ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 885 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 17681 - 17700 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17681 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด) | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค ๒ ความผิด) โดยกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบหลักการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในประเด็นการเพิ่มอัตราโทษจำคุก มีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงหลายประการ เช่น สถานการณ์ด้านปริมาณคดีในแต่ละช่วงระยะเวลา เป็นต้น และจะต้องมีการเปรียบเทียบอัตราโทษที่มีลักษณะเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้อัตราโทษจำคุกสูงผิดปกติไปจากโทษในความผิดที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งต้องคำนึงถึงการบังคับใช้กฎหมายและการบังคับโทษประกอบด้วย และควรพิจารณาถึงกฎหมายเฉพาะในเรื่องดังกล่าว เช่น กฎหมายว่าด้วยอาหาร กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นต้น ซึ่งกำหนดโทษไว้โดยเฉพาะแล้วสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้อง และที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นตามข้อสังเกตดังกล่าวเพื่อทำการศึกษากำหนดโทษทางอาญาให้เหมาะสมทั้งระบบต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17682 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 9 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ....) | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม ๙ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่ในการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดภูเก็ต จังหวัดระนอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสงขลา และจังหวัดหนองบัวลำภู ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการในกรณีท้องที่จังหวัดกาญจนบุรีอาจมีโรงเรียนหรือสถานศึกษา (โรงเรียนบ้านหัวนาและโรงเรียนบ้านวังสารภี) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่กำหนดไว้เป็นเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงเห็นควรดำเนินการตรวจสอบความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต้องไม่อยู่ใกล้ชิดหรือใกล้เคียงกับที่ตั้งของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๙ ฉบับ ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดปราจีนบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๕ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดจังหวัดภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๖ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดระนอง พ.ศ. .... ๑.๗ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๑.๘ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดสงขลา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๙ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดหนองบัวลำภู พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตั้งสถานบริการและสถานประกอบการอาจมีผลกระทบสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศใช้ กระทรวงมหาดไทยควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานของรัฐควบคุมการอนุญาตจัดตั้งสถานบริการหรือสถานประกอบการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17683 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร08 | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยในหน่วยงานของรัฐให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17684 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่นพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรุงเทพมหานครได้กำหนดเป็นมาตรการระยะยาวเพื่อลดค่าใช้จ่ายสำหรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาประสิทธิภาพและประสิทธิผลระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล โดยมีกลยุทธ์การวางแผนกำลังคนของกรุงเทพมหานคร เพื่อให้กรุงเทพมหานครมีแผนกำลังคนที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับภารกิจของกรุงเทพมหานครทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งมีกลยุทธ์พัฒนาระบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย มีการศึกษาแนวทางการจ้างงานรูปแบบใหม่ ซึ่งจะทำให้กรุงเทพมหานครไม่ต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับบำเหน็จบำนาญหรือค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ กรุงเทพมหานครจะจัดตั้งศูนย์ราชการสะดวก (GECC) เพื่อให้บริการประชาชน โดยลดขั้นตอนการทำงานและส่งเสริมการใช้กำลังคนในลักษณะ Multiskill เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และยุทธศาสตร์การพัฒนาขีดสมรรถนะทรัพยากรบุคคลสู่ความเป็นเลิศ โดยมีกลยุทธ์การเสริมสร้างสมรรถนะให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเข้าสู่ระบบบำเหน็จบำนาญแบบกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ประกอบด้วยเงินสมทบของรัฐและเงินสะสมของสมาชิกกองทุน อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารูปแบบของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อจะได้ดำเนินการจัดทำโครงการจ้างที่ปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17685 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ผลการพิจารณาศึกษาพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 และร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง ผลการพิจารณาศึกษาพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... โดยกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้วเห็นด้วยในหลักการของการทบทวนความเหมาะสมของพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติสถานศึกษาเอกชน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17686 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. .... | สว | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดในทางอาญาของผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. .... โดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ซึ่งรักษาการตามกฎหมายพิจารณาทบทวนและดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งได้มีการแก้ไขอัตราโทษในบทกำหนดโทษให้มีความเหมาะสม โดยถืออัตราโทษจำคุกหนึ่งปี ต่ออัตราโทษปรับสองหมื่นบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันที่มีอัตราโทษปรับที่ไม่ได้สัดส่วนกับอัตราโทษจำคุกที่กฎหมายทั่วไปกำหนดตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อให้มีความถูกต้องครบถ้วน และจะได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17687 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2509 | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบและระเบียบในการแต่งเครื่องแบบของกรรมการหมู่บ้าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17688 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... | มท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงท้องถิ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงเพื่อใช้สำหรับเจ้าพนักงานทางหลวงท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่ได้มีการแก้ไข “ทางหลวงเทศบาลและทางหลวงสุขาภิบาล” เป็น “ทางหลวงท้องถิ่น” ตามมาตรา ๖ (๔) แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17689 | รัฐบาลโรมาเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนีย ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายบ็อกดัน บาเดีย (Mr. Bogdan Badea)] | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบ็อกดัน บาเดีย (Mr. Bogdan Badea) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งโรมาเนียประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายกรูเอีย ชาโคทา (Mr. Gruia Jacota) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17690 | รายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ | ศธ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนในการขอเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการวิจัยสู่ภาคเอกชน ณ โครงการพัฒนาที่ดิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน ๓ รายการ (ค่าก่อสร้างอาคารส่งเสริมศักยภาพการใช้ชีวภาพและชีวมวลในการผลิตเชื้อเพลิงและเคมีภัณฑ์เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมและเพื่อการส่งออกเทคโนโลยี ค่าก่อสร้างอาคารศูนย์นวัตกรรมอาหารผลิตภัณฑ์สุขภาพ และเกษตรครบวงจร และค่าก่อสร้างอาคารปฏิบัติการ จังหวัดสระบุรี) โดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะดำเนินการ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การเปลี่ยนแปลงเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างทั้ง ๓ รายการดังกล่าว จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในการบริหารสัญญา โดยเห็นว่าวงเงินที่เพิ่มขึ้นนั้นใช้งบประมาณเงินรายได้ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง ประกอบกับงบประมาณที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับจัดสรรในครั้งนั้นมิใช่งบประมาณผูกพันข้ามปีงบประมาณ จึงนำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาใช้ในการบริหารสัญญาดังกล่าว ซึ่งไม่ได้กระทบต่อวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์ สอดคล้องกับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนในวิธีปฏิบัติประกอบกับไม่ได้กระทบต่อวัตถุประสงค์ของโครงการและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้มีหนังสือกำชับไปยังจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ใช้ความระมัดระวังและคำนึงถึงขั้นตอนในการดำเนินการและปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง และแนวปฏิบัติ รวมถึงหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17691 | สถานการณ์ด้านแรงงานเดือนกุมภาพันธ์ 2560 และประมาณการไตรมาส 1 ปี 2560 | รง | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านแรงงานเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และประมาณการไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์การจ้างงาน ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราการจ้างงานขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๑.๕๖ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๐ โดยประมาณร้อยละ ๓-๔ และคาดการณ์ ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ อัตราการจ้างงานขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ ๒.๒๐ เนื่องจากจะมีประเภทกิจการที่เพิ่มขึ้น เช่น การผลิตเครื่องดื่ม ถนอมอาหาร ๒. สถานการณ์การว่างงาน ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๑.๑๐ และคาดการณ์ ณ ไตรมาส ๑ ปี ๒๕๖๐ อัตราว่างงานอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒๐ เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๐ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓-๔ ๓. สถานการณ์การเลิกจ้าง ณ เดือนกุมภาพันธ์ อัตราการเลิกจ้างลูกจ้างในระบบประกันสังคม มาตรา ๓๓ คิดเป็นร้อยละ ๐.๒๖ เนื่องจากประเภทกิจการอาจจะมีการเลิกจ้างเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตท่อ ทำเหมืองแร่ ๔. ประเด็นแรงงานที่น่าสนใจ คือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๖๐ ของประชากรรวม ทำให้ตลาดแรงงานผู้สูงอายุในอนาคตขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มของโครงสร้างประชากร ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว เช่น ภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ ๒ (๒๕๔๕-๒๕๖๔)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17692 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการจ้างเหมาก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ระยะที่ 1 | คค | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ของกรมการขนส่งทางบก รายการจ้างเหมาก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ระยะที่ ๑ ในวงเงิน ๑,๓๖๐ ล้านบาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) จะต้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ และเรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17693 | การขอยกเว้นเงื่อนไขการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา | นร10 | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑)] ในส่วนของการกำหนดเงื่อนไขในการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามมาตรการบริหารจัดการอัตรากำลังปกติ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ ก.