดิการที่ประชาชนต้องการให้รัฐจัดเพิ่มเติม
เช่น การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในครัวเรือน (ประชาชนร้อยละ ๙๓.๕)
และจัดสวัสดิการศูนย์เด็กเล็ก/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในหน่วยงาน/ใกล้สถานที่ทำงาน
(ประชาชนร้อยละ ๘๗.๖) (๖)
การจัดเก็บภาษีผู้มีรายได้เพื่อนำมาจัดสวัสดิการให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย พบว่า
ประชาชนร้อยละ ๔๔.๖ ยินยอมให้จัดเก็บได้ และ (๗)
การลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่รัฐปี ๒๕๖๕ พบว่า
ประชาชนที่ลงทะเบียนโครงการเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ ๘๔.๒
ไม่ประสบปัญหาในการลงทะเบียน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4958 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566) | ปสส. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนกลาโหม
พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม
(ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕
ปีที่ ๔ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่
๔ ครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4959 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน
กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร
เพื่อก่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายซอยเอกชัย ๑๐๑
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับประชาชนและผู้ประกอบการในบริเวณพื้นที่โดยรอบ
เพื่อเปิดทางเข้าออกให้แก่สาธารณะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
4960 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 | สธ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยา
พ.ศ.๒๕๑๐ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรายการและอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐
ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมาย และการดำเนินงานในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าเมื่อออกกฎกระทรวงที่เป็นประโยชน์ต่อผู้รับอนุญาต
ควรให้มีมาตรการในการควบคุมราคาเภสัชภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเภสัชภัณฑ์ในราคาที่สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาสำหรับสัตว์ ซึ่งถือเป็นต้นทุนในการผลิตปศุสัตว์ ควรเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนาตำรับยาและเป็นการต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาใหม่เชิงอุตสาหกรรมในประเทศต่อไป
และควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติยา
พ.ศ. ๒๕๑๐ ดังกล่าว ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|