ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 883 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17641 - 17660 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17641 | ขอให้พิจารณานำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม 2 ฉบับ) (คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2560 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร) | สลธ.คสช. | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๕/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ๒. คำสังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขปัญหาการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17642 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | ดศ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายวีระ โรจน์พจนรัตน์) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มเติม เป็นลำดับที่ ๓ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17643 | ผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย - รัสเซีย ครั้งที่ 3 | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-รัสเซีย ครั้งที่ ๓ (The 3rd Session of Sub-Commission on Trade and Economic Cooperation) เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียเป็นประธานร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมการค้าและการลงทุน การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาความร่วมมือการค้าการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก การลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี และความคืบหน้าการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานไทยและรัสเซีย และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้เร่งรัดการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงพาณิชย์รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการหารือเพื่อแสวงหาแนวทางและลู่ทางให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการเข้าสู่ตลาดและสามารถจำหน่ายสินค้าได้โดยตรงแก่ผู้ผลิตรถยนต์ของฝ่ายรัสเซียต่อไป ส่วนการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเชื่อมโยงระหว่างโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทย และโครงการของรัสเซียที่จะสนับสนุน EEC ในชั้นนี้ ยังไม่มีข้อเสนอในรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของคณะทำงานที่ชัดเจนว่าจะร่วมดำเนินการในเรื่องใดบ้าง จึงเห็นควรให้ฝ่ายไทยหารือกับฝ่ายรัสเซียในรายละเอียดของประเด็นความร่วมมือที่ชัดเจนต่อไป เพื่อนำไปสู่การกำหนดกรอบหน้าที่ความรับผิดชอบที่สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามผลการประชุมฯ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17644 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ ประเภท หลักสูตร อัตราและวิธีการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเห็นว่าภาระงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ ๕,๓๐๙,๐๐๐ บาทต่อปี นั้น ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วไปดำเนินการก่อน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17645 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบุคคลอื่นที่ได้รับการสงเคราะห์ พ.ศ. .... | ยธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบุคคลอื่นที่ได้รับการสงเคราะห์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พนักงานคุมประพฤติให้การสงเคราะห์ตามสมควรแก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กหรือเยาวชนผู้ถูกคุมความประพฤติพักอาศัยอยู่ด้วย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17646 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย | วธ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ได้แก่ (๑) หนังสือที่จัดพิมพ์ในโอกาสสำคัญและเป็นการรวบรวมองค์ความรู้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในด้านศาลนา ศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือเฉลิมพระเกียรติในวาระต่าง ๆ และจัดพิมพ์หนังสือชุดศิลปวัฒนธรรมของไทยในมิติต่าง ๆ และ (๒) หนังสือที่จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ในด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม และจัดให้มีการจัดจำหน่าย ประกอบด้วย หนังสือศิลปวัฒนธรรมไทย และจัดพิมพ์หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ทั้งนี้ ได้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือที่เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมรวม ๑๗๔ เรื่อง จำนวน ๑,๐๙๙,๑๒๕ เล่ม ซึ่งได้มีการเผยแพร่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ห้องสมุดสถานศึกษา คณะกรรมการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง สำหรับยอดการจัดจำหน่าย มีจำนวน ๘,๘๒๑ เล่ม รวมรายได้จากการจำหน่ายหนังสือและนำส่งเงินเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นเงินจำนวน ๑,๕๙๗,๓๘๖.๕๐ บาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17647 | (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2573 (Thailand's Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021 - 2030) | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๓ (Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021-2030) เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศร้อยละ ๒๐ หรือที่ ๑๑๑ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยดำเนินการใน ๓ สาขาหลัก (๑๕ มาตรการ) ได้แก่ สาขาพลังงานและขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และสาขาการจัดการของเสีย ซึ่งเป็นสาขาที่หน่วยงานมีความพร้อมและมีศักยภาพที่สามารถลดก๊าซเรือนกระจก ณ ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ทั้งสิ้น ๑๑๕.