ค.ศ. จัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูเฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ คืนให้แก่โรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาสที่มีนักเรียนจำนวนน้อยกว่า ๑๒๐ คน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปกติแต่ประสบปัญหาการขาดแคลนอัตรากำลังครู จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๔๑ แห่ง โดยจัดสรรอัตรากำลังครู จำนวนรวมทั้งสิ้น ๒๕๕ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดสรรอัตราว่างในพื้นที่และโรงเรียนที่ขาดแคลนอัตรากำลังครูอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชุมชนเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการควบรวมโรงเรียนต่อไป และกำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมสนับสนุนนโยบายการควบรวมโรงเรียนเพื่อให้แต่ละโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนที่เหมาะสม และสามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ ภายใต้การบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนพิจารณาความเป็นไปได้ของรูปแบบการจ้างงานที่หลากหลาย อาทิ การจ้างพนักงานจากภายนอกองค์กร เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17694 | ร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560 - 2569 ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 | สธ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๙ ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีเป้าหมายในการลดอัตราการคลอดในหญิงอายุ ๑๐-๑๔ ปี (ไม่เกินร้อยละ ๐.๐๕) และอายุ ๑๕-๑๙ ปี (ไม่เกินร้อยละ ๒.๕) โดยกำหนดยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการออกเป็น ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) พัฒนาระบบการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ และมีระบบการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม (๒) ส่งเสริมบทบาทครอบครัว ชุมชน และสถานประกอบกิจการในการเลี้ยงดู สร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารด้านสุขภาวะทางเพศของวัยรุ่น (๓) พัฒนาระบบบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตร (๔) พัฒนาระบบการดูแล ช่วยเหลือ การคุ้มครองสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์ และการจัดสวัสดิการสังคมในกลุ่มวัยรุ่น และ (๕) ส่งเสริมการบูรณาการการจัดการฐานข้อมูลงานวิจัยและการจัดการความรู้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ประธานกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อการดำเนินการยุทธศาสตร์ฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นดังกล่าวต้องเน้นการเชื่อมประสานระหว่างกระทรวง หน่วยงาน รวมถึงภาคส่วนหลักที่เกี่ยวข้องให้เกิดการบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม และส่วนสำคัญที่มีผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การป้องกันโดยการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสมแก่เด็กและเยาวชน และการสร้างระบบการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศวิถีศึกษาที่มีคุณภาพ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาโดยการมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนในสังคม นอกจากนี้ เห็นควรกำหนดช่วงระยะเวลาการดำเนินงานใน ๕ ปีแรกที่มุ่งเน้นการวางรากฐานการส่งเสริมและป้องกันเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในระยะยาว อาทิ การปรับเปลี่ยนค่านิยมและพฤติกรรมทางเพศให้เหมาะสมกับวัยรุ่น ส่งเสริมการดูแลสุขภาพด้วยตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขอนามัยทางเพศที่จะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น รณรงค์และเผยแพร่ชุดข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวกับอนามัยทางเพศที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแก่วัยรุ่นอย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17695 | การส่งมอบศาลาไทยที่กรมส่งเสริมการเกษตรจัดสร้างในโครงการร่วมงาน International Horticultural Exposition : EXPO 2016 ณ สาธารณรัฐตุรกี ให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐตุรกี | กค | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการส่งมอบศาลาไทยที่กรมส่งเสริมการเกษตรจัดสร้างในโครงการร่วมงาน International Horticultural Exposition : EXPO 2016 ณ เมือง Antalya สาธารณรัฐตุรกี ให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐตุรกี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยและเป็นที่ระลึกความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน อีกทั้งควรมีการกำหนดเงื่อนไขการส่งมอบที่ครอบคลุมความสมประโยชน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการประชาสัมพันธ์ประเทศ การเข้าใช้ประโยชน์ของหน่วยงานรัฐบาลไทย ตลอดจนการคงไว้ของสิ่งก่อสร้างต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17696 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) จำนวน ๔ รายการ เพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรียทราบ และแจ้ง IAEA ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในส่วนของ วัน เวลา หรือสถานที่จัดกิจกรรมซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย และไม่กระทบเนื้อหาสารัตถะสำคัญ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิจะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17697 | การเยือนซาอุดีอาระเบียของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเยือนซาอุดีอาระเบียของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้ซาอุดีอาระเบียเห็นถึงความจริงใจของรัฐบาลไทยในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่เป็นประโยชน์และแต่ละฝ่ายสนใจ ตลอดจนแสวงหาโอกาสการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา การพลังงาน การท่องเที่ยว การประกอบพิธีฮัจย์ ความมั่นคงทางอาหาร การบิน การเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17698 | การเข้าร่วมโครงการ Base Erosion and Profit Shifting Project (BEPS Project) ของ OECD ในฐานะ Associate Country ภายใต้ Inclusive Framework | กค | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าร่วมโครงการ Base Erosion and Profit Shifting Project (BEPS Project) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา [Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD)] ในฐานะประเทศสมาชิก (Associate Country) ภายใต้กรอบความร่วมมือ (Inclusive Framework) เพื่อให้ประเทศไทยมีการดำเนินการเพื่อป้องกันการวางแผนเพื่อกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปต่างประเทศของบริษัทข้ามชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อเป็นค่าธรรมเนียม จำนวน ๒๐,๐๐๐ ยูโรต่อปี หรือประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี และค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกรมสรรพากร รวมทั้งให้ทำการศึกษาถึงความรุนแรงของปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของธุรกิจข้ามชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และศึกษาเปรียบเทียบถึงรายได้ภาษีที่รัฐบาลจะสูญเสียจากการหลบเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศดังกล่าวทั้งก่อนและหลังการดำเนินโครงการฯ นอกจากนี้ ในการเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องระมัดระวังไม่ให้มีผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายและมาตรการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเฉพาะด้านของประเทศไทยในอนาคต และหากการเข้าร่วมโครงการฯ มีการระบุถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่มีการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ให้แจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนทราบด้วย และความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรมีแผนเตรียมการรองรับการเข้าร่วมโครงการฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายภายในของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องกับหลักปฏิบัติสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17699 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี 2560 | พณ | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีและส่งเสริมการค้าและการลงทุนในภูมิภาค เช่น การดำเนินการตามเป้าหมายโบกอร์ในการเปิดเสรีการค้าและการลงทุน การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคในการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) การส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน มีนวัตกรรม และทั่วถึง การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) และการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร โดยจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๒๓ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมด้านมาตรฐานสินค้าและบริการ และการดำเนินการตามร่างแผนการดำเนินงานของเอเปค ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. เมื่อการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคประจำปี ๒๕๖๐ เสร็จสิ้นลง ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสรุปผลการประชุมดังกล่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้องเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วน เพื่อประโยชน์ในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17700 | การบริจาคข้าวให้รัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิก | กต | 16/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการบริจาคข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลชนิดข้าวขาว ๕% ปีการผลิต ๒๕๕๖/๕๗ ปริมาณ ๑,๐๐๐ ตัน บรรจุลงถุงขนาด ๕ กิโลกรัม ให้รัฐบาลสาธารณรัฐโมซัมบิกบนพื้นฐานการให้ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม (ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว) โดยรัฐบาลโมซัมบิกจะจัดส่งเรือขนสินค้ามารับข้าวที่ท่าเรือ ณ ประเทศไทย ๒. รับทราบการชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เหมาะสมสำหรับการบริจาค การบรรจุลงถุง และการส่งมอบลงเรือที่รัฐบาลโมซัมบิกจะส่งมารับมอบ โดยชำระเป็นข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล (ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว) ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เหมาะสมสำหรับการบรรจุลงถุงและส่งมอบลงเรือที่รัฐบาลโมซัมบิกจะส่งมารับมอบมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เห็นควรที่กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดำเนินการด้วยความประหยัดและไม่ทำให้ทางราชการเสียหาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบการดำเนินการจัดส่งข้าวให้แก่ฝ่ายโมซัมบิก โดยประสานงานรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าวกับกระทรวงการต่างประเทศ ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับฝ่ายโมซัมบิกเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดส่ง เช่น กำหนดเวลาในการส่งมอบ ประเภทของเรือที่จะมารับมอบ รูปแบบของการส่งมอบ (แบบตู้คอนเทนเนอร์ หรือแบบเรือใหญ่) และพิธีการส่งมอบข้าวต่อไป
|
.....