๖ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ เพื่อสนับสนุนศักยภาพการดำเนินงานของหน่วยงานโดยครอบคลุมข้อจำกัด ความต้องการด้านการสนับสนุน และระบบ/กรอบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานของมาตรการต่าง ๆ ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตามแผนดังกล่าว รวมถึงพิจารณาการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติในประเด็นการสร้างแรงจูงใจโดยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เอกชนให้ความสนใจในการมีส่วนร่วมหรือลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อน ระยะที่ ๒ ในส่วนของการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุน และการบังคับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ อย่างเข้มงวดและตรวจสอบประเมินผลได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณไว้ในแผนงานยุทธศาสตร์จัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและภัยพิบัติแล้ว แต่เนื่องจากในชั้นนี้ (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ยังขาดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้เป็นกรอบในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงเห็นควรให้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดให้แล้วเสร็จก่อน แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดประเด็นสำคัญในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และร่วมกันบูรณาการและสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนได้ครอบคลุมในทุกมิติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17648 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรเชียงของ) | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ด่านศุลกากรเชียงของ) มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของ ไปตั้งอยู่ที่อาคารที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของแห่งใหม่ เลขที่ ๗๘ หมู่ที่ ๙ ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อประโยชน์และการอำนวยความสะดวกในด้านการค้า การลงทุน การขนส่งและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ การจัดเก็บอากรศุลกากร และการตรวจตราป้องกันการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรบริเวณชายแดนทางบก รวมทั้งได้มีการแก้ไขทางอนุมัติซึ่งเป็นทางที่ใช้ขนส่งของเข้าหรือออกจากราชอาณาจักรจากเขตชายแดนมายังที่ทำการด่านศุลกากรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนที่ทำการด่านศุลกากรเชียงของ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17649 | ขอความเห็นชอบแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ. 2560 - 2564 | อื่นๆ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาแก้ปัญหาของเกษตรกร/ภาคเกษตรกรรมของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น รับแผนแม่บทฯ ไปบูรณาการร่วมกับแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตร เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรของประเทศมีความเชื่อมโยงและสนับสนุนซึ่งกันและกัน นำไปสู่การทำให้ภาคเกษตรมีความเข้มแข็งและเกษตรกรพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงยั่งยืนในอนาคต ตามที่สภาเกษตรกรแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ อาทิ เห็นควรเร่งรัดการบูรณาการแผนแม่บทฯ กับแผนพัฒนาการเกษตร ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำมาเป็นแนวทางในการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๑-๒๕๖๔ และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับขอบเขตของระยะเวลาของแผนแม่บทฯ และการดำเนินงาน ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดและจะส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ที่สภาเกษตรกรแห่งชาติคาดหวังไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17650 | ผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee: EC) ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ณ เมืองญาจาง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค โดยมีความก้าวหน้าใน ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้วาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Renewed APEC Agenda for Structural Reform : RAASR) (๒) การดำเนินงานเรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EoDB) (๓) การจัดทำรายงานนโยบายเศรษฐกิจเอเปค เรื่องการปฏิรูปโครงสร้างและการพัฒนาทุนมนุษย์ ๒๕๖๐ (๔) สรุปผลการหารือกลุ่มเพื่อนประธานในเรื่องธรรมาภิบาลภาครัฐ (Public Sector Governance : PSG) และ (๕) ความร่วมมือข้ามเวที (Cross-Fora Collaboration) นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือระดับนโยบายในประเด็นเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง แนวทางใหม่สำหรับนโยบายการแข่งขัน และการเข้าถึงความยุติธรรมในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) รวมทั้งกำหนดการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ณ เมืองโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเพื่อดำเนินการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปฏิรูปโครงสร้างภายใต้ RAASR ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17651 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2560 - 2562 ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักร ไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย | วท | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ (Programme of Cooperation in the Fields of Science and Technology for the Period of 2017-2019) ระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทย-อินเดีย ระหว่างปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ครอบคลุมสาขาความร่วมมือ (๑) วิทยาศาสตร์การเกษตร (๒) ดาราศาสตร์ (๓) เทคโนโลยีชีวภาพ (๔) พลังงานหมุนเวียน (๕) เทคโนโลยีทัศนศาสตร์และโฟโตนิกส์ (๖) วิทยาศาสตร์อวกาศรวมถึงการประยุกต์ใช้ภูมิอวกาศ (๗) ชีววิทยาศาสตร์ (๘) เทคโนโลยีอาหาร และ (๙) สาขาอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน โดยมีรูปแบบความร่วมมือในลักษณะของโครงการวิจัยร่วม การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วม และการแลกเปลี่ยนการเยือน ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแผนความร่วมมือฯ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17652 | กรอบการเจรจาสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา และสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา | กต | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรอบการเจรจาสนธิสัญญา ๓ ประเภท ได้แก่ (๑) สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน (๒) สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาคดีอาญา (สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ) และ (๓) สนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะผู้แทนของฝ่ายไทยได้มีกรอบท่าทีในการเจรจาจัดทำสนธิสัญญาดังกล่าวกับประเทศหรือกลุ่มประเทศต่าง ๆ ที่มีมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และกระบวนการในการดำเนินการที่แน่นอนและไม่ขัดกับหลักของกฎหมายภายในประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการเจรจาสนธิสัญญาว่าด้วยการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา เรื่อง ขอบเขตความร่วมมือในเรื่องทางอาญา ควรครอบคลุมประเภทของความช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือในการคืนทรัพย์สินที่ริบและเงินที่ศาลมีคำพิพากษาให้ชำระแทนการริบทรัพย์สินตามมาตรา ๓๕/๒ เนื่องจากพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๕/๒ กำหนดเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวไว้เฉพาะในกรณีที่มีสนธิสัญญาทวิภาคีระหว่างไทยกับประเทศผู้ร้องขอเท่านั้น ดังนั้น หากการเจรจาสนธิสัญญาดังกล่าวในอนาคตจะสามารถพูดคุยถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ว่าด้วยการคืนทรัพย์ตามมาตรา ๓๕/๒ ก็ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยและประเทศคู่เจรจา ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. อนุมัติให้คณะผู้แทนฝ่ายไทยสามารถใช้กรอบการเจรจาสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท ในการกำหนดท่าทีในการเจรจากับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งในกรอบพหุภาคี โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำสนธิสัญญาทั้ง ๓ ฉบับ และนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๓. สำหรับการขออนุมัติองค์ประกอบของคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการเจรจาสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท นั้น ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุมัติให้เดินทางไปราชการและการจัดการประชุมของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๒๔ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำสนธิสัญญาทั้ง ๓ ประเภท ที่ไทยได้มีการจัดทำกับประเทศต่าง ๆ ไปแล้ว การส่งผู้ร้ายข้ามแดน/การโอนตัวนักโทษที่ได้มีการดำเนินการไปแล้วภายใต้สนธิสัญญาดังกล่าวของทั้ง ๒ ฝ่าย รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่แต่ละฝ่ายไม่สามารถส่งผู้ร้ายข้ามแดน/โอนตัวนักโทษให้แก่กันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ประเทศคู่ภาคีมิได้ดำเนินการตามที่ประเทศไทยร้องขอ และให้นำข้อมูลดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17653 | ขอความเห็นชอบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดตั้งโครงข่ายสถานีรังวัดสัญญาณดาวเทียม GNSS แบบอัตโนมัติ ตามโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 | กห | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กองบัญชาการกองทัพไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดตั้งโครงข่ายสถานีรังวัดสัญญาณดาวเทียม GNSS แบบอัตโนมัติ ตามโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ในวงเงิน ๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กองบัญชาการกองทัพไทยดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17654 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับสาระสำคัญในร่างประกาศกระทรวงการคลังฯ เป็นการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกัน ซึ่งจะทำให้รัฐมีรายได้ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของรายได้จากการจัดเก็บดังกล่าว แต่จะมีผลเป็นการลดต้นทุนอุตสาหกรรมอื่นที่ใช้น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันที่คล้ายกันเป็นวัตถุดิบในการผลิต ควรอย่างยิ่งที่กระทรวงการคลังจะวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน ก่อนนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17655 | พิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย - นิวซีแลนด์ | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership Agreement : TNZCEP) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปริมาณการนำเข้าสินค้าที่มีมาตรการปกป้องพิเศษ (Special Safeguard : SSG) ตามบัญชีแนบท้ายภาคผนวก ๓ ของความตกลง TNZCEP โดยเพิ่มปริมาณการนำเข้า (Trigger volume) ของสินค้า ๓ รายการ (๖ พิกัดสินค้า) ของไทย ได้แก่ หางนม ไขมันเนย และเนยแข็ง โดยให้เริ่มมีผลในทางปฏิบัติภายในปี ๒๕๖๐ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามร่างพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ๔. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ร่างพิธีสารฯ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการค้าเสรีอันเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงต้องได้รับความเห็นขอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งยังคงทำหน้าที่รัฐสภาตามบทเฉพาะกาล มาตรา ๒๖๓ ของรัฐธรรมนูญฯ และเห็นควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและได้รับการเยียวยาตามแนวทางที่ปฏิบัติอยู่หรือตามที่เห็นสมควร ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญฯ ไปดำเนินการด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารดังกล่าว และกระทรวงพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่าได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการมีผลใช้บังคับของพิธีสารฯ เสร็จสิ้นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17656 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ในท้องที่ อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 18 จังหวัด | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน ในท้องที่อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑๒,๐๐๐ ไร่ โดยแบ่งเป็นจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ๕,๐๐๐ ไร่ และทำการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน ๗,๐๐๐ ไร่ และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล ๑๘ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๕,๔๕๘-๑-๓๓ ไร่ ประกอบด้วย จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา และปัตตานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่มเติมและรักษาป่าชายเลนไว้ให้ได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้มีมติเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินในเรื่องต่าง ๆ ไปแล้วนั้น ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17657 | ผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2560 | พณ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการจัดสถานะประเทศไทย ตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ ตามมาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ในปี ๒๕๖๐ สหรัฐฯ ได้คงประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List : PWL) เช่นเดียวกับปี ๒๕๕๐-๒๕๕๙ ซึ่งหากมีการละเมิด สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการตอบโต้ เช่น ระงับการให้สิทธิภายใต้ข้อตกลงทางการค้าแก่ประเทศนั้นเป็นการชั่วคราว (GSP) จัดเก็บภาษีกับสินค้านำเข้า หรือดำเนินมาตรการด้านการนำเข้าอื่น ๆ กับประเทศนั้น ๑.๒ สหรัฐฯ เห็นถึงความคืบหน้าการดำเนินการด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทย และเห็นว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการในทิศทางที่เหมาะสมแล้ว และได้มีข้อกังวล/ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการ เช่น สหรัฐฯ ขอให้ประเทศไทยพัฒนาเรื่องการสืบสวนจับกุมผู้กระทำละเมิดทั่วประเทศ และดำเนินคดีในชั้นศาลเพื่อให้เกิดผลในการพิพากษาคดี และ/หรือมีโทษปรับที่สามารถระงับการกระทำละเมิดได้ ๑.๓ กระทรวงพาณิชย์เห็นว่า ประเทศไทยควรใช้โอกาสที่สหรัฐฯ พร้อมที่จะทบทวนสถานะของประเทศไทยในการร้องขอให้สหรัฐฯ ดำเนินการทบทวนสถานะของประเทศไทยนอกรอบการประเมินปกติ (Out-Of-Cycle-Review) โดยกำหนดเป้าหมายและติดตามผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยในภาพรวม รวมทั้งทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นควรเจรจากับสหรัฐฯ ให้ทราบถึงข้อจำกัดของประเทศไทยแล้วต่อรองที่จะดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญในลำดับต้น ๆ เพื่อที่จะให้สหรัฐฯ พิจารณาจัดสถานะประเทศไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งพูดคุยกับสหรัฐฯ เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติร่วมกัน หรือให้ได้แนวทางการสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อให้การปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์มีผลดียิ่งขึ้น ตลอดจนปรับปรุงกฎหมายหรือการบัญญัติกฎหมายใหม่เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศไทยโดยพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักควรเร่งประสานและบูรณาการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาที่เป็นข้อกังวลของสหรัฐฯ และให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนที่นำทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Roadmap) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการจัดสถานะดีขึ้น สามารถยกระดับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17658 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ขององค์การมหาชน จำนวน 8 แห่ง | นร12 | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน จำนวน ๘ ฉบับ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการปรับปรุงบทอาศัยอำนาจตามร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนทั้ง ๘ แห่ง ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน การกำหนดให้องค์การมหาชนแจ้งแผนการบริหารหนี้สาธารณะ และรายงานสถานะหนี้สาธารณะตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ตลอดจนความชัดเจนในการใช้มาตรฐานการบัญชีที่นำมาจัดทำบัญชีขององค์การมหาชน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นควรกำหนดแนวทางการกำหนดเครื่องแบบขององค์การมหาชนเพื่อให้การกำหนดเครื่องแบบของทุกองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17659 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. .... | กษ | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนาโยงเหนือ ตำบลนาข้าวเสีย อำเภอนาโยง ตำบลนาโยงใต้ ตำบลนาบินหลา ตำบลบ้านควน ตำบลโคกหล่อ อำเภอเมืองตรัง และตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการขุดขยายคลองผันน้ำและก่อสร้างประตูระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการคลองระบายน้ำคลองลำเลียง จังหวัดตรัง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17660 | ร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ. .... | พน | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว เพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันมิให้เกิดอัคคีภัยหรืออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า โครงการสถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นโครงการที่ไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยกเว้นกรณีที่โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ จะต้องจัดทำรายงานฯ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่โครงการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว เช่น เขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ กิจกรรมต่าง ๆ ในระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการของโครงการอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบพื้นที่สถานีบริการก๊าซปิโตรเลียมเหลว เช่น ผลกระทบด้านอากาศและด้านคมนาคมจากกิจกรรมการก่อสร้าง และผลกระทบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในระยะดำเนินการ จึงควรพิจารณากำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....